หากกล่าวถึงโน๊ตบุ๊คบางเบาแล้ว หลายๆ คนต้องนึกถึงโน๊ตบุ๊คระดับ 2 – 3 หมื่นบาทแน่นอน แต่จากการที่ทาง Acer ได้พัฒนาในส่วนของโน๊ตบุ๊คที่เน้นการพกพามาโดยตลอด ที่สำคัญยังเป็นแบรนด์แรกที่นำเสนอโน๊ตบุ๊ครูปแบบใหม่อย่าง Ultrabook มาสู่ท้องตลาดอีกด้วย กับ Acer Aspire S3 ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้รับการต่อยอดมาโดยตลอด อย่างในส่วนของตระกูล Aspire S Series และล่าสุดจะเป็นตระกูล Swift 1, 3, 5 และ 7
โดยล่าสุดปี 2018 ทาง Acer ก็พร้อมแล้วที่จะนำเสนอโน๊ตบุ๊คบางเบาแต่ราคาย่อมเยาคุ้มค่าที่สุดอย่าง Acer Swift 1 (รุ่นเล็กสุดของตระกูล Swift) ที่จัดได้ว่าโน๊ตบุ๊คบางเบาดูดีเกินราคา ด้วยดีไซน์และการออกแบบที่โดดเด่นสวยงาม อีกทั้งยังมาพร้อมวัสดุคุณภาพสูง สำหรับสเปกก็ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Intel Pentium N5000 มาพร้อมกับแรมขนาด 4GB DDR3L และ SSD 128GB ความเร็วสูง สนนราคาที่ 13,990 -14,990 บาทเท่านั้น !!!
VDO Review
Specification
Acer Swift 1 แบ่งออกเป็น 4 สีด้วยกัน อาทิ Sparkly Silver, Luxury Gold, Aqua Green, Sakura Ping โดย #AdminPong ได้สี Aqua Green มารีวิวนี้ สเปกเป็นชิปประมวลผลที่ใช้เป็น Intel Pentium Silver N5000 ทำงานที่ความเร็วพื้นฐาน 1.10 GHz ซึ่งเร่งไปได้ถึง 2.70GHz แบบ 4 คอร์ 4 เธร์ด โดยเป็นรุ่นประหยัดพลังงานพิเศษ ทำให้กินไฟต่ำใช้งานได้ยาวนาน
ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องมีพัดลมระบายความร้อน ซึ่งแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพความแรงไม่มากนัก แต่ก็พอเพียงสำหรับการใช้งานทั่วไปอย่าง พิมพ์เอกสารหรือเล่นอินเตอร์เน็ต ชิปกราฟิกการ์ดภายในเป็น Intel UHD Graphics 605 โดยให้กำลังในการประมวลผลกราฟิกที่พอเพียงในการใช้งานทั่วไป
หน้าจอขนาด 14 นิ้ว บนความละเอียดมาตรฐาน 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นแบบหน้าจอด้าน พาเนลเป็น IPS คุณภาพดี แรมภายในเครื่องมีมาให้ขนาด 4GB แบบ DDR4 ส่วนฮาร์ดดิสก์แบบ SSD มีความจุ 128GB ซึ่งรองรับการใช้งานได้อย่างสบายๆ นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อครบครันด้วยพอร์ตต่างๆ อาทิ USB 2.0, USB 3.0, USB 3.1 Type-C, HDMI, Card Reader, Wi-Fi และ Bluetooth แน่นอนว่ายังมีกล้องหน้าความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล ส่วนน้ำหนักตัวเครื่อง 1.4 กิโลกรัม ที่สำคัญยังติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือให้ด้วย
สนนราคาของ Acer Swift 1 ปี 2018 เครื่องนี้เพียง 13,990 บาท พร้อมการรับประกันถึง 2 ปีเต็มอีกด้วย (ทั่วโลก 1 ปี) นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่ติดตั้ง Windows 10 มาให้ด้วย โดยราคาจะอยู่ที่ 14,990 บาท (เพิ่มมาแค่ 1,000 บาทเท่านั้น)
- Pentium N5000 / RAM 4GB / SSD 128GB ประกัน 2 ปี : ราคา 13,990 บาท
- Pentium N5000 / RAM 4GB / SSD 128GB / Windows 10 ประกัน 2 ปี : ราคา 14,990 บาท
Hardware / Design
Acer Swift 1 เครื่องนี้ใช้วัสดุประกอบหลักเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์คุณภาพดีที่ทั้งตัวเครื่องให้ความบางเบาแต่แข็งแรง เรียกได้ว่าได้รับการพัฒนาต่อยอดจากโน๊ตบุ๊คบางเบาของทาง Acer ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าราคาไปมาก โดยมาพร้อมกับบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ที่บางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง แถมยังทำงานแบบไร้พัดลมด้วย
จากการที่ฝาหลังเป็นวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียมกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมโลโก้ Acer ตามมาตรฐาน สำหรับขอบตัวเครื่องมีความโค้งมนเพื่อความสวยงาม ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมที่ดูหรูหรา ตัดกับคีย์บอร์ดสีดำยิ่งให้ความสวยงามและโดดเด่น โดยตัวบานพันเป็นแบบแถวยาวแถวเดียวให้ความแข็งแรงทนทานรวมไปถึงยังสามารถกางได้ 180 องศาด้วย ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่าย ด้านข้างทั้งสองด้านฝั่งผู้ใช้จะเป็นในส่วนของลำโพง
โดยจากสติ๊กเกอร์ฟีเจอร์ที่แปะไว้เอาไว้ บอกว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดที่ 17 ชั่วโมงด้วยกัน รวมไปถึงยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น มีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน, ขอบหน้าจอบางเพียง 6.3 ม.ม. หน้าจอพาเนล IPS สีสันสวยงามสมจริง ให้อารมณ์เดียวกับโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ทีเดียว
สรุปสำหรับตัวเครื่องฮาร์ดแวร์และดีไซน์การออกแบบของ Acer Swift 1 นั้นมีความน่าประทับใจมากๆ ในทุกมิติ เมื่อเทียบกับราคาแค่หมื่นบาทต้นๆ ดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับโน๊ตบุ๊คบางเบาราคาคุ้มค่า แต่ภาพลักษณ์โดยรวมนั้นทำได้เป็นอย่างดีน่าประทับใจ โดยเหมาะมากๆ สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊ค หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศ ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาใน Acer Swift 1 เป็นแบบ Chiclet Keyboard ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างสั้น แต่ใช้งานจริงก็พอได้อยู่ไม่ได้ลำบากในการใช้งานนัก ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ส่งผลให้พิมพ์ได้อย่างสะดวกไม่แพ้คีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ เลย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งแม้ว่าเราจะไปเผลอกดระหว่างการใช้งานก็ไม่ได้ทำให้เครื่องปิดแต่อย่างใด (ต้องกดค้างซัก 3 วินาทีถึงจะมีเมนูของ Acer ขึ้นมา) ส่วนสแกนลายนิ้วมืออยู่บริเวณมุมขวาล่างของแป้นคีย์บอร์ด
ทัชแพดถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ใหญ่กำลังดี โดยจะซ่อนปุ่มคลิกซ้ายและคลิกขวาเอาไว้ทำให้ดูเรียบง่ายหรูหรา จากการทดสอบแล้วทัดแพชนี้รองรับ Gesture Control ได้ดีและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว นอกจากนี้ Acer Swift 1 ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คราคาคุ้มค่าแบบนี้
Screen / Speaker
Acer Swift 1 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS ให้คุณภาพด้านสีสันที่ดีกว่ามาตรฐานเหมือนกับโน๊ตบุ๊คทั่วไป ส่วนหน้าจอเป็นแบบด้าน ซึ่งส่งผลให้ลดสะท้อนแสงพอสมควรถ้าอยู่ในที่สว่างมากๆ พร้อมด้วยเทคโนโลยี Acer Color Intelligence ที่จะจะปรับแกมม่าและความอิ่มตัวสีแบบเรียลไทม์ ช่วยปรับสี ความสว่าง และความอิ่มตัวสี จากการใช้งานจริงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจทีเดียวสำหรับโน๊ตบุ๊คราคานี้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Swift 1 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 62% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่พอใช้เท่านั้น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 235 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงแล้ว อันนี้ไม่แนะนำ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงกลางหน้าจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอมุมล่างขวาเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 16% เลยทีเดียว ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ในส่วนของลำโพงที่ติดตั้งมาเป็นแบบสเตอริโอ มาพร้อมระบบเสียง Dolby Home Theater และ Acer TrueHarmony โดยเป็นลำโพงขนาดเล็กอยู่ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป นอกจากนี้ยังมีเสียงที่ค่อนข้างดังกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอีกด้วย
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Acer Swift 1 ปี 2018 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับระดับนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางเพียง 14.95 มิลลิเมตรและน้ำหนักเบา แต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0, USB 2.0 และ HDMI พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐานและ Card Reader ที่สำคัญยังให้พอร์ตที่ทันสมัยอย่าง USB 3.1 Type-C อีกด้วย โดยรวมแล้วต้องบอกว่าพอเพียงสำหรับการใช้งานทั่วไปทีเดียว
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่พอๆ กัน ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น และเมื่อรวมกับตัวอแด็ปเตอร์ขนาดเล็กเข้าไปด้วย ก็จะน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่านอกจากตัวเครื่องที่บางเบาแล้ว ในส่วนของอแดปเตอร์เองก็มีขนาดที่เล็กและเบามากๆ เทียบได้ก็พอๆ กับอแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนเท่านั้นเอง
Performance / Software
Acer Swift 1 ปี 2018 เครื่องทดสอบนี้ตรวจสอบด้วยโปรแกรม CPU-Z จะพบว่ามาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Pentium Silver N5000 ซึ่งเป็นซีพียูใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.10 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 2.70 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป พร้อมรองรับ Windows 10 แท้ได้อย่างสบายๆ
ด้านของการ์ดจอที่ติดตั้งมาให้จะเป็นการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็น Intel UHD Graphic 605 สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง ที่แม้อาจจะไม่แรงมากแต่ก็พอเพียงกับการใช้งาน รองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้น ซึ่งไม่ได้เหมาะสำหรับการเล่นเกม 3 มิติแต่างอย่างใด ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังประมวลผลซีพียู คะแนนก็อยู่ในระดับกลางๆ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เน้นประหยัดพลังงานด้วยกันแล้ว ก็ทำได้ดีทีเดียว ส่วนคะแนนของ OpenGL ก็ถือว่าน่าประทับใจมาก เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ใช้ชิปประมวลผลใกล้เคียงกัน คาดว่ากราฟิกการ์ดนั้นเข้ามาช่วยพอสมควร โดยถือว่าดีกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD M.2 SATA 3 ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 128GB โดยเป็นของแบรนด์ชั้นนำ กับความเร็วระดับ Read: 552.4 MB/s – Write: 137.2 MB/s แม้ว่าจะไม่ได้เร็วเวอร์อะไร แต่เมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 1,825 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ดูหนังฟังเพลง หรือวีดีโอคอล จากการที่ทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน ก็ทำได้ดีไม่มีปัญหาอะไร
นอกจากนี้ทาง Acer เองเองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (ต้องดาวน์โหลดมาเพิ่มเอง) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Acer Swift 1 ปี 2018 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 16 – 17 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน โดยทาง Acer ได้โฆษณาว่าใช้งานได้ยาวนานกว่า 17 ชั่วโมงนั้นถอืว่าทำได้จริง ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร ส่วนช่องระบายความร้อนของ Acer Swift 1 นั้นไม่มี เพราะชิปประมวลผลตัวนี้ออกแบบให้เป็น Fanless อยู่แล้ว
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 29 – 35 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 54 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่าระบบระบายความร้อนของ Acer Swift 1 ปี 2018 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดี โดยสามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Acer ที่ดี และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง ยังไงตรงนี้ก็เป็นเรื่องของระบบการประหยัดพลังงานของชิปประมวลผลด้วย
Conclusion / Award
ประสบการณ์ใช้งานที่ได้จาก Acer Swift 1 ปี 2018 เครื่องนี้ทำออกมาได้ประทับใจดี ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่เข้ากันได้กับทุกคน เหมาะที่จะนำไปใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีให้เลือกทั้งตัวเครื่องเงินและสีทอง ด้วยการดีไซน์ที่เรียบง่ายไม่หวือหวาจนเกินงามและยังให้สเปกที่ดีอีกด้วย อีกทั้งงานประกอบก็มีความแน่นหนาจากการใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง โดยมีความบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และมีความเบาเพียง 1.4 กิโลกรัม ในราคาเริ่มต้นเพียง 13,990 บาทเท่านั้น (DOS) ส่วนรุ่น 14,990 บาทจะได้ Windows 10 มาพร้อมใช้งาน
สเปกก็ถือว่าดีเหมาะกับการใช้งานทั่วไปด้วยชิปประมวลผล Intel Pentium Silver N5000 แรมก็เป็นมาตรฐาน DDR4 ขนาด 4GB การเข้าถึงข้อมูลได้ไวด้วยฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ที่ความจุเริ่มต้น 128GB หน้าจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS และระบบเสียงของ Dolby ที่ปรับแต่งมาดี รวมถึงตัว Acer Swift 1 ยังได้ติดตั้งพอร์ตการใช้งานครบครัน ซึ่งก็ USB 3.1 Type-C อยู่ด้วย
ที่สำคัญ Acer Swift 1 ปี 2018 ได้นำเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac พร้อมรองรับ MU-MIMO มาติดตั้ง ส่งผลให้เรานั้นจะได้สัมผัสกับความสามารถของระบบไร้สายในระดับที่แรงอย่างจริงจัง ที่มาพร้อมความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 866 Mbps เลยทีเดียว พูดๆ ง่ายคือแรงกว่าเดิมถึง 3 เท่า ซึ่งช่วยให้เราได้สัมผัสการใช้งาน Wi-Fi ดีกว่าที่เคย และไม่พลาดทุกการเชื่อมต่ออย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเตอร์เน็ต การเล่นเกม การสตรีมข้อมูล รวมถึงการดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ
แน่นอนว่าเหมาะกับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊ค หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศ ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นการพกพาไว้ใช้งานตามร้านกาแฟเสียมากกว่า Acer Swift 1 นี้ก็ตอบโจทย์สุดๆ ไปเลย ส่วนถ้าใครอยากได้ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นก็อาจจะมองดูเป็น Acer Swift 3 ไว้น่าจะเหมาะกว่า ส่วนถ้าเน้นเบาสุดคงต้องเป็น Acer Swift 5 ไปเลย
จุดเด่น
- มีดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์และมีความหรูหราเกินราคา
- วัสดุทำจากอลูมิเนียมและพลาสติกที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- หน้าจอ 14″ Full HD พาเนล IPS บนตัวเครื่อง 13.3″ เดิม เพราะขอบจอบางลง
- น้ำหนักเบาพกพาสะดวกเหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- สเปกโดยรวมให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอตัว
- ฮาร์ดดิสก์ SSD มีความรวดเร็วในการใช้งานมาก
- ติดตั้ง Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac พร้อมรองรับ MU-MIMO
- ติดตั้ง USB 3.1 Type-C กับพอร์ตมาตรฐานใหม่
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานสามารถใช้งานติดต่อกันได้สูงสุด 10 ชั่วโมง
- ประกัน 2 ปี On-site พร้อมบริการซ่อมด่วนภายใน 3 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มเติมได้ ตามสไตล์โน๊ตบุ๊คที่เน้นบางเบาคุ้มค่า
Award
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Acer Swift 1 ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบมที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง Acer ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
Best Value
ถึงแม้ Acer Swift 1 จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคที่ดีที่สุด แต่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาหมื่นบาทต้นๆ ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 12,500 บาท ที่มาพร้อมสเปคอย่าง Intel Pentium N4200 รวมถึงมีแรม 4GB DDR3L ที่เพียงพอต่อการใช้งาน และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 SATA 3 ความจุ 128GB พร้อมดีไซน์แบบฉบับโน๊ตบุ๊คบางเบา เหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นพกพาแบบสุดๆ เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 2 ปี เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย
Best Mobility
สำหรับ Acer Swift 1 ที่มีความบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และมีความหนักเพียง 1.4 กิโลกรัม นั้น จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีน้ำหนักเบามากๆ แน่นอนว่าจะไม่เป็นภาระในการนำออกไปใช้งานนอกสถานที่ และความบางของตัวเครื่องก็ยังมีความบางเฉียบ เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คในกลุ่มขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกันในหลายๆ ตัว และสำหรับระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ก็ถือได้ว่ามีความน่าประทับใจที่สูงสุด 10 ชั่วโมง จึงได้รางวัลในส่วนนี้ไปไม่ยากนัก
VDO Review
Specification
Acer Swift 1 แบ่งออกเป็น 4 สีด้วยกัน อาทิ Sparkly Silver, Luxury Gold, Aqua Green, Sakura Ping โดย #AdminPong ได้สี Aqua Green มารีวิวนี้ สเปกเป็นชิปประมวลผลที่ใช้เป็น Intel Pentium Silver N5000 ทำงานที่ความเร็วพื้นฐาน 1.10 GHz ซึ่งเร่งไปได้ถึง 2.70GHz แบบ 4 คอร์ 4 เธร์ด โดยเป็นรุ่นประหยัดพลังงานพิเศษ ทำให้กินไฟต่ำใช้งานได้ยาวนาน
ส่งผลให้ไม่จำเป็นต้องมีพัดลมระบายความร้อน ซึ่งแม้ว่าจะมีประสิทธิภาพความแรงไม่มากนัก แต่ก็พอเพียงสำหรับการใช้งานทั่วไปอย่าง พิมพ์เอกสารหรือเล่นอินเตอร์เน็ต ชิปกราฟิกการ์ดภายในเป็น Intel UHD Graphics 605 โดยให้กำลังในการประมวลผลกราฟิกที่พอเพียงในการใช้งานทั่วไป
หน้าจอขนาด 14 นิ้ว บนความละเอียดมาตรฐาน 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นแบบหน้าจอด้าน พาเนลเป็น IPS คุณภาพดี แรมภายในเครื่องมีมาให้ขนาด 4GB แบบ DDR4 ส่วนฮาร์ดดิสก์แบบ SSD มีความจุ 128GB ซึ่งรองรับการใช้งานได้อย่างสบายๆ นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อครบครันด้วยพอร์ตต่างๆ อาทิ USB 2.0, USB 3.0, USB 3.1 Type-C, HDMI, Card Reader, Wi-Fi และ Bluetooth แน่นอนว่ายังมีกล้องหน้าความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล ส่วนน้ำหนักตัวเครื่อง 1.4 กิโลกรัม ที่สำคัญยังติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือให้ด้วย
สนนราคาของ Acer Swift 1 ปี 2018 เครื่องนี้เพียง 13,990 บาท พร้อมการรับประกันถึง 2 ปีเต็มอีกด้วย (ทั่วโลก 1 ปี) นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่ติดตั้ง Windows 10 มาให้ด้วย โดยราคาจะอยู่ที่ 14,990 บาท (เพิ่มมาแค่ 1,000 บาทเท่านั้น)
- Pentium N5000 / RAM 4GB / SSD 128GB ประกัน 2 ปี : ราคา 13,990 บาท
- Pentium N5000 / RAM 4GB / SSD 128GB / Windows 10 ประกัน 2 ปี : ราคา 14,990 บาท
Hardware / Design
Acer Swift 1 เครื่องนี้ใช้วัสดุประกอบหลักเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์คุณภาพดีที่ทั้งตัวเครื่องให้ความบางเบาแต่แข็งแรง เรียกได้ว่าได้รับการพัฒนาต่อยอดจากโน๊ตบุ๊คบางเบาของทาง Acer ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าราคาไปมาก โดยมาพร้อมกับบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ที่บางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง แถมยังทำงานแบบไร้พัดลมด้วย
จากการที่ฝาหลังเป็นวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียมกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมโลโก้ Acer ตามมาตรฐาน สำหรับขอบตัวเครื่องมีความโค้งมนเพื่อความสวยงาม ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมที่ดูหรูหรา ตัดกับคีย์บอร์ดสีดำยิ่งให้ความสวยงามและโดดเด่น โดยตัวบานพันเป็นแบบแถวยาวแถวเดียวให้ความแข็งแรงทนทานรวมไปถึงยังสามารถกางได้ 180 องศาด้วย ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่าย ด้านข้างทั้งสองด้านฝั่งผู้ใช้จะเป็นในส่วนของลำโพง
โดยจากสติ๊กเกอร์ฟีเจอร์ที่แปะไว้เอาไว้ บอกว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานสูงสุดที่ 17 ชั่วโมงด้วยกัน รวมไปถึงยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น มีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือ ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน, ขอบหน้าจอบางเพียง 6.3 ม.ม. หน้าจอพาเนล IPS สีสันสวยงามสมจริง ให้อารมณ์เดียวกับโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ทีเดียว
สรุปสำหรับตัวเครื่องฮาร์ดแวร์และดีไซน์การออกแบบของ Acer Swift 1 นั้นมีความน่าประทับใจมากๆ ในทุกมิติ เมื่อเทียบกับราคาแค่หมื่นบาทต้นๆ ดูแล้ว Acer ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีกับโน๊ตบุ๊คบางเบาราคาคุ้มค่า แต่ภาพลักษณ์โดยรวมนั้นทำได้เป็นอย่างดีน่าประทับใจ โดยเหมาะมากๆ สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊ค หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศ ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาใน Acer Swift 1 เป็นแบบ Chiclet Keyboard ซึ่งระยะเว้นระหว่างปุ่มพิมพ์ทำออกมาได้พอดีไม่ชิดกันมากเกินไปและระยะยุบตัวของปุ่มพิมพ์นั้นค่อนข้างสั้น แต่ใช้งานจริงก็พอได้อยู่ไม่ได้ลำบากในการใช้งานนัก ผิวสัมผัสของปุ่มแต่ละปุ่มนั้นให้ความรู้สึกที่ติดนิ้ว ส่งผลให้พิมพ์ได้อย่างสะดวกไม่แพ้คีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ เลย ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งแม้ว่าเราจะไปเผลอกดระหว่างการใช้งานก็ไม่ได้ทำให้เครื่องปิดแต่อย่างใด (ต้องกดค้างซัก 3 วินาทีถึงจะมีเมนูของ Acer ขึ้นมา) ส่วนสแกนลายนิ้วมืออยู่บริเวณมุมขวาล่างของแป้นคีย์บอร์ด
ทัชแพดถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ใหญ่กำลังดี โดยจะซ่อนปุ่มคลิกซ้ายและคลิกขวาเอาไว้ทำให้ดูเรียบง่ายหรูหรา จากการทดสอบแล้วทัดแพชนี้รองรับ Gesture Control ได้ดีและมีการตอบสนองที่รวดเร็ว นอกจากนี้ Acer Swift 1 ยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่เพียงแตะเท่านั้น คล้ายๆ ใช้งานพวกสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ สำหรับโน๊ตบุ๊คราคาคุ้มค่าแบบนี้
Screen / Speaker
Acer Swift 1 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล IPS ให้คุณภาพด้านสีสันที่ดีกว่ามาตรฐานเหมือนกับโน๊ตบุ๊คทั่วไป ส่วนหน้าจอเป็นแบบด้าน ซึ่งส่งผลให้ลดสะท้อนแสงพอสมควรถ้าอยู่ในที่สว่างมากๆ พร้อมด้วยเทคโนโลยี Acer Color Intelligence ที่จะจะปรับแกมม่าและความอิ่มตัวสีแบบเรียลไทม์ ช่วยปรับสี ความสว่าง และความอิ่มตัวสี จากการใช้งานจริงอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจทีเดียวสำหรับโน๊ตบุ๊คราคานี้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Acer Swift 1 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 62% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่พอใช้เท่านั้น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 235 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นความเที่ยงตรงแล้ว อันนี้ไม่แนะนำ
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าตรงกลางหน้าจอเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอมุมล่างขวาเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 16% เลยทีเดียว ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ในส่วนของลำโพงที่ติดตั้งมาเป็นแบบสเตอริโอ มาพร้อมระบบเสียง Dolby Home Theater และ Acer TrueHarmony โดยเป็นลำโพงขนาดเล็กอยู่ทางด้านล่างฝั่งผู้ใช้มุมซ้ายและขวาของตัวเครื่องอัดลงพื้นให้สะท้อนขึ้น จากการทดสอบลำโพงพบว่าเสียงที่ออกมาค่อนข้างดีน่าประทับใจ แยกรายละเอียดได้ในระดับหนึ่ง ถือได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป นอกจากนี้ยังมีเสียงที่ค่อนข้างดังกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปอีกด้วย
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Acer Swift 1 ปี 2018 นี้จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีความครบครับระดับนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางเพียง 14.95 มิลลิเมตรและน้ำหนักเบา แต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ นั้น ก็มีมาให้มากพอทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น USB 3.0, USB 2.0 และ HDMI พร้อมช่องต่อหูฟังขนาดมาตรฐานและ Card Reader ที่สำคัญยังให้พอร์ตที่ทันสมัยอย่าง USB 3.1 Type-C อีกด้วย โดยรวมแล้วต้องบอกว่าพอเพียงสำหรับการใช้งานทั่วไปทีเดียว
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14 นิ้วทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่พอๆ กัน ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 1.4 กิโลกรัมเท่านั้น และเมื่อรวมกับตัวอแด็ปเตอร์ขนาดเล็กเข้าไปด้วย ก็จะน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่านอกจากตัวเครื่องที่บางเบาแล้ว ในส่วนของอแดปเตอร์เองก็มีขนาดที่เล็กและเบามากๆ เทียบได้ก็พอๆ กับอแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนเท่านั้นเอง
Performance / Software
Acer Swift 1 ปี 2018 เครื่องทดสอบนี้ตรวจสอบด้วยโปรแกรม CPU-Z จะพบว่ามาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Pentium Silver N5000 ซึ่งเป็นซีพียูใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.10 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 2.70 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป พร้อมรองรับ Windows 10 แท้ได้อย่างสบายๆ
ด้านของการ์ดจอที่ติดตั้งมาให้จะเป็นการ์ดจอออนบอร์ดจะเป็น Intel UHD Graphic 605 สำหรับประมวลผลทั่วไปเช่นดูหนังหรือฟังเพลง ที่แม้อาจจะไม่แรงมากแต่ก็พอเพียงกับการใช้งาน รองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้น ซึ่งไม่ได้เหมาะสำหรับการเล่นเกม 3 มิติแต่างอย่างใด ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังประมวลผลซีพียู คะแนนก็อยู่ในระดับกลางๆ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เน้นประหยัดพลังงานด้วยกันแล้ว ก็ทำได้ดีทีเดียว ส่วนคะแนนของ OpenGL ก็ถือว่าน่าประทับใจมาก เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ใช้ชิปประมวลผลใกล้เคียงกัน คาดว่ากราฟิกการ์ดนั้นเข้ามาช่วยพอสมควร โดยถือว่าดีกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD M.2 SATA 3 ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 128GB โดยเป็นของแบรนด์ชั้นนำ กับความเร็วระดับ Read: 552.4 MB/s – Write: 137.2 MB/s แม้ว่าจะไม่ได้เร็วเวอร์อะไร แต่เมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 1,825 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ดูหนังฟังเพลง หรือวีดีโอคอล จากการที่ทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน ก็ทำได้ดีไม่มีปัญหาอะไร
นอกจากนี้ทาง Acer เองเองก็ยังมีในส่วนของซอต์ฟแวร์ที่จะเป็นตัวช่วยในการใช้งานของเราอีกด้วยอย่าง Acer Care Center (ต้องดาวน์โหลดมาเพิ่มเอง) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสเปกภายใน หรือเช็คสถานะการทำงานส่วนต่างๆ ของเครื่อง รวมไปถึงยังสามารถ ตรวจเช็คสถานะเครื่องกับข้อมูลแคชต่างๆ ก็ทำการลบทิ้งได้ตรงนี้เลย หรือเช็คอัพเดทซอฟ์ตแวร์และไดร์เวอร์ต่างๆ ของเครื่องก็สามารถทำผ่านตรงนี้ได้เช่นกัน ที่สำคัญถ้าใครต้องการ Backup หรือ Recovery ข้อมูลภายในก็จัดการได้เลย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Acer Swift 1 ปี 2018 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับโน๊ตบุ๊คหลายรุ่น สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 16 – 17 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน โดยทาง Acer ได้โฆษณาว่าใช้งานได้ยาวนานกว่า 17 ชั่วโมงนั้นถอืว่าทำได้จริง ซึ่งอาจจะขึ้นอยู่กับหลายๆ ตัวแปร ส่วนช่องระบายความร้อนของ Acer Swift 1 นั้นไม่มี เพราะชิปประมวลผลตัวนี้ออกแบบให้เป็น Fanless อยู่แล้ว
อุณหภูมิปกติของเครื่องจะอยู่ที่ 29 – 35 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 54 องศาเซลเซียสเท่านั้น นับว่าระบบระบายความร้อนของ Acer Swift 1 ปี 2018 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดี โดยสามารถจัดการระบบระบายความร้อนออกมาอย่างน่าประทับใจ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนจาก Acer ที่ดี และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง ยังไงตรงนี้ก็เป็นเรื่องของระบบการประหยัดพลังงานของชิปประมวลผลด้วย
Conclusion / Award
ประสบการณ์ใช้งานที่ได้จาก Acer Swift 1 ปี 2018 เครื่องนี้ทำออกมาได้ประทับใจดี ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่เข้ากันได้กับทุกคน เหมาะที่จะนำไปใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีให้เลือกทั้งตัวเครื่องเงินและสีทอง ด้วยการดีไซน์ที่เรียบง่ายไม่หวือหวาจนเกินงามและยังให้สเปกที่ดีอีกด้วย อีกทั้งงานประกอบก็มีความแน่นหนาจากการใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง โดยมีความบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และมีความเบาเพียง 1.4 กิโลกรัม ในราคาเริ่มต้นเพียง 13,990 บาทเท่านั้น (DOS) ส่วนรุ่น 14,990 บาทจะได้ Windows 10 มาพร้อมใช้งาน
สเปกก็ถือว่าดีเหมาะกับการใช้งานทั่วไปด้วยชิปประมวลผล Intel Pentium Silver N5000 แรมก็เป็นมาตรฐาน DDR4 ขนาด 4GB การเข้าถึงข้อมูลได้ไวด้วยฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ที่ความจุเริ่มต้น 128GB หน้าจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS และระบบเสียงของ Dolby ที่ปรับแต่งมาดี รวมถึงตัว Acer Swift 1 ยังได้ติดตั้งพอร์ตการใช้งานครบครัน ซึ่งก็ USB 3.1 Type-C อยู่ด้วย
ที่สำคัญ Acer Swift 1 ปี 2018 ได้นำเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สาย Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac พร้อมรองรับ MU-MIMO มาติดตั้ง ส่งผลให้เรานั้นจะได้สัมผัสกับความสามารถของระบบไร้สายในระดับที่แรงอย่างจริงจัง ที่มาพร้อมความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดถึง 866 Mbps เลยทีเดียว พูดๆ ง่ายคือแรงกว่าเดิมถึง 3 เท่า ซึ่งช่วยให้เราได้สัมผัสการใช้งาน Wi-Fi ดีกว่าที่เคย และไม่พลาดทุกการเชื่อมต่ออย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอินเตอร์เน็ต การเล่นเกม การสตรีมข้อมูล รวมถึงการดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ
แน่นอนว่าเหมาะกับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊ค หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศ ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ จัดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เน้นการพกพาไว้ใช้งานตามร้านกาแฟเสียมากกว่า Acer Swift 1 นี้ก็ตอบโจทย์สุดๆ ไปเลย ส่วนถ้าใครอยากได้ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นก็อาจจะมองดูเป็น Acer Swift 3 ไว้น่าจะเหมาะกว่า ส่วนถ้าเน้นเบาสุดคงต้องเป็น Acer Swift 5 ไปเลย
จุดเด่น
- มีดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์และมีความหรูหราเกินราคา
- วัสดุทำจากอลูมิเนียมและพลาสติกที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- หน้าจอ 14″ Full HD พาเนล IPS บนตัวเครื่อง 13.3″ เดิม เพราะขอบจอบางลง
- น้ำหนักเบาพกพาสะดวกเหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- สเปกโดยรวมให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอตัว
- ฮาร์ดดิสก์ SSD มีความรวดเร็วในการใช้งานมาก
- ติดตั้ง Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac พร้อมรองรับ MU-MIMO
- ติดตั้ง USB 3.1 Type-C กับพอร์ตมาตรฐานใหม่
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานสามารถใช้งานติดต่อกันได้สูงสุด 10 ชั่วโมง
- ประกัน 2 ปี On-site พร้อมบริการซ่อมด่วนภายใน 3 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มเติมได้ ตามสไตล์โน๊ตบุ๊คที่เน้นบางเบาคุ้มค่า
Award
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Acer Swift 1 ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบมที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง Acer ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปอย่างไม่ยากเย็น
Best Value
ถึงแม้ Acer Swift 1 จะไม่ใช่โน๊ตบุ๊คที่มีสเปคที่ดีที่สุด แต่ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คราคาหมื่นบาทต้นๆ ที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยราคาขาย 12,500 บาท ที่มาพร้อมสเปคอย่าง Intel Pentium N4200 รวมถึงมีแรม 4GB DDR3L ที่เพียงพอต่อการใช้งาน และฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 SATA 3 ความจุ 128GB พร้อมดีไซน์แบบฉบับโน๊ตบุ๊คบางเบา เหมาะกับการใช้งานทั่วไปเน้นพกพาแบบสุดๆ เรียกได้ว่าหาได้ยากสำหรับโน๊ตบุ๊คแบบนี้ ที่สำคัญประกันยังมีระยะถึง 2 ปี เราจึงมอบรางวัล Best Value ไปให้เลยอย่างไม่ต้องสงสัย
Best Mobility
สำหรับ Acer Swift 1 ที่มีความบางเพียง 14.9 มิลลิเมตร และมีความหนักเพียง 1.4 กิโลกรัม นั้น จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีน้ำหนักเบามากๆ แน่นอนว่าจะไม่เป็นภาระในการนำออกไปใช้งานนอกสถานที่ และความบางของตัวเครื่องก็ยังมีความบางเฉียบ เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คในกลุ่มขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกันในหลายๆ ตัว และสำหรับระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ก็ถือได้ว่ามีความน่าประทับใจที่สูงสุด 10 ชั่วโมง จึงได้รางวัลในส่วนนี้ไปไม่ยากนัก