เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ทีมงาน NBS ได้สัมผัสกับสุดยอดโน๊ตบุ๊คแห่งปี 2017 – 2018 กับในส่วนของ HP Spectre รุ่นใหม่ล่าสุดที่นับว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ที่มีความบางเบาที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง โดยมาพร้อมชิปประมวลผล Core i7 Gen 8 ซึ่งนอกเหนือจากความบางเบาแล้ว ตัวเครื่องยังมีความหรูหราและปังสุดๆ อย่างที่ไม่เคยเห็นในโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนมาก่อน ด้วยสีสันแปลกตาจากทั้งวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียม กับความบางที่ 10.4 มิลลิเมตร และเบาเพียง 1.11 กิโลกรัมเท่านั้น
สเปกภายในของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-8550U (สถาปัตยกรรม Kaby Lake R) ขับเคลื่อนด้วยแรมขนาด 8GB และฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูง SSD PCIe ความจุ 512GB ที่ต้องบอกว่าแม้สเปกจะแรงกว่า Ultrabook ทั่วไป แต่ก็มีระบบระบายความร้อนแบบพิเศษ โดยมีพัดลมด้านล่างจำนวน 2 ตัวด้วยกัน พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจสอบการทำงาน สนนราคาที่ 59,990 บาท พร้อมประกัน 2 ปี On-site Service
Specification
สเปคภายในของตัว HP Spectre 13 รุ่นใหม่ปี 2017 – 2018 จะคล้ายกับกลุ่ม Ultrabook กับขนาดหน้า 13.3 นิ้วที่เหมาะสมกับการพกพา แต่เหนือกว่าด้วยความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล กับสัดส่วน 16:9 ส่วนพาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองที่กว้างขว้าง พร้อมรองรับการ Touch Screen แบบ 10 จุดพร้อมกันอีกด้วย
ด้านชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-8550U ความเร็ว 1.8GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.0GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 8 (Kaby Lake R) ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR3L ซึ่งพอเพียงกับการใช้งาน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็นแบบออนบอร์ด Intel UHD Graphics 620 ที่เรียกได้ว่าสดใหม่ นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ SSD ยังมีความจุสูงที่ 512GB แบบ PCIe
ตัวเครื่อง HP Spectre รุ่นใหม่ติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล ที่สำคัญยังมีพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง Thunderbolt 3 ฟอร์ม USB Type-C จำนวน 2 พอร์ต ส่วน 1 พอร์ตเป็น 3.1 ที่รองรับการชาร์จไฟในอแดปเตอร์ ที่ต้องบอกว่า HP นั้นใส่ใจเลยให้พอร์ตแปลง USB 3.1 Type-C เป็นพอร์ตอื่นๆ มาอีก 3 เส้น ไม่ว่าจะเป็น แปลงเป็น LAN, USB 3.0, VGA และ HDMI ส่วนช่องต่อหูฟังอย่าง Audio Combo Jack อย่างคงอยู่ปกติ แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Wireless 802.11 ac, Bluetooth 4.2 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro
หน้าสเปกเต็มๆ ของ HP Spectre 13 2017 – 2018 <<<
Hardware / Design
ด้านดีไซน์การออกแบบ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ถือว่าเป็น Ultrabok ตัวเทพของจริง เพราะด้วยความบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพียง 10.4 มิลลิเมตร กับน้ำหนักแค่ 1.1 กิโลกรัมเท่านั้น โดยมาพร้อมสีขาวพร้อมตัดกับสีทอง (Ceramic White with Pale Gold accents) ที่ดูแพงและหรูหรากว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปพอตัว ซึ่งทุกรายละเอียดพร้อมสร้างความแตกต่าง จากทั้งวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมที่มอบภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับ ตัวเครื่องสองสี สะท้อนความงามที่แตกต่างในสองมิติ
เรียกได้ว่าถ้าให้เทียบก็ถือว่าเป็นตัวชนกับ Ultrabook ระดับบนของทุกแบรนด์โดยตรง ทั้งจากดีไซน์การออกแบบและสเปกด้านใน แต่บางจุด HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 มีความเหนือชั้นกว่า บ่งบอกความเป็นที่สุดได้เป็นอย่างดี กับอะไรที่มากกว่านอกเหนือจากเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อไว้ใช้งานแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของเราอีกด้วย
แรกเห็น HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 เป็นใครก็คงต้องชอบเพราะด้วยความบางเบารองรับการพกพาได้สะดวกสบายที่สุด กับขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ Full HD ที่สามารถแสดงภาพได้สวยงามที่สุดในบรรดา Ultrabook ด้วยกัน สำหรับวัสดุในการผลิตกระจกก็เป็นหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ซึ่งมีแสงสะท้อนบ้างแต่ก็น้อยกว่ากระจกธรรมดาทั่วไปเยอะ
ถือได้ว่างานประกอบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ทำได้เป็นอย่างดีที่สุดในเรื่องของการออกแบบให้มีความบางแต่ยังคงมีความแข็งแรงอยู่ ที่ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ นำไปทำตามได้ยาก รวมไปถึงบานพับโน๊ตบุ๊ค ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากรายละเอียดงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยบานพับดีไซน์เรียบหรูสะอาดตา จัดว่าเปลี่ยนทุกมุมมองของบานพับโน๊ตบุ๊คที่เคยมีมา
ด้านล่างตัวเครื่องจะเห็นว่ายางรองตัวเครื่องมีสามเส้นคาดใหญ่ๆ เพื่อยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นและเวลาใช้งานจะแน่นหนากับพื้นที่วาง สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ แน่นอนว่าตรงนี้จะมีโลโก้ Windows 10 Pro นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น
แม้ขนาดบางเฉียบต้องอาศัยการทำความเย็นพิเศษ ด้วยเทคโนโลยีระบบทำความเย็นแรงดันสูงสุดอัจฉริยะ จาก HP สามารถดึงอากาศเย็นจากภายนอกเข้าสู่ตัวเครื่อง นอกเหนือจากการขับลมร้อน ช่วยให้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนสะสม พร้อมกันนี้ การตั้งค่าการใช้พลังงานให้สอคล้องกับปริมาณการใช้งานยังช่วยให้โน๊ตบุ๊คคงอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ได้มีความแตกต่างจากคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ เพราะเป็นคีย์บอร์ดเรืองแสงสีขาว (Backlit Keyboard) ให้แสงสว่างในการทำงาน ที่ตอบสนองได้ดีกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปแบบรู้สึกได้แถมยังสวยงามหรูหราด้วยสีขาวที่ดูเข้ากับสีตัวเครื่องเป็นอย่างดี ส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำ
ทัชแพดเป็นวัสดุกระจกแบบด้านมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา มองไปแล้วไม่เห็นปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอของ HP Spector 13 ปี 2017 – 2018 นี้เป็นแบบจอกระจกด้วยการใช้กระจกเพียงชิ้นเดียวกั้นหน้าจอเอาไว้ ด้วยหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ที่ให้มีสีสันที่สดใส ที่ต้องบอกว่ามีความสวยงามสมจริงแบบสุดๆ ด้วยพาเนล IPS ระดับสูง บนขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ซึ่งจัดว่ามีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ที่ความละเอียด 1920 x 1280 พิกเซล ทำให้มีความเรียบเนียนตากว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ แบบไม่เห็นเม็ดพิกเซลเลย โดยเหมาะกับการทำงานแบบสุดๆ เพราะสบายตากว่าจอทั่วไป พร้อมรองรับการ Touch Screen 10 จุดอีกด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ HP Spector 13 ปี 2017 – 2018 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 100% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่พอใช้เท่านั้น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 285 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางจอด้านบนเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องขวาล่างและด้านซ้ายล่างเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 11% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ด้านของลำโพงสเตอรีโอนั้นอยู่บริเวณซ้ายขวาขอบบนของตัวเครื่องด้านล่าง ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงต้องบอกว่าเป็นของ Bang & Olufsen ที่ไว้ใจได้ คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว และดีกว่าโน๊ตบุ๊ค HP รุ่นอื่นๆ พอตัว รวมไปถึงยังมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ช่วยเพิ่มเสียงให้ก้องกังวาล เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความบันเทิงถึงขีดสุดจากเสียงคมชัดทะลุมิติ
Connector / Thin And Weight
สำหรับพอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C บน HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ได้ถูกติดตั้งไว้บริเวณขอบตัวเครื่องด้านหลังขวา โดยมีอยู่พอร์ต 3 พอร์ตด้วยกัน แบ่งเป็น Thunderbolt 2 พอร์ต (รองรับการเชื่อมต่อการ์ดจอภายนอก) และ USB 3.1 Type-C อีก 1 พอร์ต เรียกว่าทุกการเชื่อมต่อต้องผ่านทาง USB Type-C เท่านั้น (อาศัยตัวอแดปเตอร์แปลงเป็น HDMI, VGA และ USB ที่แถมมาในบันเดิลแล้ว) รวมไปพอร์ตชาร์จไฟก็โดนจับไปรวมกับ USB 3.1 Type-C ด้วย ซึ่งตัวมุมขวาสุดจะรองรับการชาร์จไฟอย่างเดียว
แม้ว่าในมุมมองของผู้ใช้ทั่วไปแล้วอาจจะพบว่าการมาของ USB Type-C ในตอนนี้นั้นเร็วมากเกินไป ส่วนหนึ่งนั้นก็เนื่องมาจากการที่อุปกรณ์ในตลาดส่วนใหญ่ยังใช้ช่องเชื่อมต่อมาตรฐาน USB 2.0 หรือ 3.0 อยู่เลย แต่ทาง HP ก็ยังใจดีแถมพวกสายแปลงมาให้ทันที กรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ เพราะฉะนั้นถ้าใช้งานคนเดียวก็ไม่น่าจะติดปัญหาอะไร เพราะจริงๆ แล้วปัจจุบันการเชื่อมต่อไร้สายทำได้ดีมากๆ อยู่แล้ว
นอกเหนือจาก HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ยังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. แยกอยู่ ส่วนไมค์แบบคู่ไว้ใช้สนทนาร่วมกับโปรแกรมหรือไว้อัดเสียงนั้นอยู่บริเวณขอบหน้าจอด้านบน พร้อมเทคโนโลยี Noise Reduction ช่วยให้การทำ Video Conference มีเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น
Performance / Software
HP Spectre 13 ปี 2018 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-8550U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.8 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.0 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ เทียบกับรุ่นก่อนเรียกได้ว่าแรงขึ้นพอตัวเพราะ Core เยอะขึ้น แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ HQ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 620 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD แบบ M.2 มาตรฐาน PCIe NVMe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB โดยเป็นของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Samsung กับความเร็วระดับ Read: 1666 MB/s – Write: 1566 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือ SSD มาตรฐาน SATA 3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับ Ultrabook หรือแท็บเล็ตทุกรุ่น ตัวแบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ เกือบ 7 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome รวมไปถึงการตั้งค่าอื่นๆ ของเครื่อง
อุณหภูมิต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 39 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 99 องศาเซลเซียสเท่านั้น จากการใช้โปรแกรมรีดประสิทธิภาพ (ซึ่งถึงจุดนี้ชิปประมวลผลจะลดความเร็วลงมาเองอัตโนมัติประมาณครึ่งนึง) นับว่าระบบระบายความร้อนของ HP Spectre ปี 2017 – 2018 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าแท็บเล็ตที่มีสเปกใกล้เคียงกัน ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร สำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าเล่นเกมนี่ก็เอาเรื่องอยู่เพราะตัวเครื่องค่อนข้างบางพัดลมก็ตัวเดียว แน่นอนว่าไม่ได้ถูกกออกแบบมาให้เล่นเกมอยู่แล้ว (แต่ก็พอเล่นได้) ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอย่าง โดยมีพัดลมด้านล่างจำนวน 2 ตัวด้วยกัน และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
ทีมงาน NotebookSPEC ต้องยอมรับเลยว่า HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 นั้นสามารถทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว โดยถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ใช้ MacBook Pro และ MacBook มาอยู่แล้วก็ตาม แต่ HP Spectre รุ่นใหม่นี้ก็สามารถความประทับใจได้อย่างเหลือเชื่อ ด้วยดีไซน์การออกแบบที่สวยงาม เรียบหรู โดดเด่นไม่เหมือนใคร แถมบางเบาแบบสุดๆ ด้วยขนาดความบางที่ 10.4 มิลลิเมตร (ซึ่งพอๆ กับแบตเตอรี่ขนาด AAA เท่านั้น) แถมด้วยน้ำหนักเครื่องที่ 1.1 กิโลกรัมนั้นก็ลงตัวกับการใช้งานเป็นอย่างมาก ทำให้ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 เหมาะกับผู้ที่เดินทางบ่อยๆ หรือทำงานนอกสถานที่อยู่เป็นประจำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
นอกไปจากความน่าประทับใจเรื่องของความบางน้ำหนัก และดีไซน์แล้ว HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ยังมาพร้อมกับ การใช้สีสันที่แตกต่าง โดยให้เลือก 2 สี คือ CERAMIC WHITE WITH PALE GOLD ACCENTS และ DARK ASH SILVER WITH COPPER LUXE ACCENTS อีกทั้งวัสดุที่ใช้ดูมีราคาเป็นอย่างมากด้วยคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของจุดที่ผลักสำหรับเปิดหน้าจอหรือบานพับหน้าจอทั้ง 2 บาน นอกไปจากนั้นแล้วโลโก้บนตัวเครื่องของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ยังเป็นดีไซน์แบบใหม่ที่ดูมีมุมมีองศาทำให้เหมาะสมกับความหรูหราของตัวเครื่อง
ด้วยสเปค Intel Core i7-8550U กับแรม 8GB DDR3L และ SSD M.2 NVme ความจุ 512GB ทำให้ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ค่อนข้างที่จะน่าพอใจเป็นอย่างมากเมื่อพูดถึงการใช้งานสำหรับนักธุรกิจ กับการเลือกใช้ Intel Core i ซีรีส์รุ่นที่ 8 (บนสถาปัตยกรรม Kaby Lake R) แทนที่จะใช้ Intel Core m ซีรีส์ทำให้เมื่อเทียบกับทางฝั่ง MacBook แล้วนั้น HP Spectre 13 ดูจะน่าใช้งานมากกว่า
ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของความร้อนในการใช้งานนั้นผู้ใช้ไม่มีความจำเป็นจะต้องกังวลแต่อย่างใดเนื่องจาก HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 นั้นมาพร้อมกับระบบระบายความร้อน จากการที่มีช่องดูอากาศเย็นเข้าไป แล้วเป่าด้วยพัดลมสำหรับระบายความร้อนตัวเครื่องทางด้านล่างจำนวน 2 ตัวด้วยกัน ทำให้แม้สเปกจะสูง แต่ก็ใช้งานได้ปกติดีทุกอย่าง
อย่างไรก็ตามถ้าพูดถึง HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ที่แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับความละเอียดระดับ 4K หรือ 2K แต่ถ้าจะว่ากันตามตรงกับสเปคของตัวเครื่องแล้ว HP ก็ทำได้เหมาะสมแล้วกับความละเอียด Full HD ที่สำคัญพาเนล IPS ก็คุณภาพสูงสุดๆ เพราะภาพที่มองด้วยตานั้นมีความงดงามจนมองข้ามเรื่องของความละเอียดไปเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่อันนี้เป็นข้องสังเกตนิดนึงเพราะว่าน่าจะใช้งานได้นานกว่านี้อีกหน่อย
นอกไปจากคุณสมบัติที่ว่ามาทั้งหมดแล้วนั้น สำหรับโลโก้บนตัวเครื่องของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ยังเป็นดีไซน์แบบใหม่ที่ดูมีมุมมีองศาทำให้เหมาะสมกับความหรูหราของตัวเครื่อง ที่ต้องบอกว่ามีความพิเศษจริงๆ เพราะ HP จะเลือกใช้โลโก้นี้เฉพาะผลิตภัณฑ์รุ่นที่เป็นไฮเอนด์เท่านั้น
เรียกได้ว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คประเภท Ultrabook ซึ่งมาชิปประมวลผล Core i7 Gen 8 ที่บางเบาที่สุดในโลก ณ เวลานี้อยู่ล่ะก็ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 น่าจะตอบโจทย์ที่สุดแล้วล่ะ ในราคาที่คู่ควร โดยอยู่ที่ 59,990 บาท (บันเดิลซอฟต์เคสสีขาวเนียนมาให้ด้วย) มาพร้อมการรับประกัน 2 ปีแบบ On-site Service และมีบริการ SmartFriend อีกด้วย รวมไปถึงในบันเดิลยังมีสายแปลง
จุดเด่น
- เป็นโน๊ตบุ๊คขนาด 13.3 นิ้ว มีความบางสุดน้ำหนักเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง
- มีประสิทธิภาพโดยรวมที่ดี ด้วยชิปประมวลผล Core i7, แรม 8GB และ SSD 512GB
- หน้าจอจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่ดี มุมมองกว้าง Touch Screen ได้
- เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep, Boot เครื่อง และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
- ดีไซน์การออกแบบสวยและงานประกอบมีความประณีต ดูหรูหราและโดดเด่น
- ใช้วัสดุชั้นดีอย่างคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมทำให้ตัวเครื่องแข็งแรง
- มีไฟ Backlit Keyboard สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- มีช่องทางเชื่อมต่อความเร็วสูงรุ่นล่าสุดอย่าง USB Type-C จำนวนสามพอร์ต (Thunderbolt สอง, 3.1 หนึ่ง)
- มีตัวแปลงมาให้ในบันเดิลเลยอย่าง USB 3.0, VGA และ HDMI
- มีซอฟต์เคสลักษณะเป็นซองหนังสุดหรูมาให้ทันที
- ระบบระบายความร้อนทำงานได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับสเปก
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ใช้งานได้ทันที
- รับประกันอยู่ที่ 2 ปี พร้อมบริการ On-site Service
ข้อสังเกต
- ดีไซน์ยังคงเหมือนรุ่นปี 2016 และใช้แรม DDR3L
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ
- แบตเตอรี่น่าจะใช้งานได้นานกว่านี้หน่อย
- ไม่มีพอร์ต USB Type-A เลย แต่มีตัวแปลงมาให้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Spectre มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน HP Spectre 13 2017 – 2018 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนทำงานระดับมืออาชีพ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับ Ultrabook ระดับสูง ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบา ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะระบบไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดทั้งมวลนี้ HP Spectre 13 2017 – 2018 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2017 – 2018 นี้ที่มาพร้อมสเปกจัดเต็มทั้ง Core i7 Gen 8 แรม 8GB SSD 512GB ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่สวยงาม น้ำหนักที่เบา ตัวเครื่องที่บางเฉียบ หน้าจอคุณภาพสูง ที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบได้ยาก เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่ HP Spectre 2017 – 2018 จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไป
Specification
สเปคภายในของตัว HP Spectre 13 รุ่นใหม่ปี 2017 – 2018 จะคล้ายกับกลุ่ม Ultrabook กับขนาดหน้า 13.3 นิ้วที่เหมาะสมกับการพกพา แต่เหนือกว่าด้วยความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล กับสัดส่วน 16:9 ส่วนพาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองที่กว้างขว้าง พร้อมรองรับการ Touch Screen แบบ 10 จุดพร้อมกันอีกด้วย
ด้านชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-8550U ความเร็ว 1.8GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 4.0GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 8 (Kaby Lake R) ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDR3L ซึ่งพอเพียงกับการใช้งาน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็นแบบออนบอร์ด Intel UHD Graphics 620 ที่เรียกได้ว่าสดใหม่ นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ SSD ยังมีความจุสูงที่ 512GB แบบ PCIe
ตัวเครื่อง HP Spectre รุ่นใหม่ติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล ที่สำคัญยังมีพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง Thunderbolt 3 ฟอร์ม USB Type-C จำนวน 2 พอร์ต ส่วน 1 พอร์ตเป็น 3.1 ที่รองรับการชาร์จไฟในอแดปเตอร์ ที่ต้องบอกว่า HP นั้นใส่ใจเลยให้พอร์ตแปลง USB 3.1 Type-C เป็นพอร์ตอื่นๆ มาอีก 3 เส้น ไม่ว่าจะเป็น แปลงเป็น LAN, USB 3.0, VGA และ HDMI ส่วนช่องต่อหูฟังอย่าง Audio Combo Jack อย่างคงอยู่ปกติ แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Wireless 802.11 ac, Bluetooth 4.2 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro
หน้าสเปกเต็มๆ ของ HP Spectre 13 2017 – 2018 <<<
Hardware / Design
ด้านดีไซน์การออกแบบ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ถือว่าเป็น Ultrabok ตัวเทพของจริง เพราะด้วยความบางอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพียง 10.4 มิลลิเมตร กับน้ำหนักแค่ 1.1 กิโลกรัมเท่านั้น โดยมาพร้อมสีขาวพร้อมตัดกับสีทอง (Ceramic White with Pale Gold accents) ที่ดูแพงและหรูหรากว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปพอตัว ซึ่งทุกรายละเอียดพร้อมสร้างความแตกต่าง จากทั้งวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมที่มอบภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับ ตัวเครื่องสองสี สะท้อนความงามที่แตกต่างในสองมิติ
เรียกได้ว่าถ้าให้เทียบก็ถือว่าเป็นตัวชนกับ Ultrabook ระดับบนของทุกแบรนด์โดยตรง ทั้งจากดีไซน์การออกแบบและสเปกด้านใน แต่บางจุด HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 มีความเหนือชั้นกว่า บ่งบอกความเป็นที่สุดได้เป็นอย่างดี กับอะไรที่มากกว่านอกเหนือจากเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อไว้ใช้งานแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของเราอีกด้วย
แรกเห็น HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 เป็นใครก็คงต้องชอบเพราะด้วยความบางเบารองรับการพกพาได้สะดวกสบายที่สุด กับขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ Full HD ที่สามารถแสดงภาพได้สวยงามที่สุดในบรรดา Ultrabook ด้วยกัน สำหรับวัสดุในการผลิตกระจกก็เป็นหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ซึ่งมีแสงสะท้อนบ้างแต่ก็น้อยกว่ากระจกธรรมดาทั่วไปเยอะ
ถือได้ว่างานประกอบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ทำได้เป็นอย่างดีที่สุดในเรื่องของการออกแบบให้มีความบางแต่ยังคงมีความแข็งแรงอยู่ ที่ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ นำไปทำตามได้ยาก รวมไปถึงบานพับโน๊ตบุ๊ค ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากรายละเอียดงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยบานพับดีไซน์เรียบหรูสะอาดตา จัดว่าเปลี่ยนทุกมุมมองของบานพับโน๊ตบุ๊คที่เคยมีมา
ด้านล่างตัวเครื่องจะเห็นว่ายางรองตัวเครื่องมีสามเส้นคาดใหญ่ๆ เพื่อยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นและเวลาใช้งานจะแน่นหนากับพื้นที่วาง สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ แน่นอนว่าตรงนี้จะมีโลโก้ Windows 10 Pro นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น
แม้ขนาดบางเฉียบต้องอาศัยการทำความเย็นพิเศษ ด้วยเทคโนโลยีระบบทำความเย็นแรงดันสูงสุดอัจฉริยะ จาก HP สามารถดึงอากาศเย็นจากภายนอกเข้าสู่ตัวเครื่อง นอกเหนือจากการขับลมร้อน ช่วยให้สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความร้อนสะสม พร้อมกันนี้ การตั้งค่าการใช้พลังงานให้สอคล้องกับปริมาณการใช้งานยังช่วยให้โน๊ตบุ๊คคงอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ได้มีความแตกต่างจากคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ เพราะเป็นคีย์บอร์ดเรืองแสงสีขาว (Backlit Keyboard) ให้แสงสว่างในการทำงาน ที่ตอบสนองได้ดีกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปแบบรู้สึกได้แถมยังสวยงามหรูหราด้วยสีขาวที่ดูเข้ากับสีตัวเครื่องเป็นอย่างดี ส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำ
ทัชแพดเป็นวัสดุกระจกแบบด้านมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบซ่อนปุ่มคลิกซ้ายขวา มองไปแล้วไม่เห็นปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอของ HP Spector 13 ปี 2017 – 2018 นี้เป็นแบบจอกระจกด้วยการใช้กระจกเพียงชิ้นเดียวกั้นหน้าจอเอาไว้ ด้วยหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ที่ให้มีสีสันที่สดใส ที่ต้องบอกว่ามีความสวยงามสมจริงแบบสุดๆ ด้วยพาเนล IPS ระดับสูง บนขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ซึ่งจัดว่ามีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ที่ความละเอียด 1920 x 1280 พิกเซล ทำให้มีความเรียบเนียนตากว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ แบบไม่เห็นเม็ดพิกเซลเลย โดยเหมาะกับการทำงานแบบสุดๆ เพราะสบายตากว่าจอทั่วไป พร้อมรองรับการ Touch Screen 10 จุดอีกด้วย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ HP Spector 13 ปี 2017 – 2018 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 100% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันแค่พอใช้เท่านั้น ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 285 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้ คือเพียงพอต่อการใช้งานทั่วๆ ไป แต่ถ้าจะเอาไปทำภาพกราฟิกหรือตกแต่งภาพที่เน้นมืออาชีพมากๆ ก็ควรคาลิเบรตเสียก่อน
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าช่องกลางจอด้านบนเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ไม่มีผิดเพี้ยน แต่สำหรับช่องขวาล่างและด้านซ้ายล่างเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 11% ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 3.5 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ด้านของลำโพงสเตอรีโอนั้นอยู่บริเวณซ้ายขวาขอบบนของตัวเครื่องด้านล่าง ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงต้องบอกว่าเป็นของ Bang & Olufsen ที่ไว้ใจได้ คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว และดีกว่าโน๊ตบุ๊ค HP รุ่นอื่นๆ พอตัว รวมไปถึงยังมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ช่วยเพิ่มเสียงให้ก้องกังวาล เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความบันเทิงถึงขีดสุดจากเสียงคมชัดทะลุมิติ
Connector / Thin And Weight
สำหรับพอร์ตการเชื่อมต่อ USB Type-C บน HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ได้ถูกติดตั้งไว้บริเวณขอบตัวเครื่องด้านหลังขวา โดยมีอยู่พอร์ต 3 พอร์ตด้วยกัน แบ่งเป็น Thunderbolt 2 พอร์ต (รองรับการเชื่อมต่อการ์ดจอภายนอก) และ USB 3.1 Type-C อีก 1 พอร์ต เรียกว่าทุกการเชื่อมต่อต้องผ่านทาง USB Type-C เท่านั้น (อาศัยตัวอแดปเตอร์แปลงเป็น HDMI, VGA และ USB ที่แถมมาในบันเดิลแล้ว) รวมไปพอร์ตชาร์จไฟก็โดนจับไปรวมกับ USB 3.1 Type-C ด้วย ซึ่งตัวมุมขวาสุดจะรองรับการชาร์จไฟอย่างเดียว
แม้ว่าในมุมมองของผู้ใช้ทั่วไปแล้วอาจจะพบว่าการมาของ USB Type-C ในตอนนี้นั้นเร็วมากเกินไป ส่วนหนึ่งนั้นก็เนื่องมาจากการที่อุปกรณ์ในตลาดส่วนใหญ่ยังใช้ช่องเชื่อมต่อมาตรฐาน USB 2.0 หรือ 3.0 อยู่เลย แต่ทาง HP ก็ยังใจดีแถมพวกสายแปลงมาให้ทันที กรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ เพราะฉะนั้นถ้าใช้งานคนเดียวก็ไม่น่าจะติดปัญหาอะไร เพราะจริงๆ แล้วปัจจุบันการเชื่อมต่อไร้สายทำได้ดีมากๆ อยู่แล้ว
นอกเหนือจาก HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ยังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. แยกอยู่ ส่วนไมค์แบบคู่ไว้ใช้สนทนาร่วมกับโปรแกรมหรือไว้อัดเสียงนั้นอยู่บริเวณขอบหน้าจอด้านบน พร้อมเทคโนโลยี Noise Reduction ช่วยให้การทำ Video Conference มีเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น
Performance / Software
HP Spectre 13 ปี 2018 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-8550U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.8 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 4.0 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ เทียบกับรุ่นก่อนเรียกได้ว่าแรงขึ้นพอตัวเพราะ Core เยอะขึ้น แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ HQ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics 620 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 620 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD แบบ M.2 มาตรฐาน PCIe NVMe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB โดยเป็นของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Samsung กับความเร็วระดับ Read: 1666 MB/s – Write: 1566 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือ SSD มาตรฐาน SATA 3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับ Ultrabook หรือแท็บเล็ตทุกรุ่น ตัวแบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ เกือบ 7 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และคาดว่าจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome รวมไปถึงการตั้งค่าอื่นๆ ของเครื่อง
อุณหภูมิต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 39 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 99 องศาเซลเซียสเท่านั้น จากการใช้โปรแกรมรีดประสิทธิภาพ (ซึ่งถึงจุดนี้ชิปประมวลผลจะลดความเร็วลงมาเองอัตโนมัติประมาณครึ่งนึง) นับว่าระบบระบายความร้อนของ HP Spectre ปี 2017 – 2018 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่าแท็บเล็ตที่มีสเปกใกล้เคียงกัน ที่เคยทำการรีวิวมาพอควร สำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าเล่นเกมนี่ก็เอาเรื่องอยู่เพราะตัวเครื่องค่อนข้างบางพัดลมก็ตัวเดียว แน่นอนว่าไม่ได้ถูกกออกแบบมาให้เล่นเกมอยู่แล้ว (แต่ก็พอเล่นได้) ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเพราะชุดระบายความร้อนที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพอย่าง โดยมีพัดลมด้านล่างจำนวน 2 ตัวด้วยกัน และชิปประมวลผล Intel รุ่นล่าสุดที่มีมีเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กลง
Conclusion / Award
ทีมงาน NotebookSPEC ต้องยอมรับเลยว่า HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 นั้นสามารถทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว โดยถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ใช้ MacBook Pro และ MacBook มาอยู่แล้วก็ตาม แต่ HP Spectre รุ่นใหม่นี้ก็สามารถความประทับใจได้อย่างเหลือเชื่อ ด้วยดีไซน์การออกแบบที่สวยงาม เรียบหรู โดดเด่นไม่เหมือนใคร แถมบางเบาแบบสุดๆ ด้วยขนาดความบางที่ 10.4 มิลลิเมตร (ซึ่งพอๆ กับแบตเตอรี่ขนาด AAA เท่านั้น) แถมด้วยน้ำหนักเครื่องที่ 1.1 กิโลกรัมนั้นก็ลงตัวกับการใช้งานเป็นอย่างมาก ทำให้ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 เหมาะกับผู้ที่เดินทางบ่อยๆ หรือทำงานนอกสถานที่อยู่เป็นประจำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
นอกไปจากความน่าประทับใจเรื่องของความบางน้ำหนัก และดีไซน์แล้ว HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ยังมาพร้อมกับ การใช้สีสันที่แตกต่าง โดยให้เลือก 2 สี คือ CERAMIC WHITE WITH PALE GOLD ACCENTS และ DARK ASH SILVER WITH COPPER LUXE ACCENTS อีกทั้งวัสดุที่ใช้ดูมีราคาเป็นอย่างมากด้วยคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของจุดที่ผลักสำหรับเปิดหน้าจอหรือบานพับหน้าจอทั้ง 2 บาน นอกไปจากนั้นแล้วโลโก้บนตัวเครื่องของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ยังเป็นดีไซน์แบบใหม่ที่ดูมีมุมมีองศาทำให้เหมาะสมกับความหรูหราของตัวเครื่อง
ด้วยสเปค Intel Core i7-8550U กับแรม 8GB DDR3L และ SSD M.2 NVme ความจุ 512GB ทำให้ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ค่อนข้างที่จะน่าพอใจเป็นอย่างมากเมื่อพูดถึงการใช้งานสำหรับนักธุรกิจ กับการเลือกใช้ Intel Core i ซีรีส์รุ่นที่ 8 (บนสถาปัตยกรรม Kaby Lake R) แทนที่จะใช้ Intel Core m ซีรีส์ทำให้เมื่อเทียบกับทางฝั่ง MacBook แล้วนั้น HP Spectre 13 ดูจะน่าใช้งานมากกว่า
ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของความร้อนในการใช้งานนั้นผู้ใช้ไม่มีความจำเป็นจะต้องกังวลแต่อย่างใดเนื่องจาก HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 นั้นมาพร้อมกับระบบระบายความร้อน จากการที่มีช่องดูอากาศเย็นเข้าไป แล้วเป่าด้วยพัดลมสำหรับระบายความร้อนตัวเครื่องทางด้านล่างจำนวน 2 ตัวด้วยกัน ทำให้แม้สเปกจะสูง แต่ก็ใช้งานได้ปกติดีทุกอย่าง
อย่างไรก็ตามถ้าพูดถึง HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ที่แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับความละเอียดระดับ 4K หรือ 2K แต่ถ้าจะว่ากันตามตรงกับสเปคของตัวเครื่องแล้ว HP ก็ทำได้เหมาะสมแล้วกับความละเอียด Full HD ที่สำคัญพาเนล IPS ก็คุณภาพสูงสุดๆ เพราะภาพที่มองด้วยตานั้นมีความงดงามจนมองข้ามเรื่องของความละเอียดไปเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่อันนี้เป็นข้องสังเกตนิดนึงเพราะว่าน่าจะใช้งานได้นานกว่านี้อีกหน่อย
นอกไปจากคุณสมบัติที่ว่ามาทั้งหมดแล้วนั้น สำหรับโลโก้บนตัวเครื่องของ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ยังเป็นดีไซน์แบบใหม่ที่ดูมีมุมมีองศาทำให้เหมาะสมกับความหรูหราของตัวเครื่อง ที่ต้องบอกว่ามีความพิเศษจริงๆ เพราะ HP จะเลือกใช้โลโก้นี้เฉพาะผลิตภัณฑ์รุ่นที่เป็นไฮเอนด์เท่านั้น
เรียกได้ว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คประเภท Ultrabook ซึ่งมาชิปประมวลผล Core i7 Gen 8 ที่บางเบาที่สุดในโลก ณ เวลานี้อยู่ล่ะก็ HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 น่าจะตอบโจทย์ที่สุดแล้วล่ะ ในราคาที่คู่ควร โดยอยู่ที่ 59,990 บาท (บันเดิลซอฟต์เคสสีขาวเนียนมาให้ด้วย) มาพร้อมการรับประกัน 2 ปีแบบ On-site Service และมีบริการ SmartFriend อีกด้วย รวมไปถึงในบันเดิลยังมีสายแปลง
จุดเด่น
- เป็นโน๊ตบุ๊คขนาด 13.3 นิ้ว มีความบางสุดน้ำหนักเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง
- มีประสิทธิภาพโดยรวมที่ดี ด้วยชิปประมวลผล Core i7, แรม 8GB และ SSD 512GB
- หน้าจอจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่ดี มุมมองกว้าง Touch Screen ได้
- เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep, Boot เครื่อง และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
- ดีไซน์การออกแบบสวยและงานประกอบมีความประณีต ดูหรูหราและโดดเด่น
- ใช้วัสดุชั้นดีอย่างคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมทำให้ตัวเครื่องแข็งแรง
- มีไฟ Backlit Keyboard สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- มีช่องทางเชื่อมต่อความเร็วสูงรุ่นล่าสุดอย่าง USB Type-C จำนวนสามพอร์ต (Thunderbolt สอง, 3.1 หนึ่ง)
- มีตัวแปลงมาให้ในบันเดิลเลยอย่าง USB 3.0, VGA และ HDMI
- มีซอฟต์เคสลักษณะเป็นซองหนังสุดหรูมาให้ทันที
- ระบบระบายความร้อนทำงานได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับสเปก
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ใช้งานได้ทันที
- รับประกันอยู่ที่ 2 ปี พร้อมบริการ On-site Service
ข้อสังเกต
- ดีไซน์ยังคงเหมือนรุ่นปี 2016 และใช้แรม DDR3L
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ
- แบตเตอรี่น่าจะใช้งานได้นานกว่านี้หน่อย
- ไม่มีพอร์ต USB Type-A เลย แต่มีตัวแปลงมาให้
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP Spectre 13 ปี 2017 – 2018 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Spectre มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน HP Spectre 13 2017 – 2018 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนทำงานระดับมืออาชีพ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับ Ultrabook ระดับสูง ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบา ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะมีปัญหาอีกด้วย เพราะระบบไม่ได้ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับถือมากนัก สามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดทั้งมวลนี้ HP Spectre 13 2017 – 2018 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2017 – 2018 นี้ที่มาพร้อมสเปกจัดเต็มทั้ง Core i7 Gen 8 แรม 8GB SSD 512GB ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่สวยงาม น้ำหนักที่เบา ตัวเครื่องที่บางเฉียบ หน้าจอคุณภาพสูง ที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบได้ยาก เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่ HP Spectre 2017 – 2018 จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไป