พูดถึงเรื่อง Mac แล้วถ้าไม่ได้พูดถึง Mac OS X ก็ดูเหมือนจะกินผักต้มไม่มีน้ำพริก มันเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้เลยทีเดียว
พูด ถึงเรื่อง Mac แล้วถ้าไม่ได้พูดถึง Mac OS X ก็ดูเหมือนจะกินผักต้มไม่มีน้ำพริก มันเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้เลยทีเดียว เหมือนน้ำคู่ปลาฟ้าคู่เครื่องบินยังไงยังงั้น สำหรับผมเองนั้นประเด็นหนึ่งที่เป็นน้ำหนักในการตัดสินใจ ให้ผมเลือกที่จะใช้ Mac ก็คือ Mac OS X นี่แหละครับ ผมเริ่มใช้คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องเป็นราวสมัยที่ DOS ยังครองเมือง เมื่อช่วง DOS 3.3 ที่ยังเป็นช่วงที่มีสารพัดบริษัททำตลาด DOS กันในตอนนั้นจวบจนกระทั่ง DOS 6.22 แล้วก็เริ่มใช้งาน Windows 3.11 ช่วงนั้น ก็เข้าไปทำงานที่ร้านขายคอมพิวเตอร์ในห้างดังย่านประตูน้ำ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ Windows ครองตลาดเบ็ดเสร็จ แต่เชื่อไหมครับ ที่ติดตั้งกันร้อยละเกือบร้อย ผีทั้งนั้น แผ่นแท้เป็นกล่องก็เห็นมีขายอยู่ตามร้านนะครับ แต่ราคาจัดได้ว่าแพงมาก ในขณะที่ Windows 3.x กำลังเป็นที่นิยม ส่วนตัวแล้วในฐานะที่ทำงานเป็นช่างเทคนิคในตอนนั้น เจอปัญหาต้องแก้โน่นนี่นั่นจุกจิกให้กับลูกค้าแทบไม่เว้นแต่ละวัน ชีวิตส่วนตัวผมเองกับคอมพิวเตอร์ที่บ้าน ผมเลือกที่จะใช้งาน IBM OS/2 ตอนนั้นไปเจอร้านนึงขายแผ่นแท้ราคาอยู่ 3,600 บาท เป็นรุ่นภาษาไทยเสียด้วย ณ เวลานั้นก็ไม่ใช่ราคาที่ถูกนักสำหรับซอฟท์แวร์ ผมกับ OS/2 ครองรักกันนานหลายปี จนกระทั่งในที่สุด IBM เลิกทำ OS/2 ไปแล้ว ผมก็ยังใช้ต่อมาอีกถึงสามสี่ปี
สาเหตุหลักที่เลือกใช้ OS/2 ณ ตอนนั้นเป็นเรื่องของความเสถียรของระบบ ผมเปิด BBS (เป็นชุมชนออนไลน์เล็กๆเล่นกันด้วยโมเด็ม ในสมัยก่อนที่ Internet จะเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนโลกไปทั้งใบ) เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงติดต่อกันเป็นระยะเวลาร่วม 5 ปี โดยที่ไม่ได้ปิดเครื่องเลย มีที่มันบังเอิญปิดเองไปบ้างเวลาไฟดับเท่านั้นเอง ในขณะเดียวกันกับที่โปรแกรมระบบ BBS ทำงานอยู่ ก็ยังต้องทำงานอื่นไปด้วยในขณะเดียวกัน เพราะว่ามีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว ณ ตอนนั้น OS/2 ตอบโจทย์ในเรื่อง Multi tasking และความ Stable เป็นอย่างยิ่ง ในยุคปลายๆช่วงนั้น ผมเคยทดลองที่จะนำ Windows 95 มาใช้ทำระบบ BBS ของผมต่อ แต่ที่สุดแล้วก็ไปไม่รอด ในแง่ของความเสถียรมันเทียบกันไม่ได้จริงๆ ปัญหาจุกจิกเยอะ เสียทั้งเวลา และโน่นนี่นั่นในการจัดการกับระบบยิบย่อยเยอะเกินไป ณ เวลานั้น เองที่ทำให้ผมรู้ว่า Hidden cost หรือค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเรามองไม่เห็นมันคืออะไร
จนกระทั่งเรียนจบ และเข้าทำงานพัฒนาเว็บไซต์ให้บริษัทแห่งหนึ่ง ช่วงนั้นคอมพิวเตอร์ที่ทำงานผมใช้ Windows NT และ Windows 2000 ซึ่งเป็นระบบ Windows ที่ผมยอมรับในเรื่องความเสถียรของมัน ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ผมเริ่มได้รู้จักกับเครื่อง Mac เป็นครั้งแรก จากการที่ได้ไปดูเพื่อนๆที่ทำงานฝ่าย Art เขาทำงานกัน ตอนนั้นก็เกิดความสงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าทำงานยังไง แล้วมันดียังไง ถามคนที่ใช้อยู่ เขาก็ให้คำตอบอะไรไม่ค่อยได้ เพราะเขาไม่มีความรู้ทางเทคนิค เขาใช้เครื่องทำงาน Art ไม่ได้ทำงานด้าน IT แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสดี ที่ทำให้ผมได้มีโอกาสไปขอลองใช้งานดูบ้าง แรกๆก็ไม่คุ้น สมัยก่อนหลายคนที่ใช้ Windows จะไม่คุ้นเอาเสียเลยกับระบบที่ตัวหนังสือส่วนใหญ่แสดงผลแบบไม่คม คิดว่ามันน่าจะเป็นความคุ้นชินกับการแสดงผลตัวหนังสือสมัย DOS จนกระทั่งมาเป็น Windows พอไปใช้ Mac ที่การแสดงผลตัวหนังสือแบบ Anti-Alias เลยไม่คุ้นตา แรกๆนั้นรำคาญตามาก แต่พอใช้ไปใช้มาสักพัก ก็รู้สึกว่าสบายตาอ่านง่ายดีเหมือนกันแฮะ (ปัจจุบัน Windows Vista เองเปลี่ยนมาแสดงผลแบบ Anti-Alias แล้วเช่นกัน) นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้จักและได้สัมผัสกับเครื่อง Mac และระบบ Mac OS 9.2
Mac OS X
เกริ่นไปเสียนาน ว่าแล้วก็เข้าเรื่อง Mac OS X เสียที ทั้งนี้ไม่ได้จะกล่าวถึงประวัติ หรือรายละเอียดทางเทคนิคละนะครับ พวกนั้นสามารถหาอ่านได้ตามพวก Wikipedia ในครั้งนี้จะเป็นเรื่องในมุมมองจากการใช้งานของผมเอง ซึ่งก็ใช้งานทั้ง Windows และ Mac OS X แต่ว่าเทใจให้ Mac OS X มากหน่อยเท่านั้นเอง ปัจจุบันผมใช้ Mac OS X Leopard รุ่น 10.5 จากที่ได้ใช้ Mac OS X มานานหลายรุ่น มีหลายจุดที่ทำให้ผมชอบ และปักหลักใช้มันทำงาน จนในที่สุดล่าสุดเครื่องทำงานของผมเองที่ออฟฟิช ก็เปลี่ยนมาใช้ Mac เป็นเครื่องหลักในการทำงาน
ความเสถียรในการทำงาน
เรื่องนี้เป็นประเด็นหลักในการตัดสินใจของผมเลยทีเดียว ส่วนตัวแล้วค่อนข้างให้ความสำคัญกับจุดนี้มากที่สุด ปัจจุบันผมไม่ได้เปิด BBS แล้วแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงานก็ยังเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม เพราะมีการทำงานหลายอย่างที่เขียน Script และ Workflow ไว้ให้เครื่องคอมพ์ทำงานอัตโนมัติเกือบตลอดเวลา ดังนั้นความเสถียรในการทำงาน ก็ยังคงเป็นเรื่องหลักที่ผมให้น้ำหนักในการตัดสินใจใช้งาน แก่นของ Mac OS X พัฒนามาจาก March kernel และบางส่วนจาก BSD โครงสร้างของระบบที่พัฒนามาจากระบบ Unix ซึ่งมีความเสถียรในการทำงานสูง เพราะถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับการทำงานแบบหลายผู้ใช้ หลายงานพร้อมกันตั้งแต่แรกเริ่ม บางท่านอาจจะคิดว่า XP หรือ Vista เองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เสถียรเสียเลย มันก็ใช้งานได้ ถูกต้องครับ มันก็มีความเสถียรของมันอยู่ในระดับนึง หลายคนอาจจะเคยเห็นตามร้านที่เปิดไฟล์ VDO นับสิบอันพร้อมกันโชว์ของ แต่ในความเป็นจริงของการทำงานแล้ว เราไม่ได้มาเปิด VDO พร้อมกันทำนองนั้น แล้วบอกได้ว่ามันทำงานได้ มันเสถียรเพียงพอกันหรอกครับ มันต้องดูกันที่การทำงานจริงๆ Mac OS X มีความเสถียรในการทำงานค่อนข้างสูง แม้ว่าจะทำงานอื่นไปด้วย ระหว่างที่ทำงาน VDO ค้างอยู่ มีความจำเป็นต้องเปิด Application สำหรับแต่งภาพ ตัดเสียง ก็สามารถใช้งานร่วมกันไปได้ พิมพ์ไปแล้วมันทำให้เห็นภาพกันลำบาก คือของอย่างนี้มันต้องมาลองใช้งานจริงๆจังๆ ดูจริงๆจึงจะเห็นความแตกต่าง
ผมเน้นไปที่การใช้งานจริง เพราะบ่อยครั้งที่หลายคนมักจะลองนั่นนิดนี่หน่อย แล้วบอกว่านี่ไง เรื่องเท่านี้ PC และ Windows เองก็ทำได้ ถูกครับทำได้ แต่ทำงานได้ กับทำงานดีนั้นแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะในการทำงานจริงๆ ทุกนาทีทุกชั่วโมงที่ต้องเสียไปกับปัญหา อันไม่พึงประสงค์ของการทำงาน ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นส่วนนึงของ Hidden Cost ที่ไม่สามารถนำมาตีมูลค่าได้โดยตรง
Windows ให้ในสิ่งเหล่านี้ได้ไหม ตอบว่าก็พอได้อยู่นะครับ แต่ก็ต้องดูแลกันพอสมควรอยู่เหมือนกัน ที่ทำงานผมมีห้อง Studio ตัดต่อเสียงอยู่หลายห้อง มีการใช้งานทั้ง 2 ระบบ ความแตกต่างชัดเจน ระบบที่เป็น Mac OS X ซื้อมาใช้งานแล้วเหมือนซื้อ Hardware มาก้อนนึง ต่อสายเสียบปลั๊กใช้งานได้นิ่งๆ แทบไม่ต้องดูแลอะไรเลยในระยะ 5 ปี Windows นั้นก็ไม่ถึงขั้นเลวร้ายหรอกครับ ใช้ได้อยู่เหมือนกัน ถ้าเปิดใช้งานแต่เฉพาะโปรแกรมเฉพาะเท่านั้น ดูแลมันดีๆ อย่าพยายามไปใช้นอกเหนือจากที่เราจะใช้ ก็ไม่เจอปัญหาเท่าไหร่ แต่กระนั้นก็ยังมีเป็นระยะๆ ที่มันจะมีปัญหา แล้วเราต้องเสียเวลาไปซ่อมบำรุง อย่างที่บอกครับเล็กๆน้อยๆ แต่การเสียเวลางานไป 3 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้น Vista เองก็ได้รับการปรับปรุงในส่วนนี้ขึ้นมาเยอะนะครับ กระนั้นก็ยังไม่รู้สึกว่าตาม Mac OS X ทัน
ในแง่ระยะเวลาการพัฒนา หากจะเปรียบเทียบกับ Vista แล้ว Mac OS X ได้เปรียบกว่า Vista อยู่พอสมควรในแง่ที่มันได้รับการปรับปรุงออกรุ่นต่างๆ พัฒนาบนฐานเดิมมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี Apple พบว่า Mac OS รุ่นก่อนหน้านั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง และได้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนระบบปฎิบัติการชนิดยกเครื่องใหม่ตั้งแต่ช่วงปี 96 และออกรุ่นแรกในปี 99 หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมีรุ่นใหม่เกือบทุกๆ 18 เดือน จากรุ่น 10.0 มา 10.1 จนปัจจุบันเป็น 10.5 และกำลังจะออก 10.6 ในไม่ช้า ในขณะที่ Vista แม้ว่าจะมีโครงการพัฒนามานานก่อนหน้านี้ แต่การที่ได้ออกสู่ Product line และมีการปรับปรุงอันเกิดจากการใช้งานจริง ย่อมแตกต่างปัญหาที่พบในขั้นตอนการพัฒนาภายในเพียงอย่างเดียว สำหรับ Windows 7 ซึ่งหลายคนบอกว่าดีกว่า Vista มากก็น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม สำหรับตอนนี้ Windows 7 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ออกวางตลาด ก็จะยังไม่นำมาพูดถึงก่อนแล้วกัน
บางท่านอาจจะบอกว่าก็แน่ละ Windows ออกแบบมาใช้งานกับ PC หลากรุ่นหลายยี่ห้อ ความเข้ากันได้ย่อมน้อยกว่า Mac OS X ที่ทำออกมารองรับเฉพาะเครื่อง Mac เท่านั้น Apple ควบคุมทุกอย่าง ทั้ง Hardware และ Software ก็ย่อมได้เปรียบกว่า ถูกต้องครับผมเห็นด้วย และนั่นแหละครับก็คือข้อพิสูจน์ว่าแม้แต่คุณเองก็ยอมรับว่า Mac OS X ได้เปรียบกว่า Apple ขาย Mac OS X ให้ใช้งานกับเครื่อง Mac การนำมาเปรียบเทียบกันโดยใช้มุมมองที่ว่า Mac OS X ใช้แค่กับเครื่อง Mac ใช้กับ Hardware ที่ถูกออกแบบมาเฉพาะ ก็ถูกต้องอยู่แล้วนี่ครับ หรือว่าไม่จริง