โน๊ตบุ๊คแบรนด์ Dell ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ถึง 3 ปีด้วยกัน มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา รวมถึงโดยทั่วไปแล้วคนมักจะมองว่าแบรนด์ Dell เป็นแบรนด์ระดับสูง เพราะผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในท้องตลาดนั้นค่อนข้างจะอยู่ในเกรดที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปนั่นเอง
- สเปกเต็มๆ ของ Dell Inspiron 7472 รุ่น Core i7 ราคา 34,990 บาท
- สเปกเต็มๆ ของ Dell Inspiron 7472 รุ่น Core i5 ราคา 29,990 บาท
โดยล่าสุดทางทาง Dell ได้นำเสนอ Dell Inspiron 7472 โดยเป็นรุ่น ต่อยอด Dell Inspiron 7460 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14 นิ้ว ที่ดูหรูหรา มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่องที่บางเบาเล็กกระทัดรัด ขอบจอก็บางเฉียบ ส่วนสเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5 และ Core i7 Gen 8 และการ์ดจอแยก GeForce MX150 แรมขนาด 4GB – 8GB DDR4 ส่วนฮาร์ดดิสก์จะเป็นแบบ HDD + SSD สำหรับความละเอียดหน้าจอก็เป็นระดับ Full HD ให้ภาพคมชัดสวยงามสมจริง
พร้อมใช้งานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 10 สนนราคา Dell Inspiron 7472 เริ่มต้นอยู่ที่ 29,990 บาท ส่วนถ้าเป็นรุ่น Core i7 จะอยู่ที่ 34,990 บาทเท่านั้น ถือได้ว่าราคาไม่แพงเลย แต่ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ก็อาจจะเป็นว่ามีราคาสูงกกว่าประมาณ 4,000 – 5,000 บาท ซึ่งแลกมากับแบรนด์ Dell ที่เค้ามั่นใจว่าตั้งราคาขายแพงกว่า ก็ยังมีกลุ่มที่เชื่อมั่นใน Dell ซื้อหามาใช้งานอยู่ดี
สเปกภายในของตัว Dell Inspiron 7472 จะคล้ายกับกลุ่มโน๊ตบุ๊คที่เน้นความบางเบา โดยมาพร้อมขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริง มุมมองกว้างถึง 170 องศา ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ชิปประมวลผลประหยัดพลังงานพิเศษ Intel Core i5-8250U ความเร็ว 1.6 – 3.4 GHz ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด และอีกสเปกจะเป็น Intel Core i7-8550U ความเร็ว 1.8 – 4.0 GHz ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ดเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนานกว่ารุ่นก่อนหน้า
ประสิทธิภาพการทำงานรองรับ 3 มิติได้ดี เล่นเกมออนไลน์ได้สบายๆ ด้วยการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX150 (2GB) ที่มีความแรงมากกว่า GTX 950M แต่ร้อนน้อยกว่ามาก สำหรับฮาร์ดดิสก์ยังมีความจุ 1TB พร้อมด้วย SSD M.2 ความเร็วสูง ความจุ 128GB ที่สำคัญยังเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ Wireless AC ด้วย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเพียง 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น นอกจากนี้ในส่วนของกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call และพอร์ตการเช่ือมต่อก็ครบครัน
ดีไซน์การออกแบบโดยรวมของ Dell Inspiron 7472 ยังคงรูปแบบ Dell Inspiron 7460 พอสมควร และเนื่องด้วยมีการใช้ตัวเครื่องขนาด 13 นิ้วเท่านั้น ทำให้ตัวเครื่องดูเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา แต่ทั้งนี้ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะเล็ก แต่ก็ยังใส่จอขนาด 14 นิ้วเทียบเท่ากับโน๊ตบุ๊คมาตรฐานจากแบรนด์อื่นๆ มาให้อยู่ดี ทำให้มีความโดดเด่นมากๆ ที่สำคัญขอบจอยังบางเฉียบ เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง Dell XPS 13 เป็นอย่างดี ทำให้ห้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ที่ขอบอลูมิเนียมรอบของตัวเครื่อง ซึ่งมีให้เลือกอยู่สองสีด้วยกันคือ สีเงิน (Elegant Silver) และสีทอง (Rich Gold)
ส่วนของตัวเครื่องหลักๆ แล้วจะใช้เป็นอะลูมิเนียมและพลาสติกคุณภาพสูงเป็นส่วนประกอบ ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา โดยตัวเครื่องภายนอกทั้งฝาหลังและด้านล่างตัวเครื่องจะเป็นอะลูมิเนียม ส่งผลให้เวลาที่เราเอามือมาวางจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าวัสดุทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นรอยนิ้วมือได้ค่อนข้างง่ายเช่นกัน
ดังนั้นผู้ใช้อาจจะต้องขยันเช็ดดูแลทำความสะอาดเครื่องซักหน่อย ส่วนด้านในและโครงสร้างจะเป็นพลาสติก แต่พื้นผิวของด้านในจะเป็นลักษณะซอพต์ทัชให้ความรุ่สึกที่นุ่มมือเรียกได้ว่าเวลาใช้งานวางมือลงไปนั้นมีความสบายมากๆ แต่ก็ต้องระวังเพราะดูแล้วจะเป็นรอยได้ง่ายเหมือนกัน แต่อาจจะดูแปลกตาสักเล็กน้อยกับกล้องเว็บแคมที่ Dell Inspiron 7472 ติดตั้งเพราะอยู่บริเวณใต้จอ ต่างจากโน๊ตบุ๊คทั้งไปมักจะอยู่ขอบจอด้านบนกัน
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell Inspiron 7472 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใส่ใจในรายละเอียดก็คือ มีน้ำหนักตัวที่เบามากๆ แถมตัวเครื่องยังบางสุดๆ โดยสามารถถือได้ด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ ด้วยน้ำหนักเพียง 1.6 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนความบางเครื่องก็เพียง 18.95 มิลลิเมตร ที่มีความใกล้เคียงกับโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ นอกเหนือจากนี้ยังรองรับการใส่แรมได้อีก 1 แถว รวมแล้วเราสามารถใส่แรมได้ 2 แถม เดิมมีอยู่ 8GB ใส่ไปอีกแถวได้ สรุปเราสามารถเพิ่มแรมให้กับ Dell Inspiron 7472 ได้ 16GB เลย เรียกได้ว่าเห็นบางๆ เบาๆ แบบนี้ก็รองรับการอัพเกรดนะ
ส่วนการออกแบบมาอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คงเป็นส่วนของโลโก้ Dell ฝาหลังที่สวยงามเป็นสีเงิน ส่วนตัวเครื่องด้านล่างก็จะมีคำว่า Inspiron ปั๊มเอาไว้ นอกจากนี้การออกแบบยางรองใต้เครื่องก็เรียกได้ว่าไม่เหมือนใคร โดยใช้เป็นแถบยางยาวขนานไปกับแนวยาวของตัวเครื่อง พร้อมกับมีช่องระบายอากาศอยู่เป็นแนวยาวอีก แน่นอนว่าสติกเกอร์ Windows 10 ก็จะติดอยู่บริเวณนี้เช่นกัน
สำหรับ Dell Inspiron 7472ในการท่ายเทความร้อนออกไปจากช่องทางใต้หน้าจอ ทำให้สเปกแรงแบบนี้ก็ยังถ่ายเทความร้อนได้อย่างรวดเร็วน่าประทับใจ แม้จะมีพัดลมเพียงตัวเดียวก็สามารถจัดการความร้อนภายในได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังมีการในส่วนของเชื่อมต่อของ Dell Inspiron 7460 ก็รองรับเพราะมีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน เรียกได้ว่าเรื่องของดีไซน์นั้นตอบโจทย์กับคนที่ต้องการโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14 นิ้วเครื่องเดียวจบแน่นอน ทำให้ไม่ว่าเราจะเอาไปทำงาน หรือเพื่อความบันเทิง ก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้หมด
Dell Inspiron 7472 ได้ติดตั้งหน้าจอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล Full HD พาเนล IPS เทคโนโลยี Truelife ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยการใช้หน้า Desktop ปกติที่ตัวหนังสือหรือปุ่มต่างๆ มีความเรียบเนียนตาทำให้ใช้งานได้สะดวก เรียกได้ว่ากำลังพอดีทีเดียว และด้วยความที่จอเป็นแบบกระจกที่ให้เรื่องสีสันสดใส
แต่ก็ค่อนข้างสะท้อนแสงพอสมควร ส่งผลให้ในการใช้งานไม่ควรหันจอไปทางแหล่งกำเนิดแสงหรือในที่ที่สว่างมากๆ เพราะอาจจะรบกวนการทำงานของเราได้ อย่างไรก็ตามมีการใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย ต่างจากโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ที่มักจะติดตั้งมาเป็นจุดๆ ในบางตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งยางนี้จะมีประโยชน์ก็ในการซับแรงกระแทกที่เกิดในเวลาที่จอพับอยู่ได้
ลำโพงสเตอริโอเทคโนโลยี Waves MaxxAudio Pro ที่อยู่บริเวณด้านหน้าของตัวเครื่องซ้ายและขวาลักษณะยิงลงพื้น ให้เสียงที่ค่อนข้างดี แยกรายละเอียดได้ในระดับที่ดีน่าประทับใจ ถือได้ว่ามีเสียงดังชัดเจนออกแนวใสๆ เน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊ค ที่เน้นประสบการณ์ใช้งานกับแบรนด์ Dell โดยไม่กังวลในเรื่องของราคาค่าตัวเมื่อเทียบกับสเปกความแรงล่ะก็ Dell Inspiron 7472 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ แต่ก็น่าเสียดายเล็กน้อยที่ยังไม่มีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้ เรียกได้ว่าน่าสียดายตรงจุดนี้มากๆ เลย ไว้ยังไงแอดมินโป้งได้เครื่องจริงมารีวิว จะมาทดสอบและวิเคราะห์กันอีกที ว่ามีความน่าซื้อแค่ไหน !!!