#AdminPong NBS ประทับใจกับการมาของ Notebook Core i9 สายหรูโหดโคตรจริงจัง อย่าง ASUS ZenBook Pro 15 UX580 รุ่นหน้าจอ 15.6″ ความบางของตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 1.88 กิโลกรัมเท่านั้น ที่ไม่ว่าจะเอาไปทำงานหรือความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมก็ตอบโจทย์ทั้งหมด ด้วยสเปก Core i9 + GTX 1050Ti ประสิทธิภาพแรงกว่า Desktop PC ชัดๆ ที่มาในรูปแบบของโน๊ตบุ๊ค ที่ต้องบอกว่าเหมาะสำหรับสายการทำงานมืออาชีพหนักๆ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวีดีโอ หรือโปรเซสไฟล์ภาพนิ่ง หรือทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน
หน้าจอละเอียด 4K Ultra HD พาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง พร้อมขอบเขตสีที่ดีมากๆ รวมไปถึงขอบจอก็ยังบางเฉียบตามสไตล์ของโน๊ตบุ๊คในปัจจุบัน อีกทั้งตัวเครื่องเองยังรองรับการต่อหน้าจอออกไปด้วยกันถึงอีก 3 หน้าจอ ผ่านทางพอร์ต Thunderbolt 3 จำนวน 2 ช่อง และ HDMI อีกหนึ่งช่อง ที่สำคัญยังสามารถเปิดหน้าจอที่ 5 ได้ด้วยผ่านทางทัชแพดแบบเดิมๆ แต่เปลี่ยนเป็น ScreenPad !!! ส่วนดีไซน์การออกแบบที่ต้องยอมรับว่า ASUS ทำการบ้านซีรีส์ของ ZenBook มาดีโดยตลอด
Unbox Preview
VDO Review
Specification
ในเรื่องของสเปก ASUS ZenBook Pro 15 UX580 นั้น แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือรุ่น Core i7 + GTX 1050 ส่วนอีกรุ่นจะเป็นเครื่องที่เราได้มารีวิว ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด ที่ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i9-8950HK ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.9 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 4.8 GHz ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ดก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel UHD Graphics 630
ส่วนการ์ดจอแยกที่ติดมาให้นั้นจะเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ที่มีความแรงพอตัว แต่ร้อนน้อยและประหยัดพลังงาน แรมก็ให้มา 16GB DDR4 แบบ 8GB x 2 ส่วน SSD มีมาให้ขนาด 512GB มาพร้อมความเร็วสูง PCIe Gen3 SSD ที่สำคัญเลยก็คือใช้จอขนาด 15.6 นิ้ว แบบด้าน พาเนล IPS ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล มาตรฐาน Ultra HD 4K แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานหรูหราระดับสูงสุดของทาง ASUS ก็ว่าได้
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้น มีมาอย่างครบครัน ทั้ง USB 3.1 Type-A, HDMI, ช่องต่อหูฟัง และ Thunderbolt 3 อีก 2 พอร์ต ส่งผลให้การใช้งานนั้นครอบคลุมกว่าคู่แข่ง หรือถ้ากรณีที่จำเป็นต้องใช้ LAN ก็มีอแดปเตอร์แปลง ซึ่งทาง ASUS ก็บันเดิลมาให้แล้ว แน่นอนส่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ ที่สำคัญยังมาพร้อม Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth รุ่นล่าสุด ส่วนการรับประกันมีระยะ 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย
- สเปก i7-8750H + GTX1050 +RAM 16GB + SSD 512GB + Ultra HD + Win10 ราคา 69,990 บาท
- สเปก i9-8959HK + GTX1050Ti +RAM 16GB + SSD 512GB + Ultra HD + Win10 ราคา 89,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วรุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdge ที่ 7.3 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา เรียกได้ว่าเทียบเท่าหน้าจอ 14 นิ้วรุ่นก่อนๆ ได้เลย ส่วนงานประกอบก็เป็นแบบ Unibody ที่แทบจะไร้รอยต่อเลยทีเดียว
ซึ่งการออกแบบออกมาได้ดูทันสมัยและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น ในส่วนของมุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน ให้ผิวสัมผัสที่ดี รวมถึงแกนพับหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางดูแข็งแรงทนทานสุดๆ เลยทีเดียว ที่สำคัญเลือกใช้สีสันเอกลักษณ์อย่าง Deep Drive Blue ที่เป็นสีหลักร่วมกับการแซมสี Rose Gold ลงไป
พร้อมตัดขอบตัวเครื่องรอบๆ แบบ Daimond Cutting ขอบตัวเครื่องด้านหลังมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง โดยมีการเพิ่มคำว่า ZenBook Series ลงไป ส่วนขอบด้านหน้าก็ทำเว้าเพื่อให้เปิดจอได้ง่าย พร้อมกับติดตั้งไฟ LED แสดงสถานะการทำงานเอาไว้ด้วย
ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอะลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมด ทั้งในส่วนของสวนของตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องวัสดุจะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด โดยใช้เกรดยานอวกาศระดับพรีเมี่ยม ซึ่งโลหะเกรดนี้มีความแข็งแรงมากกว่าโลหะอัลลอยธรรมดาถึง 50% แสดงถึงความอุตสาหะเอาใจใส่ในรายละเอียดของการดีไซน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และใต้ตัวเครื่อง ทำให้มีทั้งความแข็งแรง
ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางของตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 1.88 กิโลกรัมเท่านั้น แต่มั่นใจได้ถึงความแข็งแแรงทนทาน และเวลาที่เราเอามือมาวางบนคีย์บอร์ดจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แถมเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างยากอีกด้วย ส่วนฝาหลังเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ ZenBook ที่ใช้มาตั้งแต่รุ่นแรกๆ ที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียมกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมโลโก้ ASUS ตามมาตรฐาน แม้ฝาหลังจะเป็นรอยนิ้วมือง่ายสักหน่อย อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องสักนิด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
ลำโพงออกแบบมาอยู่ด้านล่างตัวเครื่องของทาง Harman Kardonให้เสียงกังวาลรอบทิศทางดี ซึ่งถือว่าทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง และในส่วนกล้องเว็บแคมก็ติดตั้งให้มาด้วยแบบ HD พร้อมไมค์ตัดเสียง และมีเซนเซอร์วัดแสงปรับจออัตโนมัติมาให้อีกด้วย แน่นอนว่ามี Windows Hello เพื่อเข้าใช้งานตัวเครื่องจะเป็นแบบสแกนลายนิ้วมือมาให้เป็นมาตรฐาน
นอกจากนี้ใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่มีช่องระบายอากาศให้เห็นเลย สำหรับ ASUS ZenBook Pro 15 UX580ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ ด้วยพัดลม 2 ตัว แยกการระบายความร้อนทั้งซีพียูและการ์ดจอ แม้จะมีพัดลมอาจจะไม่ได้หนาใหญ่เหมือน Gaming Notebook แต่ก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
Keyboard / Touchpad
ทางด้านของคีย์บอร์ดของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกน้ำเงินเข้มเข้ากับตัวเครื่องสกรีนตัวอักษรเหลืองตัดกับปุ่ม ซึ่งมีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ เป็นแบบ Chiclet มีระยะยุบ 1.5 มิลลิเมตร พร้อมความโค้งของปุ่มรับเข้ากับนิ้ว
ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น สัมผัสนุ่ม มีระยะห่างของปุ่มกำลังพอดี้ เพื่อให้มีความรู้สึกที่สะดวกสบายในการพิมพ์ กดแรงๆ ก็ไม่มีอาการแป้นยวบให้เห็นแต่อย่างใด แถมมีไฟ Backlit สามารถปรับได้ 3 ระดับ ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานจะสะท้อนออกมาทางฟอนต์สีเหลืองดูสวยงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ส่วนของทัชแพดก็พิเศษสุดๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเป็น ScreenPad รุ่นแรกของโลก ที่นอกเหนือจะทำหน้าที่ทัชแพดแบบเดิมๆ ที่ซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวาแบบปกติแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนเป็นหน้าจอทัชสกรีนได้ อารมณ์แบบมือถือสมาร์ทโฟนเลย ด้วยสเปกหน้าจอเป็นขนาด 5.5″ ความละเอียด Full HD พาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง เทียบเท่าหน้าจอมือถือดีๆ ในปัจจุบันก็ว่าได้
ScreenPad
สำหรับ ScreenPad ถือว่าเป็นสิ่งใหม่จริงๆ โดย ASUS ZenBook Pro 15 UX580 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นแรงของโลก โดย ScreenPad นั้น ทำหน้าที่เป็นทัชสกรีน พร้อมชิปประมวลผลแยกภายใน ช่วยนำเสนอรูปแบบใหม่ในการทำงานร่วมกับโน๊ตบุ๊ค มีฟังก์ชั่นการใช้งานอันชาญฉลาดที่ปรับการทำงานตัวเองให้เข้ากับการทำงานของผู้ใช้ ช่วยการทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้เปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล
ทั้งนี้ยังสามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ด้วยการลากนิ้วจากขอบ ScreenPad ด้านบนลงมา ได้แก่ โหมดเครื่องคิดเลข, Music Player, NumKey เปลี่ยนการทำงานของสกรีนแพดเป็นคีย์แพดตัวเลข, แถบเมนูลัด (Launcher)ให้ผู้ใช้สามารถเปิดและเปลี่ยนการใช้งานแอพพลิเคชั่นบนเดสก์ทอปได้ และใช้งานฟีเจอร์เด็ดอย่าง ASUS Sync (หรือจะปิดหน้าจอให้เป็นสีดำแบบไม่ขึ้นโลโก้อะไรเพื่อใช้งานทัชแพดปกติก็ทำได้)
การทำงานของ ASUS Sync เพื่อการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน สามารถแชร์หน้าจอโทรศัพท์ไปยังหน้าจอหลักและ ScreenPad ช่วยแจ้งเตือนเมื่อได้รับข้อความใหม่และรับสายเข้าหรือโทรออกได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งนี้ เมื่อ ScreenPad อยู่ในโหมด Screen Extender ตัว ScreenPad จะทำหน้าที่เป็นจอที่สองของหน้าจอหลัก ช่วยในการมัลติทาสกิงและสร้างสรรค์งานร่วมกับโปรแกรม Microsoft Word, Excel และ PowerPoint และแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมายที่จะตามมาในอนาคต
ScreenPad ยังทำงานร่วมกับเว็บบราวเซอร์อย่าง Chrome ในการเล่นเพลงบน Youtube โดยทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมวีดีโอ ผู้ใช้สามารถเลือกเลื่อนเพลงได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ทั้งนี้สกรีนแพดจะถูกอัพเดทให้อยู่ในเวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นใหม่ๆได้จาก Windows Store ซึ่งได้เปิดกว้างให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ได้อย่างอิสระ นับว่า ASUS ได้นำเสนอออกมาใช้งานได้จริง เพิ่มประสบการณ์ที่ดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
Screen / Speaker
ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ได้ติดตั้งหน้าจอด้านขนาด 15.6″ ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล มาตรฐาน Ultra HD 4K พาเนล IPS คุณภาพสูงมาก (ใช้งานจริงแนะนำที่การสเกล 250% เพื่อความเรียบเนียน) การแสดงผลของสีเป็นแบบใกล้เคียง 100% sRGB และมีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง และการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ยังมีจุดเด่นอย่างขอบหน้าจอ NanoEdge มีขนาดความบางเฉียบ ซึ่งทำให้ตัวเครื่องมีมิติเล็กลงไปอีก รวมไปถึงยังมีตัวเลือกเป็นหน้าจอทัชสกรีน พร้อมรองรับ ASUS Pen อีกด้วย หน้าจอยังได้รับรองตามมาตรฐาน PANTONE Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี พร้อมการันตรีด้วยค่า Delta E ที่ต่ำมั่นใจได้ว่าสีและแสงจะแม่นยำและถูกต้องอย่างที่สุด
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 350 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้โอเคเลยทีเดียว
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าแถงบนกลางจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 350 cd/m2 แต่สำหรับช่องแถวบนด้านซ้ายเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงแค่ระดับ 6% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon ให้ที่เสียงที่ดีมาก ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaster ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า พูดเลยว่ามีโน๊ตบุ๊คเพียงไม่กี่รุ่นที่ทำเสียงออกมาดีได้ขนาดนี้ ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ZenBook Pro 15 UX580 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ทมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A Gen 2 จำนวน 2 พอร์ต, และ Thunderbolt 3 อีกจำนวน 2 พอร์ต พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง รวมไปถึงมี microSD Card Reader ขนาดมาตรฐาน, HDMI และช่องเสียบอแดปเตอร์ (บันเดิล USB > LAN มาให้ด้วย) ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ac Dual-band พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
ส่วนการพกพาเองก็ถือว่า ASUS ZenBook Pro 15 UX580 มีน้ำหนักตัวค่อนข้างเบาที่ 1.88 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วตัวอื่นๆ ที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่สูง ซึ่งโดดเด่นกว่าก็คือมิติตัวเครื่องเล็กลงมาก อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมในเรื่องการพกพาไปไหนมาไหน แม้ว่าถ้ารวมอแดปเตอร์ 150 Watt แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2.2 กิโลกรัม ก็พอที่จะใส่กระเป๋าและเอาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ไม่ยากเย็นอะไร
Performance / Software
ASUS ZenBook Pro 15 UX580 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 รุ่นแรงที่สุด อย่าง Intel Core i9-8950HK ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.9 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.8 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads ที่ 12 MB L3 Cache นับว่าเหนือชั้นกว่า Core i7-8750H ทั้งความเร็ว ชุดคำสั่ง และ Cache
อย่างไรก็ตามจากการใช้งานจริงๆ ความเร็วที่เมื่อ Turbo Boost ไปจะอยู่ที่ระดับ 3.6 – 4 GHz ไม่ได้พุ่งไปถึง 4.8 GHz แต่อย่างใด และจะคงที่แบบเสถียรๆ ที่ 3.0 GHz เสียมากกว่า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ชิปประมวลผล Core i9 มันร้อนมาก แต่ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 สามารถรักษาความเร็วได้คงที่ ด้วยวิธีการเพิ่ม Turbo Boost เป็นสั้นๆ เท่านั้น
โดยแรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าตามทฤษฎีแรงกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Intel Core i7-8750H พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง (เหมือนรุ่น Core i7-8750H) อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 630 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกสุดฮิตอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 970M แบบรู้สึกได้ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว ซึ่งในส่วนนี้จะพาไปดูผลทดสอบของเกมต่างๆ อีกที ซึ่งการที่ไม่ติดตั้งการ์ดจอที่แรงกว่านี้มา น่าจะเป็นเรื่องของความร้อนที่อาจจะไม่สามารถควบคุมได้
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่น Core i7-8750H เหมือนว่าจะน้อยกว่านิดหน่อย คาดว่าตัวของซอฟต์แวร์ทดสอบอาจจะไม่รองรับ 100% รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงเทียบเท่า GTX 1050Ti รุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับกลาง ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
วเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 5126GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2383MB/s และเขียนที่ 1359MB/s
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,631 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมาก อย่างไรก็ตามคะแนนรวมอาจจะสูง Gaming Notebook ที่ใช้สเปก Core i7 + GTX 1060 หรือ GTX 1070
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 5 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i9-8950H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง FarCry 5 / BF1 / PUBG ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งถ้าปรับเป็นหน้าจอความละเอียดแบบ Native ที่ 3840 x 2160 พิกเซล มาตรฐาน Ultra HD 4K ไม่ไหวอย่างแน่นอน โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว
เกมออนไลน์มาตรฐานอย่าง DOTA 2 / Overwatch ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน จากการทดสอบใช้งานจริง สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 5 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) ซึ่งน้อยกว่าที่เคลมเอาไว้ที่ 9 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามถือว่าใช้งานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแล้วล่ะ อย่างลืมว่านี่ใช้ชิปเป็น Core i9 นะ ส่วนช่องระบายของเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนี้จะอยู่ด้านบนบริเวณแกนพับหน้าจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของเครื่องเวลาพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 + องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียสสำหรับชิปประมวลผล ส่วนการ์ดจออยู่ที่ 90 องศาเซลเซียส นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก ASUS ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งบอดี้อะลูมิเนียมที่ยกตัวขึ้นก็ช่วยระบายความร้อน และอย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i9-8950HK นั้น ถือว่าประสิทธิภาพสูงมาก ที่แม้ว่ามีอุณหภูมิที่สูงระดับ 100 องศาอยู่ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด รวมไปถึงตัวเครื่องก็ไม่ได้ร้อนจนรบกวนการใช้งานด้วย
Conclusion / Award
เรียกได้ว่า ASUS ZenBook Pro 15 UX580 เป็นโน๊ตบุ๊คโน๊ตบุ๊คสายหรูโหดโคตรจริงจัง เน้นประสบการณ์ใช้งานประสิทธิภาพอีกหนึ่งรุ่นที่พร้อมชนกับ Dell XPS 15 หรือ MacBook Pro 15 ที่มีความเจ๋งยิ่งกว่าตรงที่ชิปประมวลผลมีรุ่น Core i9-8950HK และการ์ดจอ GTX 1050Ti ที่สามารถใช้งานได้จริง แม้ว่าความร้อนจะสูงหน่อยและดึงประสิทธิภาพได้ออกมาไม่ 100% แต่ก็รองรับการทำงานประมวลผลที่หนักๆ หรือหลากหลายพร้อมๆ กัน และความบันเทิงทั่วไปอย่างดูหนังฟังเพลงก็ตอบโจทย์ทั้งหมด จากความแรงของมันทำให้เหมือนเรายก Desktop PC สเปกเทพๆ ไปใช้งานตลอดเวลาเลยล่ะ
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ก็อาจจะมีความใกล้เคียงกัน ถ้างบไม่เกี่ยงก็น่าจัดมาใช้งานมากๆ รองรับงานทั่วไปลื่นหัวแตก การเล่นเกมก็สบายๆ หายห่วงเลย แต่อาจจะปรับไม่สุดทุกเกมนะ เห็นแก่ความบางมันหน่อย ที่ต้องระบายความร้อน รวมไปถึงการเล่นเกมนั้นปรับแค่ Full HD ก็พอ เพราะ Ultra HD ไม่สามารถขับไหวกับการ์ดจอรุ่นนี้ แม้ว่าสำหรับชิปประมวลผล Core i9 จะแรงเหลือๆ แต่การใช้เล่นเกมจริงๆ เน้นที่การ์ดจอมากกว่า
บอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า ASUS ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ล้ำหน้า งานประกอบและวัสดุที่เยี่ยมยอด ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงระบบระบายความร้อนที่ดีแบบเอาอยู่ ต่างจากบางแบรนด์ที่ใส่ Core i9 มาแต่ใช้งานไม่ได้จริง แน่นอนว่ามี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งาน รวมไปถึงแม้อาจจะไม่ On-site Service แต่ก็สะดวกไม่แพ้กันด้วย ประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก ที่เราสามารถฝากเคลม – รับคืนผ่านทางร้าน 7-11 ได้
สรุปแล้ว ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจังที่เน้นประสิทธิภาพการประมวลและความสวยงามหรูหรา ต่างจาก Gaming Notebook ที่เน้นความแรงของการ์ดจอ และรูปลักษณ์ที่ดุดันพร้อมไฟ RGB หลากสีสัน ฉะนั้นถ้าใครจะซื้อมาเน้นเล่นเกมเป็นหลัก มองข้ามตัวนี้ไปเลย แนะนำเป็นตระกูล ROG จะเหมาะกว่า
แต่ถ้าใครเน้นทำงาน พกพาไปน้อยสถานที่ แบบเน้นความแรงของชิปประมวลผลสูงๆ โดยที่บางโอกาสก็เล่นเกมบ้าง ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ก็ตอบโจทย์เป็นรุ่นแรกๆ ก็ว่าได้ ที่สำคัญยังล้ำหน้าด้วย ScreenPad ที่เป็นรุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งมาพร้อมใช้งานอีกด้วย กับราคารุ่น Core i9 อยู่ที่ 89,990 บาท ที่ต้องบอกว่าไม่แพงเลย หรือถ้าให้พูดจริงๆ คือ โน๊ตบุ๊คชิป Core i9 ที่ถูกที่สุดในตลาดด้วยซ้ำ
แต่ถ้าใครงบไม่ถึงจริงๆ ก็ลองดูเป็น ASUS ZenBook Pro 15 UX580 รุ่น Core i7 ที่ได้การ์ดจอเป็น GTX 1050 กับราคา 69,990 บาท ถูกกว่า 20,000 บาท ซึ่งรายละเอียดสเปกอื่นๆ ก็เหมือนกันหมด ก็พอที่จะใช้งานไม่ต่างกันมาก ในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก เว้นแต่วัดประสบการณ์ใช้งานกันหมัดต่อหมัดก็จะเห็นว่ารุ่น Core i9 เหนือชั้นกว่าเยอะ โดยแรงกว่าประมาณ 10+ แล้วแต่ก็ใช้งาน
จุดเด่น
- ติดตั้ง ScreenPad รุ่นแรกของโลกเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คไปตลอดกาล
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้ว แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 14 นิ้ว
- หน้าจอความละเอียด 4K Ultra HD พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยสด สมบูรณ์ที่สุดรุ่นหนึ่ง
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี NanoEdge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- หน้าจอแสดงผลขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB มีความผิดเพี้ยนน้อยมาก
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย Core i9-8950HK + GTX 1050Ti
- คีย์บอร์ดสวยงามมีไฟใช้งานได้จริง กดเด้งรับกับนิ้วเป็นอย่างดี
- น้ำหนักเบากว่าเดิม วัสดุตัวเครื่องคุณภาพสูงทั้งตัว
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน มี Thunderbolt 3 มาให้ด้วย 2 พอร์ต
- ลำโพง Harman/ Kardon ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อมสแกนลายนิ้วมือ ใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- ประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก เคลมผ่าน 7-11 ได้
- บันเดิล USB > LAN มาให้เลย
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยม
- ความร้อนค่อนข้างสูง จากการที่เป็นสเปก Core i9-8950HK
- ประสิทธิภาพการใช้งาน จากการที่ร้อนเกิน ทำให้ดึงความแรงไม่ได้ 100%
- แบตเตอรรี่ใช้งานได้ 5 ชั่วโมง
- ความละเอียด 4K Ultra HD ไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกมในเครื่องนี้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ใช้ ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i9-8950HK ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ที่ 12 MB L3 Cache ความเร็ว 2.9 – 4.8 GHz และการ์ดจอเป็น GTX 1050Ti ประสิทธิภาพไว้ใจได้ แรงเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไปหรือใช้งานหนักๆ เทียบเท่า Desktop PC สเปกเทพๆ มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.3 NVMe โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ZenBook มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ สีบอดี้วยสีสันอย่าง Deep Drive Blue สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งมีแนวคิดมาจากท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ พร้อมแซมด้วยสี Rose Gold ชมพูทองเพิ่มสีสันให้กับรายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบ Diamond-cut ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ แถมยังมีขอบจอบางสุดๆ อีกด้วย
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา กับรุ่นขนาดหน้าจอ 15.6″ ทั้งในความบางเพียง 18.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.88 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 2.2 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Technology
สุดทางจริงๆ สำหรับหน้าจอแสดงผลของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ที่เป็นหน้าจอขนาด 15.6″ บนความละเอียด Ultra HD พาเนล IPS ระดับสูงใกล้เคียง sRGB 100% ที่ทำให้ประสบการณ์ใช้งานหน้าจอของเราสมบูรณ์แบบด้วยความเรียบเนียนไม่เห็นรอยหยัก ด้วยการ เพิ่มสเกลหรือจะปรับให้เป็น Native เพื่อพื้นที่การทำงานก็ทำได้ ที่สำคัญด้วย ScreenPad ทำให้เราเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล กับหน้าจอที่สองที่ทำอะไรได้มากกว่าทัชแพดแบบที่โน๊ตบุ๊คทั่วไปเคยมีมา
Unbox Preview
VDO Review
Specification
ในเรื่องของสเปก ASUS ZenBook Pro 15 UX580 นั้น แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือรุ่น Core i7 + GTX 1050 ส่วนอีกรุ่นจะเป็นเครื่องที่เราได้มารีวิว ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด ที่ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i9-8950HK ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.9 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 4.8 GHz ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด การ์ดจอออนบอร์ดก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel UHD Graphics 630
ส่วนการ์ดจอแยกที่ติดมาให้นั้นจะเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ที่มีความแรงพอตัว แต่ร้อนน้อยและประหยัดพลังงาน แรมก็ให้มา 16GB DDR4 แบบ 8GB x 2 ส่วน SSD มีมาให้ขนาด 512GB มาพร้อมความเร็วสูง PCIe Gen3 SSD ที่สำคัญเลยก็คือใช้จอขนาด 15.6 นิ้ว แบบด้าน พาเนล IPS ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล มาตรฐาน Ultra HD 4K แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานหรูหราระดับสูงสุดของทาง ASUS ก็ว่าได้
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้น มีมาอย่างครบครัน ทั้ง USB 3.1 Type-A, HDMI, ช่องต่อหูฟัง และ Thunderbolt 3 อีก 2 พอร์ต ส่งผลให้การใช้งานนั้นครอบคลุมกว่าคู่แข่ง หรือถ้ากรณีที่จำเป็นต้องใช้ LAN ก็มีอแดปเตอร์แปลง ซึ่งทาง ASUS ก็บันเดิลมาให้แล้ว แน่นอนส่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ ที่สำคัญยังมาพร้อม Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac และ Bluetooth รุ่นล่าสุด ส่วนการรับประกันมีระยะ 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS พร้อมประกันอุบัติเหตุใน 1 ปีแรกอีกด้วย
- สเปก i7-8750H + GTX1050 +RAM 16GB + SSD 512GB + Ultra HD + Win10 ราคา 69,990 บาท
- สเปก i9-8959HK + GTX1050Ti +RAM 16GB + SSD 512GB + Ultra HD + Win10 ราคา 89,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์โดยรวมของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 นั้นจะดูเล็กกว่าและบางกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วรุ่นอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีขอบจอที่ค่อนข้างบางตามสไตล์ NanoEdge ที่ 7.3 มิลลิเมตรเท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา เรียกได้ว่าเทียบเท่าหน้าจอ 14 นิ้วรุ่นก่อนๆ ได้เลย ส่วนงานประกอบก็เป็นแบบ Unibody ที่แทบจะไร้รอยต่อเลยทีเดียว
ซึ่งการออกแบบออกมาได้ดูทันสมัยและเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น ในส่วนของมุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน ให้ผิวสัมผัสที่ดี รวมถึงแกนพับหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางดูแข็งแรงทนทานสุดๆ เลยทีเดียว ที่สำคัญเลือกใช้สีสันเอกลักษณ์อย่าง Deep Drive Blue ที่เป็นสีหลักร่วมกับการแซมสี Rose Gold ลงไป
พร้อมตัดขอบตัวเครื่องรอบๆ แบบ Daimond Cutting ขอบตัวเครื่องด้านหลังมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง โดยมีการเพิ่มคำว่า ZenBook Series ลงไป ส่วนขอบด้านหน้าก็ทำเว้าเพื่อให้เปิดจอได้ง่าย พร้อมกับติดตั้งไฟ LED แสดงสถานะการทำงานเอาไว้ด้วย
ส่วนวัสดุงานประกอบจะเป็นอะลูมิเนียมเกรดสูงทั้งหมด ทั้งในส่วนของสวนของตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องวัสดุจะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด โดยใช้เกรดยานอวกาศระดับพรีเมี่ยม ซึ่งโลหะเกรดนี้มีความแข็งแรงมากกว่าโลหะอัลลอยธรรมดาถึง 50% แสดงถึงความอุตสาหะเอาใจใส่ในรายละเอียดของการดีไซน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝาหลัง ตัวเครื่องด้านใน และใต้ตัวเครื่อง ทำให้มีทั้งความแข็งแรง
ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางของตัวเครื่องเพียง 18.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 1.88 กิโลกรัมเท่านั้น แต่มั่นใจได้ถึงความแข็งแแรงทนทาน และเวลาที่เราเอามือมาวางบนคีย์บอร์ดจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แถมเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างยากอีกด้วย ส่วนฝาหลังเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ ZenBook ที่ใช้มาตั้งแต่รุ่นแรกๆ ที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียมกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมโลโก้ ASUS ตามมาตรฐาน แม้ฝาหลังจะเป็นรอยนิ้วมือง่ายสักหน่อย อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องสักนิด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
ลำโพงออกแบบมาอยู่ด้านล่างตัวเครื่องของทาง Harman Kardonให้เสียงกังวาลรอบทิศทางดี ซึ่งถือว่าทำงานได้ดีในระดับหนึ่ง และในส่วนกล้องเว็บแคมก็ติดตั้งให้มาด้วยแบบ HD พร้อมไมค์ตัดเสียง และมีเซนเซอร์วัดแสงปรับจออัตโนมัติมาให้อีกด้วย แน่นอนว่ามี Windows Hello เพื่อเข้าใช้งานตัวเครื่องจะเป็นแบบสแกนลายนิ้วมือมาให้เป็นมาตรฐาน
นอกจากนี้ใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่มีช่องระบายอากาศให้เห็นเลย สำหรับ ASUS ZenBook Pro 15 UX580ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ ด้วยพัดลม 2 ตัว แยกการระบายความร้อนทั้งซีพียูและการ์ดจอ แม้จะมีพัดลมอาจจะไม่ได้หนาใหญ่เหมือน Gaming Notebook แต่ก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี
Keyboard / Touchpad
ทางด้านของคีย์บอร์ดของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 นั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกน้ำเงินเข้มเข้ากับตัวเครื่องสกรีนตัวอักษรเหลืองตัดกับปุ่ม ซึ่งมีการออกแบบมาให้ปุ่มมีขนาดใหญ่พอดีกับนิ้วมือ เป็นแบบ Chiclet มีระยะยุบ 1.5 มิลลิเมตร พร้อมความโค้งของปุ่มรับเข้ากับนิ้ว
ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น สัมผัสนุ่ม มีระยะห่างของปุ่มกำลังพอดี้ เพื่อให้มีความรู้สึกที่สะดวกสบายในการพิมพ์ กดแรงๆ ก็ไม่มีอาการแป้นยวบให้เห็นแต่อย่างใด แถมมีไฟ Backlit สามารถปรับได้ 3 ระดับ ซึ่งเมื่อเปิดใช้งานจะสะท้อนออกมาทางฟอนต์สีเหลืองดูสวยงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ส่วนของทัชแพดก็พิเศษสุดๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเป็น ScreenPad รุ่นแรกของโลก ที่นอกเหนือจะทำหน้าที่ทัชแพดแบบเดิมๆ ที่ซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวาแบบปกติแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนเป็นหน้าจอทัชสกรีนได้ อารมณ์แบบมือถือสมาร์ทโฟนเลย ด้วยสเปกหน้าจอเป็นขนาด 5.5″ ความละเอียด Full HD พาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง เทียบเท่าหน้าจอมือถือดีๆ ในปัจจุบันก็ว่าได้
ScreenPad
สำหรับ ScreenPad ถือว่าเป็นสิ่งใหม่จริงๆ โดย ASUS ZenBook Pro 15 UX580 จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นแรงของโลก โดย ScreenPad นั้น ทำหน้าที่เป็นทัชสกรีน พร้อมชิปประมวลผลแยกภายใน ช่วยนำเสนอรูปแบบใหม่ในการทำงานร่วมกับโน๊ตบุ๊ค มีฟังก์ชั่นการใช้งานอันชาญฉลาดที่ปรับการทำงานตัวเองให้เข้ากับการทำงานของผู้ใช้ ช่วยการทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้เปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล
ทั้งนี้ยังสามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ด้วยการลากนิ้วจากขอบ ScreenPad ด้านบนลงมา ได้แก่ โหมดเครื่องคิดเลข, Music Player, NumKey เปลี่ยนการทำงานของสกรีนแพดเป็นคีย์แพดตัวเลข, แถบเมนูลัด (Launcher)ให้ผู้ใช้สามารถเปิดและเปลี่ยนการใช้งานแอพพลิเคชั่นบนเดสก์ทอปได้ และใช้งานฟีเจอร์เด็ดอย่าง ASUS Sync (หรือจะปิดหน้าจอให้เป็นสีดำแบบไม่ขึ้นโลโก้อะไรเพื่อใช้งานทัชแพดปกติก็ทำได้)
การทำงานของ ASUS Sync เพื่อการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน สามารถแชร์หน้าจอโทรศัพท์ไปยังหน้าจอหลักและ ScreenPad ช่วยแจ้งเตือนเมื่อได้รับข้อความใหม่และรับสายเข้าหรือโทรออกได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งนี้ เมื่อ ScreenPad อยู่ในโหมด Screen Extender ตัว ScreenPad จะทำหน้าที่เป็นจอที่สองของหน้าจอหลัก ช่วยในการมัลติทาสกิงและสร้างสรรค์งานร่วมกับโปรแกรม Microsoft Word, Excel และ PowerPoint และแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมายที่จะตามมาในอนาคต
ScreenPad ยังทำงานร่วมกับเว็บบราวเซอร์อย่าง Chrome ในการเล่นเพลงบน Youtube โดยทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมวีดีโอ ผู้ใช้สามารถเลือกเลื่อนเพลงได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ทั้งนี้สกรีนแพดจะถูกอัพเดทให้อยู่ในเวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เสมอ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นใหม่ๆได้จาก Windows Store ซึ่งได้เปิดกว้างให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ได้อย่างอิสระ นับว่า ASUS ได้นำเสนอออกมาใช้งานได้จริง เพิ่มประสบการณ์ที่ดีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
Screen / Speaker
ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ได้ติดตั้งหน้าจอด้านขนาด 15.6″ ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล มาตรฐาน Ultra HD 4K พาเนล IPS คุณภาพสูงมาก (ใช้งานจริงแนะนำที่การสเกล 250% เพื่อความเรียบเนียน) การแสดงผลของสีเป็นแบบใกล้เคียง 100% sRGB และมีมุมมองกว้างถึง 178 องศา ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่น่าประทับใจมาก เรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง และการที่ใส่ยางขอบจอแบบติดเนียนตามตลอดแนวขอบจอเลย ทำให้ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ยังมีจุดเด่นอย่างขอบหน้าจอ NanoEdge มีขนาดความบางเฉียบ ซึ่งทำให้ตัวเครื่องมีมิติเล็กลงไปอีก รวมไปถึงยังมีตัวเลือกเป็นหน้าจอทัชสกรีน พร้อมรองรับ ASUS Pen อีกด้วย หน้าจอยังได้รับรองตามมาตรฐาน PANTONE Validated สำหรับความเป็นที่สุดในเรื่องความแม่นยำของสี พร้อมการันตรีด้วยค่า Delta E ที่ต่ำมั่นใจได้ว่าสีและแสงจะแม่นยำและถูกต้องอย่างที่สุด
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 95% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นดีมากกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ซึ่งมีความเที่ยงตรงของสีสูง ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 350 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ ทำให้เมื่อคาลิเบตหน้าจอแล้วสามารถไปทำงานภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงได้โอเคเลยทีเดียว
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าแถงบนกลางจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ 350 cd/m2 แต่สำหรับช่องแถวบนด้านซ้ายเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงแค่ระดับ 6% เท่านั้น ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ลำโพง 2 ตัว ระบบเสียง Harman/Kardon ให้ที่เสียงที่ดีมาก ผ่านตัวซอฟต์แวร์ ASUS SonicMaster ทั้งในเรื่องของเสียงเบสที่มีน้ำหนัก เสียงกลางที่สมดุล และเสียงแหลมที่ออกมาใสๆ พร้อมทั้งความดังและกังวาลที่มากกว่า พูดเลยว่ามีโน๊ตบุ๊คเพียงไม่กี่รุ่นที่ทำเสียงออกมาดีได้ขนาดนี้ ซึ่งตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีเสียงดังฟังชัด
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง ASUS ZenBook Pro 15 UX580 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีพอร์ทมาให้ครบครับใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-A Gen 2 จำนวน 2 พอร์ต, และ Thunderbolt 3 อีกจำนวน 2 พอร์ต พร้อมช่องต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร 1 ช่อง รวมไปถึงมี microSD Card Reader ขนาดมาตรฐาน, HDMI และช่องเสียบอแดปเตอร์ (บันเดิล USB > LAN มาให้ด้วย) ในส่วนของการเชื่อมต่อไร้สายจะใช้ Bluetooth 5 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ac Dual-band พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น
ส่วนการพกพาเองก็ถือว่า ASUS ZenBook Pro 15 UX580 มีน้ำหนักตัวค่อนข้างเบาที่ 1.88 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วตัวอื่นๆ ที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่สูง ซึ่งโดดเด่นกว่าก็คือมิติตัวเครื่องเล็กลงมาก อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมในเรื่องการพกพาไปไหนมาไหน แม้ว่าถ้ารวมอแดปเตอร์ 150 Watt แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 2.2 กิโลกรัม ก็พอที่จะใส่กระเป๋าและเอาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ไม่ยากเย็นอะไร
Performance / Software
ASUS ZenBook Pro 15 UX580 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 รุ่นแรงที่สุด อย่าง Intel Core i9-8950HK ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.9 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.8 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads ที่ 12 MB L3 Cache นับว่าเหนือชั้นกว่า Core i7-8750H ทั้งความเร็ว ชุดคำสั่ง และ Cache
อย่างไรก็ตามจากการใช้งานจริงๆ ความเร็วที่เมื่อ Turbo Boost ไปจะอยู่ที่ระดับ 3.6 – 4 GHz ไม่ได้พุ่งไปถึง 4.8 GHz แต่อย่างใด และจะคงที่แบบเสถียรๆ ที่ 3.0 GHz เสียมากกว่า กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ชิปประมวลผล Core i9 มันร้อนมาก แต่ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 สามารถรักษาความเร็วได้คงที่ ด้วยวิธีการเพิ่ม Turbo Boost เป็นสั้นๆ เท่านั้น
โดยแรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าตามทฤษฎีแรงกว่ารุ่นยอดนิยมอย่าง Intel Core i7-8750H พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 16GB DDR4 แบบ 8GB x 2 แถว ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง (เหมือนรุ่น Core i7-8750H) อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 630 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
โดยมีกราฟิกการ์ดจอแยกสุดฮิตอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 970M แบบรู้สึกได้ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว ซึ่งในส่วนนี้จะพาไปดูผลทดสอบของเกมต่างๆ อีกที ซึ่งการที่ไม่ติดตั้งการ์ดจอที่แรงกว่านี้มา น่าจะเป็นเรื่องของความร้อนที่อาจจะไม่สามารถควบคุมได้
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่น Core i7-8750H เหมือนว่าจะน้อยกว่านิดหน่อย คาดว่าตัวของซอฟต์แวร์ทดสอบอาจจะไม่รองรับ 100% รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงเทียบเท่า GTX 1050Ti รุ่นอื่นๆ เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับกลาง ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
วเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 5126GB แบบ M.2 NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 2383MB/s และเขียนที่ 1359MB/s
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 4,631 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ จากการที่เป็นโน๊ตบุ๊คการ์ดจอแยก ทำให้มีคะแนนพุ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมาก อย่างไรก็ตามคะแนนรวมอาจจะสูง Gaming Notebook ที่ใช้สเปก Core i7 + GTX 1060 หรือ GTX 1070
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 5 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i9-8950H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 16GB DDR4 รวมไปถึง SSD NVMe ก็ส่งผลช่วยด้วย
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง FarCry 5 / BF1 / PUBG ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งถ้าปรับเป็นหน้าจอความละเอียดแบบ Native ที่ 3840 x 2160 พิกเซล มาตรฐาน Ultra HD 4K ไม่ไหวอย่างแน่นอน โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว
เกมออนไลน์มาตรฐานอย่าง DOTA 2 / Overwatch ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 100 ขึ้นไปตลอด ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ แบบไร้กังวล
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน จากการทดสอบใช้งานจริง สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ประมาณ 5 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) ซึ่งน้อยกว่าที่เคลมเอาไว้ที่ 9 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามถือว่าใช้งานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแล้วล่ะ อย่างลืมว่านี่ใช้ชิปเป็น Core i9 นะ ส่วนช่องระบายของเจ้าโน๊ตบุ๊คตัวนี้จะอยู่ด้านบนบริเวณแกนพับหน้าจอ โดยออกแบบให้ซ่อนตัวเอาไว้ด้านหลังติดกับกรอบอะลูมิเนียมของเครื่องเวลาพับจอก็ไม่เห็นช่องระบายความร้อนเลย
ทางด้านอุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 40 + องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 100 องศาเซลเซียสสำหรับชิปประมวลผล ส่วนการ์ดจออยู่ที่ 90 องศาเซลเซียส นับว่าเรื่องระบบระบายความร้อนของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีประมาณนึง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก ASUS ที่ออกแบบมาค่อนข้างดี อีกทั้งบอดี้อะลูมิเนียมที่ยกตัวขึ้นก็ช่วยระบายความร้อน และอย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i9-8950HK นั้น ถือว่าประสิทธิภาพสูงมาก ที่แม้ว่ามีอุณหภูมิที่สูงระดับ 100 องศาอยู่ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด รวมไปถึงตัวเครื่องก็ไม่ได้ร้อนจนรบกวนการใช้งานด้วย
Conclusion / Award
เรียกได้ว่า ASUS ZenBook Pro 15 UX580 เป็นโน๊ตบุ๊คโน๊ตบุ๊คสายหรูโหดโคตรจริงจัง เน้นประสบการณ์ใช้งานประสิทธิภาพอีกหนึ่งรุ่นที่พร้อมชนกับ Dell XPS 15 หรือ MacBook Pro 15 ที่มีความเจ๋งยิ่งกว่าตรงที่ชิปประมวลผลมีรุ่น Core i9-8950HK และการ์ดจอ GTX 1050Ti ที่สามารถใช้งานได้จริง แม้ว่าความร้อนจะสูงหน่อยและดึงประสิทธิภาพได้ออกมาไม่ 100% แต่ก็รองรับการทำงานประมวลผลที่หนักๆ หรือหลากหลายพร้อมๆ กัน และความบันเทิงทั่วไปอย่างดูหนังฟังเพลงก็ตอบโจทย์ทั้งหมด จากความแรงของมันทำให้เหมือนเรายก Desktop PC สเปกเทพๆ ไปใช้งานตลอดเวลาเลยล่ะ
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ก็อาจจะมีความใกล้เคียงกัน ถ้างบไม่เกี่ยงก็น่าจัดมาใช้งานมากๆ รองรับงานทั่วไปลื่นหัวแตก การเล่นเกมก็สบายๆ หายห่วงเลย แต่อาจจะปรับไม่สุดทุกเกมนะ เห็นแก่ความบางมันหน่อย ที่ต้องระบายความร้อน รวมไปถึงการเล่นเกมนั้นปรับแค่ Full HD ก็พอ เพราะ Ultra HD ไม่สามารถขับไหวกับการ์ดจอรุ่นนี้ แม้ว่าสำหรับชิปประมวลผล Core i9 จะแรงเหลือๆ แต่การใช้เล่นเกมจริงๆ เน้นที่การ์ดจอมากกว่า
บอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า ASUS ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ล้ำหน้า งานประกอบและวัสดุที่เยี่ยมยอด ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงระบบระบายความร้อนที่ดีแบบเอาอยู่ ต่างจากบางแบรนด์ที่ใส่ Core i9 มาแต่ใช้งานไม่ได้จริง แน่นอนว่ามี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งาน รวมไปถึงแม้อาจจะไม่ On-site Service แต่ก็สะดวกไม่แพ้กันด้วย ประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก ที่เราสามารถฝากเคลม – รับคืนผ่านทางร้าน 7-11 ได้
สรุปแล้ว ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานจริงจังที่เน้นประสิทธิภาพการประมวลและความสวยงามหรูหรา ต่างจาก Gaming Notebook ที่เน้นความแรงของการ์ดจอ และรูปลักษณ์ที่ดุดันพร้อมไฟ RGB หลากสีสัน ฉะนั้นถ้าใครจะซื้อมาเน้นเล่นเกมเป็นหลัก มองข้ามตัวนี้ไปเลย แนะนำเป็นตระกูล ROG จะเหมาะกว่า
แต่ถ้าใครเน้นทำงาน พกพาไปน้อยสถานที่ แบบเน้นความแรงของชิปประมวลผลสูงๆ โดยที่บางโอกาสก็เล่นเกมบ้าง ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ก็ตอบโจทย์เป็นรุ่นแรกๆ ก็ว่าได้ ที่สำคัญยังล้ำหน้าด้วย ScreenPad ที่เป็นรุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งมาพร้อมใช้งานอีกด้วย กับราคารุ่น Core i9 อยู่ที่ 89,990 บาท ที่ต้องบอกว่าไม่แพงเลย หรือถ้าให้พูดจริงๆ คือ โน๊ตบุ๊คชิป Core i9 ที่ถูกที่สุดในตลาดด้วยซ้ำ
แต่ถ้าใครงบไม่ถึงจริงๆ ก็ลองดูเป็น ASUS ZenBook Pro 15 UX580 รุ่น Core i7 ที่ได้การ์ดจอเป็น GTX 1050 กับราคา 69,990 บาท ถูกกว่า 20,000 บาท ซึ่งรายละเอียดสเปกอื่นๆ ก็เหมือนกันหมด ก็พอที่จะใช้งานไม่ต่างกันมาก ในเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก เว้นแต่วัดประสบการณ์ใช้งานกันหมัดต่อหมัดก็จะเห็นว่ารุ่น Core i9 เหนือชั้นกว่าเยอะ โดยแรงกว่าประมาณ 10+ แล้วแต่ก็ใช้งาน
จุดเด่น
- ติดตั้ง ScreenPad รุ่นแรกของโลกเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คไปตลอดกาล
- เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้ว แต่มีขนาดตัวเครื่องเล็กเทียบเท่ารุ่นหน้าจอ 14 นิ้ว
- หน้าจอความละเอียด 4K Ultra HD พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยสด สมบูรณ์ที่สุดรุ่นหนึ่ง
- ขอบจอบางเฉียบด้วย เทคโนโลยี NanoEdge บางพิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- หน้าจอแสดงผลขอบเขตสีใกล้เคียง 100% sRGB มีความผิดเพี้ยนน้อยมาก
- ใช้งานจริงลื่นไหลแบบสุดๆ ด้วย Core i9-8950HK + GTX 1050Ti
- คีย์บอร์ดสวยงามมีไฟใช้งานได้จริง กดเด้งรับกับนิ้วเป็นอย่างดี
- น้ำหนักเบากว่าเดิม วัสดุตัวเครื่องคุณภาพสูงทั้งตัว
- พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน มี Thunderbolt 3 มาให้ด้วย 2 พอร์ต
- ลำโพง Harman/ Kardon ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง
- มาพร้อมสแกนลายนิ้วมือ ใช้งานผ่านทาง Windows Hello
- มี Windows 10 แท้มาให้พร้อมใช้งานทันที
- ประกัน 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ 1 แรก เคลมผ่าน 7-11 ได้
- บันเดิล USB > LAN มาให้เลย
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยม
- ความร้อนค่อนข้างสูง จากการที่เป็นสเปก Core i9-8950HK
- ประสิทธิภาพการใช้งาน จากการที่ร้อนเกิน ทำให้ดึงความแรงไม่ได้ 100%
- แบตเตอรรี่ใช้งานได้ 5 ชั่วโมง
- ความละเอียด 4K Ultra HD ไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกมในเครื่องนี้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Performance
ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ใช้ ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i9-8950HK ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ที่ 12 MB L3 Cache ความเร็ว 2.9 – 4.8 GHz และการ์ดจอเป็น GTX 1050Ti ประสิทธิภาพไว้ใจได้ แรงเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไปหรือใช้งานหนักๆ เทียบเท่า Desktop PC สเปกเทพๆ มีที่เก็บข้อมูลรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.3 NVMe โดยตามสเปกได้ติดตั้งมาแล้วที่ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 16GB แบบ DDR4 ลื่นไหลที่สุดอย่างไร้กังวล รองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ ZenBook มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ สีบอดี้วยสีสันอย่าง Deep Drive Blue สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งมีแนวคิดมาจากท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ พร้อมแซมด้วยสี Rose Gold ชมพูทองเพิ่มสีสันให้กับรายละเอียดรอบนอกเครื่องแบบ Diamond-cut ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ แถมยังมีขอบจอบางสุดๆ อีกด้วย
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา กับรุ่นขนาดหน้าจอ 15.6″ ทั้งในความบางเพียง 18.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.88 กิโลกรัม ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก รวมน้ำหนักแล้วยังไม่ถึง 2.2 กิโลกรัม เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Technology
สุดทางจริงๆ สำหรับหน้าจอแสดงผลของ ASUS ZenBook Pro 15 UX580 ที่เป็นหน้าจอขนาด 15.6″ บนความละเอียด Ultra HD พาเนล IPS ระดับสูงใกล้เคียง sRGB 100% ที่ทำให้ประสบการณ์ใช้งานหน้าจอของเราสมบูรณ์แบบด้วยความเรียบเนียนไม่เห็นรอยหยัก ด้วยการ เพิ่มสเกลหรือจะปรับให้เป็น Native เพื่อพื้นที่การทำงานก็ทำได้ ที่สำคัญด้วย ScreenPad ทำให้เราเปลี่ยนประสบการณ์ใช้งานโน๊ตบุ๊คแบบเดิมๆ ไปตลอดกาล กับหน้าจอที่สองที่ทำอะไรได้มากกว่าทัชแพดแบบที่โน๊ตบุ๊คทั่วไปเคยมีมา