สำหรับ Microsoft Surface Pro ที่ออกมาในปี 2017 นี้ ถือว่าเป็นรุ่นที่ 5 ที่ได้ทำการออกมาวางจำหน่ายสู่ตลาด โดยบางที่อาจจะเรียกว่า New Surface Pro หรือเรียก Surface Pro 2017 แต่ไม่มีใครเรียก Surface Pro 5 เหมือนที่ผ่านมาใน Surface Pro 4 ซึ่งตัวเครื่อง Microsoft Surface Pro 2017 นี่เองก็ถือเป็นสุดยอดแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 มีผู้ใช้ทั่วโลกให้การยอมรับกันมากเลยทีเดียว
ด้วยความที่เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ทำให้ Microsoft Surface Pro 2017 สามารถใช้งานได้เสมือนคอมพิวเตอร์เครื่องนึง ที่สำคัญยังมีอุปกรณ์เสริมเป็นชุดคีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover ทำให้เราใช้งานเป็นโน๊ตบุ๊คได้ในทันที นอกจากนี้ยังมีปากกาสไตลัสที่อัพเกรดความสามารถเพิ่มเข้า ส่งผลให้งานเขียนหรือวาดมีความใกล้เคียงกับปากกาหรือดินสอจริงๆ ยิ่งขึ้นไป ซึ่งในบทความนี้ทีมงานได้ตัวที่ใช้สเปคเป็น Core i5 ตัวกลาง ราคา 49,900 บาท รีวิวจะเป็นยังไงบ้างไปดูกันเลยครับ
VDO Review
Specification
ในเรื่องของสเปค Microsoft Surface Pro 2017 นั้น เครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นเครื่องที่ใช้ CPU เป็น Intel Core i5-7300U ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.50 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel HD Graphics 620 ที่ติดมาใน CPU จาก Intel ตระกูล KabyLake ใส่ Ram ก็ให้มา 8 GB เป็นแบบฝังติดบอร์ดมาเช่นเดียวกับ Ultrabook ส่วนใหญ่ในท้องตลาด โดยเลือกใช้ SSD ความจุที่ 256 GB ส่วนหน้าจอ PixelSense มีขนาด 12.3 นิ้ว แบบสัดส่วน 3:2 พาเนล IPS ความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) เป็นแบบสัมผัสรองรับกับปากกาสไตรัส Surface Pen ที่รับรู้แรงกดได้ถึง 4096 ระดับ ที่สำคัญยังบางเฉียบและเบาเพียง 770 กรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ที่มาพร้อมคุณสมบัติครบครันจริงๆ
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานใกล้เคียง Ultrabook ที่จัดว่าให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.0 ตัวเต็ม และ mini Display Port สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ micro SD Card Reader มาให้ด้วย กรณีไว้อ่านหรือเพิ่มความจุ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ นอกเหนือจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ต่างๆ อาทิ เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงสภาพแวดล้อม, ไจโรสโคป และ IR Camera ที่ใช้กับ Window Hello อีกด้วย
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นเหมือนแท็บเล็ตทั่วไป แต่รองรับการใช้งานใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ปกติ แถมตัวชุดคีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover ยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่หาคู่เปรียบเทียบได้ยาก
ทั้งนี้ Microsoft Surface Pro 2017 ก็ได้ผลิตออกมาทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่
- รุ่น Core m3-7Y30 RAM 4GB ความจุ 128GB ราคา 30,900 บาท
- รุ่น Core i5-7300U RAM 4GB ความจุ 128GB ราคา 38,900 บาท
- รุ่น Core i5-7300U RAM 8GB ความจุ 256GB ราคา 49,900 บาท
- รุ่น Core i7-7660U RAM 8GB ความจุ 256GB ราคา 59,900 บาท
- รุ่น Core i7-7660U RAM 16GB ความจุ 512GB ราคา 82,900 บาท
- รุ่น Core i7-7660U RAM 16GB ความจุ 1TB ราคา 101,900 บาท
อุปกรณ์เสริม Microsoft Surface Pro 2017 ในประเทศไทย
- Surface Pro Type Cover Thai/English (Platinum) ราคา 6,390 บาท
- Surface Pen ราคา 3,900 บาท
- Surface Arc Mouse ราคา 2,390 บาท
Hardware / Design
สำหรับดีไซน์โดยรวมของ Microsoft Surface Pro 2017 ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมายอะไร ยังคงมีรูปร่างรูปลักษณ์คล้ายกับ Microsoft Surface Pro 4 รุ่นก่อนหน้า ซึ่งนับว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบและเป็นเอกลักษณ์ดีอยู่แล้ว กับการออกแบบที่เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows ที่มาพร้อมน้ำหนักที่เบาแต่ทรงพลังด้วยชิปประมวลผลภายในโดยทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติที่ลงตัว แน่นอนมีความพรีเมียมแฝงอยู่ในตัวค่อนข้างมาก ด้วยความหรูหราที่ดูเรียบง่าย ในส่วนของอแดปเตอร์ที่ชาร์จก็ยังคงทำได้ดีด้วยการมีพอร์ต USB ไว้ชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ อย่างสมาร์ทโฟน หรือ Wearable ข้างกาย รวมไปถึงหัวชาร์จที่ติดกับตัวเครื่องยังเป็นลักษณะของแม่เหล็ก ทำให้ง่ายและปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ ตามที่ทาง Microsoft คิดเอาไว้แล้วเป้นอย่างดี
อย่างไรก็ตามในสิ่งที่เปลี่ยนไปแบบชัดเจนใน Microsoft Surface Pro 2017 ก็คือ มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่เท่าเดิมคือ 12.3 นิ้ว และมีความละเอียดที่เท่าเดิม แต่รองรับแรงกดได้มากขึ้นถึง 4096 ระดับ ส่วนในเรื่องของน้ำหนักจะเบากว่าตัว Microsoft Surface Pro 4 อยู่เพียงเล็กน้อย เรียกได้นอกจากการอัพเกรดสเปคภายในแบบยกชุดเพื่อการทำงานที่ลื่นไหลกว่าเดิม พร้อมที่เก็บปากกาสไตลัส Surface Pen ที่เป็นแบบแม่เหล็ก ทำให้เราเก็บกับตัวเครื่องได้ง่ายมากๆ จะหยิบใช้งานเมื่อไหร่ก็สะดวกรวดเร็ว
เชื่อหรือไม่กับอุปกรณ์ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Core i5 / Core i7 เปรียบได้กับโน๊ตบุ๊คที่ทรงประสิทธิภาพ แต่กลับมาพร้อมน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 770 กรัมเท่านั้น นับได้เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 รุ่นล่าสุด ที่มีความเบาไม่ถึง 1 กิโลกรัม หรือกรณีที่รวมเข้ากับ Surface Pro Type Cover ก็มีน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น เหมาะมากๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ซึ่งไม่ว่าจะใช้งานเป็นแท็บเล็ตหรือแปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คจากการใช้งาน Kickstand แบบหลายระดับก็ลงตัวสุดๆ จากข้อนี้เมื่อเทียบกับ MacBook Air 13 หนัก 1.35 กิโลกรัม และ MacBook Pro Retina 13 หนัก 1.58 กิโลกรัม ต้องบอกว่าทั้งมิติตัวเครื่องและน้ำหนักที่เบา Microsoft Surface Pro 2017 เหนือกว่าพอสมควรเลยทีเดียว
Keyboard / Touchpad
ความโดดเด่นสุดๆ ของ Microsoft Surface Pro 2017 ที่สำคัญก็คือ เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ซึ่งมีความคล่องตัวที่สูง ไม่ว่าเพื่อความบันเทิงหรือการทำงานก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งถ้าเชื่อมต่อผ่านชุดคีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover เมื่อไหร่ ก็เป็นรูปแบบการทำงานโน๊ตบุ๊ค ได้ไม่แพ้ที่เป็นส่วนของโน๊ตบุ๊คจริงๆ เลย เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตที่แปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คที่สมบูรณ์รุ่นนึงในตลาดทีเดียว ทั้งจากความแน่หนาจากการประกอบกับเครื่องและมีไฟเรืองแสงที่สวยงาม
ส่วนประสบการณ์ใช้งานของ Surface Pro Type Cover รุ่นใหม่ที่เป็ผ้า Alcantara ซึ่งนิยมใช้ในเบาะรถยนต์ราคาแพง ดูแข็งแรง ทนทาน จับแล้วให้ความรู้สึกดีหรูหรา ส่วนความรู้สึกในการพิมพ์ค่อนข้างดีจากแป้นคีย์บอร์ดที่มีความนุ่มนวลแต่ตอบสนองได้อย่างถูกใจ เรียกได้ว่าดีกว่าแป้นคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไป รวมไปถึงในส่วนของทัชแพดเองก็สัมผัสได้ถึงการควบคุมที่ทันใจเหนือกว่าทัชแพดของโน๊ตบุ๊คหลายๆ ที่ดีไซน์การออกแบบที่คิดและปรับปรุงตลอดมาของทาง Microsoft
Screen / Speaker
ต้องยอมรับว่าเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจของ Microsoft Surface Pro 2017 ทีเดียว กับในส่วนของหน้าจอแสดงผล ที่ต้องบอกว่ามีความสวยงามสมจริงแบบสุด ด้วยเทคโนโลยี PixelSense บนขนาดหน้าจอกระจก 12.3 นิ้ว ซึ่งจัดว่ามีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป บนความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) ทำให้มีความเรียบเนียนตาอย่างที่สุด แทบจะไม่เห็นเม็ดพิกเซลบนหน้าจอเหมือนกับที่เราใช้บนสมาร์ทโฟนรุ่นท๊อป กับสัดส่วนที่ไม่เหมือนใครที่ 3:2 โดยเหมาะกับการทำงานมากๆ แน่นอนที่สุดกับหน้าจอทัชกรีนที่รองรับ 10 จุดพร้อมกัน ทำให้เราใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ตรงข้อนี้จะเห็นได้ว่า โดดเด่นและเหนือกว่า MacBook Air, MacBook Pro Retina จริงๆ
ส่วนของลำโพงสองตัวสเตอริโอที่ติดตั้งอยู่บริเวณขอบหน้าจอทั้งซ้ายและขวาเป็นแบบ Dolby Audio™ Premium ให้คุณภาพและความดังที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับขนาดที่เล็ก จากการใช้งานไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลง ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งถึงแม้อาจจะไม่สุด เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คลำโพงเทพๆ แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า Ultrabook ที่มีราคาใกล้เคียงกันเลย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Microsoft Surface Pro 2017 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอกระจกพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 98% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันดีมากเลยทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 456 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าค่อข้างสว่างเลยทีเดียว เหมาะสำหรับใช้ในงานตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าขอบบนมุมบนซ้าย 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอด้านล่างกลางขวาและมุมขวาที่ลดลงไปถึงระดับ 10% เลยทีเดียว ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 3.5 คะแนนถือว่าได้ว่าค่อนข้างดีมากเลยทีเดียวครับ
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Microsoft Surface Pro 2017 นี้จัดว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่มีความครบครับที่สุดรุ่นนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ ก็มีมาให้ทั้ง USB 3.0, mini Display Port, micro SD Card Reader และรูหูฟังกับไมค์แบบ Combo 3.5 mm ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็รองรับทั้ง Wireless AC และ Bluetooth 4.1 ตามมาตราสมัยนิยม แต่น่าเสียดายที่ตัวเครื่องไม่มีพอร์ต USB type C หรือ Thunderbolt 3
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของ Ultrabook ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 770 กรัมเท่านั้น และเมื่อรวมกับตัวก้อนอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 1 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นแท็บเล็ตที่แปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คได้
Performance / Software
Microsoft Surface Pro 2017 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-7300U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.50 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ มาพร้อมแรมภายในขนาด 8 GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 620 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD m.2 NVMe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256 GB ประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงพบว่าทำงานได้ดีเลยทีเดีบง เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ โดยความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 1632 MB/s ส่วนความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 767.9 MB/s
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 2,913 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานพีซีทั่วไปนั่นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ตัดต่อวิดีโอทำได้ดีพอสมควรเล่นทีเดียวครับ
ในส่วนถัดไปทีมงานจะมาทดสอบในการเล่นเกมกันบ้างกับเกมออนไลน์ยอดนิยมที่ไม่เกินสเปคมาก จะไปยังไงไปดูกันเลย
จากกราฟจะเห็นได้ว่าคะแนนเฟรมเรททำได้ค่อนข้างดีในบางเกม ซึ่งตัว Microsoft Surface Pro 2017 เองก็ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเล่นเกม หากดูในกราฟที่ได้ทำการทดสอบ ทีมงานทดสอบด้วยความละเอียดหน้า 1280 x 720 ไม่ใช่ 2736 x 1824 ที่เป็นค่า Native โดยเกม DOTA 2 ได้ FPS เฉลี่ยถึง 60 เลยทีเดียว เมื่อปรับ Low ส่วน Overwatch แม้กว่าจะปรับ Low ก็คงไม่ไหว เพราะ ได้ FPS เฉลี่ยเพียง 19 เท่านั้นครับ
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Microsoft Surface Pro 2017 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับ Microsoft Surface ทุกรุ่น ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 5500 mAh จากการทดสอบต่อ Wifi ดู YouTube เปิดความสว่างต่ำสุด เปิดเสียงดัง 50 ผ่านโปรแกรม Microsoft Edge สามารถใช้งานนานสูงถึง 10 ชั่วโมง 56 นาทีเลยทีเดียว ถือว่าใช้งานได้ยาวนานมาก
สำหรับ Microsoft Surface Pro 2017 ในส่วนของอุณหภูมิถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีมากเลยทีเดียว โดยมีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 80 องศาเท่านั้นของตัว CPU และ SSD ก็อยู่ที่ 62 องศาเย็นเหลือๆ (ทีมงานทดสอบในห้องแอร์อุณหภูมิ 25 องศา) แต่ก็มีข้อสังเกตนิดหนึ่งตรงที่อุณหภูมิของตัว CPU ร้อนขึ้นง่ายค่อนข้างเร็วเมื่อนำมาใช้งานหนัก
Conclusion / Award
สรุปการทดสอบ Microsoft Surface Pro 2017 ต้องบอกว่าน่าประทับใจจริงๆ กับการเลือกใช้ชิปประมวลผลล่าสุดจากทาง Intel อย่าง KabyLake โดยมีให้เลือกหลายรุ่นด้วยกัน ทั้ง Core m3, Core i5 และ Core i7 ซึ่งสามารถติดตั้งแรมได้ที่ 4GB, 8GB สูงสุดที่ 16GB ส่วนหน่วยความจำสำรอง SSD ก็มีขนาดสูงสุดที่ระดับ 512 GB ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมเร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิม 15% อีกด้วย รวมถึงรุ่นที่เป็น Core i5 ไม่ต้องมีพัดลมช่วยระบายความร้อน (Fanless) มีแต่รุ่นที่เป็น Core i7 เท่านั้นที่ยังต้องใช้พัดลมอยู่
โดยจากการที่ได้สัมผัสตัวจริงของ Microsoft Surface Pro 2017 จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนามาจาก Microsoft Surface Pro 4 ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วพอตัว อาทิ Surface Pro Type Cover กับขนาดและสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น ส่วนของ Surface Pen ก็สามารถเปลี่ยนหัวได้ตามลักษณะงาน พร้อมกับท้ายปากกายังมียางลบ ไว้ใช้งานได้ทันที แต่ที่สุดยอดกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดคือ ปากการองรับแรงกดเพิ่มเป็น 4096 ระดับที่เรียกได้ว่าโดนเหล่านักวาดรูป วาดการ์ตูนไปเต็มๆ
รวมไปถึงหน้าจอที่สวยสุดยอด หาตัวเปรียบได้ยาก และกล้องอินฟาเรดที่เมื่อใช้งามร่วมกับฟีเจอร์ Windows Hello ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆ ทั้งความเร็ว ง่าย และแม่นยำ เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows สายเลือดแท้ 100% จากทาง Microsoft ซึ่งนี่ก็นับว่ารุ่นที่ 5 แล้ว ต่อยอดความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องทีเดียว แน่นอนว่ามาพร้อมกับสเปกใหม่ล่าสุดและคุณสมบัติอื่นๆ ก็มีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น สนนราคาเริ่มต้นที่ 30,900 บาท จนไปถึง 101,900 บาท พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง BaNANA IT, IT City และ Power Buy ทุกสาขาทั่วประเทศ (บางสาขาอาจจะต้องสั่ง แล้วรอสินค้าอีกที)
ข้อดี
- ตัวเครื่องที่มีความบางและเบาแบบสุดๆ วัสดุแข็งแรงทนทาน ดูสสวยหรู ด้วยอลูมิเนียมทั้งชิ้น
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) มี เทคโนโลยี PixelSense
- พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูงขอบเขตสีสูงถึง 98% sRGB
- Surface Pen มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น รองรับแรงกด 4096 ระดับ
- เลือกใช้ SSD m.2 NVMe ความเร็วสูง
- มาพร้อม Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ ใช้งานได้ทันที
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมง
- ฟีเจอร์ Windows Hello ใช้คู่กล้องอินฟาเรด ใช้งานได้จริง
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่า Ultrabook และแท็บเล็ต Windows 10 ทั่วไป
- อุปกรณ์เสริมต่างๆ ต้องซื้อแยกเองทั้งหมดทั้ง Surface Type Cover, Arc Mouse, Surface Pen
- ไม่มีพอร์ต USB type C
VDO Review
Specification
ในเรื่องของสเปค Microsoft Surface Pro 2017 นั้น เครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นเครื่องที่ใช้ CPU เป็น Intel Core i5-7300U ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 3.50 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel HD Graphics 620 ที่ติดมาใน CPU จาก Intel ตระกูล KabyLake ใส่ Ram ก็ให้มา 8 GB เป็นแบบฝังติดบอร์ดมาเช่นเดียวกับ Ultrabook ส่วนใหญ่ในท้องตลาด โดยเลือกใช้ SSD ความจุที่ 256 GB ส่วนหน้าจอ PixelSense มีขนาด 12.3 นิ้ว แบบสัดส่วน 3:2 พาเนล IPS ความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) เป็นแบบสัมผัสรองรับกับปากกาสไตรัส Surface Pen ที่รับรู้แรงกดได้ถึง 4096 ระดับ ที่สำคัญยังบางเฉียบและเบาเพียง 770 กรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ที่มาพร้อมคุณสมบัติครบครันจริงๆ
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานใกล้เคียง Ultrabook ที่จัดว่าให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.0 ตัวเต็ม และ mini Display Port สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ micro SD Card Reader มาให้ด้วย กรณีไว้อ่านหรือเพิ่มความจุ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ นอกเหนือจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ต่างๆ อาทิ เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงสภาพแวดล้อม, ไจโรสโคป และ IR Camera ที่ใช้กับ Window Hello อีกด้วย
นอกจากนี้ในส่วนของกล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นเหมือนแท็บเล็ตทั่วไป แต่รองรับการใช้งานใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ปกติ แถมตัวชุดคีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover ยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่หาคู่เปรียบเทียบได้ยาก
ทั้งนี้ Microsoft Surface Pro 2017 ก็ได้ผลิตออกมาทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่
- รุ่น Core m3-7Y30 RAM 4GB ความจุ 128GB ราคา 30,900 บาท
- รุ่น Core i5-7300U RAM 4GB ความจุ 128GB ราคา 38,900 บาท
- รุ่น Core i5-7300U RAM 8GB ความจุ 256GB ราคา 49,900 บาท
- รุ่น Core i7-7660U RAM 8GB ความจุ 256GB ราคา 59,900 บาท
- รุ่น Core i7-7660U RAM 16GB ความจุ 512GB ราคา 82,900 บาท
- รุ่น Core i7-7660U RAM 16GB ความจุ 1TB ราคา 101,900 บาท
อุปกรณ์เสริม Microsoft Surface Pro 2017 ในประเทศไทย
- Surface Pro Type Cover Thai/English (Platinum) ราคา 6,390 บาท
- Surface Pen ราคา 3,900 บาท
- Surface Arc Mouse ราคา 2,390 บาท
Hardware / Design
สำหรับดีไซน์โดยรวมของ Microsoft Surface Pro 2017 ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมายอะไร ยังคงมีรูปร่างรูปลักษณ์คล้ายกับ Microsoft Surface Pro 4 รุ่นก่อนหน้า ซึ่งนับว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบและเป็นเอกลักษณ์ดีอยู่แล้ว กับการออกแบบที่เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows ที่มาพร้อมน้ำหนักที่เบาแต่ทรงพลังด้วยชิปประมวลผลภายในโดยทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติที่ลงตัว แน่นอนมีความพรีเมียมแฝงอยู่ในตัวค่อนข้างมาก ด้วยความหรูหราที่ดูเรียบง่าย ในส่วนของอแดปเตอร์ที่ชาร์จก็ยังคงทำได้ดีด้วยการมีพอร์ต USB ไว้ชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ อย่างสมาร์ทโฟน หรือ Wearable ข้างกาย รวมไปถึงหัวชาร์จที่ติดกับตัวเครื่องยังเป็นลักษณะของแม่เหล็ก ทำให้ง่ายและปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ ตามที่ทาง Microsoft คิดเอาไว้แล้วเป้นอย่างดี
อย่างไรก็ตามในสิ่งที่เปลี่ยนไปแบบชัดเจนใน Microsoft Surface Pro 2017 ก็คือ มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่เท่าเดิมคือ 12.3 นิ้ว และมีความละเอียดที่เท่าเดิม แต่รองรับแรงกดได้มากขึ้นถึง 4096 ระดับ ส่วนในเรื่องของน้ำหนักจะเบากว่าตัว Microsoft Surface Pro 4 อยู่เพียงเล็กน้อย เรียกได้นอกจากการอัพเกรดสเปคภายในแบบยกชุดเพื่อการทำงานที่ลื่นไหลกว่าเดิม พร้อมที่เก็บปากกาสไตลัส Surface Pen ที่เป็นแบบแม่เหล็ก ทำให้เราเก็บกับตัวเครื่องได้ง่ายมากๆ จะหยิบใช้งานเมื่อไหร่ก็สะดวกรวดเร็ว
เชื่อหรือไม่กับอุปกรณ์ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Core i5 / Core i7 เปรียบได้กับโน๊ตบุ๊คที่ทรงประสิทธิภาพ แต่กลับมาพร้อมน้ำหนักตัวที่เบาเพียง 770 กรัมเท่านั้น นับได้เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 รุ่นล่าสุด ที่มีความเบาไม่ถึง 1 กิโลกรัม หรือกรณีที่รวมเข้ากับ Surface Pro Type Cover ก็มีน้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัมนิดๆ เท่านั้น เหมาะมากๆ สำหรับการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ ซึ่งไม่ว่าจะใช้งานเป็นแท็บเล็ตหรือแปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คจากการใช้งาน Kickstand แบบหลายระดับก็ลงตัวสุดๆ จากข้อนี้เมื่อเทียบกับ MacBook Air 13 หนัก 1.35 กิโลกรัม และ MacBook Pro Retina 13 หนัก 1.58 กิโลกรัม ต้องบอกว่าทั้งมิติตัวเครื่องและน้ำหนักที่เบา Microsoft Surface Pro 2017 เหนือกว่าพอสมควรเลยทีเดียว
Keyboard / Touchpad
ความโดดเด่นสุดๆ ของ Microsoft Surface Pro 2017 ที่สำคัญก็คือ เป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ซึ่งมีความคล่องตัวที่สูง ไม่ว่าเพื่อความบันเทิงหรือการทำงานก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งถ้าเชื่อมต่อผ่านชุดคีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover เมื่อไหร่ ก็เป็นรูปแบบการทำงานโน๊ตบุ๊ค ได้ไม่แพ้ที่เป็นส่วนของโน๊ตบุ๊คจริงๆ เลย เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตที่แปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คที่สมบูรณ์รุ่นนึงในตลาดทีเดียว ทั้งจากความแน่หนาจากการประกอบกับเครื่องและมีไฟเรืองแสงที่สวยงาม
ส่วนประสบการณ์ใช้งานของ Surface Pro Type Cover รุ่นใหม่ที่เป็ผ้า Alcantara ซึ่งนิยมใช้ในเบาะรถยนต์ราคาแพง ดูแข็งแรง ทนทาน จับแล้วให้ความรู้สึกดีหรูหรา ส่วนความรู้สึกในการพิมพ์ค่อนข้างดีจากแป้นคีย์บอร์ดที่มีความนุ่มนวลแต่ตอบสนองได้อย่างถูกใจ เรียกได้ว่าดีกว่าแป้นคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คปกติทั่วไป รวมไปถึงในส่วนของทัชแพดเองก็สัมผัสได้ถึงการควบคุมที่ทันใจเหนือกว่าทัชแพดของโน๊ตบุ๊คหลายๆ ที่ดีไซน์การออกแบบที่คิดและปรับปรุงตลอดมาของทาง Microsoft
Screen / Speaker
ต้องยอมรับว่าเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจของ Microsoft Surface Pro 2017 ทีเดียว กับในส่วนของหน้าจอแสดงผล ที่ต้องบอกว่ามีความสวยงามสมจริงแบบสุด ด้วยเทคโนโลยี PixelSense บนขนาดหน้าจอกระจก 12.3 นิ้ว ซึ่งจัดว่ามีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป บนความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) ทำให้มีความเรียบเนียนตาอย่างที่สุด แทบจะไม่เห็นเม็ดพิกเซลบนหน้าจอเหมือนกับที่เราใช้บนสมาร์ทโฟนรุ่นท๊อป กับสัดส่วนที่ไม่เหมือนใครที่ 3:2 โดยเหมาะกับการทำงานมากๆ แน่นอนที่สุดกับหน้าจอทัชกรีนที่รองรับ 10 จุดพร้อมกัน ทำให้เราใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ตรงข้อนี้จะเห็นได้ว่า โดดเด่นและเหนือกว่า MacBook Air, MacBook Pro Retina จริงๆ
ส่วนของลำโพงสองตัวสเตอริโอที่ติดตั้งอยู่บริเวณขอบหน้าจอทั้งซ้ายและขวาเป็นแบบ Dolby Audio™ Premium ให้คุณภาพและความดังที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับขนาดที่เล็ก จากการใช้งานไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลง ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งถึงแม้อาจจะไม่สุด เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คลำโพงเทพๆ แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า Ultrabook ที่มีราคาใกล้เคียงกันเลย
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของ Microsoft Surface Pro 2017 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอกระจกพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 98% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันดีมากเลยทีเดียว ความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 456 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าค่อข้างสว่างเลยทีเดียว เหมาะสำหรับใช้ในงานตกแต่งภาพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีเป็นหลัก
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าขอบบนมุมบนซ้าย 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอด้านล่างกลางขวาและมุมขวาที่ลดลงไปถึงระดับ 10% เลยทีเดียว ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่บังเอิญจำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนนรวม 3.5 คะแนนถือว่าได้ว่าค่อนข้างดีมากเลยทีเดียวครับ
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อตัวเครื่อง Microsoft Surface Pro 2017 นี้จัดว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่มีความครบครับที่สุดรุ่นนึง แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่มีการออกแบบมาให้เป็นเครื่องที่มีขนาดความบางและน้ำหนักเบาแต่เรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ ก็มีมาให้ทั้ง USB 3.0, mini Display Port, micro SD Card Reader และรูหูฟังกับไมค์แบบ Combo 3.5 mm ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายก็รองรับทั้ง Wireless AC และ Bluetooth 4.1 ตามมาตราสมัยนิยม แต่น่าเสียดายที่ตัวเครื่องไม่มีพอร์ต USB type C หรือ Thunderbolt 3
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของ Ultrabook ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนน้ำหนักตัวเครื่องเปล่านั้น อยู่ที่ 770 กรัมเท่านั้น และเมื่อรวมกับตัวก้อนอแด็ปเตอร์เข้าไปด้วย ก็จะมีหนักราวๆ 1 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จัดว่ามีน้ำหนักที่มีความเบามากๆ เลย แน่นอนว่าตอบสนองในเรื่องของการพกพาไปนอกสถานที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ สมกับเป็นแท็บเล็ตที่แปลงร่างเป็นโน๊ตบุ๊คได้
Performance / Software
Microsoft Surface Pro 2017 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-7300U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.60 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.50 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ มาพร้อมแรมภายในขนาด 8 GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 620 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD m.2 NVMe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256 GB ประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงพบว่าทำงานได้ดีเลยทีเดีบง เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ โดยความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 1632 MB/s ส่วนความเร็วในการเขียนอยู่ที่ 767.9 MB/s
การทดสอบประสิทธิภาพกับโปรแกรม PCMark 10 Advance ซึ่งสามารถทำคะแนนการทดสอบรวมได้มากถึง 2,913 คะแนน ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานพีซีทั่วไปนั่นสอบผ่านแบบสบายๆ ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ ตัดต่อวิดีโอทำได้ดีพอสมควรเล่นทีเดียวครับ
ในส่วนถัดไปทีมงานจะมาทดสอบในการเล่นเกมกันบ้างกับเกมออนไลน์ยอดนิยมที่ไม่เกินสเปคมาก จะไปยังไงไปดูกันเลย
จากกราฟจะเห็นได้ว่าคะแนนเฟรมเรททำได้ค่อนข้างดีในบางเกม ซึ่งตัว Microsoft Surface Pro 2017 เองก็ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเล่นเกม หากดูในกราฟที่ได้ทำการทดสอบ ทีมงานทดสอบด้วยความละเอียดหน้า 1280 x 720 ไม่ใช่ 2736 x 1824 ที่เป็นค่า Native โดยเกม DOTA 2 ได้ FPS เฉลี่ยถึง 60 เลยทีเดียว เมื่อปรับ Low ส่วน Overwatch แม้กว่าจะปรับ Low ก็คงไม่ไหว เพราะ ได้ FPS เฉลี่ยเพียง 19 เท่านั้นครับ
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ Microsoft Surface Pro 2017 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับ Microsoft Surface ทุกรุ่น ตัวแบตเตอรี่มีขนาด 5500 mAh จากการทดสอบต่อ Wifi ดู YouTube เปิดความสว่างต่ำสุด เปิดเสียงดัง 50 ผ่านโปรแกรม Microsoft Edge สามารถใช้งานนานสูงถึง 10 ชั่วโมง 56 นาทีเลยทีเดียว ถือว่าใช้งานได้ยาวนานมาก
สำหรับ Microsoft Surface Pro 2017 ในส่วนของอุณหภูมิถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีมากเลยทีเดียว โดยมีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 80 องศาเท่านั้นของตัว CPU และ SSD ก็อยู่ที่ 62 องศาเย็นเหลือๆ (ทีมงานทดสอบในห้องแอร์อุณหภูมิ 25 องศา) แต่ก็มีข้อสังเกตนิดหนึ่งตรงที่อุณหภูมิของตัว CPU ร้อนขึ้นง่ายค่อนข้างเร็วเมื่อนำมาใช้งานหนัก
Conclusion / Award
สรุปการทดสอบ Microsoft Surface Pro 2017 ต้องบอกว่าน่าประทับใจจริงๆ กับการเลือกใช้ชิปประมวลผลล่าสุดจากทาง Intel อย่าง KabyLake โดยมีให้เลือกหลายรุ่นด้วยกัน ทั้ง Core m3, Core i5 และ Core i7 ซึ่งสามารถติดตั้งแรมได้ที่ 4GB, 8GB สูงสุดที่ 16GB ส่วนหน่วยความจำสำรอง SSD ก็มีขนาดสูงสุดที่ระดับ 512 GB ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมเร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิม 15% อีกด้วย รวมถึงรุ่นที่เป็น Core i5 ไม่ต้องมีพัดลมช่วยระบายความร้อน (Fanless) มีแต่รุ่นที่เป็น Core i7 เท่านั้นที่ยังต้องใช้พัดลมอยู่
โดยจากการที่ได้สัมผัสตัวจริงของ Microsoft Surface Pro 2017 จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนามาจาก Microsoft Surface Pro 4 ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วพอตัว อาทิ Surface Pro Type Cover กับขนาดและสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น ส่วนของ Surface Pen ก็สามารถเปลี่ยนหัวได้ตามลักษณะงาน พร้อมกับท้ายปากกายังมียางลบ ไว้ใช้งานได้ทันที แต่ที่สุดยอดกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดคือ ปากการองรับแรงกดเพิ่มเป็น 4096 ระดับที่เรียกได้ว่าโดนเหล่านักวาดรูป วาดการ์ตูนไปเต็มๆ
รวมไปถึงหน้าจอที่สวยสุดยอด หาตัวเปรียบได้ยาก และกล้องอินฟาเรดที่เมื่อใช้งามร่วมกับฟีเจอร์ Windows Hello ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆ ทั้งความเร็ว ง่าย และแม่นยำ เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ Windows สายเลือดแท้ 100% จากทาง Microsoft ซึ่งนี่ก็นับว่ารุ่นที่ 5 แล้ว ต่อยอดความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องทีเดียว แน่นอนว่ามาพร้อมกับสเปกใหม่ล่าสุดและคุณสมบัติอื่นๆ ก็มีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น สนนราคาเริ่มต้นที่ 30,900 บาท จนไปถึง 101,900 บาท พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ ตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง BaNANA IT, IT City และ Power Buy ทุกสาขาทั่วประเทศ (บางสาขาอาจจะต้องสั่ง แล้วรอสินค้าอีกที)
ข้อดี
- ตัวเครื่องที่มีความบางและเบาแบบสุดๆ วัสดุแข็งแรงทนทาน ดูสสวยหรู ด้วยอลูมิเนียมทั้งชิ้น
- หน้าจอมีความละเอียดสูงระดับ 2736 x 1824 พิกเซล (267 PPI) มี เทคโนโลยี PixelSense
- พาเนลหน้าจอ IPS มีคุณภาพสูงขอบเขตสีสูงถึง 98% sRGB
- Surface Pen มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น รองรับแรงกด 4096 ระดับ
- เลือกใช้ SSD m.2 NVMe ความเร็วสูง
- มาพร้อม Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ ใช้งานได้ทันที
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 11 ชั่วโมง
- ฟีเจอร์ Windows Hello ใช้คู่กล้องอินฟาเรด ใช้งานได้จริง
ข้อสังเกต
- ราคาสูงกว่า Ultrabook และแท็บเล็ต Windows 10 ทั่วไป
- อุปกรณ์เสริมต่างๆ ต้องซื้อแยกเองทั้งหมดทั้ง Surface Type Cover, Arc Mouse, Surface Pen
- ไม่มีพอร์ต USB type C