สมัยนี้หากพูดถึงหน้าจอสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะแล้ว นอกจาก Hz ที่สูงๆ แล้วยังมีในเรื่องของ G-Sync และ Free Sync เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ในการใช้เทคโนโลยีอย่าง G-Sync จะทำให้ภาพที่ได้ลื่นไหล เนียนตา ลดอาการภาพฉีกลงได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีจอภาพได้มีการพัฒนาไปเรื่อยๆ โดยเทรนด์ที่กำลังมาในตอนนี้คือ 4K HDR ทำให้ต้องมีการพัฒนาอุปกรณ์ให้รองรับเทคโนโลยีเหล่านี้ด้วย จึงเป็นที่มาของข่าวในวันนี้
ถ้าเป็นหน้าจอธรรมดาที่ไม่มีเทคโนโลยี G-Sync หรือ Free Sync และเป็น 4K HDR ก็มีมาขายแล้วสักพัก ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้บริการสตรีมหนังออนไลน์อย่าง Netflix ได้มีการเพิ่มวิดีโอที่เป็นแบบ HDR เข้ามาทำให้คนเริ่มสนใจวิดีโอ HDR เพิ่มขึ้น แน่นอนว่าเกมที่จะออกมาในอนาคตคาดว่าจะเป็นเกมที่รองรับ HDR ด้วย
ทำให้ทางผู้ผลิตการ์ดจอต้องทำการอัพเกรดอุปกรณ์ให้รองรับด้วย โดยเป็นการเพิ่มความสามารถในส่วนของ G-Sync, 4K, 144 Hz, HDR ซึ่งทั้งหมดสามารถทำงานร่วมกันได้ แต่ก็ทำให้มีราคาเพิ่มอีก 16,000 บาท เฉพาะในส่วนของโมดูลนี้ ยังไม่รวมต้นทุนในส่วนอื่นอีก ทำให้เมื่อเคาะราคาออกมาแล้วแพงขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
หากนำความสามารถทั้งหมดมารวมกันทั้ง 4K, 144 Hz, HDR แน่นอนว่าจะต้องกินทรัพยากรเครื่องเพิ่มขึ้นแน่นอน ทำให้ต้องมีการออกแบบให้หน้าจอรองรับความสามารถเหล่านี้ด้วย เช่น ความสว่างแบบพิเศษ, Contrast ระดับสูง, การแสดงผลสีระดับสูง, รองรับ refresh rate สูงๆ เพื่อให้รองรับการทำงานแบบครอบคลุม และ การันตีว่าเมื่อเปิดใช้งานทุกฟีเจอร์หน้าจอจะไม่พังสะก่อน ซึ่งเมื่อทำออกมาขายแล้ว มันก็…อาจจะดีก็ได้
ที่มา wccftech