ยุคสมัยเปลี่ยน ดีไซน์ก็เปลี่ยน ในปี 2018 เรียกได้ว่าโน๊ตบุ๊คกำลังจะเข้าสู่โมเดลที่เป็น Thin & Light ที่จะเน้นเรื่องของความบางเบาเป็นหลัก โดยในปีนี้ทาง ASUS เองก็ได้เปิดตัวโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่สายทำงาน สเปคคุ้มๆ อย่างซีรีย์ VivoBook S ที่จะมาพร้อมกับโมเดลที่รีดีไซน์ใหม่ทั้งหมด และนำมาเปิดตัวในงาน Computex เป็นครั้งแรก ซึ่งปีนี้จะพิเศษกว่าปีอื่นคือจะมีทั้งจอ 13, 14 และ 15 นิ้ว และเฉดสีให้เลือกมากกว่าเดิมจะเป็นยังไงบ้างไปดูกันเลยครับ
ASUS VivoBook S14
ตัวแรกที่ทางทีมงานได้สัมผัสคือรุ่น ASUS VivoBook S14 รุ่นใหม่ บอกตามตรงเห็นแล้วแรกแล้วรู้สึกว้าวเลยทีเดียว เพราะสีสันรวมถึงการออกแบบทำมาได้สวยมาก ตัวเครื่องฝาหลังจะเป็นอะลูมิเนียมตามสีของตัวเครื่องพร้อมกับเวลากางหน้าจอ ตัวเครื่องจะยกสูงขึ้น 3.5 องศา เพื่อให้เราสามารถวางข้อมือพิมพ์งานได้ถนัดรวมถึงช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนอีกด้วย ขอบจอตัวเครื่องก็บางมากๆ ดูแล้วลดขนาดตัวเครื่องลงไปได้เยอะเลยทีเดียว และแกนฝาพับออกแบบมาใหม่เป็นแบบ 2 แกนจากแบบเดิมที่เป็นแบบเดี่ยว
บอดี้ด้านในเครื่องสีเขียวที่ทีมงาน NBS สัมผัสมาจะมีลาย texture ตรงผิว สัมผัสดูสากๆ ไม่ลื่นมือ ส่วนสีอื่นจะเป็นผิวเรียบๆ ปกติ สังเกตว่าในรูปเมื่อเปิดกางหน้าจอแล้วตัวเครื่องจะยกฐานให้สูงขึ้นด้วย ปุ่มกดด้านในจะเป็นตามไซด์มาตราฐานโน๊ตบุ๊คทั่วไปคือไม่มี Numpad ปุ่มลูกศรแอบเล็กไปนิดหนึ่ง ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ก็ให้มาค่อนข้างครบครันเลยทีเดียวทั้ง USB 3.0 x 1, USB 2.0 x 2, HDMI, USB 3.1 Type C, MicroSD Card และรูเสียบหูฟังกับไมค์แบบ Combo
สเปคเบื้องต้นในรุ่น ASUS VivoBook S14 ตัวใหม่นี้จะคล้ายๆ กับรุ่นเดิมคือใช้ CPU Intel Core i Gen 8 รหัส U การ์ดจอจะเป็น NVIDIA GeForce MX130 ใส่ Ram 8 GB สามารถใช้เพิ่มได้อีก 1 ช่อง SSD m.2 ขนาด 128 GB และสามารถใส่ HDD 2.5 ได้อีก 1 ลูก หน้าจอขนาด 14 นิ้ว Full HD IPS ขอบบางสวยงาม มาพร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว ลำโพง Sonic Master และน้ำหนักตัวเครื่องหนักเพียง 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น
ASUS VivoBook S15
ขยับขึ้นมาจะเป็นรุ่น ASUS VivoBook S15 ซึ่งการดีไซน์จะเหมือนกับตัว VivoBook S14 ตัวด้านบนก่อนหน้านี้ทั้งหมด มีให้เลือกหลายสีเช่นเดียวกัน พูดตามตรงเหมือนกับเอาไฟฉายขยายส่วนของโดเรม่อนมาขยายตัว S14 โดยตัว ASUS VivoBook S15 จะมีวัสดุเป็นอะลูมิเนียมทั้งฝาหลังและบอดี้ด้านใน และหน้าจอขนาดก็เป็น 15.6 นิ้ว Full HD IPS ส่วนของคีย์บอร์ดก็มี Numpad มาให้ต่างจาก S15 รุ่นก่อนที่ไม่มี
พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ก็ให้มาเหมือนรุ่น S14 เลยคือมีทั้ง USB 3.0 x 1, USB 2.0 x 2, HDMI, USB 3.1 Type C, MicroSD Card และรูเสียบหูฟังกับไมค์แบบ Combo ลำโพง Sonic Master เพิ่มเติมคือคีย์บอร์ดมีจะไฟสีขาวสามารถปรับได้ 3 ระดับ และสังเกตว่าจะไม่มีพอร์ต Lan และถูกตัด SD Card ออก
สเปคเบื้องต้นในรุ่น ASUS VivoBook S15 ใช้ CPU Intel Core i Gen 8 รหัส U การ์ดจอจะเป็น NVIDIA GeForce MX150 ใส่มา Ram 8 GB สามารถใช้เพิ่มได้อีก 1 ช่อง พร้อม HDD 1 TB รองรับ SSD m.2 หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว Full HD IPS ขอบบางสวยงาม มาพร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว และน้ำหนักตัวเครื่องหนักเพียง 1.8 กิโลกรัม ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คจอ 15.6 นิ้วที่เบามากๆ ครับ
ASUS VivoBook S13
มาดูตัวรุ่นน้องเล็กสุดกันบ้างซึ่งยังคงคอนเซ็ปต์การดีไซน์เหมือนรุ่นพี่คือขอบจอบางน้ำหนักเบา กางฝาหลังยกเครื่องสูง ซึ่ง ASUS VivoBook S13 จะเหมือนใช้บอดี้รุ่นเก่าที่เป็นแกนฝาพับเดี่ยวไม่ใช่แกนฝาพับคู่ วัสดุจะเป็นพลาสติก ปุ่มแป้นคีย์บอร์ดจะมีขนาดเล็กกว่ารุ่น S14 ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ก็ให้มาคล้ายกับรุ่นพี่คือมี USB 3.0 x 1, USB 2.0 x1, HDMI, USB 3.1 Type C, MicroSD Card และรูเสียบหูฟังกับไมค์แบบ Combo ลำโพง Sonic Master เพิ่มเติมคือพิเศษรุ่น S13 นี้จะมี Finger Print มาให้ด้วย
ทางด้านสเปค ASUS VivoBook S13 จากที่เห็นจะเริ่มต้นใช้เป็น CPU Intel Core i Gen 8 รหัส U การ์ดจอมีทั้งออนบอร์ดธรรมดาและการ์ดจอแยกที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นรุ่นอะไร (คาดว่าเป็น MX130) Ram คาดเริ่มต้น 4 GB และคาดว่าใส่ได้เฉพาะ SSD m.2 หน้าจอขนาด 13 นิ้ว Full HD IPS ขอบบางสวยงาม และมาพร้อมกับ Windows 10 แท้ในตัว น้ำหนักก็หนักเพียง 1.2 กิโลกรัมเท่านั้นเหมาะสำหรับเป็นโน๊ตบุ๊คสำรองไว้พกพาไปทำงานนอกสถานที่สุดๆ
ASUS VivoBook Flip 14
สุดท้ายมาแบบเงียบๆ กับ ASUS VivoBook Flip 14 ที่เป็นโน๊ตบุ๊ค 2-in-1 หน้าจอสัมผัสกางพับหน้าจอได้ 360 องศา แกนฝาพับคู่ ขอบจอบาง วัสดุจะเป็นพลาสติกทั้งหมด สังเกตว่าตรงหน้าจอจะเขียนโลโก้เป็น ASUS เฉยๆ ไม่ใช่ ASUS VivoBook เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนสเปคตัวนี้ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรใช้ Intel Gen 8 รหัส U มาตรฐาน การ์ดจอออนบอร์ด รองรับ SSD m.2 มาพร้อม Windows 10 แท้
พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ก็ให้มาคล้ายกับรุ่นพี่คือมี USB 3.0 x 1, USB 2.0 x 2, HDMI, USB 3.1 Type C, SD Card และรูเสียบหูฟังกับไมค์แบบ Combo ลำโพง Sonic Master มี Finger Print มาให้ และมีปุ่มเพิ่มเสีย ลดเสียงอยู่ด้านข้าง พร้อมปุ่มเปิดปิดเครื่อง ส่วนฟีเจอร์เด็ดๆ ของ ASUS VivoBook Flip 14 คือรองรับการใช้งานปากกา ASUS Active Stylus ที่สามารถวาดรูปลงหน้าจอได้เลยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ต่อเพิ่ม
เป็นอย่างไรกันบ้างกับโน๊ตบุ๊คตระกูล VivoBook รุ่นใหม่ของทาง ASUS ที่มีด้วยกันถึง 4 รุ่น ตั้งแต่จอเล็กจอใหญ่ จอสัมผัสไม่สัมผัสเรียกได้ว่าตอบสนองครอบทุกกลุ่มตลาดการใช้งาน ซึ่งดีไซน์โมเดลปี 2018 นี้บอกเลยว่าดูมีความเป็น Colorful มาก ฉีกรูปแบบกฎเกณฑ์เดิมๆ ที่โน๊ตบุ๊คต้องเป็นแค่สีเทา ทอง ดำ ไม่กี่สีเล่นเอาถูกใจเหล่าวัยรุ่นที่ชอบความแตกต่าง ส่วนคำถามที่ว่า ASUS VivoBook รุ่นใหม่นี้จะวางไทยราคาเท่าไร เมื่อใด ทางทีมงาน NBS ก็ยังไม่ทราบเช่นกันครับคงต้องรอประกาศกันอีกที ไม่แน่อาจจะมาทันคอมมาร์ทสิ้นเดือนนี้ก็ได้นะ ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ