หลายๆ ท่านอาจจะเคยชินกับชื่อ Jarvish มาจากภาพยนตร์เรื่อง Iron man ครับ โดยเจ้าชื่อ Jarvish นั้นเป็นชื่อของปัญญาประดิษฐ์คู่ใจของพระเอก ซึ่งทำให้เราได้เห็นกันว่าเวลามีปัญญาประดิษฐ์ทำการเปิดตัวออกมานั้นมีหลายๆ ผู้พัฒนาใช้ชื่อ Jarvish กับปัญญาประดิษฐ์กันค่อนข้างมาก ทว่าในวันนี้นั้นเราจะขอนำเสนอ Jarvish ที่แตกต่างออกไปจากเดิมเนื่องจากว่าชื่อนี้นั้นได้ถูกนำมาใช้งานกับหมวกกันน็อคอัจฉริยะของบริษัทที่ชื่อว่า Jarvish เอง โดยได้มีการเปิดตัวออกมาถึง 2 รุ่นกับ Jarvish X และ Jarvish X-AR ครับ
สำหรับ Jarvish X ซึ่งเป็นรุ่นเล็กนั้นจะมาพร้อมกับไมโครโฟนและลำโพงในตัวพร้อมกับความสามารถในการใช้งานร่วมกับผู้ช่วยดิจิทัลอย่าง Siri, Google Assistant และ Alexa ได้ครับ ในการใช้งานนั้นก็จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับผู้ช่วยดิจิทัลดังกล่าวได้สะดวกมากขึ้นเช่นการสั่งการสมาร์ทโฟนหรือการรับฟังข้อมูลเส้นทางต่างๆ จากผู้ช่วยดิจิทัลโดยที่ไม่ต้องก้มไปมองตัวหน้าจอให้เกิดการเสียสมาธิกับการมองถนนครับ นอกไปจากนั้นแล้วมันยังมาพร้อมกับกล้องความละเอียดสูงถึง 2K ที่จะเอาไว้ใช้ช่วยในการอัดคลิปถนนทางด้านหน้าของผู้ใช้ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้กล้องแยกอีกต่อไปครับ
ส่วน Jarvish X-AR ซึ่งเป็นรุ่นท๊อปนั้นจะมีการเพิ่มความสามารถเข้ามาที่บริเวณของส่วนที่เป็นตัวกระจกกันลมสำหรับใบหน้าที่ใช้หน้าจอที่สามารถแสดงผลแบบ AR ได้(คล้ายๆ กับ Google Glass) ซึ่งหน้าจอดังกล่าวนั้นจะทำหน้าที่ในการแสดงผลค่าต่างๆ เช่นความเร็วรถ ณ เวลานั้น อุณหภูมิ ฯลฯ ที่จำเป็นในการขับขี่ทำให้เวลาที่คุณใช้งานนั้นไม่จำเป็นต้องก้มไปมองที่ตัวรถจักรยานยนต์อีกต่อไป แถมด้วยการมาพร้อมกลับกล้องวีดีโอทางด้านหลังซึ่งแน่นอนครับว่ามันจะเข้ามาช่วยในการเพิ่มทัศนการมองของคุณให้มากขึ้นกว่าเดิมครับ
ถือได้ว่า Jarvish X และ Jarvish X-AR นั้นเป็นหมวกกันน๊อคที่จะช่วยให้การขับขี่ของคุณนั้นปลอดภัยและสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม ทว่าราคาของมันนั้นก็น่าคิดอยู่ครับเพราะในรุ่น Jarvish X นั้นจะมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ $799 หรือประมาณ 26,270 บาท ส่วน Jarvish X-AR นั้นจะมีราคาวางจำหน่ายสูงถึง $2,599 หรือประมาณ 85,430 บาทเลยทีเดียวโดยในรุ่น X นั้นเริ่มมีการวางจำหน่ายและใช้งานในไต้หวันแล้วส่วนในรุ่น X-AR นั้นจะเรอ้มมีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการก็ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2019 ครับ
หมายเหตุ – การวางจำหน่ายและสั่งซื้อ Jarvish ทั้ง 2 รุ่นนั้น ณ เวลานี้จะยังไม่สามารถสั่งอย่างเป็นทางการได้เพราะ Jarvish ทั้ง 2 รุ่นนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ร่วมทุนผ่านทาง KickStarter ซึงในตอนนี้ได้ปิดการร่วมทุนไปแล้วครับ
ที่มา : theverge