ปิดตำนานมือถือรากหญ้า “ไอ-โมบาย” โดนพิษเศรษฐกิจดึงยอดขายดิ่ง ลดฮวบครึ่งหนึ่งของรายได้ที่ตั้งไว้กว่า 4,500 ล้านบาท คาดสิ้นปีทำได้เพียง 3,000 ล้านบาท รับต้านภาวะมือถือแข่งขันเดือดไม่ไหว 1-2 ปี ประสบภาวะขาดทุนมาตลอด ยอมทิ้งรายได้หลัก เบนเข็มทำธุรกิจดิจิตอล พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่ “SDC” สามารถดิจิตอล
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนธรุกิจจากขายเครื่องลูกข่าย SIM เนื่องมาจาก 1-2 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบภาวะการขาดทุน ด้วยสาเหตุการแข่งขันของตลาดมือถือที่มีการแข่งขันสูง การลงทุนสูง ทำให้สามารถไอ-โมบายไม่สามารถแข่งขันภาวะแบบนี้ได้ ซึ่งส่งผลต่อเป้ารายได้รวมของสามารถไอ-โมบาย จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 4,500 ล้านบาท โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะทำได้เพียง 70% หรือราว 3,000 ล้านบาท
“ถามว่าปีนี้เป็นปีที่แย่ที่สุดหรือไม่ ตอบเลยว่าไม่น่าจะใช่เพราะมีแค่ไตรมาส 3 ที่ไม่ดี ไม่ใช่ทั้งปีไม่ดี ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนให้เร็วขึ้นไม่งั้นจะกระทบต่อบริษัทเยอะ ทำให้เป้ารายได้ที่ตั้งไว้ 20,000 ล้านบาท อาจจะทำไม่ถึงแค่เกือบๆ เท่านั้น เรา จึงจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ลดขนาดธุรกิจมือถือ มองว่าต้องทำสิ่งที่เราถนัดหานวัตกรรม หาเรื่องใหม่ๆ ทำมือถือแต่ไม่เป็นธุรกิจหลักเหลือแค่หลักหมื่นเครื่องที่ร่วมทำธุรกิจกับการสื่อสาร Trunked Radio ที่มีราคาเครื่องตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป” นายวัฒน์ชัย กล่าว
ทั้งนี้ในปี 2560 กลุ่มสามารถฯ ตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 20,000 หมื่นล้านบาท โดยจะมาจากธุรกิจ ไอซีที โซลูชั่น (ICT Solution) 9 พันล้านบาท สายธุรกิจโมบาย และมัลติมีเดีย (Mobile-Multimedia) 4.5 พันล้านบาท สายธุรกิจ Relate Business 2.3 พันล้านบาท และสายธุรกิจ U-Trans 4.2 พันล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้ของกลุ่มสามารถฯ ประกอบด้วยสายธุรกิจ Mobile-Multimedia มีสัดส่วนรายได้ 20% สามารถเทลคอม (SAMTEL) ในกลุ่มธุรกิจไอซีทีโซลูชั่น 40% สายธุรกิจUtilities&Transportation 30% สายธุรกิจ Relate Buisness 10%
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า การเปลี่ยนธุรกิจมือถือสู่ธุรกิจดิจิตอล จะประกอบด้วย 5 สายธุรกิจ ดังนี้ 1.ดิจิตอลเน็ตเวิร์ค เป็นการดำเนินธุรกิจบริการด้านการสื่อสารผ่านระบบดิจิตอล 2.ดิจิตอล คอนเทนต์ ภายใต้คอนเซป “Digital Lifestyle” โดยคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยม อาทิ EDT ข้อมูลเรื่องกินดื่มเที่ยวแล้ว ยังมีบริการวางแผนท่องเที่ยวแบบครบวงจร มีบริการส่งอาหารและส่วนลด 3.ไอสปอร์ต ( iSport) ธุรกิจกีฬาครบวงจร 4. Zazzet ธุรกิจ Startup 5. iOT ดำเนินธุรกิจจำหน่ายมือถือและ gadget
อย่างไรก็ตามก็คงต้องดูกันต่อไปละครับว่าบริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่นจะอยู่ในวงการธุรกิจบ้านเราได้หรือไม่ เพราะ จากช่วงเศรษฐกิจของประเทศไทยเองอาจจะไม่ค่อยสู้ดีนัก อีกทั้งคู่แข่งก็มีเยอะเสียเหลือเกิน ถ้าจะทำให้ดีกว่าคู่แข่งก็ต้องลงทุนเยอะ โปรโมชั่นต้องหนักจริง ไม่งั้นผู้บริโภคก็ไม้เลือกใช้ ซึ่งต้องมาดูกันต่อีกทีว่าจะทางบริษัทจะสามารถแย่งส่วนแบ่งมาร์เกตแชร์มาได้รึเปล่าคงต้องรอดูกันต่อไปครับ
ที่มา : naewna