“Dell ทนทาน ประกันเทพ แบรนด์อเมริกา”
เปิดชื่อบทความมามันก็อาจจะดูแปลกๆ หน่อย แต่ในที่นี้ไม่ได้มีเจตนาว่าร้ายแต่อย่างใด ซึ่งหากพูดถึงแบรนด์ Dell หลายคนที่เป็นสายคอมโดยแท้ต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน เพราะมีการทำตลาดมาอย่างยาวนาน หรือแม้แต่คนทั่วไปก็น่าจะรู้จักเช่นกัน เพราะส่วนมากก็จำๆ กันมาว่า คอมพิวเตอร์แบรนด์ Dell นั้นมีความทนทาน ประกันเทพ สัญชาติอเมริกา ฉะนั้นในการซื้อคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คซักเครื่องมาใช้งาน เชื่อได้ว่าเกือบทุกคนต้องมีแบรนด์ Dell เป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้นอย่างแน่นอน
“จ่ายแพง จะได้ Dell”
ซึ่งโดยส่วนตัวของผู้เขียนตลอดหลายปีที่ คนรอบๆ ตัวมักจะมาปรึกษาการซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค โดยเลือก Dell ก็เป็นอันดันต้นๆ ด้วยซ้ำ ส่วนเหตุผลก็อย่างที่ว่ามาก่อนหน้านี้ ทั้งเรื่องของความทนทานใช้งานได้นาน ประกันเทพซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือความเป็นอเมริกาที่ทำให้เชื่อว่าเป็นของดีกว่าแบรนด์สัญชาติอื่นๆ ส่งผลให้ทั้งคนที่ใช้ Dell อยู่แล้ว ก็ต่างแนะนำว่าจะซื้อคอมซักเครื่องมาใช้งาน เป็น Dell ได้ก็จะดีนะ แต่มีเงื่อนไขอยู่เล็กน้อยว่าต้องจ่ายแพงกว่าแบรนด์อื่นๆ เค้าหน่อย (บางครั้งก็ไม่หน่อย) ในสเปกที่เหมือนหรือใกล้เคียงกัน
“Dell เน้นตลาดบน”
ที่เชื่อได้ว่าประสบการณ์ของเพื่อนๆ หลายๆ คนที่มีความรู้เรื่องการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค คนรอบตัวก็มักจะมี Dell เป็นตัวเลือกมาสอบถามปรึกษาแน่นอน แต่ก็น่าจะติดปัญหาเรื่องงบประมาณ เพราะต้องยอมรับว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแบรนด์ Dell นั้น ราคามักจะสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ ซึ่งทาง Dell เองก็รู้เป็นอย่างดี ว่าถ้าปรับราคามาเท่ากับแบรนด์อื่นๆ ในส่วนของกำไรต้องลดลงไป อีกทั้งสำคัญที่สุดเลย แบรนด์ Dell ไม่ได้ถือว่าแบรนด์ Acer, ASUS, Lenovo, HP, MSI เป็นคู่แข่งแต่อย่างใด ซึ่งการลดราคานั้นคงไม่ใช้คำตอบของการทำการตลาด แต่ก็เพิ่มมูลค่าความเป็นไลฟ์สไตล์ต่างหากที่ต้องส่งเสริม เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่ Dell เค้าเน้น คือ “กลุ่มตลาดบน”
สิ่งที่ต้องรู้ก็คือในทุกๆ ตลาดของผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย บริการต่างๆ รวมไปถึงสินค้าไอที อย่าง มือถือ คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค หลักๆ แล้วเราจะแบ่งกลุ่มตลาดเป็น 3 ระดับ คือ ล่าง กลาง บน โดยกลุ่มตลาดล่างสินค้าส่วนมากจะเน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก อย่างเช่นได้เยอะได้มากต่อหน่วยราคา หรือก็ราคาถูกไปเลย ไม่เน้นสวยงามหรือประสบการณ์ เช่นซื้อโน๊ตบุ๊คสเปกแบบนี้ในราคาถูกที่สุด กลุ่มต่อมาเป็นกลุ่มกลาง คือ ยังเน้นกลุ่มความคุ้มค่าอยู่บ้าง แต่ประกอบกับกับฟีเจอร์ต่างๆ ด้วย ตัวอย่างคือ มีการออกแบบสวยขึ้น หน้าจอเป็น Full HD IPS
“ภาพลักษณ์และการรับประกัน”
สุดท้ายกับตลาดบน เป็นกลุ่มที่ดูถึงความคุ้มค่าน้อยที่สุด มีกำลังซื้อสูง เน้นความสวยงาม และประสบการณ์ใช้งาน รวมไปถึงความเป็นแบรนด์ไฮเอนด์ โดย Dell ประเทศไทยเน้นกลุ่มนี้เป็นหลักนั่นเอง ที่เราเห็นก็คือเรื่องภาพลักษณ์ ความสบายใจ และการรับประกัน ส่งผลให้ลูกค้ามั่นใจ ส่วนเรื่องสเปกและราคาเป็นเรื่องรองลงมาอีกที อย่างภาพลักษณ์จะดูที่ดีไซน์การออกแบบและชื่อชั้นแบรนด์ ส่วนการรับประกันก็อย่างที่รู้ๆ คือ Dell ไม่มีศูนย์ให้ส่งซ่อม แต่เป็นการ On-site Service เท่านั้น ซึ่งนั่นก็คือ ซ่อมฟรีถึงบ้านในอีก 1 วันทำการ แม้ว่าแบรนด์อื่นๆ ก็หันมา On-site Service แล้ว แต่ Dell เป็นรายแรกที่ทำ และทุกคนยังเชื่อมั่นอยู่
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของ Dell ต้องมีราคาที่สูงเท่านั้นนะ เพราะในการทำตลาดขายของจริงๆ ก็มีอยู่ทุกช่วงราคาให้คนที่ซื้อตามงบประมาณที่มี ทั้งราคาโน๊ตบุ๊คเริ่มต้นหลักหมื่นบาท สองหมื่นบาท สามหมื่นบาท หรือหลายหมื่นบาท จนกระทั่งไปถึงหลักแสนบาททีเดียว โดยแบ่งออกเป็นง่ายๆ ตามซีรีส์ต่างๆ ของโน้ตบุ๊ตกลุ่มลูกค้าทั่วไป (Consumer) จะมีดังต่อไปนี้
“Dell Inspiron Series”
สำหรับซีรีส์ Inspiron ยังสามารถแบ่งออกเป็น 3000, 5000 และ 7000 เน้นตั้งแต่การใช้งานพื้นฐานทั่วไปจนไปถึงประสบการณ์ใช้งาน อาทิ การใช้งานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังฟังเพลง รวมไปถึงการเล่นเกมและทำงานหนัก หรือจะไปเป็นแนวหรูหราใช้งานได้หลากหลายโหมดเลยก็มี ซึ่งเริ่มต้นจาก Inspiron 3000 ก็จะดูเน้นคุ้มค่าที่สุด Inspiron 5000 จะได้เรื่องของดีไซน์เข้ามา และ Inspiron 7000 จะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน หรือไปสายหรูหราบางเบาไปเลย มีขนาดหน้าจอตั้งแต่ 13.3″ / 14″ / 15.6″
“Dell Vostro Series”
ซีรีส์ Vostro ได้รับความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมในการใช้งานกับองค์กรและภาคธุรกิจอย่างมากมาย ทั้งจากมาตรฐานการบริการ Dell Premium Support และ On-site Service “บริการซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ” ระยะ 2 – 3 ปีด้วยกัน มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบๆ แต่แฝงความหรูหรา โดยทั่วไปแล้วคนมักจะมองว่า Vostro อยู่ในกลุ่มของคนระดับมืออาชีพ เพราะเกรดวัสดุที่ดูสูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป รวมไปถึงดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายและทนทาน แต่ถ้าคนทั่วไปจะซื้อมาใช้ก็ไม่ผิดอะไร โดยสเปกต่อราคาจะดูสูงกว่า Inspiron เน้นขนาดหน้าจอรุ่น 13.3″ หรือ 14″
“Dell XPS Series”
ซีรีส์ XPS หนึ่งในโน๊ตบุ๊คประเภท Ultrabook ระดับบน ขั้น Ultimate ด้วยขนาดเล็กกะทัดรัด พร้อมรูปลักษณ์เพรียว เบา บางเฉียบยิ่งขึ้น ด้วยจอแสดงผลแบบ InfinityEdge ขอบจอบางเฉียบ ที่จัดได้ว่าเป็นมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงเน้นการพกพา ที่มาพร้อมมาตรฐานใหม่ในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง น้ำหนักและดีไซน์การออกแบบที่เล็กกว่าโน๊ตบุ๊คในหน้าจอขนาดเดียวกัน จัดสเปกและเทคโนโลยีภายในที่ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ รวมไปถึงวัสดุที่ใช้ก็พิเศษด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ปกติโน๊ตบุ๊คทั่วไปน้อยรุ่นมากๆ ที่จะเลือกใช้ โดยมีทั้งขนาดหน้าจอ 13.3″ และ 15.6″
“Alienware Series”
เชื่อได้เลยว่าถ้าเพื่อนๆ ที่เป็นเกมเมอร์อยู่ในสายเลือดหรือชอบเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว รวมไปถึงเป็นแฟนๆ ของ Dell อยู่แล้ว คงรู้จักจักกับ Alienware Series เป็นอย่างดี ซึ่งถ้ารับกับขนาดและน้ำหนักของมันได้ ด้วยการออกแบบและดีไซน์ตามสไตล์เรียบแต่หรูมีไฟรอบตัวจาก Dell รวมไปถึงฟีเจอร์ที่จัดมาให้อย่างครบครันและเทียบเท่า Gaming Notebook ระดับ Hi-End จากแบรนด์อื่นๆ เรียกได้ว่าเหล่าเกมเมอร์ต้องถูกอกถูกใจอย่างแน่นอน แต่ต้องยอมรับว่ากับสเปกประมาณนี้เราต้องจ่ายแพงกว่า Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ เช่นกัน ในสเปกที่ใกล้เคียงกัน ในไทยเน้นตัว 15.6″ และ 17.3″
“Dell มั่นหน้า แฟนๆ มั่นใจ”
กลับมาที่หัวข้อบทความ “แบรนด์คอมที่มั่นหน้า ที่แฟนๆ ก็มั่นใจ ในราคาไม่เกี่ยง” ตามที่กล่าวมาว่าทำไม Dell ถึงมั่นหน้าทำราคาผลิตภัณฑ์ส่วนมากสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ ด้วย Dell เองรู้ว่าตัวเองเน้นทำตลาดใดและขายใคร ฉะนั้นก็ไม่แปลกที่เมื่อเค้าจะตั้งราคาขายที่ไม่ได้เน้นปะทะตรงๆ อย่างลดราคาแข่งกับโน๊ตบุ๊คแบรนด์ต่างๆ แต่อย่างใด เพราะ Dell มีกลุ่มแฟนๆ ที่มั่นใจ (Brand Loyalty) หรือคนที่บอกต่อๆ กันอยู่แล้ว ซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คทั้งที จ่ายเพิ่มอีกนิดเป็น Dell ไปเลย (นิดแต่ละคนไม่เท่ากัน) ซึ่งก็จะได้ความสบายใจกลับไปด้วย ส่วนถ้าใครคิดว่าแนวคิดของ Dell ไม่ตอบโจทย์ก็ไม่ผิดอะไร เพราะคุณแค่ไม่ใช่กลุ่มที่เค้าต้องการเท่านั้นเอง คำถามคือ Dell จะเป็นอย่างนี้ต่อไปใช่ไหม ? หรือจะมีการปรับอะไรในอนาคตหรือเปล่า อันนี้ไม่ทราบได้ กรณีที่อยากเพิ่มยอดขายมากกว่านี้ !!! (หรือเค้าพอใจเท่านี้แล้ว)
เพราะตอนนี้เรียกได้ว่าการทำตลาดของ Dell ประเทศไทย นั้นเหมือนจะแข่งขันกับตัวเองเสียมากกว่า ว่าจะนำเสนอลูกค้าอย่างไรให้มีความน่าสนใจ น่าเชื่อมั่น น่าเชื่อถือ เพื่อที่จะมาซื้อผลิตภัณฑ์ของเค้า กับราคาที่มากกว่าเล็กน้อย (หรืออาจจะมากกว่าเยอะ) แต่ก็นั่นก็ไม่ได้ตายตัวเสียทีเดียว เพราะโน๊ตบุ๊คบางรุ่นก็เน้นความคุ้มค่าเช่นกัน ต้องดูเป็นเฉพาะรุ่นๆ ไปอีกที รวมไปถึงการรับประกันตลอดหลายปีมานั้นก็เป็นเรื่องของประสบการณ์แต่ละคนที่บอกกันปากต่อปาก อย่างไรในปี 2018 การรับประกันของ Dell ยังดีสมบูรณ์อยู่ไหม ? สำหรับคนที่ใช้งาน Dell อยู่แล้ว หรือใครที่กำลังจะซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ตอนนี้ยังคงมี Dell อยู่ในตัวเลือกซื้อหรือเปล่า ? รวมไปถึง อยากแชร์อะไรถึง Dell ? อันนี้ช่วยมาบอกกันหน่อยล่ะกันครับ