หลังจากที่ ASUS ได้เปิดตัวซีรีย์ VivoBook มาตั้งแต่ปี 2017 และในคราวนี้ช่วงครึ่งหลังปี 2018 ASUS ก็ได้เปิดตัวรุ่นน้องใหม่น้องเล็กสุดประจำตระกูล VivoBook ทั้งหลายที่ยังคงดีไซน์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือจอใหญ่ขึ้น ราคาถูกลง ไว้ตอบโจทย์สำหรับใครที่ต้องการโน๊ตบุ๊คทำงานจอใหญ่ น้ำหนักเบาไว้พกพาไปไหนมาไหน ซึ่งตัวเครื่องจอใหญ่ 15.6 นิ้วแต่หนักไม่ถึง 2 กิโล อีกทั้งการออกออบแบบที่ดูเรียบง่าย วัสดุงานประกอบคุณภาพสูง สเปคที่ได้ก็ถือว่าโอเคตามราคา จะเอามาทำงานก็ลื่นไหล เล่นเกมก็พอได้บ้าง และมีหลายสีให้เลือกสรรหากัน
โดย ASUS VivoBook 15 X510UF รุ่นที่ทีมงาน NBS ได้มารีวิวนั้นจะมีชื่อรุ่นเต็มๆ ว่า ASUS VivoBook 15 X510UF BR130T สเปคเบื้องต้นเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 15.6 นิ้ว ทีดูด้วยตาเปล่าคิดว่า 14 นิ้ว เพราะมีขอบที่บางมากเพียง 7.8 mm ดูหรูหรา และขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด น้ำเพียง 1.7 กิโล แถมบอดี้พลาสติกเกรดดีทั้งตัว รีวิวและการทดสอบประสิทธิภาพจะเป็นยังไงบ้างไปดูที่ด้านล่างได้เลยครับ
Specifications
สเปคภายในของตัว ASUS VivoBook 15 X510UF จะคล้ายกับกลุ่มโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ดีโดดเด่นสุดๆ เลยคือหน้าจอ NanoEdge ขอบบางเพียง 19.8 mm ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD 1366 x 768 พิกเซล พาเนล TN พอใช้งานได้ทั่วไป ส่วน ด้าน CPU เลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-8250U ความเร็ว 1.6 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 3.4 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 Core/ 8 Thread ซึ่งแน่นอนว่าแรงกว่ารุ่นเดิมเยอะกว่าพอสมควรเลยทีเดียวครับ
ส่วน Ram ก็ติดตั้งมาให้ขนาด 4 GB DDR4 Bus 2400 อาจจะดูน้อยไปนิดเมื่อเอามาทำงานหนักๆ ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX130 (2GB GDDR5) ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดีระดับหนึ่ง พอเล่นเกมออนไลน์ได้ สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 1 TB 5400 RMP แบบ SATA 3 ที่สำคัญตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว เปิดเครื่องอัปเดตแล้วใช้งานได้เลย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น โดยสนนราคาอยู่ที่ 18,900 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปีเต็ม
- ASUS VivoBook 15 X510UF BR417T สเปค i3-8130U + MX130 ราคา 15,800 บาท
- ASUS VivoBook 15 X510UF BR130T สเปค i5-8250U + MX130 ราคา 18,900 บาท **รุ่นที่รีวิว
- ASUS VivoBook 15 X510UF BR425T สเปค i7-8550U + MX130 ราคา 22,900 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ ASUS VivoBook 15 X510UF ยังคงคล้ายคลึงกับรุ่นก่อนหน้านี้ที่เป็น S15 รุ่นพี่ โดยตัวที่ทีมงาน NBS ได้มาเป็นรุ่นกลางที่เป็น Core i5 สี Star Grey ออกเทาๆ ซึ่งตัวบอดี้โดยรวมจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วอื่นๆ อยู่อย่างเห็นได้ชัด เนื่องด้วยมีขอบจอที่บางมากเพียง 7.8 mm ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ขนาดเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นที่เป็น 14 นิ้วเลยทีเดียว งานประกอบวัสดุก็ยังคงมาตรฐานเดิมที่ใช้วัสดุเป็นพลาสติกให้ผิวสัมผัสที่ดี ไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย ฝาหลังก็จะมีโลโก้ ASUS อยู่ตรงกลางและทำเป็นลายวงๆ เหมือนหม้อหุงข้าวตามสไลต์ ASUS
แกนฝาพับตัวเครื่องเป็นแบบแกนเดี่ยวแข็งแรงทนทาน ไม่มีอาการง่อนแง่นแต่อย่างใดสมกับเป็นซีรีส์ VivoBook ที่มีงานประกอบยอดเยี่ยม ด้านใต้ตัวเครื่องก็จะเรียบๆ ไม่มีอะไร แต่การแกะอัปเกรดทำได้ค่อนข้างง่าย เพียงไขน็อตออกทุกตัวแกะและอย่าลืมตัวเครื่องมีน็อตตรงยางรองด้วย ส่วนด้านในวัสดุตรงแผงหน้าจอก็จะเป็นสีดำด้านปกติมีกล้องอยู่ด้านบนพร้อมไมค์ตัดเสียง 2 ตัว คีย์บอร์ดเป็นไซต์มาตรฐานปุ่มกดสีดำ พิมพ์แล้วมันมือใช้ได้ โดยรวมแล้วการดีไซน์ถือว่าสอบผ่านสบายๆ ที่สำคัญคือมี Fingerprint ไว้สแกนลายนิ้วมือเพื่อระบบรักษาความปลอดภัยอีกด้วย
Keyboard / Touchpad
ASUS VivoBook 15 X510UF วัสดุบอดี้ตรงคีย์บอร์ดก็จะเป็นพลาสติกเช่นเดียวกับบอดี้ฝาหลังและตัวเครื่องทั้งหมด ส่วนตัวปุ่มเป็นสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาวไซต์มาตรฐานปกติ ตัด Numpad ทิ้งไปเพื่อให้ตัวเครื่องมีมิติที่เล็กลงเท่ากับเครื่องจอ 14 นิ้ว ในส่วนการสัมผัสให้การสัมผัสที่นุ่มกำลังดีไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป การตอบสนองเด้งได้รวดเร็ว ช่องว่างระหว่างแป้นก็ทำได้ รวมถึงทดลองกดแรงๆ แป้นก็ไม่มีอาการยวบยาบให้เห็นแต่อย่างใด ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมบนขวากลืนไปกับคีย์บอร์ด ซึ่งต้องระมัดเผลอไปกดโดนได้ แต่ที่น่าเสียดายคีย์บอร์ดรุ่นนี้ไม่มีไฟ Backlit มาให้
ตัวทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ดีไซน์ออกมาเป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวา พร้อมตัดขอบอะลูมิเนียมสวยงาม การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ลื่นไหลไม่มีติดขัด ส่วนตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชสองนิ้วสามนิ้วได้อย่างไม่มีปัญหา แถมมีปุ่ม Fingerprint ที่มุมบนขวาด้วย
Screen / Speaker
ทางด้านหน้าจอของ ASUS VivoBook 15 X510UF ได้ติดจอตั้งจอด้านขนาด 15.6 นิ้ว มีขอบที่บางมากเพียง 7.8 มิลลิเมตร ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล HD Panel TN ธรรมดามุมมองแคบ การแสดงผลของสีเป็นแบบ 57% sRGB เพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป ไม่ได้โดดเด่นเหมือนพวกจอ IPS ที่จะให้มุมมองภาพที่กว้างกว่า ส่วนกล้องจะอยู่ที่ด้านบนตรงกลางหน้าจอความละเอียด VGA พร้อมไมค์ตัดเสียงสองตัว
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ระบบเสียงของ SonicMaster ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง มีทั้งเสียงเบสที่มีน้ำหนัก ไม่ใช่ใส่แต่เสียงกลาง เสียงแหลมออกมาอย่างเดียว โดยตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ทำให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควร แยกรายละเอียดได้ซ้ายขวาได้ดี โดยรวมถือในส่วนของลำโพงถือว่าทำออกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ราคาใกล้เคียงกันอย่างรู้สึกได้เลย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS VivoBook 15 X510UF ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล TN ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 57% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นอยู่ในระดับธรรมดาทั่วๆ ไปตามราคา ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 210 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ หากใครที่จะนำไปใช้งานตกแต่งภาพแบบจริงๆ จังๆ อันนี้ไม่แนะนำเท่าไรครับ
สรุปสุดท้ายด้วยคะแนนรวมทั้งหมดโดยตัวเครื่อง ASUS VivoBook 15 X510UF รุ่นใหม่ล็อตใหม่ก็ได้คะแนนไป 2.5 คะแนน ซึ่งเมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ตามราคาครับ
Connector / Thin And Weight
ASUS VivoBook 15 X510UF ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.0 จำนวน 1 พอร์ต(น่าจะให้มาสักสอง), พอร์ต USB 2.0 อีก 2 พอร์ต, USB 3.1 Type C, HDMI, รูเชื่อมต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, SD Card Reader และ Fingerprint ส่วนการเชื่อมเชื่อมต่อไร้สายก็รองรับทั้ง Wireless 802.11ac มาตราฐานใหม่ปบบ 2×2 กับ Bluetooth 4.2 ส่วนถ้าหากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาใช้กันเอาเองนะครับ
ขนาดของโน๊ตบุ๊คตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อยข้างเล็กขนาดเพียง 361.4 x 243.5 x 19.4 mm ตัวตัวเครื่องหนาไม่ถึง 2 cm โดยมีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.7 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ ไม่เกิน 1.9 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่ง ASUS VivoBook 15 X510UF ออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบนั่นเองครับ
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง ASUS VivoBook 15 X510UF นั้นสามารถทำได้ง่าย แต่อาจจะยุ่งยากนิดหนึ่งสำหรับคนที่ไม่เคยแกะ เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นและตัวเครื่องมีน็อตซ่อนอยูตรงที่ยางรองด้านล่างด้วย 2 จุด รวมจากที่เห็นบนตัวเครื่อง 10 จุด รวมเป็นมีน็อตทั้งหมด 12 ตัว ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว ต้องใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากหลังมาหน้า ค่อยๆ ทำอย่าใจร้อน ไม่อย่างนั้นเกลียวฝาหลังอาจจะหักได้ โดยเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างชัดเจนตามรูปเลย
การวางเลย์เอาท์ฮาร์ดแวร์ของเจ้าเครื่องนี้ทำได้ดูดีเลยที วางแบ่งจัดปั่นส่วนได้ดี ซึ่งในส่วนที่สามารถทำการอัปเกรดไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยน HDD SATA ขนาด 2.5 นิ้วธรรมดาเป็น SSD หรือใส่ SSD m.2 SATA 3 (ไม่รองรับเป็นแบบ NVMe) เข้าไปเลยก็ได้ หรือ Ram ที่สามารถใส่ได้สูงสุด 2 แถว โดยตัวเครื่องใส่มาให้แล้ว 4 GB DDR4 Bus 2400 1 แถว ส่วนเรื่องระบายความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 1 เส้น วางพาดยาวไล่ไปทั้งชิพการ์ดจอและตัวซีพียูเอง ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 1 ตัว ตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คสเปคทั่วๆ ไป
Performance / Software
ASUS VivoBook 15 X510UF เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-8250U ซึ่งเป็นชิปประมวลแบบประหยัดพลังงาน มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.6 GHz สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.4 GHz นะครับ เป็น CPU แบบ 4 Core/ 8 Thread เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ มาพร้อม Ram ภายในขนาด 4 GB Bus 2400 โดยสามารถอัพได้สูงสุด 16 GB
ด้านของการ์ดจอที่ติดตั้งมาให้จะมีสองตัวด้วยกัน คือการ์ดจอออนบอร์ดและการ์ดจอแยกจาก NVIDIA ซึ่งการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็น Intel UHD Graphic 620 สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง ส่วนการ์ดจอแยกจาก NVIDIA GeForce MX130 ขนาด 2 GB DDR5 สามารถรองรับการประมวลผลกราฟิกได้ดีในระดับหนึ่งพอเล่นเกมยุคปัจจุบันได้บ้าง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงใช้ได้เลยทีเดียว เรียกได้ว่าตัว i5-8250U ประสิทธิภาพทำได้เกือบพอๆ กับ i7-3840QM เลยทีเดียว สามารถนำมาทำงานหนักๆ หรือเล่นเกมก็ได้สบายๆ
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1 TB แบบความเร็ว 5400 รอบที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 52.5 MB/s และสูงสุดที่ 133.3 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 99.8 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 19.9 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ได้ออกมาอยู่เกณฑ์ที่ดีเลยทีเดียว ไม่แกว่งมาก
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 2,618 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานพีซีทั่วไปนั่นสอบผ่านแบบสบายๆ แต่ถ้าใช้งานหนักๆ อาจจะต้องเพิ่ม Ram เป็น 8 GB และใส่ SSD m.2 เพิ่มเข้าไปด้วย
ในส่วนถัดไปทีมงานจะมาทดสอบในการเล่นเกมกันบ้างกับเกมยอดนิยมทั้ง 2 เกมหลักๆ ที่ตัวเครื่อง ASUS VivoBook 15 X510UF พอเล่นได้ จะเป็นอย่างไรกันบ้างกับ ไปดูกันเลยครับ
จากกราฟจะเห็นได้ว่าทีมงานได้ทดสอบเฉพาะเกมออนไลน์ที่ไม่ได้กินสเปคเครื่องมากอย่าง DOTA 2 และ Overwatch ซึ่งตัวเครื่อง ASUS VivoBook 15 X510UF ก็สามารถเล่นได้มีค่า FPS เฉลี่ยนที่ 60 เฟรมขึ้นไป เมื่อปรับแบบ Low-Medium บนความละเอียด HD ตาม Native หน้าจอ แต่มีข้อสังเกตคือเกม Overwatch เฟรมที่ได้ค่อนข้างแกว่งเพราะตัวเครื่องมี Ram เพียง 4 GB ทำให้บางจังหวะที่เอฟเฟคเยอะๆ มีอาการกระตุก แนะนำว่าหากใครที่จะนำมาใช้งานเล่นเกมหรือกราฟิคหนักๆ ควรเพิ่ม Ram อีก 4 GB เป็น 8 GB จะดีมากครับ (ตัวเครื่องมี Ram 2 Slot ใส่เพิ่มได้อีก 1 Slot)
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS VivoBook 15 X510UF เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3 Cells 42 Whrs สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ถึง 7 ชั่วโมง 57 นาทีเลยทีเดียว ในการต่อ Wi-fi ดู YouTube ปกติ บอกเลยครับว่าพกพาไปทำงานข้างนอกได้สบายๆ หายห่วงไม่ต้องกลัวแบตหมด
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับ ASUS VivoBook 15 X510UF เครื่องนี้ที่พัดลมระบายความร้อน 1 ตัว ช่องระบายความร้อน 1 ช่องเรียกได้ในระดับโอเคใช้ได้ ซึ่งเมื่อใช้เล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ จะมีอุณหภูมิสูงสุด 88 องศาสำหรับ CPU และ 82 องศาสำหรับ GPU แต่หากใช้งานทั่วไปดูหนังฟังเพลงอุณหภูมิไม่เกิน 80 องศาแน่นอนครับ
Conclusion / Award
สำหรับ ASUS VivoBook 15 X510UF รุ่นน้องเล็กราคาย่อมเยาจัดได้ว่าก็เป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งในส่วนของความบางที่ตัวเครื่องหนาเพียง 19.4 mm น้ำหนักเพียง 1.7 กิโลกรัม แถวได้จอใหญ่สะใจ 15.6 นิ้วแบบขอบจอบาง เรียกได้ว่าหายากมากในตลาดปัจจุบันกับราคาค่าตัวเพียง 18,900 บาท บวกกับสเปคที่คุ้มค่าอย่าง i5-8250U รุ่นใหม่ล่าสุ + การ์ดจอ MX130 ที่พอใช้งานทั่วๆ ไปได้ และเรื่องของการดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ ที่ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นอื่นที่ราคาใกล้เคียวกับพอสมควร และที่สำคัญเลยคือแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานมาก ราวๆ ประมาณ 8 ชั่วโมงเมื่อต่อ Wifi ดู YouTube
นอกจากนี้ยังมี Windows 10 มาให้ในตัวเครื่องเลย เปิดเครื่องต่อเน็ตอัปเดตใช้งานได้เลย และที่โดดเด่นกว่าใครเขาคือมี Fingerprint สแกนนิ้วมือมาให้ด้วย เวลาปลดล็อคเครื่องเอานิ้วแตะใช้งานได้เลย รวดเร็วปลอดภัย ส่วนข้อสังเกตตัวเครื่องที่เห็นได้ชัดเลยคือ ASUS VivoBook 15 X510UF ยังให้ คงให้ Ram เครื่องมาเพียง 4 GB ซึ่งหากใครใช้งานหนักๆ ไม่พอแน่นอน แต่ ASUS ก็ยังใจกว้างที่ใส่ Ram เพิ่มได้อีก 1 Slot และ Ram ที่ตัวเครื่องให้มาไม่ใช่แบบ Onboard จอความละเอียด HD และเรื่องพอร์ต USB 2.0 ที่ให้มาสองพอร์ตอยู่ ทั้งที่ปี 2018 ควรเป็น USB 3.0 ทั้งหมดได้แล้ว
อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยราคา ASUS VivoBook 15 X510UF ที่เปิดตัวมานั้นเพียง 18,900 บาทเท่านั้น พร้อมประกัน 2 ปีเต็ม ซึ่งดูจากราคาเพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะมองข้ามปัญหาเหล่านี้ไปได้ ซึ่งถ้าใครมีงบเพิ่มก็เอาไปอัปเกรดเพิ่มเติมกันได้ทั้ง Ram และ SSD m.2 SATA 3 จะได้ใช้งานกันฟินๆ เต็มประสิทธิภาพเครื่องนั่นเองครับ
ข้อดี
- ตัวเครื่องน้ำหนักเบาเพียง 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น และอแดปเตอร์ก็มีขนาดเล็กพกพาสะดวก
- สเปคที่ได้เป็นค่อนข้างโอเคเมื่อเทียบกับราคาได้ทั้ง i5-8250U + MX130
- ตัวเครื่องสามารถอัปเกรด Ram + SSD m.2 SATA 3 เพิ่มได้
- หน้าจอ 15.6 นิ้วขอบบาง NanoEdge ทำให้มิติตัวเครื่องเหมือนโน๊ตบุ๊คไซต์ 14 นิ้ว
- แบตเตอรรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 8 ชั่วโมง เมื่อนำมาต่อ Wifi ดู YouTube
- มาพร้อมกับ Windows 10 แท้
ข้อสังเกต
- ไม่มีพอร์ต Lan มาให้ หากจำเป็นต้องใช้ ต้องซื้ออแดปเตอร์เพิ่ม
- Ram ตัวเครื่องให้มาเพียง 4 GB
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS VivoBook 15 X510UF ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ด้วยเจ้าตัว ASUS VivoBook 15 X510UF มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม เรียบง่าย เรียบหรู ดูแพง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และตัวบอดี้เองก็ทำมาจากอลูมิเนียมทั้งหมดดูแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา แถมยังมีขอบหน้าจอที่บางสุดๆ อีกด้วย
Best Mobility
ASUS VivoBook 15 X510UF ในของการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 19.4 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.7 กิโลกรัม ถือว่าหาได้ยากมากกับโน๊ตบุ๊คจอ 15.6 นิ้วที่ได้มิติตัวเครื่องแบบนี้ ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ แถมแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานได้ประมาณ 8 ชั่วโมง
Specifications
สเปคภายในของตัว ASUS VivoBook 15 X510UF จะคล้ายกับกลุ่มโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ดีโดดเด่นสุดๆ เลยคือหน้าจอ NanoEdge ขอบบางเพียง 19.8 mm ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด HD 1366 x 768 พิกเซล พาเนล TN พอใช้งานได้ทั่วไป ส่วน ด้าน CPU เลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-8250U ความเร็ว 1.6 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 3.4 GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 Core/ 8 Thread ซึ่งแน่นอนว่าแรงกว่ารุ่นเดิมเยอะกว่าพอสมควรเลยทีเดียวครับ
ส่วน Ram ก็ติดตั้งมาให้ขนาด 4 GB DDR4 Bus 2400 อาจจะดูน้อยไปนิดเมื่อเอามาทำงานหนักๆ ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็น NVIDIA GeForce MX130 (2GB GDDR5) ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดีระดับหนึ่ง พอเล่นเกมออนไลน์ได้ สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ 1 TB 5400 RMP แบบ SATA 3 ที่สำคัญตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว เปิดเครื่องอัปเดตแล้วใช้งานได้เลย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น โดยสนนราคาอยู่ที่ 18,900 บาท พร้อมการรับประกัน 2 ปีเต็ม
- ASUS VivoBook 15 X510UF BR417T สเปค i3-8130U + MX130 ราคา 15,800 บาท
- ASUS VivoBook 15 X510UF BR130T สเปค i5-8250U + MX130 ราคา 18,900 บาท **รุ่นที่รีวิว
- ASUS VivoBook 15 X510UF BR425T สเปค i7-8550U + MX130 ราคา 22,900 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ ASUS VivoBook 15 X510UF ยังคงคล้ายคลึงกับรุ่นก่อนหน้านี้ที่เป็น S15 รุ่นพี่ โดยตัวที่ทีมงาน NBS ได้มาเป็นรุ่นกลางที่เป็น Core i5 สี Star Grey ออกเทาๆ ซึ่งตัวบอดี้โดยรวมจะดูเล็กกว่าโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วอื่นๆ อยู่อย่างเห็นได้ชัด เนื่องด้วยมีขอบจอที่บางมากเพียง 7.8 mm ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา ขนาดเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นที่เป็น 14 นิ้วเลยทีเดียว งานประกอบวัสดุก็ยังคงมาตรฐานเดิมที่ใช้วัสดุเป็นพลาสติกให้ผิวสัมผัสที่ดี ไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย ฝาหลังก็จะมีโลโก้ ASUS อยู่ตรงกลางและทำเป็นลายวงๆ เหมือนหม้อหุงข้าวตามสไลต์ ASUS
แกนฝาพับตัวเครื่องเป็นแบบแกนเดี่ยวแข็งแรงทนทาน ไม่มีอาการง่อนแง่นแต่อย่างใดสมกับเป็นซีรีส์ VivoBook ที่มีงานประกอบยอดเยี่ยม ด้านใต้ตัวเครื่องก็จะเรียบๆ ไม่มีอะไร แต่การแกะอัปเกรดทำได้ค่อนข้างง่าย เพียงไขน็อตออกทุกตัวแกะและอย่าลืมตัวเครื่องมีน็อตตรงยางรองด้วย ส่วนด้านในวัสดุตรงแผงหน้าจอก็จะเป็นสีดำด้านปกติมีกล้องอยู่ด้านบนพร้อมไมค์ตัดเสียง 2 ตัว คีย์บอร์ดเป็นไซต์มาตรฐานปุ่มกดสีดำ พิมพ์แล้วมันมือใช้ได้ โดยรวมแล้วการดีไซน์ถือว่าสอบผ่านสบายๆ ที่สำคัญคือมี Fingerprint ไว้สแกนลายนิ้วมือเพื่อระบบรักษาความปลอดภัยอีกด้วย
Keyboard / Touchpad
ASUS VivoBook 15 X510UF วัสดุบอดี้ตรงคีย์บอร์ดก็จะเป็นพลาสติกเช่นเดียวกับบอดี้ฝาหลังและตัวเครื่องทั้งหมด ส่วนตัวปุ่มเป็นสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาวไซต์มาตรฐานปกติ ตัด Numpad ทิ้งไปเพื่อให้ตัวเครื่องมีมิติที่เล็กลงเท่ากับเครื่องจอ 14 นิ้ว ในส่วนการสัมผัสให้การสัมผัสที่นุ่มกำลังดีไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป การตอบสนองเด้งได้รวดเร็ว ช่องว่างระหว่างแป้นก็ทำได้ รวมถึงทดลองกดแรงๆ แป้นก็ไม่มีอาการยวบยาบให้เห็นแต่อย่างใด ปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมบนขวากลืนไปกับคีย์บอร์ด ซึ่งต้องระมัดเผลอไปกดโดนได้ แต่ที่น่าเสียดายคีย์บอร์ดรุ่นนี้ไม่มีไฟ Backlit มาให้
ตัวทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ดีไซน์ออกมาเป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวา พร้อมตัดขอบอะลูมิเนียมสวยงาม การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ลื่นไหลไม่มีติดขัด ส่วนตัวซอฟต์แวร์ที่ให้มาสามารถควบคุมจัดการได้ดี ใช้งานแบบมัลติทัชสองนิ้วสามนิ้วได้อย่างไม่มีปัญหา แถมมีปุ่ม Fingerprint ที่มุมบนขวาด้วย
Screen / Speaker
ทางด้านหน้าจอของ ASUS VivoBook 15 X510UF ได้ติดจอตั้งจอด้านขนาด 15.6 นิ้ว มีขอบที่บางมากเพียง 7.8 มิลลิเมตร ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล HD Panel TN ธรรมดามุมมองแคบ การแสดงผลของสีเป็นแบบ 57% sRGB เพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป ไม่ได้โดดเด่นเหมือนพวกจอ IPS ที่จะให้มุมมองภาพที่กว้างกว่า ส่วนกล้องจะอยู่ที่ด้านบนตรงกลางหน้าจอความละเอียด VGA พร้อมไมค์ตัดเสียงสองตัว
ตัวลำโพงเป็นแบบสเตอริโอเลือกใช้ระบบเสียงของ SonicMaster ให้เสียงที่ดีในระดับหนึ่ง มีทั้งเสียงเบสที่มีน้ำหนัก ไม่ใช่ใส่แต่เสียงกลาง เสียงแหลมออกมาอย่างเดียว โดยตัวลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ทำให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควร แยกรายละเอียดได้ซ้ายขวาได้ดี โดยรวมถือในส่วนของลำโพงถือว่าทำออกได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่ราคาใกล้เคียงกันอย่างรู้สึกได้เลย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ ASUS VivoBook 15 X510UF ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล TN ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 57% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันนั้นอยู่ในระดับธรรมดาทั่วๆ ไปตามราคา ส่วนความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 210 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่ามีความสว่างในระดับกลางๆ หากใครที่จะนำไปใช้งานตกแต่งภาพแบบจริงๆ จังๆ อันนี้ไม่แนะนำเท่าไรครับ
สรุปสุดท้ายด้วยคะแนนรวมทั้งหมดโดยตัวเครื่อง ASUS VivoBook 15 X510UF รุ่นใหม่ล็อตใหม่ก็ได้คะแนนไป 2.5 คะแนน ซึ่งเมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ตามราคาครับ
Connector / Thin And Weight
ASUS VivoBook 15 X510UF ในเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อก็ถือว่ามีความครบครันทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต USB 3.0 จำนวน 1 พอร์ต(น่าจะให้มาสักสอง), พอร์ต USB 2.0 อีก 2 พอร์ต, USB 3.1 Type C, HDMI, รูเชื่อมต่อหูฟังกับไมค์แบบ Combo ขนาด 3.5 มิลลิเมตร, SD Card Reader และ Fingerprint ส่วนการเชื่อมเชื่อมต่อไร้สายก็รองรับทั้ง Wireless 802.11ac มาตราฐานใหม่ปบบ 2×2 กับ Bluetooth 4.2 ส่วนถ้าหากใครที่ต้องการใช้พอร์ท Lan คงต้องหาซื้ออแดปเตอร์แปลง USB to Lan เอาใช้กันเอาเองนะครับ
ขนาดของโน๊ตบุ๊คตัวนี้ถือว่ามีมิติที่ค่อยข้างเล็กขนาดเพียง 361.4 x 243.5 x 19.4 mm ตัวตัวเครื่องหนาไม่ถึง 2 cm โดยมีน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 1.7 กิโลกรัม และตัวอแดปเตอร์ที่ชาร์จเองก็มีขนาดเล็ก กะทัดรัดซึ่งเมื่อรวมเข้าไปด้วยกันแล้วน่าจะมีหนักราวๆ ไม่เกิน 1.9 กิโลกรัม ถือว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลยทีเดียว เพราะปกติแล้วโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้วจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 2 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่ง ASUS VivoBook 15 X510UF ออกแบบมาเพื่อตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบนั่นเองครับ
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง ASUS VivoBook 15 X510UF นั้นสามารถทำได้ง่าย แต่อาจจะยุ่งยากนิดหนึ่งสำหรับคนที่ไม่เคยแกะ เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่นและตัวเครื่องมีน็อตซ่อนอยูตรงที่ยางรองด้านล่างด้วย 2 จุด รวมจากที่เห็นบนตัวเครื่อง 10 จุด รวมเป็นมีน็อตทั้งหมด 12 ตัว ซึ่งหลังจากถอดน็อตทุกตัวเสร็จหมดแล้ว ต้องใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากหลังมาหน้า ค่อยๆ ทำอย่าใจร้อน ไม่อย่างนั้นเกลียวฝาหลังอาจจะหักได้ โดยเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ อย่างชัดเจนตามรูปเลย
การวางเลย์เอาท์ฮาร์ดแวร์ของเจ้าเครื่องนี้ทำได้ดูดีเลยที วางแบ่งจัดปั่นส่วนได้ดี ซึ่งในส่วนที่สามารถทำการอัปเกรดไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยน HDD SATA ขนาด 2.5 นิ้วธรรมดาเป็น SSD หรือใส่ SSD m.2 SATA 3 (ไม่รองรับเป็นแบบ NVMe) เข้าไปเลยก็ได้ หรือ Ram ที่สามารถใส่ได้สูงสุด 2 แถว โดยตัวเครื่องใส่มาให้แล้ว 4 GB DDR4 Bus 2400 1 แถว ส่วนเรื่องระบายความร้อนตัวเครื่องมี Heat Pipe จำนวน 1 เส้น วางพาดยาวไล่ไปทั้งชิพการ์ดจอและตัวซีพียูเอง ส่วนพัดลมเครื่องนี้ก็มีมาให้ 1 ตัว ตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คสเปคทั่วๆ ไป
Performance / Software
ASUS VivoBook 15 X510UF เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-8250U ซึ่งเป็นชิปประมวลแบบประหยัดพลังงาน มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.6 GHz สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.4 GHz นะครับ เป็น CPU แบบ 4 Core/ 8 Thread เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ มาพร้อม Ram ภายในขนาด 4 GB Bus 2400 โดยสามารถอัพได้สูงสุด 16 GB
ด้านของการ์ดจอที่ติดตั้งมาให้จะมีสองตัวด้วยกัน คือการ์ดจอออนบอร์ดและการ์ดจอแยกจาก NVIDIA ซึ่งการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็น Intel UHD Graphic 620 สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง ส่วนการ์ดจอแยกจาก NVIDIA GeForce MX130 ขนาด 2 GB DDR5 สามารถรองรับการประมวลผลกราฟิกได้ดีในระดับหนึ่งพอเล่นเกมยุคปัจจุบันได้บ้าง
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงใช้ได้เลยทีเดียว เรียกได้ว่าตัว i5-8250U ประสิทธิภาพทำได้เกือบพอๆ กับ i7-3840QM เลยทีเดียว สามารถนำมาทำงานหนักๆ หรือเล่นเกมก็ได้สบายๆ
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1 TB แบบความเร็ว 5400 รอบที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 52.5 MB/s และสูงสุดที่ 133.3 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 99.8 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 19.9 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ได้ออกมาอยู่เกณฑ์ที่ดีเลยทีเดียว ไม่แกว่งมาก
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 2,618 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานพีซีทั่วไปนั่นสอบผ่านแบบสบายๆ แต่ถ้าใช้งานหนักๆ อาจจะต้องเพิ่ม Ram เป็น 8 GB และใส่ SSD m.2 เพิ่มเข้าไปด้วย
ในส่วนถัดไปทีมงานจะมาทดสอบในการเล่นเกมกันบ้างกับเกมยอดนิยมทั้ง 2 เกมหลักๆ ที่ตัวเครื่อง ASUS VivoBook 15 X510UF พอเล่นได้ จะเป็นอย่างไรกันบ้างกับ ไปดูกันเลยครับ
จากกราฟจะเห็นได้ว่าทีมงานได้ทดสอบเฉพาะเกมออนไลน์ที่ไม่ได้กินสเปคเครื่องมากอย่าง DOTA 2 และ Overwatch ซึ่งตัวเครื่อง ASUS VivoBook 15 X510UF ก็สามารถเล่นได้มีค่า FPS เฉลี่ยนที่ 60 เฟรมขึ้นไป เมื่อปรับแบบ Low-Medium บนความละเอียด HD ตาม Native หน้าจอ แต่มีข้อสังเกตคือเกม Overwatch เฟรมที่ได้ค่อนข้างแกว่งเพราะตัวเครื่องมี Ram เพียง 4 GB ทำให้บางจังหวะที่เอฟเฟคเยอะๆ มีอาการกระตุก แนะนำว่าหากใครที่จะนำมาใช้งานเล่นเกมหรือกราฟิคหนักๆ ควรเพิ่ม Ram อีก 4 GB เป็น 8 GB จะดีมากครับ (ตัวเครื่องมี Ram 2 Slot ใส่เพิ่มได้อีก 1 Slot)
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS VivoBook 15 X510UF เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบัน ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 3 Cells 42 Whrs สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ถึง 7 ชั่วโมง 57 นาทีเลยทีเดียว ในการต่อ Wi-fi ดู YouTube ปกติ บอกเลยครับว่าพกพาไปทำงานข้างนอกได้สบายๆ หายห่วงไม่ต้องกลัวแบตหมด
ทางด้านอุณหภูมิสำหรับ ASUS VivoBook 15 X510UF เครื่องนี้ที่พัดลมระบายความร้อน 1 ตัว ช่องระบายความร้อน 1 ช่องเรียกได้ในระดับโอเคใช้ได้ ซึ่งเมื่อใช้เล่นเกมหนักๆ เป็นเวลานานๆ จะมีอุณหภูมิสูงสุด 88 องศาสำหรับ CPU และ 82 องศาสำหรับ GPU แต่หากใช้งานทั่วไปดูหนังฟังเพลงอุณหภูมิไม่เกิน 80 องศาแน่นอนครับ
Conclusion / Award
สำหรับ ASUS VivoBook 15 X510UF รุ่นน้องเล็กราคาย่อมเยาจัดได้ว่าก็เป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คสายทำงานที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งในส่วนของความบางที่ตัวเครื่องหนาเพียง 19.4 mm น้ำหนักเพียง 1.7 กิโลกรัม แถวได้จอใหญ่สะใจ 15.6 นิ้วแบบขอบจอบาง เรียกได้ว่าหายากมากในตลาดปัจจุบันกับราคาค่าตัวเพียง 18,900 บาท บวกกับสเปคที่คุ้มค่าอย่าง i5-8250U รุ่นใหม่ล่าสุ + การ์ดจอ MX130 ที่พอใช้งานทั่วๆ ไปได้ และเรื่องของการดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ ที่ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นอื่นที่ราคาใกล้เคียวกับพอสมควร และที่สำคัญเลยคือแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานมาก ราวๆ ประมาณ 8 ชั่วโมงเมื่อต่อ Wifi ดู YouTube
นอกจากนี้ยังมี Windows 10 มาให้ในตัวเครื่องเลย เปิดเครื่องต่อเน็ตอัปเดตใช้งานได้เลย และที่โดดเด่นกว่าใครเขาคือมี Fingerprint สแกนนิ้วมือมาให้ด้วย เวลาปลดล็อคเครื่องเอานิ้วแตะใช้งานได้เลย รวดเร็วปลอดภัย ส่วนข้อสังเกตตัวเครื่องที่เห็นได้ชัดเลยคือ ASUS VivoBook 15 X510UF ยังให้ คงให้ Ram เครื่องมาเพียง 4 GB ซึ่งหากใครใช้งานหนักๆ ไม่พอแน่นอน แต่ ASUS ก็ยังใจกว้างที่ใส่ Ram เพิ่มได้อีก 1 Slot และ Ram ที่ตัวเครื่องให้มาไม่ใช่แบบ Onboard จอความละเอียด HD และเรื่องพอร์ต USB 2.0 ที่ให้มาสองพอร์ตอยู่ ทั้งที่ปี 2018 ควรเป็น USB 3.0 ทั้งหมดได้แล้ว
อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยราคา ASUS VivoBook 15 X510UF ที่เปิดตัวมานั้นเพียง 18,900 บาทเท่านั้น พร้อมประกัน 2 ปีเต็ม ซึ่งดูจากราคาเพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอที่จะมองข้ามปัญหาเหล่านี้ไปได้ ซึ่งถ้าใครมีงบเพิ่มก็เอาไปอัปเกรดเพิ่มเติมกันได้ทั้ง Ram และ SSD m.2 SATA 3 จะได้ใช้งานกันฟินๆ เต็มประสิทธิภาพเครื่องนั่นเองครับ
ข้อดี
- ตัวเครื่องน้ำหนักเบาเพียง 1.7 กิโลกรัมเท่านั้น และอแดปเตอร์ก็มีขนาดเล็กพกพาสะดวก
- สเปคที่ได้เป็นค่อนข้างโอเคเมื่อเทียบกับราคาได้ทั้ง i5-8250U + MX130
- ตัวเครื่องสามารถอัปเกรด Ram + SSD m.2 SATA 3 เพิ่มได้
- หน้าจอ 15.6 นิ้วขอบบาง NanoEdge ทำให้มิติตัวเครื่องเหมือนโน๊ตบุ๊คไซต์ 14 นิ้ว
- แบตเตอรรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 8 ชั่วโมง เมื่อนำมาต่อ Wifi ดู YouTube
- มาพร้อมกับ Windows 10 แท้
ข้อสังเกต
- ไม่มีพอร์ต Lan มาให้ หากจำเป็นต้องใช้ ต้องซื้ออแดปเตอร์เพิ่ม
- Ram ตัวเครื่องให้มาเพียง 4 GB
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง ASUS VivoBook 15 X510UF ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
ด้วยเจ้าตัว ASUS VivoBook 15 X510UF มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงาม เรียบง่าย เรียบหรู ดูแพง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และตัวบอดี้เองก็ทำมาจากอลูมิเนียมทั้งหมดดูแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา แถมยังมีขอบหน้าจอที่บางสุดๆ อีกด้วย
Best Mobility
ASUS VivoBook 15 X510UF ในของการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับที่ดีตามสไตล์ของโน้ตบุ๊ตที่เน้นความบางเบา ทั้งในความบางเพียง 19.4 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 1.7 กิโลกรัม ถือว่าหาได้ยากมากกับโน๊ตบุ๊คจอ 15.6 นิ้วที่ได้มิติตัวเครื่องแบบนี้ ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ แถมแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานได้ประมาณ 8 ชั่วโมง