สำหรับหน่วยความจำสำรองอย่าง SSD (Solid State Drive) ที่ช่วงหลังมาไม่กี่ปีนี้เริ่มมาแทนที่มาตรฐานเดิมๆ อย่างฮาร์ดิสก์จานแม่เหล็กเดิมๆ เต็มรูปแบบกับโน๊ตบุ๊คคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ แล้ว แน่นอนว่าทั้งประสิทธิภาพนั้นดีและราคาต่อความจุก็ถูกลงกว่าสมัยก่อนมากๆ ทำให้หลายคนที่ซื้อคอมพิวเตอร์เดี๋ยวนี้มักมองหารุ่นที่มาพร้อม SSD ก่อน ที่หลักๆ แล้วจะมาในรูปแบบของการ์ด M.2 (มีทั้งมาตรฐาน SATA 3 และ NVMe) หรือใครที่ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดิมแล้วอยากอัพเกรดขึ้นมา ก็ดูเป็นรูปแบบฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ หรือ M.2 ก็แล้วแต่สะดวกกัน
อย่างไรก็ตามคงต้องยอมรับว่าเรื่องของราคาต่อความจุนั้น แม้ว่าจะถูกลงแต่ว่าก็ยังไม่ถึงกับเข้าถึงทุกคนได้ เพราะเอาเข้าจริงในการใช้งานความจุที่นิยมซื้อหามาใช้ในปัจจุบันนี้ อย่างความจุ 128GB หรือ 256GB ไม่เพียงพอต่อการใช้งานเท่าไรนัก ยังไงก็ต้องอาศัยฮาร์ดดิสก์จานหมุนอีกลูกช่วยในการสำรองข้อมูลอีกทีนึง
โดยทาง Samsung ผู้เป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมด้าน Flash Storage ที่ทุกคนเชื่อมั่น ได้มีแผนพัฒนา SSD ทุกคนสามารถซื้อหามาใช้งานกันได้อย่างแพร่หลาย ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำหน้าขึ้นไปอีก ส่งผลให้ต้นทุนถูกลงแต่ได้ความจุที่มากขึ้น อย่าง ณ เวลาปัจจุบันด้วยความจุสูงสุดของ SSD ต่อลูกนั้นจะอยู่ที่ มากกว่า 1,000 เหรียญ หรือตีเป็นเงินไทยก็กว่า 35,000 บาท ส่วนความจุที่น้อยลงมาราคาก็จะถูกลงมาเป็นเท่าตัว
ล่าสุด Samsung ก็ได้ประกาศเทคโนโลยีการผลิต ด้วยการใช้ชิป 4-bit (quad-level cell – QLC) สำหรับ SSD ขนาด 4TB โดยรองรับการผลิตจำนวนมาก ซึ่งชิป QLC จะมีประสิทธิภาพระดับเดียวกับ ชิปที่เป็นเทคโนโลยี 3-bit ที่ใช้งานมาก่อนหน้านี้ โดยตัวชิปเป็นชิปแบบ 1Tb (terabit) สำหรับประสิทธิภาพความเร็วการเขียนอยู่ที่ 520MB/s และอ่าน 540MB/s เรียกได้ว่าเพียงพอในการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ (อาจจะมีที่เร็วกว่านี้ในอนาคต)
ด้วยเทคโนโลยีนี้ส่งผลให้มีการผลิตได้ต้นทุนที่ถูกลงทันที โดยต่อความจุได้ชิปเพิ่มขึ้นที่ 33% สืบเนืองไปถึงการผลิต SSD ออกจำหน่ายจะทำให้มีราคาถูกลงอีกประมาณ 20 – 30% ซึ่งทาง Samsung จะนำไปชิป QLC ไปใช้กับ SSD ในขนาดความจุทั้ง 1TB, 2TB, และ 4TB แบบมาตรฐาน SATA 3 และ SSD แบบ M.2 มาตรฐาน NVMe ด้วยภายในปีนี้ ปิดท้ายด้วยการมโนราคา 1TB จะอยู่ที่ไม่ถึงหมื่นบาทแน่นอน โดยได้พรีเมียมเกรดทั้งชิปและคอนโทรลเลอร์ และประกันเทพๆ นะ
ที่มา : petapixel