Map
อันนี้เป็นประเด็นที่ปลื้มมาก เราสามารถใส่ภาพเคลื่อนไหวแผนที่ลงในงานได้อย่างง่ายมากกกกกกก ไม่เพียงแต่ง่ายเท่านั้น ยังสวยอีกด้วย เพียงแค่ลากไปวางบนงานแล้วกำหนดจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด ข้อจำกัดก็คือว่าไม่สามารถกำหนดจุดแบบหลายจุดได้ ถ้าจะทำการเดินทางหลายจุดจะต้องทำหลายก้อนมาต่อกัน ซึ่งมันไม่ต่อเนื่อง ถ้าในรุ่นต่อไปมีการปรับปรุงให้ทำได้หลายจุดก็คงจะดีไม่น้อย
อื่นๆนอกจากนี้ก็มีความสามารถของเรื่องธีม ให้เราใช้งานธีมได้ 5 แบบ สร้างงานสวยๆได้ง่ายๆ , อัพโหลดขึ้น YouTube ได้หลาย account โดยรวมแล้ว iMovie ?09 น่าใช้และมีอะไรให้ใช้งานมากขึ้นกว่า iMovie ?08 เยอะ ถ้าใครใช้ iMovie ?08 หรือยังไม่เคยใช้โปรแกรมตัดต่อวีดีโอเลย แล้วต้องการลองเริ่มใช้งานดู iMovie ?09 เป็นตัวเลือกที่ดี ส่วนตัวแล้วคิดว่าทดแทนความต้องการ iMovie HD ได้ เพราะ Effect หลายๆอย่าง ปกติก็แทบไม่ได้ใช้อยู่แล้ว การมี Precision Editor ช่วยให้สามารถตัดงานได้ละเอียดมากขึ้น ท้ายที่สุดที่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ก็คือหลังจากลองใช้งานแล้วพบว่าถ้าอยากจะ ใช้งานให้ได้ลื่นๆ สงสัยจะต้องซื้อเครื่องใหม่ iMac Core 2 Duo 2.16GHz ไม่ค่อยจะแหร่มเสียแล้ว เศร้าใจนัก
GarageBand
โปรแกรมนี้ประหลาดใจผมกว่าโปรแกรมอื่นอยู่เอาเรื่อง เพราะแทนที่ฟีเจอร์ใหม่เด่นๆ จะเป็นเรื่องของคุณสมบัติในโปรแกรม กลายเป็นว่ามีสิ่งที่เรียกว่า ?บทเรียน? สอนดนตรี เพิ่มมาเป็นฟีเจอร์ใหม่ ทีแรกก็ผิดหวังอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ได้คิดว่าน่าสนใจอะไร แต่พอได้ลองโหลดบทเรียนที่ว่ามาดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนใจดีแฮะ ส่วนตัวผมเองเครื่องดนตรีที่เล่นอยุ่คือกลองชุด กีตาร์เคยซื้อแผ่นสอนมาดู ซื้อหนังสือมาอ่านอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยรุ่ง เปียโนเคยไปแอบดูหลานเรียนคีย์บอร์ดอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้หัดจริงๆจังๆ พอมาดู ?บทเรียน? ที่เพิ่มเข้ามาใน GarageBand รุ่นนี้ปรากฎว่าเพลินดีเหมือนกัน เขาทำแบบเรียนมาดีพอใช้ได้เลยทีเดียว ถ้าเทียบกับที่ขายๆในบ้านเรา ก็บอกได้ว่าดีกว่าของเราเยอะ เสียแต่สอนเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้นแหละ และที่น่าเสียดายอีกอย่างนึงคือบทเรียนของศิลปินอื่นๆ ซื้อจากประเทศไทยไม่ได้ สงสัยจะเช็คจาก IP ที่เราต่อเน็ต อันนี้ทำเอาอารมณ์ค้างเลย แหม คนอุตสาห์ตั้งใจจะเสียเงินเรียนแล้วทั้งที ก็คือ ณ ตอนนี้เราจะโหลดได้แต่ Free Lesson เท่านั้นนะครับ
ในบทเรียนจะแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการสอน จะมีครูมาอธิบายบทเรียนบทนั้นๆ และอีกส่วนนึงคือการเล่น ซึ่งครูผู้สอนจะมาเล่นไปพร้อมกับเรา สำหรับผู้ใช้คีย์บอร์ด MIDI สามารถต่อเข้าเพื่อเล่นไปพร้อมกันได้เลย สามารถเล่นเดี่ยวไปกับโน๊ตบ นหน้าจอ โดยปิดเสียงครูผู้สอนก็ได้ หลังจากลองเรียนตามแล้วก็สนุกดีครับ อยากลองซื้อบทเรียนของศิลปินอื่นๆ มาเรียนเลยละ เทียบราคาแบบเรียนละ 4.99 เหรียญ ถ้าราคานี้ แล้วสอนเข้าท่าแบบนี้ก็ไม่แพงเท่าไหร่ ราวๆ 180 แผ่นสอนที่ขายๆกันบางอันแพงกว่านี้อีก
Guitar Track
เป็นอีกฟีเจอร์นึงที่เพิ่มมาใน GarageBand ?09 น่าจะคล้ายๆกับการใช้งานโปรแกรม Guitar Rig ที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ ด้วยฟีเจอร์นี้ก็สามารถที่จะต่อ Guitar เข้าไปแล้วใส่ Effect ต่างๆที่โปรแกรมมีไว้ให้ได้ ซึ่ง Effect ที่โปรแกรมมีให้ก็ค่อนข้างครบที่ใช้ๆกันอยู่เลยทีเดียว ลองใช้แล้ว เจ๋งดีครับฟีเจอร์นี้ แต่ว่าไม่ได้ลองอะไรมากเพราะเล่นกีตาร์ไม่เป็น ตบได้แค่ไม่กี่คอร์ด 55555 ไม่เป็นไรเดี๋ยวไปฝึกจาก Lesson ข้างบนแล้วค่อยกลับมาเล่นอีกที แต่เท่าที่ลองให้เพื่อนที่เล่นกีตาร์เป็นมาทดสอบดู เขาก็พอใจอยู่นะครับ ท่าทางจะได้แฟน Mac เพิ่มอีกรายแล้ว อิๆ
ส่วนอื่นๆไม่ค่อยมีการเปลี่ยนอะไรเท่าไหร่ มีการเปลี่ยน UI เล็กน้อยเมื่อเทียบกับ GarageBand ?08 แต่ภาพรวมแล้วก็ยังคล้ายๆกัน
iWeb
เป็นโปรแกรมทำเว็บสำเร็จรูปที่ใช้งานง่าย ง่ายมากเลยทีเดียว โดยรวมแล้วโปรแกรมนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนใหม่เท่าไหร่ แต่ที่น่าสนใจในรุ่นนี้ก็คือ มันสามารถอัพโหลดขึ้น FTP โฮสต์อื่นๆได้เสียที จากที่แต่ก่อนอัพได้แต่กับ .Mac อย่างเดียว จะไปใช้ที่อื่นต้อง export ออก Folder แล้วเอาไปเข้าโปรแกรมอัพโหลดอื่นๆอีกที ตอนนี้อิสระแล้วเรียบร้อยสามารถอัพขึ้นโฮสต์อื่นได้โดยตรง ง่ายขึ้นเยอะ แต่! พวกฟีเจอร์บางอย่างที่อาศัยการทำงานใน Web Server ไม่สามารถทำงานได้บนโฮสต์อื่นนะครับ
สำหรับใครจะทำเว็บส่วนตัวแบบง่ายๆ สวยๆ ไม่ได้ต้องการปรับแต่งอะไรมาก (เพราะมันทำไม่ได้มาก) ถ้าคิดพวก Dream Weaver แล้วมันยากไป อยากได้อะไรที่ใช้งานง่ายๆ เร็วๆ สะดวกๆละก็ โปรแกรมนี้ก็ตอบโจทย์มากเลยทีเดียว
สรุป
จากที่ได้นำมาใช้งาน พบว่าดีกว่า iLife ?08 แทบทุกด้าน ยกเว้น iMovie ที่รู้สึกว่าถ้าจะใช้ให้ได้เรื่องได้ราว เห็นทีว่าคงต้องหาเครื่องที่แรงกว่านี้มาใช้ในไม่ช้าแน่ๆ ฟีเจอร์ใหม่ใน iPhoto นี่ลองใช้งานแล้วชอบมาก Faces นี่ชอบที่สุด สะดวกในการจัดการกับรูปถ่ายทั้งหลายที่มีในเครื่องมากๆ
ส่วนฟีเจอร์ใน iMovie นี่ชอบหมดทุกฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเลย ส่วน GarageBand ปกติไม่ได้ใช้บ่อยนัก ปกติจะใช้แค่ทำ Podcast ปรากฎว่าตอนนี้สนุกเพิ่มกับฟีเจอร์ Learn to Play มีแววว่าอาจจะไปหา MIDI Keyboard ซักตัวมาเล่นในไม่ช้า
โดยรวมแล้ว iLife เป็นโปรแกรมที่ทำงานต่างๆข้างต้นได้ดี และที่สำคัญใช้งานได้ง่าย สร้างชิ้นงานดีๆได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องอาศัยทักษะเฉพาะทางในแต่ละด้านมาก นี่ไม่ได้โม้นะครับ แต่มันง่ายจริงๆ น้าผมอายุ 50 กว่าแล้วก็ยังสามารถใช้ iMovie กับกล้อง Handy Cam ตัดวีดีโอที่ไปถ่ายกันมาสนุกๆได้ง่ายๆ โดยที่ผมไม่ได้สอนอะไรเลย ใช้ดูแล้วจะติดใจครับ เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการชิ้นงาน ไม่ได้ต้องการเสียเวลาจุกจิกกับการศึกษารายละเอียดโปรแกรมมากมายนัก ไม่ต้องการความรู้ทางเทคนิคมากก็ใช้ทำงานได้ แต่ถ้ามีทักษะการใช้งานพื้นฐานอยู่แล้ว ก็จะยิ่งง่ายในการใช้งานเข้าไปใหญ่ iMovie นี่ผมเองก็ใช้ทำงานส่งอยู่บ่อยไปครับ ชิ้นงานมันเสร็จออกมาแล้ว ตรงตามโจทย์ เขาไม่ได้มาสนใจอยู่แล้วว่าชิ้นนี้ตัดกับ Final Cut , Premiere หรือ iMovie !!! มีบ่อยงานที่สเกลมันไม่จำเป็นต้องไปใช้เครื่อง Mac Pro ทำ ก็จับมันทำด้วย iMac และ iMovie นี่แหละอยู่แล้ว
สำหรับ iLife ?09 นั้นราคาขายแยกของมันน่าจะอยู่ที่ราวๆ 2,700 นะครับ สำหรับคนที่ซื้อเครื่อง Mac ในช่วงนี้นอกจากจะได้ Mac OS X Leopard ล่าสุดแล้ว ก็จะได้รับชุดโปรแกรม iLife ?09 ซึ่งมีโปรแกรมข้างต้นทั้งหมดไปใช้งานด้วยฟรี สำหรับผมเองที่ใช้งานมันมาตั้งแต่ iLife ?06 ก็ค่อนข้างจะติดใจครับ ผมมองว่ามันเป็นหนึ่งมูลค่าเพิ่มของการซื้อ Mac มาใช้งาน
เพิ่มเติม
ทั้งนี้สำหรับผู้ใช้ Windows ตัว Software อย่าง Picassa ค่อนข้างใช้งานได้ดีในการจัดการรูปภาพครับ ผมอยากแนะนำให้ลองใช้โปรแกรมทำนองนี้ในการ Manage ภาพ แทนที่จะเก็บเป็นไฟล์ๆ เป็น Folder ๆ เองแบบ Manual ลองหัดใช้งานโปรแกรมที่ทำงานในลักษระของการ Manage ดูครับ ใช้คล่องใช้คุ้นแล้วจะรู้ว่า การ Manage ข้อมูล (Meta data) มันสะดวกชีวิตกว่าการ Manage แฟ้มข้อมูลเป็นไหนๆ อย่างเพลงนี่แต่ก่อนผมคุ้นกับการเก็บเป็นไฟล์ๆ เป็นโฟล์เดอร์ๆ เกลียดมากเลย iTunes ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการ จนวันนึงผมลองเปิดใจกับมัน แล้วลองใช้งานตาม Work Flow ของมัน ทุกวันนี้ติดเลยครับ ขาดไม่ได้ มันจัดการข้อมูลเพลงให้เราได้ดีจริงๆ ในขณะเดียวกันเพลงต่างๆ ก็ถูกเก็บเป็นโฟล์เดอร์ในเครื่องอย่างเป็นระเบียบ
พอใช้ iTunes คล่องผมมาใช้พวก iPhoto , iMovie ซึ่งช่วยให้เราจัดการ ?ข้อมูล? จัดการกับ ?งาน? ก็พบว่ามันสะดวกกว่าการคอยไปจัดการกับ ?ไฟล์? แบบเดิมๆ เป็นไหนๆ ลองดูครับ
อยากรู้ว่าแหล่มจริงไหมต้องไปลองเลยครับกับโครงการ “คอมพิวเตอร์ เห็นหน้าแล้วรู้ชื่อมั้ย”