คีย์บอร์ดก็เป็นไอเท็มที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเมาส์เลยเพราะมันเป็นตัวควบคุมออกคำสั่งตัวละครให้ทำตามต้องการโดยเฉพาะคีย์บอร์ดสำหรับเล่นเกมเสี้ยววินาทีเป็นเรื่องสำคัญรวมถึงการพิมพ์สื่อสารให้เพื่อนร่วมทีมรับรู้ด้วยฉะนั้นคีย์บอร์ดที่ออกแบบเพื่อเล่นเกมจึงมีบทบาทพอสมควรต่อเกมเมอร์มือใหม่หรือมือโปร
แต่การจะหาคีย์บอร์ดคู่ใจที่เหมาะมือกับเรานับว่าเป็นเรื่องยากทีเดียวเพราะปัจจุบันก็มีผลิตภัณฑ์ออกมาให้เลือกเยอะมาก ๆ และเพื่อให้ง่ายต่อการเลือกซื้อวันนี้เราก็ได้คัดคีย์บอร์ดจำนวน 10 ตัวให้เพื่อนได้ลองเลือกกันครับ
Redragon K552-N Kumara
ราคา: 883 บาท (Amazon)
คีย์บอร์ดแบบ Tenkeyless ที่เน้นจุดเด่นคือความสะดวกเรื่องการพกพาและความเรียบง่ายเน้นใช้เล่นเกมอย่างแท้จริงโดยไม่สนออฟชั่นอื่น ๆ เช่นมัลติมีเดียเพราะคีย์บอร์ดตัวนี้จะไม่มีปุ่มลัดมัลติมีเดียรวมถึงไฟ Backlight หรือช่อง Passthroughs ดังนั้นมันจึงเป็นคีย์บอร์ดเพื่อการกดใช้งานและมีราคาถูก
ส่วนสวิตช์ที่ใช้ก็จะเป็น Otemu Blue หรือร่างโคลนของ Cherry MX Blue นั่นเองที่จะให้คุณสมบัติการกดเสียงดัง “คลิก” เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการกดปุ่มแล้วมีเสียงดังสะใจและออฟชั่นที่ให้มาแบบไม่หวือหวาไม่มีลูกเล่นพิเศษดังนั้นราคาค่าตัวของมันจึงไม่แพงนักเหมาะกับเกมเมอร์ทุกระดับ
Corsair K68 RGB
ราคา: 3,270 บาท (Amazon)
K68 RGB จะเป็นคีย์บอร์ดที่เหมือนกับคีย์บอร์ด Mechanical ปกติแต่ว่าถ้าเจาะสเปคข้างในก็จะพบว่ามันมีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นด้วยรองรับมาตรฐาน IP32 จึงไม่ต้องห่วงสำหรับเกมเมอรืที่ชอบเล่นเกมไปกินขนมไปแม้ว่าจะทำหกเลอะเทอะแค่ไหน K68 RGB รับได้ไม่ช็อตแน่นอน
นอกจากความทนแล้วเรื่องของสวิตช์ก็ไม่ธรรมดาเพราะใช้สวิตช์จาก Cherry MX Red มาพร้อมกับไฟ Backlight RGB เพิ่มความสวยงามและมีปุ่มลัดควบคุมเรื่องมัลติมีเดียได้และเพิ่มความสะดวกสบายด้วยที่พักแขนเรียกว่าครบครันเลยทีเดียว
Das Keyboard 4 Professional
ราคา: 4,877 บาท (Amazon)
คีย์บอร์ดแบรนด์จากเยอรมันที่มีจุดเด่นเห็นชัดคือปุ่มปรับเสียงมุมขวามือจะเป็นวงกลมสำหรับหมุนปรับไปมาใช้งานสะดวกมี USB pass-through ตามด้วยสวิตช์ Cherry MX Blue และ Brown จะให้เสียงกดคลิกที่ดังชัดเจนเหมาะกับเกมเมอร์ที่ชอบเล่นเกมด้วยและต้องการพิมพ์งานเพราะสวิตช์ทั้งสีฟ้าและน้ำตาลให้ความรู้สึกว่ากดชัดเจน
อาจจะไม่โดดเด่นไปทางใดทางหนึ่งเพราะไม่มีที่พักข้อมือหรือไฟ Backlight แต่มันก็แทนที่ด้วยการออกแบบดีไซน์อันเรียบหรูและมีปุ่มควบคุมมัลติมีเดียที่ไม่เหมือนใครเป็นอีกตัวเลือกสำหรับผู้ที่ชอบความแหวกแนว
Kinesis Freestyle Edge
ราคา: 6,840 บาท (Amazon)
คีย์บอร์ดที่มาด้วยรูปร่างออกแบบสไตล์เด็กแนวเพราะมันแบ่งผ่าครึ่งซีกเป็นสองส่วนได้โดยประโยชน์ของการออกแบบเช่นนี้จะช่วยลดพื้นที่เพิ่มความสะดวกเช่นแยกคีย์บอร์ดออกแล้วนำเมาส์มาวางไว้ตรงกลางเราก็จะได้ควบคุมคีย์บอร์ดฝั่งซ้ายที่เป็นปุ่ม WASD และเมาส์ได้ใกล้มากขึ้นเหมาะกับเกม FPS
ขณะเดียวกันหากต้องการพิมพ์งานก็แค่วางมือไว้คนละฝั่งเท่านั้นครับ โดยเจ้าคีย์บอร์ดตัวนี้ก็มีสวิตช์ Cherry MX Brown , Blue , Red และ Silver ให้เลือกตามความต้องการ จะมีไฟใต้ปุ่มสีน้ำเงินและยังไม่หมดแค่นั้นมันจะมีปุ่ม Macro บริเวณด้านซ้ายมืออีก 8 ปุ่มและมีที่พักข้อมือแยกสองฝั่งอีกต่างหาก อยากแนวต้องจัดครับแต่ราคาอาจจะสูงไปพอสมควรเลย
Cooler Master MasterKeys S
ราคา: 2,290 บาท (Amazon)
อีกคีย์บอร์ดเล่นเกมที่เป็นประเภท Tenkeyless และเน้นความเรียบง่ายพกพาไปไหนได้สะดวกนอกจากจะไม่มีปุ่ม Numpad ให้รกตาแล้วมันยังสามารถรับกับสวิตช์ Cherry MX ได้หลายตัวไม่ว่าจะเป็น Brown , Blue , Red , Silver และ Green นอกจากนี้ตัว Keycap ก็ทำจากวัสดุพิเศษเป็นพลาสติก PBT ที่ให้ความแข็งแรงทนต่อแรงกระทบและความร้อนได้ดีมาก
สำหรับ Cooler Master MasterKeys S จึงเหมาะกับนักเล่นเกมที่ไม่ต้องการลูกเล่นอะไรเยอะและต้องการของดีมีประสิทธิภาพแต่มาในราคาเบา ๆ
Logitech G613
ราคา: 3,590 บาท (JIB)
เปลี่ยนบรรยากาศเป็นคีย์บอร์ดไร้สายกันบ้างกับระบบรับส่งข้อมูลอันรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี Lightspeed ให้ค่าอัตราการรายงานที่ 1ms ทำให้การตอบสนองเร็วทันทีหรือจะเชื่อมต่อ Bluetooth เข้ากับอุปกรณ์อื่นก็ได้ แม้ว่าการเป็นคีย์บอร์ดไร้สายอาจมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่การใช้งานแต่กับ G613 จะใช้แค่ถ่าน AA 2 ก้อนที่ใช้ได้ยาว ๆ ถึง 18 เดือน
ทางด้านปุ่มกดสวิตช์ก็ไม่ธรรมดาเช่นกันครับเพราะมีปุ่ม G-Key สำหรับตั้งค่าปรับแต่งได้ตามใจชอบหรือสวิตช์ Romer-G เอกสิทธิ์เฉพาะของ Logitech ให้การตอบสนองที่เร็วกว่าสวิตช์ปกติ 25% ให้เสียงที่เงียบและทนทานรับการกดได้กว่า 70 ล้านคลิกใครถือว่าเป็นคีย์บอร์ดไร้สายที่ดีที่สุดในขณะนี้
Razer Ornata Chroma
ราคา: 2,990 บาท (JIB)
คีย์บอร์ดเล่นเกมลูกครึ่ง “Mecha-Membrane” ที่นำเอาคุณสมบัติของคีย์บอร์ด Membrane และแบบ Mechanical ผสมเข้าด้วยกันโดยสวิตช์จะเป็นยางแต่ให้เสียงกดแบบคลิกจะให้ความรู้สึกเหมือนกดปุ่มคีย์บอร์ดปกติทั่วไปแต่ประสิทธิภาพจะเทียบเท่าคีย์บอร์ดกลไก Mechanical
ส่วนออฟชั่นอื่น ๆ ก็ตามมาตรฐานของ Razer ด้วยไฟ RGB ปุ่มควบคุมมัลติมีเดียที่ใช้งานสะดวกหรือมีที่พักข้อมมือมาให้โดยสามารถถอดออกได้ด้วยเพิ่มความสะดวกในการพกพา
Logitech K840
ราคา: 1,400 บาท (Amazon)
ตัวของ K840 จะมีราคาค่อนข้างถูกกว่าคีย์บอร์ด Logitech อื่น ๆ พอควรแต่สิ่งที่ได้มาก็ไม่ได้แย่อะไรเพราะตัวสวิตช์ก็ยังเป็น Romer-G ที่ให้ความเงียบและการกดปุ่มที่ตอบสนองฉับไว ยังไม่พอบริเวณด้านหน้าคีย์บอร์ดจะหุ้มด้วยวัสดุอลูมีเนียมให้ความทนทานเป็นคีย์บอร์ด Full-Size ราคาจับต้องได้แต่อาจจะต้องแลกกับการไม่มีลูกเล่นเสริมอย่างปุ่ม Macro หรือไฟ Backlight
Corsair K95 RGB Platinum
ราคา: 4,900 บาท (Amazon)
มันมาพร้อมกับขนาดที่ใหญ่ Full-Size ของจริงแต่ก็มาด้วยออฟชั่นที่เพียบพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น USB pass-through , ปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียงเป็นแท่งเหล็ก , ไฟ RGB , ปุ่ม Macro หรือตัว Keycap ของปุ่ม WASD ก็จะทำจากวัสดุพิเศษตอบโจทย์คอเกมสาย FPS
สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างคือแผ่นรองข้อมือจะมีสองด้านแบบผิวหยาบและผิวนุ่มพลิกกลับไปมาได้ง่ายเป็นคีย์บอรืดที่จัดเต็มทุกอย่างไม่ได้มีดีแค่ประสิทะิภาพเท่านั้น
HyperX Alloy Elite
ราคา: 3,600 บาท (Amazon)
ปิดท้ายด้วยคีย์บอร์ดจาก HyperX ที่พกพาประสิทธิภาพเต็มสูบเด่นด้วยหน่วยความจำออนบอร์ดปรับแต่งตั้งค่าโปรโฟล์ได้ 3 แบบ มีปุ่มบังคับควบคุมเรื่องเสียงหรือมัลติมีเดีย , USB passthrough , ที่พักข้อมมือถอดออกได้รวมถึงรองรับระบบ Full N-key rollover Anti-Ghost 100% ส่วนสวิตช์ก็รับได้ทั้ง Cherry MX Blue , Brown และ Red
ยังไม่นับรวมถึงปุ่ม Macro ที่ให้มาอีก 6 ปุ่มบวกกับโครงสร้างทำจากเหล็กเนื้อตันและมีให้เลือกถึง 2 รุ่นคือแบบปกติและแบบมีไฟ RGB ที่สามารถเล่นเอฟเฟ็กต์ได้หลากหลายมากด้วยแต่ออฟชั่นที่ให้มาไม่มีกั๊กแบบนี้ราคาของมันก็ถือว่าไม่สูงเกินไปนักสามารถพอจับต้องได้ครับ
ที่มา: PCGAMER