โน๊ตบุ๊คเล่นเกมโดยเฉพาะ หรือ Gaming Notebook นั้นมีมาให้เลือกซื้อกันมากมายหลากหลายจริงๆ ซึ่งจะไปว่าแล้ว แต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันออกไป แน่นอนว่าทาง Lenovo ก็มีการนำเสนอสิ่งใหม่อยู่ตลอด อย่างล่าสุดก็จะเป็นการมาของ Lenovo Legion Y530 ที่เป็น Gaming Notebook ดีไซน์อนาคต โดดเด่นด้วยขอบจอที่บางและน้ำหนักเครื่องที่เบา รวมไปถึงตัวสเปกเองก็แรงชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 อย่าง Core i5-8300H ที่ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด หรือจะเลือกเป็นตัวที่แรงกว่าด้วย Core i7-8750H ที่ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ดก็ได้
สำหรับ Lenovo Legion Y530 นั้นเรียกได้ว่ามาครบเครื่องเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วที่ครบครัน ลงตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนรับรองได้ว่ามันสามารถที่จะสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมแบบใหม่ให้กับผู้ใช้งานได้อย่างสบายๆ ที่เด็ดที่สุด ก็คือความสดใหม่และในรุ่นเริ่มต้นก็มี Intel Optane ติดตั้งมาให้ สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 29,990 – 38,990 บาท ได้ประกัน 2 ปี On-site ซ่อมฟรีถึงบ้าน
VDO Review
VDO Review – Lenovo Legion Y530
Specification
สเปกเต็มๆ ของ Lenovo Legion Y530 มี 2 สเปกด้วยกัน โดยรุ่นที่นำมารีวิวจะเป็นรุ่นท็อปราคา 38,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-8750H (2.20 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด และประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti 4GB พร้อมฮาร์ดดิสก์ความจุ 1TB ที่ 5400 RPM และได้ติดตั้ง SSD NVME แบบ M.2 SATA 3 ความจุ 128GB ไว้ด้วย (แต่ตัวที่นำทดสอบจะพิเศษตรงที่ ถอด SSD ออก แล้วใส่ Intel Optane ที่ปกติมีในรุ่นเริ่มต้นแทน) ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 หนึ่งแถว (อัพได้สูงสุด 32GB) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก
ส่วนรุ่นเริ่มต้นจะต่างตรงที่ได้หน้าจอเป็น Full HD พาเนล IPS ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C , mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.0, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ac
สนนราคา Lenovo Legion Y530 อยู่ที่ 29,990 – 38,990 บาท ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 2 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน จาก Lenovo Thailand รานละเอียดสเปกก็ตามนี้เลย
- i5-8300H + GTX 1050 + RAM 4GB + HDD 2TB + Optane 16GB + Win 10 ราคา 29,990 บาท
- i7-8750H + GTX 1050Ti + RAM 8GB + HDD 1TB + SSD 128GB + Win 10 ราคา 38,990 บาท
Hardware / Design
Lenovo Legion Y530 พัฒนาต่อยอดมาจาก Lenovo Legion Y520 อีกหนึ่ง Gaming Notebook ประจำปี 2017 – 2018 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียดเป็น Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS คุณภาพให้สีสันสวยงาม เหมาะสมที่สุดสำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงอื่นๆ ที่สำคัญยังมีดีไซน์ขอบจอที่บางเฉียบล้ำยุคกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เทียบแล้วมิติตัวเครื่องเหมือนจะเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แต่ความเป็นจริงคือ 15.6″ นั่นเอง
ส่งผลให้ดีไซน์รวมๆ ของตัวเครื่องมีมิติที่เล็กกระชับลงด้วย ด้วยความบางเพียง 24 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม ซึ่งเป็นจุดที่สมดุลทั้งในแง่ของประสิทธิภาพในการเล่นเกม และความสามารถในการพกพาได้อย่างลงตัว อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนใน Gaming Notebook ราคาระดับ 2x,xxx บาท จนไปถึง 3x,xxx บาท ซึ่งเชื่อได้เลยว่า Notebook รุ่นใหม่ๆ และ Gaming Notebook รุ่นที่จะออกมาในอนาคตก็จะใช้เป็นขอบหน้าจอบางเฉียบแบบนี้ทั้งหมด
การออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นสีสันที่เป็นตัวเครื่องเลือกที่จะให้มีความเรียบง่าย แตกต่างจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ที่เน้นสีสันแดงดำเท่านั้น อย่างไรก็ตามความร้อนคือปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมโดยตรง ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไป โดยยังให้ประสิทธิภาพที่ดีอยู่ ซึ่งดูจากรูปอาจจะแปลกๆ เล็กน้อย เพราะพัดลมกับช่องดูดลมเย็นด้านล่าง มันไม่สมมาตรกัน
Lenovo Legion Y530 วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมด ซึ่งเลือกใช้พลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐาน สำหรับฝาหลังให้ความรู้สึกถึงพื้นผิวที่ไม่เรียบพร้อมไฟ LED ที่ขาวบริเวณโลโก้ Legion พร้อมโลโก้ Y อยู่ด้านในอีกที โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวที่มีความมันวาว พร้อมโลโก้ Y ซ่อนอยู่ตรงขอบแกน
ด้านในส่วนของคีย์บอร์ดมีไฟ Backlit สีขาวสวยงามใช้ได้จริง ทั้งยังตอบสนองการกดได้อย่างรวดเร็วด้วยการออกแบบให้มีระยะกดปุ่มเพียง 1.7 มิลลิเมตร เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สะดวกสบายกว่าที่เคย และทัชแพดให้ความรู้สึกกการใช้งานที่ดีมีความทนทานรวมไปถึงทำความสะอาดได้ง่าย สิ่งนี้นับว่าทาง Lenovo มีความใส่ใจไม่แพ้ส่วนอื่นๆ
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ Lenovo Legion Y530 รุ่นใหม่นั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Lenovo ที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Lenovo Legion Y520 ก็ถือว่าเปลี่ยนสไตล์ไปเลย ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความเข้มและดุดันเอาไว้ ด้วยโลโก้ที่ดูน้อยแต่มาก รวมไปถึงการเลือกใช้ไฟเป็นโทนสีขาวแทนสีแดงแบบเดิมๆ
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง Lenovo Legion Y530 มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ที่ 15.6″ ก็จริง แต่ตัวเครื่องเล็กกระชับลง ถึงอย่างนั้นก็ทำให้สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size สไตล์ Lenovo มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ โดยมีปุ่มแป้น Numpad มาให้ รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษรทั้งหมดเป็นขอบขาว ซึ่งมาพร้อมกับไฟส่องสว่างสีขาวสวยงาม
อย่างไรก็ตามตำแหน่งของปุ่ม Numpad อาจจะมีความแปลกซักหน่อย กับขนาดที่เล็กกว่าโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ ดังนั้นเมื่อใช้งานจริงหลายคนอาจจะรู้สึกไม่ชิน แต่เชื่อว่าใช้งานไปซักพักจะดีขึ้นเอง สำหรับความรู้สึกในการกดพิมพ์นั้น ทำได้ดีทีเดียว นับว่าเป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่พิมพ์ได้มันมือ
ในส่วนของทัชแพดนั้นได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วเรียบง่าย ลักษณะเป็นแบบแยกปุ่มคลิ๊กซ้ายขวา ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดี ที่สำคัญยังทัชแพดและปุ่ม Windows จะถูกปิดตัวลงอัตโนมัติเมื่อเราเข้าสู่การเล่นเกม (ใครไม่ชอบก็ปิดฟีเจอร์นี้ใน Lenovo Vantage ได้)
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion Y530 เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง ให้การแสดงผลที่สมจริงแบบสุดๆ มุมมองกว้างกว่าพวกโน๊ตบุ๊คที่เป็นพาเนล TN
เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี เรียกได้ว่า Lenovo Legion Y530 ยังคงรักษามาตรฐานของ Gaming Notebook เหมือนรุ่นอื่นๆ โดยได้ขอบจอที่บางและกล้อง Webcam ถูกย้ายมาไว้ใต้หน้าจอแทน
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Lenovo Legion Y530 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ด้วย Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่เพียง 60% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีเหลืองอมแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันธรรมดาในเกณฑ์ทั่วไป ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 220 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ แต่ทำอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลักมากนัก
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงกลางหน้าจอและทางซ้ายมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอด้านขอบมุมขวาล่างที่ลดลงไปที่ระดับ 18% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 3.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ มาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม พอได้อยู่
Lenovo Legion Y530 ระบบและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นอย่างแท้จริง ด้วยลำโพงขนาดใหญ่แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้าจำนวน 2 ตัว โดยใช้ระบบเสียง Harman ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี พร้อมระบบเสียง Dolby Audio Premium ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง
Connector / Thin And Weight
Lenovo Legion Y530 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3x USB 3.0, 1x USB 3.1 Type-C, 1x HDMI 1.4, Mini DisplayPort, RJ45 และ Mic-in/Headphone-out โดยตัวพอร์ตเองมีทั้งด้านข้าง 2 ข้าง และด้านหลัง เรียกได้ว่ามีการจัดว่าอย่างลงตัว เหมาสมกับการใช้งานจริง
เรียกได้ว่าต่างกับรุ่นอื่นๆ ตรงที่ไม่มี Card Reader แต่ได้เป็น Mini DisplayPort แทน อย่างไรก็ตามสำหรับ USB 2.0 อีกหนึ่งพอร์ตนั้น ถ้าเป็น USB 3.0 ไปเลยจะดีมากๆ พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน 802.11b/g/n/ac ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอรร์เน็ตมีความสเถียร จนส่งผลให้การเล่นเกมออนไลน์สามารถได้ลื่นๆ อีกด้วย
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ด้วยขอบจอที่บางเฉียบ ส่วนของการพกพา Lenovo Legion Y530 ทำได้น่าพอใจไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยน้ำหนัก 2.3กิโลกรัม เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จะมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ไม่เกิน 3 กิโลกรัมเท่านั้นเอง
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Lenovo Legion Y530 นั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางตัว โดยตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 4535 mAh ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้ทันทีอย่างแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SATA ขนาด 2.5 นิ้วกับ M.2 (รองรับเป็นแบบ NVMe) ที่ทั้ง 2 ส่วนนี้แค่ไขเอาน๊อคออกก็สามารถที่จะทำการอัพเกรดได้ทันทีโดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนอื่นๆ สำหรับในส่วนของแรมนั้นจะต้องถอดเอาที่ครอบออกก่อนจากนั้นก็จะเห็นแรม โดยตัวเครื่องนั้นจะมี 8GB 1 แถว เราสามารถที่จะอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 32 GB (ที่ 2 แถว)
ระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y530 นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไปอีกด้วย เรียกได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน แต่จะดีขึ้นหรือเปล่านั้นไปติดตามกันต่อดู
Performance / Software
Lenovo Legion Y530 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i7-8750HQ (ว่าที่รุ่นยอดนิยมประจำปี 2018) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.20 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads
ที่แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-7700HQ พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 แบบ 1 แถว ที่สามารถอัพเกรดเพิ่มได้อีก 1 แถวทันที สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti แรมการ์ดจอมาตรฐาน 4GB DDR6 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 970M รวมถึง GTX 1050 รุ่นปกติแบบรู้สึกได้ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว ทำให้เกมออฟไลน์ที่กินสเปกหนักๆ นั้น เล่นได้ลื่นกว่าที่เคย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของ Lenovo Legion Y530 เครื่องนี้เป็นแบบพิเศษ เพราะเลือกใช้ Intel Optane + Harddisk ปกติ ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB 5400 RPM โดยเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนล้วนๆ แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 874.2MB/s ซึ่งนับว่าเร็วกว่าปกติหลายเท่า ส่วนเขียนที่ 159.1MB/s อันนี้ก็เป็นความเร็วมาตรฐานของฮาร์ดดิสก์จานหมุน
ด้วยการมาของ Intel Optane Memory ยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของ Lenovo Legion Y530 ให้โดดเด่นยิ่งกว่าการใช้เพียงฮาร์ดดิสก์ปกติอย่าง ด้วยแนวคิดง่ายๆ ที่จะช่วยให้ฮาร์ดดิสก์ก็ทำงานได้รวดเร็วเฉกเช่นเดียวกับ SSD ด้วยหน่วยความจำแบบชิปขนาดเล็กที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต PCIe ตัวเดียวกับที่ติดตั้ง M.2 SSD นั่นละครับ โดย Intel Optane Memory จะเป็นเหมือนหน่วยความจำแคช ช่วยให้ฮาร์ดดิสก็อ่านเขียนได้ไวขึ้น ลดช่องว่างข้อจำกัดของฮาร์ดดิสก์ไปได้นั่นเอง แต่ถ้าเลือกได้ เลือกเป็น SSD ไปเลยจะดีกว่า
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล ตามมาตรฐานสเปก Gaming Notebook ในปัจจุบัน ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง Intel Optane ก็ส่งผลช่วยด้วย (เล็กน้อย)
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง FF XV / FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว
เกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 90 ขึ้นไปตลอด แต่ในส่วนของเกม PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกไปต่ำกว่า 60 บ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่
Lenovo Legion Y530 ยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ที่ช่วยตรวจเช็กสเปคตัวเครื่อง เพิ่มรอบพัดลมช่วยในการระบายความร้อน พร้อมเชื่อมต่อปรับจูนกับเกมที่ลงไว้ในเครื่องได้ด้วย เรียกได้ว่าทำให้การใช้งาน Gaming Notebook อย่าง Lenovo Legion Y530 ใช้งานได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของรุ่นใหญ่อย่าง Lenovo Legion Y730 จะมาพร้อมการตั้งค่าที่ซับซ้อนกว่านี้อีกด้วย
นอกจากนี้ทาง Lenovo เองก็ยังมีในส่วนเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย นับได้ว่า Lenovo Vantage เป็นซอฟต์แวร์ Ultility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานจริงได้
Battery / Heat / Noise
Lenovo Legion Y530 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 4535 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าโอเคเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง ซึ่งหากดูตามตารางแล้วนั้นจะเห็นได้ครับว่า Lenovo Legion Y530 ทำเวลาได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้ Core i7 รุ่นเดียวกันในหลายๆ แบรนด์ด้วยกัน
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม Lenovo Legion Y530 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับชิปกราฟิกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมืที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลังด้านข้าง และเทคโนโลยี Lenovo Cooling Boots ช่วยจัดการ
อุณหภูมิภายในต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดถึง 98 องศาเซลเซียสทีเดียว ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y530 เครื่องนี้มีอุณหภูมิที่สูงพอตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องเสียหายหรือเล่นเกมใช้งานมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด คาดการณ์ว่าอุณหภูมิที่สูงขนาดนี้มาจากการที่ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 ตระกูล H ที่มีการเพิ่ม Clock และ Core ขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย งานนี้ทาง Lenovo ทำการบ้านมาดีมาก ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
จากการที่สัมผัสและใช้งานจริงๆ ของ Lenovo Legion Y530 ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม รวมไปถึงทำงานและความบันเทิงดูหนังฟังเพลง บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ กับตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ขอบหน้าจอที่บางลง ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งมี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วย ประกันก็เป็นแบบ 2 On-site Service เหมือนแบรนด์อื่นๆ แล้ว
รุ่นที่เราได้รับมารีวิวจะเป็นสเปก Intel Core i7-8750H พร้อมด้วยการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050Ti และแรม DDR4 ขนาด 8GB อีกทั้งถ้าตามสเปกขายจริงยังมี SSD NVMe อีก 128GB (แต่เครื่องรีวิวได้มาเป็น Intel Optane แทน) และฮาร์ดดิสก์ความจุ 1TB ที่ 5400 RPM มาให้พร้อมใช้งาน ครบครันกับการใช้งาน สมกับเป็น Gaming Notebook มีความเป็น Legion ที่ไม่ใช่แค่สวยงามดุดัน แต่เน้นประสิทธิภาพด้วย
เรื่องของการออกแบบที่ Lenovo Legion Y530 ทำได้ดีมาก ฉีกรูปแบบเดิมๆ ออกไป ด้วยดีไซน์สไตล์ Legion ปี 2018 ที่เป็น Gaming Notebook ที่เรียบง่าย สวยงามหรูหรา รวมถึงฝั่ง Gaming Desktop PC อย่าง T Series ด้วย บวกกับขอบจกบางเฉียบกระทัดรัด รวมถึงมี USB 3.1 Type-C 3.1 ติดตั้งมา ซึ่งก็ได้ตัด DVD Drive ออกไปแล้ว ทำให้ตัวเครื่องมีความบางเบาลงด้วย ที่ 24 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น และที่โดดเด่นก็คือเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเกือบ 5 ชั่วโมงทีเดียว
อย่างไรก็ตามใช่ว่า Lenovo Legion Y530 จะไม่มีข้อสังเกตเสียทีเดียว กับความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อเราใช้งานหนักๆ ที่ถึงแม้ว่าทาง Lenovo จะออกแบบชดระบายความร้อนใหม่แล้ว แต่ก็ยังมีอุณหภูมิที่สูงอยู่ อาจจะเป็นเพราะการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 ตระกูล H ซึ่งมีประสิทธิภาพความแรงที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ด้วยการเพิ่ม Clock และ Core ส่งผลให้มีความร้อนที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องใช้งานและหน่วงกระตุกแต่อย่างใด รวมไปถึงหน้าจอเป็นพาเนล IPS ที่ดูสวยก็จริง แต่ขอบเขตสีน้อยกว่าที่ควรเป็นไปหน่อย
สรุปแล้ว Lenovo Legion Y530 ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Lenovo ที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ด ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเบาลง ขอบจอบางเฉียบ ดีไซน์เน้นเรียบๆ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 29,990 บาท สำหรับรุ่นเริ่มต้นได้ Intel Optane มา หรือใครไปให้สุดที่เป็นตัวท็อปขณะนี้กับราคา 38,990 บาท
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
- ตัวเครื่องเล็กกระชับ แม้จะเป็นหน้าจอ 15.6″ แต่เล็กพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 14″
- ตัวเครื่องมีความบาง 24 มิลลิเมตรและเบาที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i7-8650H และการ์ดจอ GTX 1050Ti
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้ง แนวออฟไลน์และออนไลน์
- คีย์บอร์ดมีไฟเป็นสีขาวที่ดูแล้วสวยงาม แตกต่าง
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-C และ Mini DisplayPort มาให้พร้อมใช้งาน
- ลำโพงคุณภาพเสียงดี น่าประทับใจ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบๆ 5 ชั่วโมง
- ประกัน 2 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
ข้อสังเกต
- พาเนลเป็น IPS ก็จริง แต่ให้ขอบเขตสีแค่ 60% sRGB
- เมื่อใช้งานหนักๆ ทีความร้อนของ CPU ค่อนข้างสูง
- รุ่นเริ่มต้นให้เป็น Intel Optane ใช้งานร่วมกับฮาร์ดดิสก์ปกติ
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo Legion Y530 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo Legion โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo Legion Y530 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม รวมไปถึงตัวเครื่องก็เล็กลง บางเบาลง ไฟเป็นสีขาว ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7 ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti 4GB รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูง (หรือ Intel Optane) ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ
Best Multimedia
ลำโพง Harman พร้อมระบบเสียง Dolby Audio Premium ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง บนหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้วความละเอียดแบบ Full HD พาเนล IPS แถมมาพร้อมด้วยสเปคของระบบที่สดใหม่และเร็วแรง สามารถตอบสนองความบันเทิงได้ในทุกๆ รูปแบบไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Lenovo Legion Y530 จะได้รางวัลนี้ไป
VDO Review
VDO Review – Lenovo Legion Y530
Specification
สเปกเต็มๆ ของ Lenovo Legion Y530 มี 2 สเปกด้วยกัน โดยรุ่นที่นำมารีวิวจะเป็นรุ่นท็อปราคา 38,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-8750H (2.20 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด และประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti 4GB พร้อมฮาร์ดดิสก์ความจุ 1TB ที่ 5400 RPM และได้ติดตั้ง SSD NVME แบบ M.2 SATA 3 ความจุ 128GB ไว้ด้วย (แต่ตัวที่นำทดสอบจะพิเศษตรงที่ ถอด SSD ออก แล้วใส่ Intel Optane ที่ปกติมีในรุ่นเริ่มต้นแทน) ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 หนึ่งแถว (อัพได้สูงสุด 32GB) ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ พร้อมใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องครั้งแรก
ส่วนรุ่นเริ่มต้นจะต่างตรงที่ได้หน้าจอเป็น Full HD พาเนล IPS ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C , mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.0, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 ac
สนนราคา Lenovo Legion Y530 อยู่ที่ 29,990 – 38,990 บาท ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 2 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน จาก Lenovo Thailand รานละเอียดสเปกก็ตามนี้เลย
- i5-8300H + GTX 1050 + RAM 4GB + HDD 2TB + Optane 16GB + Win 10 ราคา 29,990 บาท
- i7-8750H + GTX 1050Ti + RAM 8GB + HDD 1TB + SSD 128GB + Win 10 ราคา 38,990 บาท
Hardware / Design
Lenovo Legion Y530 พัฒนาต่อยอดมาจาก Lenovo Legion Y520 อีกหนึ่ง Gaming Notebook ประจำปี 2017 – 2018 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 15.6″ ความละเอียดเป็น Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS คุณภาพให้สีสันสวยงาม เหมาะสมที่สุดสำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงอื่นๆ ที่สำคัญยังมีดีไซน์ขอบจอที่บางเฉียบล้ำยุคกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เทียบแล้วมิติตัวเครื่องเหมือนจะเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14″ แต่ความเป็นจริงคือ 15.6″ นั่นเอง
ส่งผลให้ดีไซน์รวมๆ ของตัวเครื่องมีมิติที่เล็กกระชับลงด้วย ด้วยความบางเพียง 24 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม ซึ่งเป็นจุดที่สมดุลทั้งในแง่ของประสิทธิภาพในการเล่นเกม และความสามารถในการพกพาได้อย่างลงตัว อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนใน Gaming Notebook ราคาระดับ 2x,xxx บาท จนไปถึง 3x,xxx บาท ซึ่งเชื่อได้เลยว่า Notebook รุ่นใหม่ๆ และ Gaming Notebook รุ่นที่จะออกมาในอนาคตก็จะใช้เป็นขอบหน้าจอบางเฉียบแบบนี้ทั้งหมด
การออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นสีสันที่เป็นตัวเครื่องเลือกที่จะให้มีความเรียบง่าย แตกต่างจาก Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ ที่เน้นสีสันแดงดำเท่านั้น อย่างไรก็ตามความร้อนคือปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมโดยตรง ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไป โดยยังให้ประสิทธิภาพที่ดีอยู่ ซึ่งดูจากรูปอาจจะแปลกๆ เล็กน้อย เพราะพัดลมกับช่องดูดลมเย็นด้านล่าง มันไม่สมมาตรกัน
Lenovo Legion Y530 วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมด ซึ่งเลือกใช้พลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐาน สำหรับฝาหลังให้ความรู้สึกถึงพื้นผิวที่ไม่เรียบพร้อมไฟ LED ที่ขาวบริเวณโลโก้ Legion พร้อมโลโก้ Y อยู่ด้านในอีกที โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวที่มีความมันวาว พร้อมโลโก้ Y ซ่อนอยู่ตรงขอบแกน
ด้านในส่วนของคีย์บอร์ดมีไฟ Backlit สีขาวสวยงามใช้ได้จริง ทั้งยังตอบสนองการกดได้อย่างรวดเร็วด้วยการออกแบบให้มีระยะกดปุ่มเพียง 1.7 มิลลิเมตร เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สะดวกสบายกว่าที่เคย และทัชแพดให้ความรู้สึกกการใช้งานที่ดีมีความทนทานรวมไปถึงทำความสะอาดได้ง่าย สิ่งนี้นับว่าทาง Lenovo มีความใส่ใจไม่แพ้ส่วนอื่นๆ
สรุปโดยรวมการออกแบบดีไซน์ภายนอกและวัสดุของ Lenovo Legion Y530 รุ่นใหม่นั้น ทำได้ดีตามมาตรฐานของ Lenovo ที่ทุกคนไว้ใจและมั่นใจจริงๆ ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Lenovo Legion Y520 ก็ถือว่าเปลี่ยนสไตล์ไปเลย ตอบโจทย์ของคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมในดีไซน์เรียบๆ แต่แอบแฝงความเข้มและดุดันเอาไว้ ด้วยโลโก้ที่ดูน้อยแต่มาก รวมไปถึงการเลือกใช้ไฟเป็นโทนสีขาวแทนสีแดงแบบเดิมๆ
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง Lenovo Legion Y530 มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ที่ 15.6″ ก็จริง แต่ตัวเครื่องเล็กกระชับลง ถึงอย่างนั้นก็ทำให้สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size สไตล์ Lenovo มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ โดยมีปุ่มแป้น Numpad มาให้ รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษรทั้งหมดเป็นขอบขาว ซึ่งมาพร้อมกับไฟส่องสว่างสีขาวสวยงาม
อย่างไรก็ตามตำแหน่งของปุ่ม Numpad อาจจะมีความแปลกซักหน่อย กับขนาดที่เล็กกว่าโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ ดังนั้นเมื่อใช้งานจริงหลายคนอาจจะรู้สึกไม่ชิน แต่เชื่อว่าใช้งานไปซักพักจะดีขึ้นเอง สำหรับความรู้สึกในการกดพิมพ์นั้น ทำได้ดีทีเดียว นับว่าเป็น Gaming Notebook อีกรุ่นที่พิมพ์ได้มันมือ
ในส่วนของทัชแพดนั้นได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วเรียบง่าย ลักษณะเป็นแบบแยกปุ่มคลิ๊กซ้ายขวา ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดี ที่สำคัญยังทัชแพดและปุ่ม Windows จะถูกปิดตัวลงอัตโนมัติเมื่อเราเข้าสู่การเล่นเกม (ใครไม่ชอบก็ปิดฟีเจอร์นี้ใน Lenovo Vantage ได้)
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion Y530 เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง ให้การแสดงผลที่สมจริงแบบสุดๆ มุมมองกว้างกว่าพวกโน๊ตบุ๊คที่เป็นพาเนล TN
เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี เรียกได้ว่า Lenovo Legion Y530 ยังคงรักษามาตรฐานของ Gaming Notebook เหมือนรุ่นอื่นๆ โดยได้ขอบจอที่บางและกล้อง Webcam ถูกย้ายมาไว้ใต้หน้าจอแทน
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Lenovo Legion Y530 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ด้วย Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่เพียง 60% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีเหลืองอมแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันธรรมดาในเกณฑ์ทั่วไป ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 220 cd/m2 ซึ่งจัดได้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เอาไปทำงานข้างนอกสบายๆ แต่ทำอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้งานด้านตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลักมากนัก
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงกลางหน้าจอและทางซ้ายมีค่า 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอด้านขอบมุมขวาล่างที่ลดลงไปที่ระดับ 18% ทำให้ต้องใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 3.0 คะแนนถือว่าอยู่ในเกณฑ์กลางๆ มาตราฐานทั่วไป เหมาะสำหรับคนเอามาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม พอได้อยู่
Lenovo Legion Y530 ระบบและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นอย่างแท้จริง ด้วยลำโพงขนาดใหญ่แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้าจำนวน 2 ตัว โดยใช้ระบบเสียง Harman ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี พร้อมระบบเสียง Dolby Audio Premium ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง
Connector / Thin And Weight
Lenovo Legion Y530 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 3x USB 3.0, 1x USB 3.1 Type-C, 1x HDMI 1.4, Mini DisplayPort, RJ45 และ Mic-in/Headphone-out โดยตัวพอร์ตเองมีทั้งด้านข้าง 2 ข้าง และด้านหลัง เรียกได้ว่ามีการจัดว่าอย่างลงตัว เหมาสมกับการใช้งานจริง
เรียกได้ว่าต่างกับรุ่นอื่นๆ ตรงที่ไม่มี Card Reader แต่ได้เป็น Mini DisplayPort แทน อย่างไรก็ตามสำหรับ USB 2.0 อีกหนึ่งพอร์ตนั้น ถ้าเป็น USB 3.0 ไปเลยจะดีมากๆ พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน 802.11b/g/n/ac ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอรร์เน็ตมีความสเถียร จนส่งผลให้การเล่นเกมออนไลน์สามารถได้ลื่นๆ อีกด้วย
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ด้วยขอบจอที่บางเฉียบ ส่วนของการพกพา Lenovo Legion Y530 ทำได้น่าพอใจไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยน้ำหนัก 2.3กิโลกรัม เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จะมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ไม่เกิน 3 กิโลกรัมเท่านั้นเอง
Inside / Upgrade
การแกะเครื่อง Lenovo Legion Y530 นั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางตัว โดยตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 4535 mAh ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้ทันทีอย่างแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SATA ขนาด 2.5 นิ้วกับ M.2 (รองรับเป็นแบบ NVMe) ที่ทั้ง 2 ส่วนนี้แค่ไขเอาน๊อคออกก็สามารถที่จะทำการอัพเกรดได้ทันทีโดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนอื่นๆ สำหรับในส่วนของแรมนั้นจะต้องถอดเอาที่ครอบออกก่อนจากนั้นก็จะเห็นแรม โดยตัวเครื่องนั้นจะมี 8GB 1 แถว เราสามารถที่จะอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 32 GB (ที่ 2 แถว)
ระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y530 นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร ด้วยการออกแบบให้มีชุดระบายอากาศ 2 ชุด แยกกันระหว่าง CPU และ GPU ทำงานร่วมกับช่องระบายความร้อนถึง 4 ช่อง และพัดลมที่มีใบพัดถึงกว่า 70 ใบ ในแต่ละชุด เพื่อระบายความร้อนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ทำให้เกิดเสียงรบกวนที่ดังเกินไปอีกด้วย เรียกได้เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อน แต่จะดีขึ้นหรือเปล่านั้นไปติดตามกันต่อดู
Performance / Software
Lenovo Legion Y530 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i Gen อย่าง Intel Core i7-8750HQ (ว่าที่รุ่นยอดนิยมประจำปี 2018) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.20 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.10 GHz เป็นซีพียูแบบ 6 Core 12 Threads
ที่แรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-7700HQ พอตัว มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 แบบ 1 แถว ที่สามารถอัพเกรดเพิ่มได้อีก 1 แถวทันที สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti แรมการ์ดจอมาตรฐาน 4GB DDR6 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซีแบบสบายๆ และแรงกว่า GTX 970M รวมถึง GTX 1050 รุ่นปกติแบบรู้สึกได้ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว ทำให้เกมออฟไลน์ที่กินสเปกหนักๆ นั้น เล่นได้ลื่นกว่าที่เคย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของ Lenovo Legion Y530 เครื่องนี้เป็นแบบพิเศษ เพราะเลือกใช้ Intel Optane + Harddisk ปกติ ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 1TB 5400 RPM โดยเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนล้วนๆ แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 874.2MB/s ซึ่งนับว่าเร็วกว่าปกติหลายเท่า ส่วนเขียนที่ 159.1MB/s อันนี้ก็เป็นความเร็วมาตรฐานของฮาร์ดดิสก์จานหมุน
ด้วยการมาของ Intel Optane Memory ยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของ Lenovo Legion Y530 ให้โดดเด่นยิ่งกว่าการใช้เพียงฮาร์ดดิสก์ปกติอย่าง ด้วยแนวคิดง่ายๆ ที่จะช่วยให้ฮาร์ดดิสก์ก็ทำงานได้รวดเร็วเฉกเช่นเดียวกับ SSD ด้วยหน่วยความจำแบบชิปขนาดเล็กที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต PCIe ตัวเดียวกับที่ติดตั้ง M.2 SSD นั่นละครับ โดย Intel Optane Memory จะเป็นเหมือนหน่วยความจำแคช ช่วยให้ฮาร์ดดิสก็อ่านเขียนได้ไวขึ้น ลดช่องว่างข้อจำกัดของฮาร์ดดิสก์ไปได้นั่นเอง แต่ถ้าเลือกได้ เลือกเป็น SSD ไปเลยจะดีกว่า
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรท (FPS) จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยค่อนข้างลื่นไหล ตามมาตรฐานสเปก Gaming Notebook ในปัจจุบัน ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-8750H ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึง Intel Optane ก็ส่งผลช่วยด้วย (เล็กน้อย)
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง FF XV / FarCry 5 / GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ตามภาพด้านบน ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว
เกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 90 ขึ้นไปตลอด แต่ในส่วนของเกม PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกไปต่ำกว่า 60 บ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่
Lenovo Legion Y530 ยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ Lenovo Vantage ที่ช่วยตรวจเช็กสเปคตัวเครื่อง เพิ่มรอบพัดลมช่วยในการระบายความร้อน พร้อมเชื่อมต่อปรับจูนกับเกมที่ลงไว้ในเครื่องได้ด้วย เรียกได้ว่าทำให้การใช้งาน Gaming Notebook อย่าง Lenovo Legion Y530 ใช้งานได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของรุ่นใหญ่อย่าง Lenovo Legion Y730 จะมาพร้อมการตั้งค่าที่ซับซ้อนกว่านี้อีกด้วย
นอกจากนี้ทาง Lenovo เองก็ยังมีในส่วนเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย นับได้ว่า Lenovo Vantage เป็นซอฟต์แวร์ Ultility ติดเครื่องที่ดีและใช้งานจริงได้
Battery / Heat / Noise
Lenovo Legion Y530 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 4535 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าโอเคเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง ซึ่งหากดูตามตารางแล้วนั้นจะเห็นได้ครับว่า Lenovo Legion Y530 ทำเวลาได้ดีกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้ Core i7 รุ่นเดียวกันในหลายๆ แบรนด์ด้วยกัน
ส่วนของอุณหภูมิตัวเครื่องโดยรวม Lenovo Legion Y530 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับชิปกราฟิกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมืที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลังด้านข้าง และเทคโนโลยี Lenovo Cooling Boots ช่วยจัดการ
อุณหภูมิภายในต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 40 – 50 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดถึง 98 องศาเซลเซียสทีเดียว ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y530 เครื่องนี้มีอุณหภูมิที่สูงพอตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องเสียหายหรือเล่นเกมใช้งานมีปัญหาหน่วงหรือกระตุกแต่อย่างใด คาดการณ์ว่าอุณหภูมิที่สูงขนาดนี้มาจากการที่ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 ตระกูล H ที่มีการเพิ่ม Clock และ Core ขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย งานนี้ทาง Lenovo ทำการบ้านมาดีมาก ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
จากการที่สัมผัสและใช้งานจริงๆ ของ Lenovo Legion Y530 ทั้งการเล่นเกมหลากหลายเกม รวมไปถึงทำงานและความบันเทิงดูหนังฟังเพลง บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ กับตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ขอบหน้าจอที่บางลง ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งมี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วย ประกันก็เป็นแบบ 2 On-site Service เหมือนแบรนด์อื่นๆ แล้ว
รุ่นที่เราได้รับมารีวิวจะเป็นสเปก Intel Core i7-8750H พร้อมด้วยการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050Ti และแรม DDR4 ขนาด 8GB อีกทั้งถ้าตามสเปกขายจริงยังมี SSD NVMe อีก 128GB (แต่เครื่องรีวิวได้มาเป็น Intel Optane แทน) และฮาร์ดดิสก์ความจุ 1TB ที่ 5400 RPM มาให้พร้อมใช้งาน ครบครันกับการใช้งาน สมกับเป็น Gaming Notebook มีความเป็น Legion ที่ไม่ใช่แค่สวยงามดุดัน แต่เน้นประสิทธิภาพด้วย
เรื่องของการออกแบบที่ Lenovo Legion Y530 ทำได้ดีมาก ฉีกรูปแบบเดิมๆ ออกไป ด้วยดีไซน์สไตล์ Legion ปี 2018 ที่เป็น Gaming Notebook ที่เรียบง่าย สวยงามหรูหรา รวมถึงฝั่ง Gaming Desktop PC อย่าง T Series ด้วย บวกกับขอบจกบางเฉียบกระทัดรัด รวมถึงมี USB 3.1 Type-C 3.1 ติดตั้งมา ซึ่งก็ได้ตัด DVD Drive ออกไปแล้ว ทำให้ตัวเครื่องมีความบางเบาลงด้วย ที่ 24 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น และที่โดดเด่นก็คือเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเกือบ 5 ชั่วโมงทีเดียว
อย่างไรก็ตามใช่ว่า Lenovo Legion Y530 จะไม่มีข้อสังเกตเสียทีเดียว กับความร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อเราใช้งานหนักๆ ที่ถึงแม้ว่าทาง Lenovo จะออกแบบชดระบายความร้อนใหม่แล้ว แต่ก็ยังมีอุณหภูมิที่สูงอยู่ อาจจะเป็นเพราะการใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 8 ตระกูล H ซึ่งมีประสิทธิภาพความแรงที่ดีกว่ารุ่นก่อนๆ ด้วยการเพิ่ม Clock และ Core ส่งผลให้มีความร้อนที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องใช้งานและหน่วงกระตุกแต่อย่างใด รวมไปถึงหน้าจอเป็นพาเนล IPS ที่ดูสวยก็จริง แต่ขอบเขตสีน้อยกว่าที่ควรเป็นไปหน่อย
สรุปแล้ว Lenovo Legion Y530 ถือว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง Lenovo ที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่สูงทั้งด้วยชิปประมวลผลและกราฟิกการ์ด ที่สำคัญตัวเครื่องยังบางเบาลง ขอบจอบางเฉียบ ดีไซน์เน้นเรียบๆ ทั้งจากรูปลักษณ์และใช้งานจริง สมราคา 29,990 บาท สำหรับรุ่นเริ่มต้นได้ Intel Optane มา หรือใครไปให้สุดที่เป็นตัวท็อปขณะนี้กับราคา 38,990 บาท
จุดเด่น
- ดีไซน์การออกแบบสวยงาม งานประกอบแน่นวัสดุดี แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
- ตัวเครื่องเล็กกระชับ แม้จะเป็นหน้าจอ 15.6″ แต่เล็กพอๆ กับโน๊ตบุ๊คจอ 14″
- ตัวเครื่องมีความบาง 24 มิลลิเมตรและเบาที่ 2.3 กิโลกรัมเท่านั้น
- ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปประมวลผล Core i7-8650H และการ์ดจอ GTX 1050Ti
- ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีลื่นไหลทั้ง แนวออฟไลน์และออนไลน์
- คีย์บอร์ดมีไฟเป็นสีขาวที่ดูแล้วสวยงาม แตกต่าง
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อม Windows 10 ใช้งานได้ทันที
- มีพอร์ต USB 3.1 Type-C และ Mini DisplayPort มาให้พร้อมใช้งาน
- ลำโพงคุณภาพเสียงดี น่าประทับใจ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเกือบๆ 5 ชั่วโมง
- ประกัน 2 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
ข้อสังเกต
- พาเนลเป็น IPS ก็จริง แต่ให้ขอบเขตสีแค่ 60% sRGB
- เมื่อใช้งานหนักๆ ทีความร้อนของ CPU ค่อนข้างสูง
- รุ่นเริ่มต้นให้เป็น Intel Optane ใช้งานร่วมกับฮาร์ดดิสก์ปกติ
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง Lenovo Legion Y530 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo Legion โน๊ตบุ๊คสาย Gaming มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน Lenovo Legion Y530 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเล่นเกม รวมไปถึงตัวเครื่องก็เล็กลง บางเบาลง ไฟเป็นสีขาว ทำให้เป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ที่หลายคนจับตามองทีเดียว
Best Performance
ด้วยสเปกชิปประมวลผล Intel Core i7 ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับแรมขนาด 8GB แบบ DDR4 และกราฟิกการ์ดยอดนิยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti 4GB รวมไปถึง SSD M.2 ความเร็วสูง (หรือ Intel Optane) ก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ค่าคะแนนต่างๆ ก็ทำออกมาได้ดี ส่วนการใช้งานทั่วไปนั้นก็ลื่นไหลสุดๆ
Best Multimedia
ลำโพง Harman พร้อมระบบเสียง Dolby Audio Premium ที่จะเข้ามาเสริมพลังเสียงให้หนักแน่น เต็มอิ่ม และดังเพียงพอสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ความบันเทิงให้กับคนรอบข้าง บนหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้วความละเอียดแบบ Full HD พาเนล IPS แถมมาพร้อมด้วยสเปคของระบบที่สดใหม่และเร็วแรง สามารถตอบสนองความบันเทิงได้ในทุกๆ รูปแบบไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Lenovo Legion Y530 จะได้รางวัลนี้ไป