สำหรับ Xiaomi แล้วนั้นเราๆ ท่านๆ ในเมืองไทยน่าจะรู้จักกันดีกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มีสเปคสูงแต่ราคาเป็นกันเองครับ นอกเหนือไปจากสมาร์ทโฟนแล้วนั้น Xiaomi เองก็ได้มีการก้าวเข้าสู่ตลาดโน๊ตบุ๊คเช่นเดียวกัน หลังจากที่ในไทยเริ่มขาย Xiaomi Mi Air Laptop 13.3″ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในราคา 35,990 บาท ส่วน Xiaomi Mi Gaming Laptop นั้นจะขายในไทยเมื่อไรยังไม่ข้อมูล
ซึ่งในบทความนี้นั้นเราขอนำเสนอรีวิว Xiaomi Mi Gaming ฉบับแปลจากเว็บไซต์ต่างประเทศ กับโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมที่นอกจากสเปคจะน่าสนใจแล้วราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วเรียกได้ว่าน่าสนใจแบบสุดๆ Xiaomi Mi Gaming จะน่าสนใจมากแค่ไหนนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ
สำหรับ Xiaomi Mi Gaming นั้นจะมีสเปคแตกต่างกันไปตามโมเดลซึ่งมีดังต่อไปนี้ครับ
สำหรับโมเดลที่ถูกนำมารีวิวในครั้งนี้นั้นจะเป็น Model ที่ 3 ครับ ซึ่งสเปคโดยละเอียดจะมีดังต่อไปนี้ครับ
- หน้าจอขนาด 15.6 นิ้วใช้พาเนลปบบ IPS รองรับความละเอียดที่ระดับ Full HD โดยมีความถี่อยู่ที่ 60 Hz
- หน่วยประมวลผล Intel Core i5-7300HQ มาพร้อมกับแกนการประมวลผล 4 แกน โดยมีความเร็วฐานอยู่ที่ 2.5 GHz และความเร็ว ณ Turbo Boost อยู่ที่ 3.5 GHz( โดยที่มีการกำหนดเอาไว้ว่าเมื่อหน่วยประมวลผลรันที่ 4 แกนการประมวลผล ความเร็วสูงสุดของทั้ง 4 แกนจะอยู่ที่ 3.1 GHz และเมื่อรันที่ 2 แกนจะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 3.3 GHz)
- หน่วยความจำขนาด 8 GB แบบ DDR4 ความเร็ว 2400 MHz(แบบ single slot แต่มี slot มาให้ 2 slot เพื่อรองรับการอัพเกรดได้สูงสุดถึง 32 GB)
- ชิปกราฟิกแบบแยกใช้ของทาง NVIDIA ในรุ่น GeForce GTX 1060(รุ่นสำหรับโน๊ตบุ๊ค) ความเร็วสัญญาณนาฬิกาฐาน 1405 MHz มาพร้อมหน่วยความจำแยกขนาด 6 GB ความเร็ว 8000 MHz
- เมนบอร์ด Intel HM175
- แหล่งเก็บข้อมูลแบบ SATA-III SSD ความจุ 128 GB ของทาง Sumsung รุ่น PM871b MZNLN128HAHQ และแบบ HDD ความจุ 1 TB ของทาง Seagate รุ่น BarraCuda ST1000LM048 ความเร็วการหมุนแผ่นจานบันทึกข้อมูล 5400 rpm
- ชิปเสียง Realtek ALC1220 @ Intel Sunrise Point PCH
- พอร์ตการเชื่อมต่อ USB 3.0 / 3.1 Gen1 จำนวน 5 พอร์ต, HDMI, DisplayPort, Audio jack ทั้งในส่วนของไมโครโฟนและหูฟัง, Card Reader รองรับ SD, SDHC, SDXC
- การเชื่อมต่อไร้สายรองรับ Intel Dual Band Wireless-AC 8265 (a/b/g/n/ac) และ Bluetooth 4.2
- Realtek Gaming GBE Family Controller (10/100/1000MBit)
- ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 23 x 364 x 265 mm
- แบตเตอรี่ความจุ 55 Wh
- กล้อง Webcam ความละเอียดระดับ HD
- ลำโพงบนตัวเครื่องจำนวน 2 ตัวรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- คีย์บอร์ด Chiclet RGB
- น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.742 kg
- นำหนัก Power supply อยู่ที่ 495 g
- มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Windows 10 Pro 64 Bit
- ราคาอยู่ที่ $1154 หรือประมาณ 38,000 บาท
จะเห็นได้ครับว่าสเปคที่ให้มานั้นเมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหากเรานำราคาไปเทียบกับคู่แข่งรายอื่นนั้นสเปคที่คุณจะได้ก็จะมีตรงกราฟิกชิปที่จะเป็นรุ่น GTX 1050 Ti แทนแถมด้วยแหล่งเก็บข้อมูลนั้นก็อาจจะได้มาแค่ SSD เพียงตัวเดียวเท่านั้น แถมด้วยในส่วนของระบบปฎิบัติการนั้นก็น่าจะได้แค่ Windows 10 Home เท่านั้นครับ
Case
สำหรับตัวเครื่องนั้นเรียกได้ว่าทาง Xiaomi เอาใจใส่ในการออกแบบและพัฒนามาอย่างดีครับ ถึงแม้ว่าตัวส่วนประกอบต่างๆ เวลาดูภาพนอกนั้นอาจจะไม่ค่อยแตกต่างจากโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมยี่ห้ออื่นๆ เท่าไรนัก แต่เมื่อเปิดฝาพับออกมาคงต้องยอมรับครับว่า Xiaomi ได้ทำการออกแบบให้มีความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนซึ่งจะทำให้คุณหลงรักเจ้า Mi Gaming ได้เอาง่ายๆ ในส่วนของด้านความแข็งแกร่งนั้นก็สบายใจหายห่วงเพราะ Xiaomi เลือกใช้วัสดุเป็นโลหะสำหรับ Mi Gaming จะเสียดายก็แค่อย่างเดียวที่กรอบทางด้านหลังของตัวเครื่องนั้นดันใช้วัสดุเป็นพลาสติกนี่ล่ะครับ
จุดด้อยของโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วนี้นั้นก็คือในเรื่องของน้ำหนักที่ยังคงมากอยู่ทำให้เวลาพกพาไปไหนมาไหนอาจจะไม่สะดวกมากเท่าไรนัก แต่ทาง Xiaomi เองนั้นก็ได้แก้จุดด้อยของโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วมาอย่างหนึ่งซึ่งนั่นก็คือความหนาของตัวเครื่องที่อยู่ที่ 23 mm เท่านั้น(ในขณะที่โน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วของคู่แข่งนั้นจะมีความหนาเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 25 mm – 29 mm ครับ
ในส่วนของพอร์ตต่างๆ นั้น ทาง Xiaomi ก็ได้จัดวางตำแหน่งออกมาได้เป็นอย่างดีและใช้พื้นที่ได้คุ้มเพราะพอร์ตต่างๆ นั้นมีทั้งอยู่ทางด้านข้างและด้านหลังของตัวเครื่องดังต่อไปนี้ครับ
SDCard Reader
ถึงแม้ว่าทาง Xiaomi จะให้ SDCard Reader มาด้วยนั้น ทว่าจากการทดสอบพบว่าความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลนั้นค่อนข้างที่จะต่ำกว่าคู่แข่งอยู่พอสมควร โดยความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลนั้นจะพอๆ กับการใช้งาน USB 2.0 เท่านั้น ซึ่งนั่นเลยทำให้ความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลค่อนข้างที่จพต่ำหากเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ แต่ตรงจุดนี้นั้นถือว่ามีไว้ใช้ก็ดีกว่าไม่มีครับ
Communication
สำหรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านทาง WiFi นั้น ประสิทธิภาพโดยรวมของ Mi Gaming ถือว่าอยู่ในระดับที่ใช้ได้ครับ โดยความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลนั้นเฉลี่ยจะอยู่ที่ 659 MBit/s แต่น่าเสียดายที่ดันมาตกม้าตายในส่วนของการทดสอบการส่งข้อมูลจากตัวเครื่องที่อยู่ที่ 363 MBit/s เท่านั้น งานนี้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกครับเพราะหากเทียบกับคู่แข่งที่ใช้ชิป WiFi ตัวเดียวกันแล้ว Mi Gaming ค่อนข้างที่จะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานพอดูครับ
Maintenance
การบำรุงรักษาตัวเครื่องนั้นบอกได้เลยครับว่าทำได้ค่อนข้างยากเนื่องจาก Mi Gaming นั้นมีสกรูถึง 9 ตัวแถมมีอยู่หนึ่งตัวที่ซ่อนอยู่ตรงกลางใต้ฐานยางอีก นอกไปจากนั้นแล้วคุณยังต้องมีเครื่องมือช่างเฉพาะถึงจะสามารถถอดฝาหลังออกมาได้ครับ
เมื่อถอดฝาหลังออกมาแล้วนั้จะเผยให้เห็นฮาร์ดแวร์ต่างๆ ของตัวเครื่อง โดยบน Mi Gaming นั้นจะใช้พัดลมในการระบายอากาศด้วยกัน 2 ตัว ช่องเชื่อมต่อหน่วยความจำก็มีให้มาเพียง 2 ช่องเท่านั้น ในส่วนของแหล่งเก็บข้อมูลนั้นจะมีช่องเชื่อมต่อ M.2 มาให้จำนวน 2 ช่องอยู่ทางด้านบนของช่องเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้ว ทว่าในจุดนี้นั้นหากคุณต้องการเพิ่มแหล่งเก็บข้อมูลแบบ M.2 ลงไปอีกตัวหนึ่งคุณจะต้องนำเอาฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้วออกถึงจะสามารถเพิ่มเข้าไปได้ ทำให้ต้องเลือกเอาครับว่าจะใช้ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5 นิ้วหรือ M.2 อันที่ 2 ครับ
Input Devices
สำหหรับอุปกรณ์ในการป้อนข้อมูลทั้งในส่วนของคีย์บอร์ดและ TouchPad นั้นถือได้ว่า Xiaomi ได้ใส่ใจเป็นอย่างดีครับ โดยตัวคีย์บอร์ดนั้นจะมาพร้อมกับปุ่ม Macro จำนวน 6 ปุ่มด้วยกันทางด้านซ้ายของตัวเครื่องที่หากจะว่าไปแล้วมันก็อาจจะทำให้ผู้ใช้รายใหม่ใช้งานได้ยากหน่อย ทว่าเมื่อชินแล้วนั้นคุณจะสามารถใช้งานมันได้เป็นอย่างดี ตัวแป้นแต่ละแป้นนั้นมีขนาดอยู่ที่ 16 x 16 mm ทำให้การกดแป้นแต่ละตัวนั้นสะดวกมาก การตอบสนองของคีย์บอร์ดนั้นเสมือนกับเป็นคีย์บอร์ดแบบ mechanical ทำให้ผู้ใช้น่าจะชื่นชอบได้โดยไม่ยาก ที่สำคัญที่สุดแล้วนั้นตัวคีย์บอร์ดยังมาพร้อมกับไฟส่องสว่างแบบ RGB illumination อีกด้วยครับ
สำหรับ TouchPad นั้นจะมาในรูปแบบของ ClickPad ที่ได้ตัดปุ่มในการคลิ๊กเลือกออกไป(คล้ายๆ กับ TouchPad ของทาง MacBook) ซึ่งการใช้งานนั้นถือว่าเป็นไปด้วยดีและลื่นไหลเอามากๆ ตัว TouchPad มีขนาดอยู่ที่ 12 x 8 cm ที่ไม่ได้เล็กหรือใหญ่มากจนเกินไป ความเร็วในการตอบสนองนั้นค่อนข้างที่จะสูงอยู่ทีเดียวครับ
Display
มาดูกันต่อในส่วนของหน้าจอกันบ้าง โดยบน Xiaomi Mi Gaming มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วที่มีความละเอียดระดับ Full HD ใช้พาเนลแบบ IPS ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมากว่าตัวหน้าจอนั้นไม่รองรับกับเทคโนโลยี G-Sync ของทาง NVIDIA(แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาเนื่องจากว่าราคานั้นไม่ได้สูงมากเท่าไรนัก) ความสว่างของหน้าจอโดยเฉลี่ยนั้นจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีคืออยู่ที่ 250 cd/m² แต่ทว่าดันมาตกม้าตายตรง response time ทั้งแบบ GTG และ BTW ที่อยู่ที่ 53.2 ms และ 41.6 ms ตามลำดับ
สำหรับในส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้นอกสถานที่และมุมมองของตัวหน้าจอนั้นก็ถือว่า Xiaomi Mi Gaming สามารถที่จะทำได้เป็นอย่างดี ข้อเสียอีกอย่างของตัวหน้าจอจะอยู่ตรงที่หน้าจอนั้นแสดงสีฟ้าออกมามากกว่าสีอื่นทำให้หน้าจอจะอมสีฟ้าเล็กน้อยทำให้ความถูกต้องของสีนั้นไม่ดีมากเท่าไรนักทว่าก็ยังสามารถแก้ไขได้ด้วยการ calibration หน้าจอใหม่ครับ
Performance
ในส่วนของการทดสอบประสิทธิภาพนั้นเริ่มแรกเรามาดูกันที่การทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลกันก่อนครับ
ในการทดสอบประสิทธิภาพหน่วยประมวลผลด้วยโปรแกรม CINEBENCH R15 นั้นจะพบว่าเมื่อทำการทดสอบแบบ Single core หน่วยประมวลผลจะรันที่ความเร็วสูงสุดคืออยู่ที่ 3.5 GHz แต่ถ้าทดสอบแบบ Multi Core นั้นหน่วยประมวลผลจะรันที่ความเร็วสูงสุดเพียง 3.1 GHz เท่านั้นซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับหน่วยประมวลผลที่ใช้งานบนโน๊ตบุ๊คครับ(จริงๆ แล้วหน่วยประมวลผลของ Desktop เองก็เป็นเช่นเดียวกันหากไม่ได้ทำการ Overclocked ไว้ครับ
การทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลนั้นถือได้ว่าเป็นที่น่าพอใจครับเนื่องจากว่าต้องไม่ลืมว่าหน่วยประมวลผลบน Xiaomi Mi Gaming รุ่นที่ทดสอบนั้นเป็น Core i5-7300HQ เท่านั้นไม่ใช่ Core i7-7700HQ เหมือนกับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบ ทำให้ Xiaomi Mi Gaming อาจจะมีคะแนนการทดสอบที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนักเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ
ต่อกันที่การทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมของระบบนั้นพบว่า Xiaomi Mi Gaming มีคะแนนน้อยสุดเมื่อทดสอบด้วยโปรแกรม PCMark 10 ซึ่งในจุดนี้นั้นน่าจะเป็นผลมาจากการที่ทาง Xiaomi เลือกใช้ SSD รุ่นที่มีความเร็วต่ำกว่าโน๊ตบุ๊คของผู้ผลิตรายอื่น อย่างไรก็ดีครับในการใช้งานจริงนั้นพบว่าทั้งความเร็วในการบูทหรือการใช้งานในชีวิตประจำวันในเรื่องต่างๆ นั้น Xiaomi Mi Gaming เองก็ยังสามารถที่จะทำงานได้อย่างรวดเร็วไม่ได้ช้าอะไรมากมายครับ
มาเจาะลึกในส่วนของการทดสอบความเร็วการอ่านและเขียนข้อมูลของ SSD บน Xiaomi Mi Gaming นั้นพบว่าความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ถือได้ว่าดีแต่ถ้าเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ ที่นำมาเปรียบเทียบก็จะพบว่าความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลของทาง Xiaomi Mi Gaming นั้นด้อยกว่าอยู่พอสมควร(แต่ก็อย่างที่ได้บอกไปในตอนต้นครับว่า SSD ที่ทาง Xiaomi เลือกใช้นั้นมีความเร็วต่ำกว่า SSD ของโน๊ตบุ๊คยี่ห้ออื่นครับ)
อีกจุดหนึ่งที่จะลืมไปไม่ได้เลยนั้นก็คือ HDD ขนาด 1 TB ที่อยู่บน Xiaomi Mi Gaming ครับเพราะด้วยขนาดของ SSD ที่ 120 GB นั้นคงไม่เพียงพอต่อการใช้งานเมื่อต้องลงเกมเข้าไปแล้วด้วย(Windows 10 เองก็ใช้พื้นที่เยอะอยู่แล้วส่วนเกมในปัจจุบันนั้นก็ใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูล 50 GB ขึ้นทั้งนั้น) โดย HDD ขนาดความจุ 1 TB ที่ทาง Xiaomi เลือกมาใช้นั้นจะเป็นของ Seagate ซึ่งมีรอบความเร็วในการหมุนจานแม่เหล็กอยู่ที่ 5400 rpm ตามมาตราฐานทั่วไปครับ
มาถึงจุดที่หลายๆ ท่านน่าจะรอคอยกันอยู่กับการทดสอบประสิทธิภาพทางด้านกราฟิกชิปและการเล่นเกมจริง โดยในส่วนแรกนั้นเรามาดูประสิทธิภาพการ benchmark ด้วยโปรแกรม 3DMark กันก่อนพบว่า Xiaomi Mi Gaming นั้นสามารถทำคะแนนได้ไปตามความคาดหมายคืออยู่ที่ราวๆ 11903 คะแนนด้วยการใช้กราฟิก GTX 1060 ที่ผลคะแนนนั้นสูงกว่า GTX 1060 Max-Q ประมาณ 13 – 14 % ครับ
สำหรับการทดสอบในการเล่นเกมจริงนั้นพบว่า Xiaomi Mi Gaming ทำการทดสอบที่ความละเอียด Full HD พร้อมเปิดกราฟิกแบบ Ultra ในเกม The Witcher 3 เล่นได้แบบสบายๆ รวมไปถึงเกมอื่นๆ นั้นก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด จะเว้นก็แต่เกม The Evil Within 2 ที่ความเร็วอาจจะตกลงมาบ้างเมื่อเทียบกับเกมอื่นๆ แต่ค่าเฉลี่ยของ FPS ก็ยังคงมากกว่า 30 FPS ดังนั้นแล้วถือได้ว่า Xiaomi Mi Gaming ทำได้ดีมากๆ ในการเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมครับ
Emissions
ข้อดีของ Xiaomi Mi Gaming นั้นยังมีอยู่บ้างครับ เพราะถึงแม้ว่าเสียงของพัดลมจะดังเอามากๆ เมื่อใช้งานแบบ Full Load ทว่าอุณหภูมิของหน่วยประมวลผลนั้นจะอยู่ที่ราวๆ 60 – 68 องศาเซลเซียสเท่านั้น เช่นเดียวกันกับในส่วนของชิปกราฟิก GTX 1060 ที่จะมีอุณหภูมิไม่สูงมากเท่าไรนัก แถมที่สำคัญแล้วนั้นทาง Xiaomi ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ในการปรับความเร็วของพัดลมระบายอากาศเอาไว้ให้ด้วยใน BIOS ของตัวเครื่อง ซึ่งนั่นทำให้ผู้ใช้อาจจะทำการปรับรอบพัดลมให้น้อยลงหากใช้งานตัวเครื่องในห้องที่มีอุณหภูมิเย็นครับ
Temperature
สำหรับอุณหภูมิของ Xiaomi Mi Gaming นั้นเมื่อทำการทดสอบแบบ Full Load ด้วยการรันโปรแกรม Prime95 และ FurMark ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานครับ ปัญหานั้นจะอยู่ที่ตัวชิปกราฟิก GTX 1060 ที่อุณหภูมินั้นจะขึ้นไปสูงถึง 73 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียวซึ่งนั่นทำให้ในส่วนของหน่วยประมวลผลนั้นจะไม่สามารถเร่งความเร็วสัญญาณนาฬิกาขึ้นไปสูงสุดได้ ทว่าเมื่อปรับความเร็วของ GTX 1060 ลงมาให้เหลืออยู่ที่ 1260 MHz นั้นพบว่าหน่วยประมวลผลจะสามารถทำความเร็วสัญญาณนาฬิกาไปได้สูงสุดตามสเปคโดยที่อุณหภูมิของหน่วยประมวลผลนั้นจะอยู่ที่ระหว่าง 70 – 80 องศาเซลเซียสครับ
สำหรับอุณหภูมินั้นจะใหญ่ๆ เลยที่จะมีความร้อนสะสมมากๆ ก็คือในส่วนของด้านบนของตัวเครื่องที่มีหน่วยประมวลผลและชิปกราฟิกอยู่ โดยเมื่อรันโปรแกรมแบบ Full Load นั้นจะพบว่าอุณหภูมิจะสูงสุดที่ราวๆ 52 องศาเซลเซียส ส่วนเมื่อเล่นเกม The Witcher 3 เป็นระยะเวลา 60 นาทีนั้นอุณหภูมสูงสุดจะอยู่ที่ราวๆ 50 องศาเซลเซียส งานนี้เรียกได้ว่าคงไม่เหมาะกับการวางตัวเครื่องเพื่อเล่นเกมบนตักมากนักสักเท่าไรครับ
หมายเหตุ – การทดสอบอุณหภูมินั้นได้ทำการทดสอบภายในห้องปิดที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ 20 องศาเซลเซียส
อย่างไรก็ตามแต่หากมองในภาพโดยรวมนั้น Xiaomi Mi Gaming ก็ถือว่าสามารถจัดการกับความร้อนสะสมในตัวเครื่องได้ค่อนข้างที่จะดีเลยทีเดียวครับ โดยหากดูจากตารางด้านบนแล้วนั้นจะเห็นได้ว่า Xiaomi Mi Gaming สามารถจัดการกับอุณหภูมิได้ดีกว่า HP Omen 15-ce002ng ที่ใช้ชิปกราฟิก GTX 1060 Max-Q อีก แต่ตรงจุดนี้อาจจะเทียบกันได้ไม่ดีเท่าไรนักเพราะ HP Omen นั้นมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลรุ่นใหญ่กว่าอย่าง Core i7-7700HQ ครับ
Battery Life
ปิดท้ายกันด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ Xiaomi Mi Gaming ที่ไม่ได้แย่อะไรมากมายนักโดยการใช้งาน Xiaomi Mi Gaming นั้นพบว่าอายุการใช้งานของแบตเตอรี่จะอยู่ในระดับกลางๆ เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมที่นำมาเปรียบเทียบในรุ่นอื่นๆ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วนั้น Xiaomi Mi Gaming สามารถที่จะใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องที่ประมาณ 4.5 ชั่วโมงสำหรับการทำงานในลักษณะทั่วไป
อย่างไรแล้วนั้นก็ต้องไม่ลืมด้วยนะครับว่า Xiaomi Mi Gaming นั้นเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมที่มาพร้อมกับขนาดของตัวเครื่องแบบบางดังนั้นแล้วทาง Xioami เองก็คงไม่สามารถที่จะเพิ่มแบตเตอรี่ให้มีความจุสูงกว่า 55 Wh ได้เพราะนั่นจะไปทำให้ตัวเครื่องมีขนาดและน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นครับ
สรุป
โดยรวมแล้วนั้น Xiaomi Mi Gaming ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมอีกเครื่องหนึ่งที่น่าใช้งานครับ ด้วยหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วแต่มาพร้อมกับความเบาและบางทำให้การพกะพานั้นเป็นไปด้วยความสะดวก อุปกรณ์สำหรับการป้อนข้อมูลอย่างคีย์บอร์ดและ TouchPad นั้นก็เรียกได้ว่าได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ประสิทธิภาพในการเล่นเกมนั้นก็จัดได้ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม ที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของราคาที่เมื่อเทียบกับผู้ผลิตรายอื่นๆ แล้วนั้นจะพบว่ามีราคาถูกกว่าพอดูครับ
จุดเด่น
- ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้รับ
- มาพร้อมกับขนาดที่เล็ก, บางรวมไปถึงน้ำหนักเบา
- อุปกรณ์สำหรับการใส่ข้อมูลอย่างคีย์บอร์ดและ TouchPad มีคุณภาพอยู่ในระดับเกณฑ์ที่ดีมาก
- ระบบลำโพงทำออกมาให้เสียงดี
- ผู้ใช้สามารถเลือกสลับการใช้งานชิปกราฟิกได้ด้วยตัวเอง
- คีย์บอร์ดมาพร้อมกับ RGB illumination
- เคสตัวเครื่องแข็งแกร่ง
- ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม
จุดด้อย
- ระบบปฎิบัติการ, ซอฟต์แวร์ที่แถมมาให้และคู่มือการใช้งานเป็นภาษาจีน
- เครื่องมาตรฐานมีสเปคที่ค่อนข้างจะต่ำ
- เสียงรบกวนเวลาใช้งานค่อนข้างสูง
- หน้าจอมี response time ที่สูงเอามากๆ
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ไม่นานมากนัก
- ไม่มี Kensington Lock
- Card reader มีประสิทธิภาพที่ต่ำเอามากๆ
- ไม่มีพอร์ต Thunderbolt 3
ที่มา : notebookcheck