Far Cry เป็นอีกหนึ่งในเฟรนไชส์เกมที่มีภาคต่อออกมาเยอะและมีอายุแล้วเพราะภาคแรกก็ต้องย้อนไปปี 2004 จนกระทั่งภาคล่าสุด Far Cry 5 ก็วางขายปี 2018 เมื่อเร็ว ๆ นี้และยังไม่รวมภาค Spin-Off อีกมากมาย แม้ว่าจะออกมาหลายภาคแต่ทุกภาคก็แตกต่างเด่นคนละแบบโดยเฉพาะสถานที่ดำเนินเรื่องระบบการเล่นวายร้ายและเนื้อหาเป็นสิ่งที่เด่นชัดที่สุด
แน่นอนว่า Ubisoft คงจะไม่หยุดกันที่ภาค 5 แน่ ๆ เพราะได้คำวิจารณ์แง่บวกมากมายและจะต้องมีภาคที่ 6 ถอยออกมาตามระเบียบแต่ถึงเราจะยังไม่ทราบข้อมูลของ Far Cry 6 เลย อย่างน้อยการคาดเดาวิเคราะห์อนาคตของเฟรนไชส์เกมนี้ก็เป็นสิ่งที่พอจะทำได้และชวนให้คิดกันสนุก ๆ ว่าภาคที่ผ่าน ๆ มามีทั้งเกาะร้าง/ป่า/ภูเขาหิมาลัยแต่ถ้าเป็นภาค 6 มันจะเป็นอย่างไรกัน
สถานที่ดำเนินเรื่อง
สถานที่ใน Far Cry ที่เราได้พบเจอเราก็จะได้พบกับเกาะร้าง , พื้นที่ในแถบแอฟริกา , ป่าเขาก่อนยุคประวัติศาสตร์ในตอนกลางของยุโรป , เทือกเขาหิมาลัยสูงเสียดฟ้าไปจนถึงบ้านไร่ชนบทใน Montana เรียกว่าแทบจะไม่ซ้ำเลยทีเดียวแต่ที่น่าสังเกตก็คือไม่ว่าจะสถานที่เดินเรื่องจะเป็นแบบไหนสิ่งที่เหมือนกันก็คือมันอยู่ห่างไกลจากผู้คนเป็นพื้นที่ชนบทไกล ๆ
ดังนั้นพื้นที่ดำเนินเรื่องที่ภาค 6 อาจจะเล่นก็น่าจะอยู่ที่สถานที่พื้นที่อันห่างไกลผู้คนด้วยเหมือนกันและที่พอจะนึกออกก็คงจะเป็นประเทศออสเตรเลียนี่แหละครับเพราะเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่แถมยังมีภูมิประเทศทั้งป่าหรือทะเลทรายผสมกันไปจึงเหมาะอย่างยิ่งถ้าหากจะนำตัวละครไปโลดแล่นยังพื้นที่เหล่านั้น
นอกจากนี้สิ่งที่ออสเตรเลียน่าจะเป็นพื้นที่ดำเนินเรื่องภาค 6 ก็คือบรรดาสิงสาราสัตว์ทั้งหลายอันอุดมไปด้วยสัตว์นักล่าพันธุ์ดุมากมายซึ่งใครที่เคยไปประเทศนี้ก็น่าจะรู้ซึ้งกันดีว่านอกจากจิงโจ้แล้วมันยังมีสัตว์ร้ายอีกเพียบไม่ว่าจะเป็นแมงมุม , งูพิษ , แมงกระพรุน , จระเข้ ซึ่งสัตว์เหล่านี้น่าจะสร้างสีสันให้กับ Far Cry ได้ดีเราอาจจะได้ล่ามันเพื่อหาของเป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียว
ท่องโลก/สำรวจพื้นที่
เฟรนไชส์เกม Far Cry มีจุดเด่นอีกอย่างคือแผนที่ในเกมค่อนข้างกว้างมากแทบจะไม่มีพื้นที่ไหนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้และโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Far Cry 5 พื้นที่ในเกมก็จัดว่าใหญ่ให้อิสระสามารถเถลไถลไปจุดใดก็ได้ตามใจผู้เล่นหรือจะอยากเดินทางเร็ว ๆ ก็มีระบบ Fast-Travel มาให้ช่วยอำนวยความสะดวก
แต่ว่าระบบ Fast-Travel นั้นมันอาจจะเป็นดาบสองคมไปหน่อยในเรื่องของการซึมซับบรรยากาศเกมเพราะว่าเกมที่มีแผนที่ใหญ่ ๆ นั้นการได้ออกเดินทางได้พบเจอสิ่งต่าง ๆ ระหว่างทางย่อมสำคัญกว่าจุดหมาย การมีระบบนี้ก็จะทำให้เรารู้สึกว่าพื้นที่กว้าง ๆ ดูเล็กลงทันทีซึ่งใน Far Cry 5 เราจะได้เดินทางด้วยยานพาหนะแบบปกติในช่วงแรก ๆ
แต่ถ้าเล่นไปสักพักเริ่มมีของมันจะเปลี่ยนคุณจากมือใหม่เป็นเหมือนพ่อมดที่บินไปไหนก็ได้ตามต้องการจนทำให้สูญเสียบรรยากาศระหว่างทางไปแตกต่างจาก Far Cry 2 ที่เน้นขับรถเดินทางไปยังจุดหมายและถ้าไม่มีรถให้ขับคุณก็ต้องเดินเท้าจะมีจุด Fast Travel ให้แค่ป้ายรถบัสในมุมของแผนที่เท่านั้น
การเดินทางใน Far Cry 2 เรียกว่าสร้างความตื่นเต้นท้าทายได้มากกว่าเพราะคุณจะได้เดินทางไปด้วยพลอตเส้นทางและวางแผนพร้อมลุยไปพร้อม ๆ กันแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกระบบทั้งหมดของภาค 2 หรอกนะครับเพียงแต่ว่าในภาคที่ 6 ควรจะมีการนำความตื่นเต้นของการเดินทางสำรวจพื้นที่จากภาคเก่า ๆ มาบ้างหรือให้ความสำคัญเรื่องสำรวจพื้นที่มากขึ้น
เนื้อเรื่อง
สำหรับเนื้อเรื่องของ Far Cry เราก็จะพบเจอกับเนื้อเรื่องที่ต้องตีความกันหลายตลบอย่างกรณี Far Cry 5 ก็จะเกี่ยวข้องกับศาสนา ชาติอเมริกัน ซึ่งบางทีเกมแนวนี้ไม่จำเป็นต้องมีสัญลักษณ์มากมายให้ต้องตีความขนาดนั้นก็ได้เพียงแค่นำเสนอเรื่องราวให้น่าติดตามเข้าใจง่ายและพัฒนาวายร้ายให้สมกับเป็นตัวร้ายจริง ๆ
ถึงจะยังไม่ทราบข้อมูลเนื้อหาของภาค 6 แต่ก็ขอเดาว่ามันควรจะเป็นการเล่าเรื่องที่ไม่ซับซ้อนมากอย่างเช่นวายร้ายที่ควบคุมส่วนหนึ่งของโลกและผู้เล่นเป็นผู้เหลือรอดที่ต้องต่อสู้เพียงคนเดียวอาจจะไม่หวือหวาแต่เน้นความมันส์และเอ็นเตอเทนได้ไม่น้อย
Mod เสริมและระบบ Multiplayer
เป็นสิ่งที่ขาดไมไ่ด้เลยเพราะใน Far Cry 5 การเล่น Co-op เป็นอะไรที่สนุกเหลือหลายโดยเฉพาะเล่น Co-op ในโหมดเนื้อเรื่องหรือจะเป็นการโหลด Mod เสริมเข้ามาซึ่ง Far Cry 6 ควรจะมีการสนับสนุนอย่างเต็มที่เพราะในยุคนี้มีผู้เล่นหลายคนทีเดียวที่ชอบ Mod เกม Mod ตัวละครและคงจะดีมากถ้าหากภาคใหม่จะมีระบบสนับสนุนส่วนนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามที่กล่าวมาทั้งหมดก็เป็นการคาดเดากันไปก็ต้องมาลุ้นกันล่ะครับว่า Ubisoft จะปล่อย Far Cry 6 ออกมาจริง ๆ ในทิศทางแบบไหนและเพื่อน ๆ ที่เป็นสาวกเกมนี้อยากให้ภาคที่ 6 เป็นอย่างไรก็ลองเสนอความเห็นกันมาได้เลยครับ
ที่มา: PCGAMER