ก่อนอื่นขอบอกเกี่ยวกับลักษณะการใช้งาน Hard Disk ในปัจจุบันที่จะแบ่งเป็น 2 อย่างใหญ่ๆ คือ Hard Disk Desktop กับ Hard Disk Enterprise ซึ่ง Hard Disk Desktop ก็คือ Hard Disk ที่เราใช้งานกันทั่วไปบน PC หรือโน๊ตบุ๊ค โดยลักษณะการใช้งานจะไม่ได้ทำงานแบบต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ หรือทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนตัว Hard Disk Enterprise ลักษณะหน้าตาก็จะคล้าย Hard Disk ปกติ แต่จะถูกออกแบบมาให้มีความจุที่สูงกว่าปกติ และใช้สำหรับทำงาน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเหตุให้ Hard Disk Enterprise ต้องออกแบบมาพิเศษมีความคงทน เพื่อลดความเสี่ยงที่ฮาร์ดไดรฟ์จะพังเวลาใช้งานได้
แน่นอนว่าเมื่อข้อมูลเริ่มมีการกินพื้นที่มากในปัจจุบัน สังเกตง่ายๆ จากไฟล์หนังที่สมัยก่อนเป็น Full HD ไม่กี่ GB เดี๋ยวนี้เป็น 4K ที่ใช้พื้นที่เป็นสิบๆ GB ความจุฮาร์ดไดรฟ์ก็ต้องมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เพราะ หากใช้ฮาร์ดไดรฟ์รุ่นธรรมดามาทำการเก็บข้อมูลที่มากขึ้น อาจจะไม่สนองความต้องการได้อย่างเพียงพอ โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลในระดับองค์กร ที่ต้องการพื้นที่ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด เพราะ ข้อมูลทางธุรกิจมีความสําคัญเป็นอย่างมาก
ซึ่งทาง Seagate เองก็ได้พัฒนาฮาร์ดไดรฟ์ ในระดับองค์กรโดยการ Rebanding ใหม่ในผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Enterprise มาเป็นสองแบบคือ EXOS ที่เป็น Harddisk ขนาด 2.5 และ 3.5 นิ้วปรกติ และ NYTRO ที่เป็น SSD ขั้นเทพที่มีประสิทธิภาพและความเร็วในการทํางานสูง สำหรับใช้งานการจัดเก็บข้อมูลสําหรับองค์กรให้มีความสมบูรณ์แบบ เหมาะสําหรับที่ปรึกษาด้านไอที สถาปนิกศูนย์ข้อมูล และผู้ให้บริการระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบคลาวด์เป็นต้น
โดยตัว Seagate EXOS จะแบ่งเป็น 2 Class คือ EXOS X และ EXOS E ซึ่งตัว EXOS X จะเป็นฮาร์ดไดรฟ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดและมีความปลอดภัยสูงสุดสำหรับไดร์ที่มีการปรับเปลี่ยนหรือรันทำงานตลอดเวลา และสามารถปรับความจุ ปรับขนาดได้ แถมยังใช้เทคโนโลยีนาโนใหม่ล่าสุดสำหรับการใช้งานบน Cloud หรือทำเป็นศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยจะมีความจุสูงสุด 12 TB/ลูก
ส่วนตัว EXOS E จะเป็นรุ่นรองลงมา ประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน รองรับการทำงานแบบ 24 ชั่วโมง เหมาะสำหรับคนไม่ได้ต้องการความเร็วในการถ่ายโอนมากเหมือนตัว EXOS X เน้นในเรื่องของการเก็บข้อมูลมากกว่า ซึ่ง EXOS E จะมีความจุสูงสุด 8 TB/ลูก
มาดูทางฝั่ง SSD ระดับ Enterprise ของทาง Seagate กันบ้างซึ่งจะเป็นรุ่น NYTRO โดยจะมีทั้งที่เป็นขนาด 2.5, FHHL และ M.2 สามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับองค์กรที่นอกจากจะต้องการความจุสูงแล้ว ยังต้องการความเร็วสูงสุดด้วย โดยตัว NYTRO ซีรีส์ 3000 จะมีความจุสูงถึง 15 TB แถมมีอินเตอร์เฟสที่เป็นแบบ SAS อีกด้วย เร็วปานจรวดเลยทีเดียว
นอกจากนี้ที่สำคัญเลยคือฮาร์ดไดรฟ์ของทาง Seagate ระดับ Enterprise ที่อยู่ในตระกูล EXOS และ NYTRO จะมีการรับประกันตัวฮาร์ดไดรฟ์ถึง 5 ปีเต็ม (ยกเว้นรุ่น 5E8) ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจนอกจากจะได้ฮาร์ดไดรฟที่มีความจุปริมาณเยอะและประสิทธิภาพสูงแล้ว ยังมีความอุ่นใจ ไม่ต้องกลัวกังวลว่าฮาร์ดไดรฟ์จะเสียก่อนถึงเวลาอันควรอีกด้วย