ช่วงนี้สายขุดหรือ Miner แม้จะทำงานหนัก แต่ก็ดูจะได้ผลที่คุ้มค่า โดยเฉพาะการมาของ ETH หรือ Ethereum ที่เวลานี้แตะไปที่ 1000USD หรือ สามหมื่นกว่าบาท เป็นที่เรียบร้อยไปเมื่อวันก่อน สร้างสถิติโลกใหม่ ให้หลายๆ คนหัวใจชื่นบาน หลังจากไม่ได้ทะยานสูงแบบนี้มาสักระยะ ซึ่งไม่ใช่แค่การเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่เป็นสิ่งที่ไมเนอร์ต้องให้ความสำคัญ เพราะอัตราการเติบโตของโลก Cryptocurrencies มีมากกว่าที่คิด
ซึ่งในงานนี้ทาง legitreviews เคยทำข้อมูลการเปรียบเทียบการ์ดสำหรับการขุดในแต่ละรุ่นมาเทียบกัน ซึ่งเป็นเชิงเปรียบเทียบทั้งระบบได้น่าสนใจไม่น้อย วันนี้จึงอยากหยิบยกมาให้กับทางไมเนอร์ได้วิเคราะห์กันอีกครั้งและน่าจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนรายใหม่ ที่อยากเป็นเจ้าของ Rig ว่าจะใช้การ์ดรุ่นไหนดี เปรียบเทียบการ์ดจอขุด ETH
อัพเดตล่าสุด ราคาไปแตะที่ 1,045USD หรือประมาณ 33,000 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับราคาทอง 1 ออนซ์ในตลาดโลกที่ 1,322.30USD (ราวๆ 42,000 บาท) เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยทีเดียว
โดยที่ผลการทดสอบจาก Rig ที่ใช้ในเวลานั้น ยังเป็นซีพียูและเมนบอร์ดในซีรีส์ของ 1150 และ 1151 ที่เป็น Z97 หรือ Z170 series ซึ่งมีการ์ดจอในรุ่นต่างๆ ทั้งค่าย nVIDIA และ AMD มาทดสอบกันอย่างพร้อมหน้า เรียกว่าเกือบครบไลน์ทั้งหมดในท้องตลาด จะขาดแค่ AMD Vega ที่ยังไม่ได้วางจำหน่าย ณ ช่วงเวลาดังกล่าว
ผลที่ได้นั้น ในแง่ของ Best Performance กลายเป็น AMD Radeon R9 295X2 ที่เข้าสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2014 เป็นการ์ดแบบ Dual-GPU ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดด้วยตัวเลข 57.6MH/s กับราคาจำหน่ายประมาณ 500USD ในเวลานั้น มีค่า TDP สูงสุดที่ 500W ต่อการ์ด ฉะนั้นการใช้ Rig ที่มีถึง 7 ใบในระบบเดียว อาจจะต้องสรรหาแหล่งพลังงานที่มากถึง 3,500W ด้วยกัน
ส่วนในรุ่นที่ให้ความคุ้มค่ามากที่สุด กลายเป็น AMD Radeon RX 480 และ RX 580 ที่ให้สมรรถนะสูง เพราะราคาเริ่มต้นตอนนั้นอยู่ที่ราวๆ 199USD (6,400 บาท) แต่ให้ประสิทธิภาพในการขุด ETH ที่ประมาณ 24MH/s และอาจะไปได้ถึง 25-27MH/s ทั้งนี้ยังสามารถลดการใช้พลังงานด้วย AMD Wattman ด้วยการปรับลดค่าการใช้พลังงานให้ต่ำกว่า 150W โดยที่การ์ด RX 580 มีค่าการใช้พลังงานมากกว่า RX 480 แต่ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า ด้วยตัวเลขที่ 29MH/s ที่ราวๆ 135W จึงไม่น่าแปลกใจที่ RX 570 และ RX 580 จะค่อนข้างหายากในท้องตลาด
สำหรับ nVIDIA GeForce GTX 1070 จะอยู่ที่ประมาณ 27.4MH/s ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่น่าสนใจเลยทีเดียว ในขณะที่ GTX 1080 ที่มี CUDA core ที่มากกว่าได้เพียง 20MH/s เท่านั้น สำหรับข้อมูลที่ได้นั้นส่วนหนึ่งของ Base code ETH จะเหมาะกับ GDDR5 มากกว่า GDDR5X แต่สำหรับ nVIDIA GTX 1080 Ti ที่ใช้ GDDR5X สามารถทำได้ถึง 32MH/s
ที่มา: ETH