สิ้นสุดการรอคอยในประเทศไทย กับการมาของโน๊ตบุ๊คตัวคุ้มค่าเน้นทำงานบางเบาจากทาง ASUS ที่มีชื่อเสียงเรื่องความคุ้มค่าอยู่แล้ว โดย #AdminPong NBS พบเจอครั้งแรกที่งาน Computex 2018 ช่วงกลางปี อย่าง ASUS VivoBook S15 S530UN ล่าสุดก็พร้อมขายในไทยอย่างเป็นทางการ สนนราคา 24,990 ไปจนถึง 29,990 บาท แน่นอนว่าสเปกและฟีเจอร์จัดเต็ม ในราคาไม่แพงจนเกินไป
โดย ASUS VivoBook S15 S530UN มีขนาดหน้าจอ 15.6″ ที่นับว่าเป็นขนาดมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คที่เน้นจอใหญ่ แต่พกพาได้ยอดเยี่ยม ซึ่งดีไซน์ต้องบอกว่าสวยงาม ฉีกแนวโน๊ตบุ๊คทั่วไปอย่างชัดเจน ด้วยสีสัน 5 เฉดสีให้เลือก โดยมีความบางและเบาเป็นพิเศษ แน่นอนว่าราคาก็เบากว่าเช่นกัน (เมื่อเทียบสเปกต่อราคา) กับสเปกชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 และการ์ดจอ GeForce MX150 มีประสิทธิภาพที่สูง เหมาะสำหรับการทำงานลื่นไหลและเล่นเกมได้ประมาณนึง
Unbox Preview
VDO Review
Specification
สเปกภายในของตัว ASUS VivoBook S15 S530UN ที่ได้รับมารีวิวจะเป็นรุ่น Core i5 โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้างถึง 178 องศา ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-8250U ความเร็ว 1.6GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 3.4GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 8 (Coffee Lake) รุ่นล่าสุด
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX150 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ สำหรับฮาร์ดดิสก์ยังมีความจุ 1TB พร้อมด้วย SSD M.2 ความจุ 128GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Callรวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้
สนนราคา ASUS VivoBook S15 S530UN รุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวอยู่ที่ 24,990 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ ASUS ที่สามารถส่งเคลมผ่านทาง 7-11 ได้ รวมถึงถ้าลงทะเบียน ในปีแรกจะมีประกันอุบัติเหตุมาให้ด้วย ส่วนรุ่นบนจะเป็นรุ่น Core i7-8550U และมาพร้อม SSD ความจุ 256GB เพิ่มมาอีก 5,000 บาท เป็น 29,990 บาท
- หน้าสเปก ASUS VivoBook S15 S530UN รุ่น Core i7 ราคา 29,990 บาท
- หน้าสเปก ASUS VivoBook S15 S530UN รุ่น Core i5 ราคา 24,990 บาท
Hardware / Design
ยุคสมัยเปลี่ยน ดีไซน์ก็เปลี่ยน ในปี 2018 เรียกได้ว่าโน๊ตบุ๊คกำลังจะเข้าสู่โมเดลที่เป็น Thin & Light ที่จะเน้นเรื่องของความบางเบาเป็นหลัก โดยในปีนี้ทาง ASUS เองก็ได้เปิดตัวโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงาน สเปคคุ้มๆ อย่างซีรีย์ VivoBook S ที่จะมาพร้อมกับโมเดลที่มีการปรับเปลียนดีไซน์ใหม่ทั้งหมด มาพร้อมสีสัน 5 เฉดสีที่แตกต่างจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น สีทอง Icicle Gold, สีโลหะ Gun Metal, สีเงิน Silver Blue, สีเทา Star Grey และ สีเขียว Firmament Green ที่เราได้รับมารีวิวนั่นเอง
ASUS VivoBook S15 S530UN เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ด้วยสีสันรวมถึงการออกแบบทำมาได้สวยมาก ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอะลูมิเนียมตามสีของตัวเครื่อง ประกอบกับวัสดุพลาสติกคุณภาพสูงให้สัมผัสที่ดูดีเกินราคา ซึ่งอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge พร้อมกับเวลากางหน้าจอ ตัวเครื่องจะยกสูงขึ้น 3.5 องศา
เพื่อให้เราสามารถวางข้อมือพิมพ์งานได้ถนัดรวมถึงช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนอีกด้วย พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 145 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้จากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ขอบจอตัวเครื่องก็บางมากๆ ดูแล้วลดขนาดตัวเครื่องลงไปได้เยอะเลยทีเดียว
ซึ่งมุม 3.5 องศาที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย แถมเวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งมากกว่าโน้คบุ๊ตทั่วไปที่เป็นแนวระนาบปกติ ซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย เรียกได้ว่าเป็นการยกฟีเจอร์เทพๆ มาจาก ASUS ZenBook S ที่เป็นพี่ใหญ่มาก็ว่าได้
ตัวเครื่อง ASUS VivoBook S15 S530UN จะเป็นอลูมิเนียมเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนของสวนของฝาหน้าจอที่เป็นอะลูมิเนียมอัลลอยที่ดูแข็งแรงและสวยงามพร้อมลายแบบปัดเสี้ยน แน่นอนว่ามโลโก้ ASUS ตามปกติ ส่วนตัวด้านล่างก็จะเป็นอะลูมิเนียนเช่นกัน ทำให้ตัวเครื่องน้ำหนักที่เบา และแม้ตัวเครื่องด้านในจะเป็นพลาสติก แต่ก็มีการนำเสนอพื้นผิวแบบไม่เรียบคล้ายกับผ้าไหม พร้อมไล่เฉดสีจากเข้มไปอ่อน ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางบนคีย์บอร์ดจะรู้สึกการสัมผัสที่ดูเหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แถมเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างยากอีกด้วย
สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลและการ์ดจอ ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ ทำให้ไม่รบกวนการทำงานของเราขณะใช้งานเลย
Keyboard / Touchpad
ASUS VivoBook S15 S530UN ติดตั้งคีย์บอร์ดเป็นปุ่มพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ในส่วนการสัมผัสให้การสัมผัสที่นุ่มกำลังดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด พร้อมติดตั้งชุดแป้น Numpad ตามปกติของโน๊ตบุ๊คจอ 15.6 นิ้ว ในของวัสดุส่วนนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก แถมมีไฟ Backlit สีขาว สามารถปรับได้ 3 ระดับ ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมบนขวากลืนไปกับคีย์บอร์ด
ตัวทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ดีไซน์ออกมาแบบไม่มีปุ่มแยกเป็นชิ้นเดียวทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชได้ลื่นไหลพอสมควร แต่น่าเสียดายที่ไม่มี Finger Print สำคัญสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคตัวเครื่องมาให้ด้วย
Screen / Speaker
ASUS VivoBook S15 S530UN ได้ติดตั้งหน้าจอด้านขนาด 15.6 นิ้ว มีขอบที่บางมากตามสไตล์ NanoEdge โดยให้พื้นที่หน้าจอถึง 86% ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD Panel IPS การแสดงผลของสีคุณภาพดีกว่าพาเนล TN และมีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 15.6 นิ้วที่ให้สีจอที่ดีในราคาค่าตัวที่ไม่แพง
แม้ขอบจอจะบางเฉียบแต่ก็ได้ติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ด้านบนเหมือนเดิม เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบ การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS VivoBook S15 S530UN ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS VivoBook S15 S530UN ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 60% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 240 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้โอเคเลยทีเดียว
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง SonicMaster ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง มีทั้งเสียงเบสที่มีน้ำหนัก ไม่ใช่ใส่แต่เสียงกลาง เสียงแหลมออกมาอย่างเดียว โดยตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ทำให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควร แยกรายละเอียดได้ซ้ายขวาได้ดี โดยรวมถือในส่วนของลำโพงถือว่าทำออกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ทั้งในคุณภาพเสียงที่ได้และเสียงดังฟังชัดเพียงพอจะออกไปในนอกสถานที่ได้ ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
ASUS VivoBook S15 S530UN ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.0 จำนวนหนึ่งพอร์ต (น่าจะให้มาสักสอง) ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว พอร์ต USB 2.0 อีกสองพอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ และมีพอร์ท USB 3.1 Type C มาให้อีกหนึ่งพอร์ท ทางด้านพอร์ทการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมีพอร์ท HDMI มาให้ รูเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องอ่าน SD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง แต่หากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาเอง
ขนาดของโน๊ตบุ๊คตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อนข้างเล็กและบางเบา น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.8 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ ไม่เกิน 2 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2 กิโลกรัม + ซึ่ง ASUS VivoBook S15 S530UN ออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบนั่นเองครับ
Performance / Software
ASUS VivoBook S15 S530UN เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-8250U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.6 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.4 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ
เทียบกับรุ่นก่อนเรียกได้ว่าแรงขึ้นพอตัวเพราะ Core เยอะขึ้น แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสู้ประสิทธิภาพพวก Core i5 ตัวซีรีย์ H ไม่ได้สักทีเดียว แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 620 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็กรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX150 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950m เลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกมหนักๆ พอได้บ้าง ที่เดี๋ยวไปดูการทดสอบกันอีกที ในเรื่องของการเล่นเกมจริงๆ อย่าง DOTA 2, Overwatch, PUBG
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้เป็น SSD แบบ M.2 SATA3 ที่ความจุ 128GB ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ กับความเร็วระดับ Read: 512 MB/s – Write: 243 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ ความจุอยู่ที่ 1TB แบบความเร็วรอบ 5400 ที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่เป็น 53.2MB/s เข้าใจว่าด้วยความเป็นไฮบริดฮาร์ดดิสก์ และสูงสุดที่ 107.8 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 87.2MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 19.5 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว ยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับ SSD M.2 แล้ว การใช้งานโดยรวมก็ลื่นไหลน่าประทับใจมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,446 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คมีการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกเดียวกันที่ไม่มีนั่นเอง
การทดสอบเกมจะเป็นเกมที่ไม่หนักมาก แต่เป็นเกมที่คนส่วนมากนิยมเล่นกัน ซึ่งโดยส่วนตัวก็เล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 และ Overwatch ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ Native 1920 x 1080 พิกเซล สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าปรับสุดทุกอย่างเลยสำหรับ DOTA 2 ส่วน Overwatch จะเป็นปรับแบบ Medium โดย Rendering 100% ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับที่น่าประทับใจ
นอกนี้ยังทดสอบเกม PUBG ที่ต้องบอกว่ากินสเปกพอตัว ซึ่งเป็นการปรับค่าเป็น Low พูดตรงๆ ก็คือพอจะเล่นได้ แม้ไม่ได้ลื่นไหลอย่าง 2 เกมแรก สำหรับเกมออนไลน์โหดแนวนี้ ส่วนเกมอื่นๆ ที่ไม่เกินทรัพยากรเท่าอย่าง CS:GO หรือ Point Blank รวมไปถึงเกมออนไลน์อื่นๆ ก็น่าจะเล่นได้ลื่นๆ อย่างแน่นอน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS VivoBook S15 S530UN เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3 Cell สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 4 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Fast charging ที่ให้แบตเตอรี่เต็ม 60% ได้ใน 49 นาที ส่วนช่องระบายของเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนี้จะอยู่ด้านบนบริเวณแกนพับหน้าจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของเครื่องเวลาพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 30 – 40 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 89 องศาเซลเซียส สำหรับชิปประมวลผล ส่วนการ์ดจอจะอยู่ที่ 75 องศาเซลเซียส นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS VivoBook S15 S530UN เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก ASUS ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งตัวเครื่องที่ยกตัวขึ้นก็ช่วยระบายความร้อน ทำให้ดารใช้งานจริงยาวนานต่อเนื่องแทบไม่ได้สัมผัสถึงความร้อนเลย
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง ASUS VivoBook S15 S530UN ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล VivoBook S ได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน สมกับเป็น Ultrabook ราคาคุ้มค่าไม่แพงของทาง ASUS ที่ทุกคนต่างในการยอมรับ
ทางด้านราคา ASUS VivoBook S15 S530UN ถือว่าไม่แพง ทำให้จับต้องจับจองได้ง่ายๆ สนนราคาเริ่มต้นที่ 24,990 บาท ซึ่งเหนือกว่าในเรื่องดีไซน์การออกแบบ ErgoLift ยกตัวเอียงให้สูงขึ้น และด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กขอบจอบางเทียบและมีหน้าจอขนาด 14 นิ้ว แต่มีขนาดบอดี้ น้ำหนัก มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.8 กิโลกรัมและบางเพียง 18 มิลลิเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้ชิปประมวลผล แรมและฮาร์ดดิสก์ที่มากกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวมดีเยี่ยมนั่นเอง
สรุปแล้ว ASUS VivoBook S15 S530UN ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ในช่วงราคานี้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานและพกพา หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 24,990 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ที่ได้ SSD 128GB และ 29,990 บาท กับรุ่น Core i7 ได้ SSD 256GB เหมาะกับคนที่งบถึงเงินถึงและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่ารุ่นเริ่มต้น
ASUS VivoBook S15 S530UN มีให้เลือกถึง 5 สีด้วยกัน อาทิ สีทอง Icicle Gold, สีโลหะ Gun Metal, สีเงิน Silver Blue, สีเทา Star Grey และ สีเขียว Firmament Green หรือถ้าใครอยากได้รุ่นจอ 14 นิ้ว ก็ดูเป็นรุ่น S430 ได้ ราคาและสเปกเหมือนกันหมดเลย เหมาะมากๆ กับนักเรียนนักศึกษา หรือคนทำงานออฟฟิศ การรับประกันก็ตามมาตรฐานของ ASUS ที่แม้ว่าจะไม่ออนไลน์อย่างหลายๆ แบรนด์ แต่ก็สามารถเคลมผ่านทาง 7-11 ได้สะดวกไม่แพ้กัน รวมไปถึงในปีแรกแค่เราลงทะเบียนก็จะได้ประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง Perfect Warranty แล้ว
จุดเด่น
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้ว แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 14 นิ้ว
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ให้สีสันดีกว่า TN
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี Nano Edge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย i5 + MX150 + RAM 8GB + SSD 128GB
- น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบาง วัสดุดี
- เทคโนโลยี Fast charging ที่ให้แบตเตอรี่เต็ม 60% ได้ใน 49 นาที
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- ประกัน 2 ปีเคลมผ่าน 7-11 ได้ พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก
- มีให้เลือก 5 สีสัน ตามสไตล์การใช้งาน
ข้อสังเกต
- อุณหภูมิร้อนสุด สูงไปเล็กน้อย
- แบตเตอรี่น่าจะใช้งานยาวนานกว่าอีกนิด
- ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ ที่ใช้งานผ่านทาง Windows Hello มาด้วย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS VivoBook S15 S530UN ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-8250Uทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce MX150 (2GB GDDR5) ที่ทั้ง 2 อย่างนี้แรงเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD 128GB +HDD 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ ASUS VivoBook S15 S530UN อยู่ในระดับที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางและน้ำหนักเบาเพียง 1.8 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2 กิโลกรัมเท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ VivoBook มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS VivoBook S15 S530UN ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโดดเด่น ให้มิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวพรีเมียมและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการสีสันให้เลือกถึง 5 เฉด ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนส่วนมากต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
Unbox Preview
VDO Review
Specification
สเปกภายในของตัว ASUS VivoBook S15 S530UN ที่ได้รับมารีวิวจะเป็นรุ่น Core i5 โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้างถึง 178 องศา ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-8250U ความเร็ว 1.6GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 3.4GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 8 (Coffee Lake) รุ่นล่าสุด
ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR4 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX150 2GB GDDR5 ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ สำหรับฮาร์ดดิสก์ยังมีความจุ 1TB พร้อมด้วย SSD M.2 ความจุ 128GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.8 กิโลกรัมเท่านั้น นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Callรวมถึงติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้
สนนราคา ASUS VivoBook S15 S530UN รุ่นที่ทางทีมงานนำมารีวิวอยู่ที่ 24,990 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปี ตามมาตรฐานของ ASUS ที่สามารถส่งเคลมผ่านทาง 7-11 ได้ รวมถึงถ้าลงทะเบียน ในปีแรกจะมีประกันอุบัติเหตุมาให้ด้วย ส่วนรุ่นบนจะเป็นรุ่น Core i7-8550U และมาพร้อม SSD ความจุ 256GB เพิ่มมาอีก 5,000 บาท เป็น 29,990 บาท
- หน้าสเปก ASUS VivoBook S15 S530UN รุ่น Core i7 ราคา 29,990 บาท
- หน้าสเปก ASUS VivoBook S15 S530UN รุ่น Core i5 ราคา 24,990 บาท
Hardware / Design
ยุคสมัยเปลี่ยน ดีไซน์ก็เปลี่ยน ในปี 2018 เรียกได้ว่าโน๊ตบุ๊คกำลังจะเข้าสู่โมเดลที่เป็น Thin & Light ที่จะเน้นเรื่องของความบางเบาเป็นหลัก โดยในปีนี้ทาง ASUS เองก็ได้เปิดตัวโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงาน สเปคคุ้มๆ อย่างซีรีย์ VivoBook S ที่จะมาพร้อมกับโมเดลที่มีการปรับเปลียนดีไซน์ใหม่ทั้งหมด มาพร้อมสีสัน 5 เฉดสีที่แตกต่างจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็น สีทอง Icicle Gold, สีโลหะ Gun Metal, สีเงิน Silver Blue, สีเทา Star Grey และ สีเขียว Firmament Green ที่เราได้รับมารีวิวนั่นเอง
ASUS VivoBook S15 S530UN เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ด้วยสีสันรวมถึงการออกแบบทำมาได้สวยมาก ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอะลูมิเนียมตามสีของตัวเครื่อง ประกอบกับวัสดุพลาสติกคุณภาพสูงให้สัมผัสที่ดูดีเกินราคา ซึ่งอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมให้การทำงานเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ บานพับ ErgoLift Hinge พร้อมกับเวลากางหน้าจอ ตัวเครื่องจะยกสูงขึ้น 3.5 องศา
เพื่อให้เราสามารถวางข้อมือพิมพ์งานได้ถนัดรวมถึงช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนอีกด้วย พร้อมกางจอได้สูงสุดที่ 145 องศา จากการที่มีบานพับแบบพิเศษช่วยยกตัวเครื่องสูงขึ้จากพื้น โดยขอบตัวเครื่องด้านหลังจะมียางรองพร้อมทำหน้าที่เป็นฐานรองด้านหลัง ขอบจอตัวเครื่องก็บางมากๆ ดูแล้วลดขนาดตัวเครื่องลงไปได้เยอะเลยทีเดียว
ซึ่งมุม 3.5 องศาที่ว่านี้นั้นทาง ASUS ได้ทำการวิจัยออกมาเป็นอย่างดี ว่ามันจะช่วยให้เราใช้งานโน๊ตบุ๊คนั้นสามารถที่จะพิมพ์ได้อย่างสบาย แถมเวลาที่กางบานพับออกมานั้นมันจะทำให้ส่วนของฐานคีย์บอร์ดมีระยะห่างกับฐานตั้งมากกว่าโน้คบุ๊ตทั่วไปที่เป็นแนวระนาบปกติ ซึ่งทำให้ความร้อนที่เกิดขึ้นในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการดูดลมเย็นเข้าไปช่วย พร้อมกันนั้นยังให้เสียงที่ดีขึ้นด้วย เรียกได้ว่าเป็นการยกฟีเจอร์เทพๆ มาจาก ASUS ZenBook S ที่เป็นพี่ใหญ่มาก็ว่าได้
ตัวเครื่อง ASUS VivoBook S15 S530UN จะเป็นอลูมิเนียมเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนของสวนของฝาหน้าจอที่เป็นอะลูมิเนียมอัลลอยที่ดูแข็งแรงและสวยงามพร้อมลายแบบปัดเสี้ยน แน่นอนว่ามโลโก้ ASUS ตามปกติ ส่วนตัวด้านล่างก็จะเป็นอะลูมิเนียนเช่นกัน ทำให้ตัวเครื่องน้ำหนักที่เบา และแม้ตัวเครื่องด้านในจะเป็นพลาสติก แต่ก็มีการนำเสนอพื้นผิวแบบไม่เรียบคล้ายกับผ้าไหม พร้อมไล่เฉดสีจากเข้มไปอ่อน ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางบนคีย์บอร์ดจะรู้สึกการสัมผัสที่ดูเหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แถมเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างยากอีกด้วย
สำหรับช่องระบายความร้อนถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าจอบริเวณบานพับ โดยเป็นการใช้งานพัดลมระบาย 1 ตัว ช่วยนำพาความร้อนชิปประมวลผลและการ์ดจอ ซึ่งการใช้งานโดยรวมถือว่าเอาอยู่ ที่มีช่องดูดลมเย็นด้านล่างตัวเครื่องทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ ทำให้ไม่รบกวนการทำงานของเราขณะใช้งานเลย
Keyboard / Touchpad
ASUS VivoBook S15 S530UN ติดตั้งคีย์บอร์ดเป็นปุ่มพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ในส่วนการสัมผัสให้การสัมผัสที่นุ่มกำลังดี การตอบสนองทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วกันและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด พร้อมติดตั้งชุดแป้น Numpad ตามปกติของโน๊ตบุ๊คจอ 15.6 นิ้ว ในของวัสดุส่วนนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก แถมมีไฟ Backlit สีขาว สามารถปรับได้ 3 ระดับ ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมบนขวากลืนไปกับคีย์บอร์ด
ตัวทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ดีไซน์ออกมาแบบไม่มีปุ่มแยกเป็นชิ้นเดียวทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชได้ลื่นไหลพอสมควร แต่น่าเสียดายที่ไม่มี Finger Print สำคัญสแกนลายนิ้วมือปลดล็อคตัวเครื่องมาให้ด้วย
Screen / Speaker
ASUS VivoBook S15 S530UN ได้ติดตั้งหน้าจอด้านขนาด 15.6 นิ้ว มีขอบที่บางมากตามสไตล์ NanoEdge โดยให้พื้นที่หน้าจอถึง 86% ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD Panel IPS การแสดงผลของสีคุณภาพดีกว่าพาเนล TN และมีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 15.6 นิ้วที่ให้สีจอที่ดีในราคาค่าตัวที่ไม่แพง
แม้ขอบจอจะบางเฉียบแต่ก็ได้ติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ด้านบนเหมือนเดิม เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบ การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS VivoBook S15 S530UN ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS VivoBook S15 S530UN ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 60% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 240 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้โอเคเลยทีเดียว
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง SonicMaster ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง มีทั้งเสียงเบสที่มีน้ำหนัก ไม่ใช่ใส่แต่เสียงกลาง เสียงแหลมออกมาอย่างเดียว โดยตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ทำให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควร แยกรายละเอียดได้ซ้ายขวาได้ดี โดยรวมถือในส่วนของลำโพงถือว่าทำออกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ทั้งในคุณภาพเสียงที่ได้และเสียงดังฟังชัดเพียงพอจะออกไปในนอกสถานที่ได้ ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
ASUS VivoBook S15 S530UN ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.0 จำนวนหนึ่งพอร์ต (น่าจะให้มาสักสอง) ไว้สำหรับการเชื่อมต่อกับแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอกไว้ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว พอร์ต USB 2.0 อีกสองพอร์ตที่ไว้เชื่อมต่อกับเมาส์หรืออุปกรณ์อื่นๆ และมีพอร์ท USB 3.1 Type C มาให้อีกหนึ่งพอร์ท ทางด้านพอร์ทการเชื่อมต่อหน้าจอก็จะมีพอร์ท HDMI มาให้ รูเชื่อมต่อหูฟังเป็นแบบ Combo ไมค์และหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนช่องอ่าน SD Card จะอยู่ด้านขวามือตัวเครื่อง แต่หากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาเอง
ขนาดของโน๊ตบุ๊คตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อนข้างเล็กและบางเบา น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.8 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ ไม่เกิน 2 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2 กิโลกรัม + ซึ่ง ASUS VivoBook S15 S530UN ออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบนั่นเองครับ
Performance / Software
ASUS VivoBook S15 S530UN เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-8250U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.6 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.4 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ
เทียบกับรุ่นก่อนเรียกได้ว่าแรงขึ้นพอตัวเพราะ Core เยอะขึ้น แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสู้ประสิทธิภาพพวก Core i5 ตัวซีรีย์ H ไม่ได้สักทีเดียว แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 620 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการ์ดจอน้องเล็กรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce MX150 (2GB GDDR5) ที่ประสิทธิภาพที่เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับ GTX 950m เลยทีเดียว ซึ่งสามารถเล่นเกมหนักๆ พอได้บ้าง ที่เดี๋ยวไปดูการทดสอบกันอีกที ในเรื่องของการเล่นเกมจริงๆ อย่าง DOTA 2, Overwatch, PUBG
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้เป็น SSD แบบ M.2 SATA3 ที่ความจุ 128GB ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจ กับความเร็วระดับ Read: 512 MB/s – Write: 243 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ ความจุอยู่ที่ 1TB แบบความเร็วรอบ 5400 ที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่เป็น 53.2MB/s เข้าใจว่าด้วยความเป็นไฮบริดฮาร์ดดิสก์ และสูงสุดที่ 107.8 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 87.2MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 19.5 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว ยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับ SSD M.2 แล้ว การใช้งานโดยรวมก็ลื่นไหลน่าประทับใจมากๆ
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 3,446 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ และจากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คมีการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คในสเปกเดียวกันที่ไม่มีนั่นเอง
การทดสอบเกมจะเป็นเกมที่ไม่หนักมาก แต่เป็นเกมที่คนส่วนมากนิยมเล่นกัน ซึ่งโดยส่วนตัวก็เล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 และ Overwatch ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ Native 1920 x 1080 พิกเซล สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าปรับสุดทุกอย่างเลยสำหรับ DOTA 2 ส่วน Overwatch จะเป็นปรับแบบ Medium โดย Rendering 100% ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับที่น่าประทับใจ
นอกนี้ยังทดสอบเกม PUBG ที่ต้องบอกว่ากินสเปกพอตัว ซึ่งเป็นการปรับค่าเป็น Low พูดตรงๆ ก็คือพอจะเล่นได้ แม้ไม่ได้ลื่นไหลอย่าง 2 เกมแรก สำหรับเกมออนไลน์โหดแนวนี้ ส่วนเกมอื่นๆ ที่ไม่เกินทรัพยากรเท่าอย่าง CS:GO หรือ Point Blank รวมไปถึงเกมออนไลน์อื่นๆ ก็น่าจะเล่นได้ลื่นๆ อย่างแน่นอน
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS VivoBook S15 S530UN เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3 Cell สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 4 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Fast charging ที่ให้แบตเตอรี่เต็ม 60% ได้ใน 49 นาที ส่วนช่องระบายของเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนี้จะอยู่ด้านบนบริเวณแกนพับหน้าจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของเครื่องเวลาพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 30 – 40 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 89 องศาเซลเซียส สำหรับชิปประมวลผล ส่วนการ์ดจอจะอยู่ที่ 75 องศาเซลเซียส นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS VivoBook S15 S530UN เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก ASUS ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งตัวเครื่องที่ยกตัวขึ้นก็ช่วยระบายความร้อน ทำให้ดารใช้งานจริงยาวนานต่อเนื่องแทบไม่ได้สัมผัสถึงความร้อนเลย
Conclusion / Award
เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจจริงๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งรุ่นที่ทุกๆ คนให้ความสนใจอย่าง ASUS VivoBook S15 S530UN ที่ต่อยอดความสำเร็จตระกูล VivoBook S ได้เป็นอย่างดีมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปคประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งาน สมกับเป็น Ultrabook ราคาคุ้มค่าไม่แพงของทาง ASUS ที่ทุกคนต่างในการยอมรับ
ทางด้านราคา ASUS VivoBook S15 S530UN ถือว่าไม่แพง ทำให้จับต้องจับจองได้ง่ายๆ สนนราคาเริ่มต้นที่ 24,990 บาท ซึ่งเหนือกว่าในเรื่องดีไซน์การออกแบบ ErgoLift ยกตัวเอียงให้สูงขึ้น และด้วยการที่ตัวเครื่องมีขนาดเล็กขอบจอบางเทียบและมีหน้าจอขนาด 14 นิ้ว แต่มีขนาดบอดี้ น้ำหนัก มีขนาดเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.8 กิโลกรัมและบางเพียง 18 มิลลิเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังได้ชิปประมวลผล แรมและฮาร์ดดิสก์ที่มากกว่าคู่แข่งอื่นๆ ในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ประสบการณ์ใช้งานโดยรวมดีเยี่ยมนั่นเอง
สรุปแล้ว ASUS VivoBook S15 S530UN ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ในช่วงราคานี้ เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงเหมาะกับการทำงานและพกพา หรือถ้าจะเล่นเกมบ้างก็สามารถทำได้ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 24,990 บาท สำหรับรุ่น Core i5 ที่ได้ SSD 128GB และ 29,990 บาท กับรุ่น Core i7 ได้ SSD 256GB เหมาะกับคนที่งบถึงเงินถึงและต้องการประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่ารุ่นเริ่มต้น
ASUS VivoBook S15 S530UN มีให้เลือกถึง 5 สีด้วยกัน อาทิ สีทอง Icicle Gold, สีโลหะ Gun Metal, สีเงิน Silver Blue, สีเทา Star Grey และ สีเขียว Firmament Green หรือถ้าใครอยากได้รุ่นจอ 14 นิ้ว ก็ดูเป็นรุ่น S430 ได้ ราคาและสเปกเหมือนกันหมดเลย เหมาะมากๆ กับนักเรียนนักศึกษา หรือคนทำงานออฟฟิศ การรับประกันก็ตามมาตรฐานของ ASUS ที่แม้ว่าจะไม่ออนไลน์อย่างหลายๆ แบรนด์ แต่ก็สามารถเคลมผ่านทาง 7-11 ได้สะดวกไม่แพ้กัน รวมไปถึงในปีแรกแค่เราลงทะเบียนก็จะได้ประกันอุบัติเหตุในปีแรก อย่าง Perfect Warranty แล้ว
จุดเด่น
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้ว แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 14 นิ้ว
- ดีไซน์พิเศษบานพับ ErgoLift Hinge ช่วยให้ใช้งานดีขึ้น
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ Full HD พาเนล IPS ให้สีสันดีกว่า TN
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี Nano Edge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย i5 + MX150 + RAM 8GB + SSD 128GB
- น้ำหนักเบา ตัวเครื่องบาง วัสดุดี
- เทคโนโลยี Fast charging ที่ให้แบตเตอรี่เต็ม 60% ได้ใน 49 นาที
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- ประกัน 2 ปีเคลมผ่าน 7-11 ได้ พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก
- มีให้เลือก 5 สีสัน ตามสไตล์การใช้งาน
ข้อสังเกต
- อุณหภูมิร้อนสุด สูงไปเล็กน้อย
- แบตเตอรี่น่าจะใช้งานยาวนานกว่าอีกนิด
- ไม่มีสแกนลายนิ้วมือ ที่ใช้งานผ่านทาง Windows Hello มาด้วย
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS VivoBook S15 S530UN ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-8250Uทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวบนอย่าง NVIDIA GeForce MX150 (2GB GDDR5) ที่ทั้ง 2 อย่างนี้แรงเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD 128GB +HDD 1TB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 แน่นอนทั้งตัวเครื่องนั้นแทบไม่ต้องอัพเกรดอะไร ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาของ ASUS VivoBook S15 S530UN อยู่ในระดับที่ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปชัดเจน ทั้งในความบางและน้ำหนักเบาเพียง 1.8 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมอแดปเตอร์ก็เบาและเล็กกว่าปกติมากๆ ถือว่ามีการพัฒนาไปในทุกส่วน รวมแล้วหนักแค่ 2 กิโลกรัมเท่านั้น โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ VivoBook มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS VivoBook S15 S530UN ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโดดเด่น ให้มิติที่เล็กกระชับลงกว่าเดิม ขอบจอบางเฉียบ แต่มีการออกแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ออกแนวพรีเมียมและเรียบหรูมากยิ่งขึ้น ด้วยการสีสันให้เลือกถึง 5 เฉด ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาเชื่อได้ว่าหลายๆ คนส่วนมากต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน