Alienware แบรนด์ Gaming ของทาง Dell มีการนำเสนอทั้งในส่วนของ Desktop และ Notebook มาอย่างยาวนาน รวมไปถึงในตอนนี้ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง มอนิเตอร์ เมาส์และคีย์บอร์ดด้วย โดยตอนนี้ทาง NotebookSPEC ได้มีโอกาสรีวิว Gaming Notebook ตัวท็อป อย่าง Dell Alienware 17 R4 ก็ว่าได้ สำหรับสเปกก็เทพสุดๆ ซึ่งในส่วนของประกันเป็นแบบ 2 ปี เป็นบริการ Dell Premium Support ซ่อมตรงถึงที่ ทุกที่ ในอีก 1 วันทำการ (On-site Sevice) ที่หลายคนประทับใจกันอยู่แล้ว
Dell Alienware 17 R4 เป็นโน้ตบุ๊ตขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้ว รุ่นล่าสุด ที่ใช้ชิประมวลผลรุ่นล่าสุดจากทาง Intel อย่าง Core i7-7820HK ซึ่งเป็นตัวเน้นประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการที่ Overclock และการ์ดจอระดับสูงรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1080 (8GB GDDR5X) แรมขนาด 32GB DDR4 พร้อม SSD 512GB และฮาร์ดดิสก์ 1TB จัดเต็ม ขาดไม่ได้เลยก็คือ Windows 10 ส่วนความพิเศษอยู่ตรงที่หน้าจอรองรับ 120Hz พร้อมเทคโนโลยี G-Sync อีกทั้งยังมี Tobii Eye Tracker ซะด้วย สนนราคาอยู่ที่ 139,900 บาท
VDO Review
Specification
Dell Alienware 17 R4 ในไทยจะมีจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่น ซึ่งตัวที่ NotebookSPEC ได้มาทดสอบ เป็นตัวท็อป สนนราคาที่ 139,900 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็นIntel Core i7-7820HK ความเร็ว 2.90 – 3.90 GHz ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ซึ่งสามารถ Overclock ได้ไปถึง 4.4 – 50 GHz เลยทีเดียว ประสิทธิภาพแรงเหลือเฟือ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1080 (8GB GDDR5X) มีที่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 1TB 7200 RPM พร้อมติดตั้ง SSD แบบ NVMe M.2 ความจุ 512GB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ขนาด 32GB DDR4 (16GB x 2) พร้อม Windows 10 ลิขสิทธิ์บันเดิลติดตั้งมาให้ใช้งานได้ทันที
นอกจากนี้ Dell Alienware 17 R4 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 17.3 นิ้ว ที่ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูง TN ที่โดดเด่นมากในเรื่องของความคมชัดและความเที่ยงตรงของภาพและสี (แต่ด้านมุมมองยังเป็นรอง IPS อยู่เล็กน้อย) อีกทั้งรองรับการแสดงผล 120Hz และมีเทคโนโลยี G-Sync พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) พร้อมกล้อง IR ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ที่สำคัญยังมีในส่วนของ Tobii Eye Tracker ไว้เล่นเกมแบบใช้ตาด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, mini DisplayPort, 3 x USB 3.0, 2 x USB 3.1 Type-C (Thunderbolt 3), Kensington lock slot, 2-in-1 SD (UHS50)/MMC , RJ-45 , Headset และพอร์ต Graphic Amplifier ไว้เชื่อมต่อการ์ดจอภายนอก พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac
มาพร้อมการรับประกัน Dell Premium Support แบบ On-site Service เป็นเวลา 2 ปี จาก Dell Thailand แถมตอนซื้อก็ได้ของพรีเมียมและโปรโมชั่นต่างๆ ด้วย โดยจะมีสเปกตามนี้
สเปกเต็มๆ <<<
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบของ Dell Alienware 17 R4 นั้นจะดูเท่และโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 17.3 นิ้วอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีแนวคิดคอนเซปต์ที่ดูเป็นผลิตภัณฑ์จากนอกโลก เรียกได้ว่าดูแวบเดียวก็รู้ว่าเป็น Alienware ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วสำหรับความเป็น Gaming ที่จะหาโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ มาเทียบได้ สีสันจะเป็นสีเทาและสีดำตัดกันอย่างลงตัว ส่วนของบอดี้และโครงสร้างต่างๆ จะใช้เป็นแมกนีเซียมอลูมิเนียมอัลลอยด์และพลาสติกเกรดสูงเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและทนทาน ที่สำคัญส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหรามากๆ ให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ
ตัวเครื่องโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบเป็นเหลี่ยมเป็นมุม ส่งให้มีความดุดันสูง ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดของฝาหลังที่สวยงามตามสไตล์ Alienware ที่สำคัญชุดระบายความร้อนก็มีขนาดที่ใหญ่มาก โดยมาแบบ 2 ช่องพัดลม ซึ่งจะดูดลมเย็นด้านช่องด้านข้างของเครื่องและเป่าลมร้อนออกไปทางด้านหลัง อีกทั้งด้านใต้ตัวเครื่องยังมีช่องตะแกรงขนาดใหญ่ให้ลมผ่านด้วย เรียกได้ขนาดที่ยังไม่ได้ทดสอบอะไร ก็เชื่อว่า Dell Alienware 17 R4 ตัวนี้ต้องจัดการอุณหภูมิได้ดีอย่างแน่นอน
ว่าแล้วก็ลองถอดฝาใต้ตัวเครื่องของ Dell Alienware 17 R4 ออกมา ซึ่งทำได้ไม่อยากเพียงไขน็อต 10 เท่านั้น ที่ทำให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ภายนอกที่เท่าที่ดูแข็งแรงและสวยงาม ภายในยังใส่ใจรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งของพัดลมระบายความร้อน ชุดระบายความร้อนฮีทไปป์ รวมไปถึงแรมที่มีอยู่ 2 ช่อง SSD อีกหนึ่งแผง และฮาร์ดดิสก์อีกหนึ่งลูก
และแม้ว่าตัวเครื่องจะมีความบางลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Dell Alienware 17 R2 ที่ 22 มิลลิเมตร จากเดิมที่ 34 มิลลิเมตร ก็ตามที สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงของทาง Dell จริงๆ จากการต่อยอดจาก Alienware ที่ผ่านมาได้ดีอยู่แล้ว แม้มีนำหนักอยู่ที่ 4.42 กิโลกรัม แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้กับ Gaming Notebook สเปกแรงขนาดนี้ ซึ่งก็พอที่จะถือมือเดียวได้ (ถ้าไม่ได้ถือนานๆ นะ)
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell Alienware 17 R4 ที่นอกเหนือจะเป็นโน๊ตบุ๊คทรงประสิทธิภาพระดับสูงที่เน้นการเล่นเกมเป็นหลักแล้ว ตัวเครื่องโดยรอบก็ยังมีไฟ RGB อยู่กระจายทั่วตัวเครื่อง ที่ต้องบอกว่าเป็นเอกลักษณ์ของทาง Alienware อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ Alienware ขอบฝาทั้งสองด้าน ขอบตัวเครื่องด้านล่าง ตัวอักษร Alienware ต้านหน้าจอ ปุ่ม Power รวมไปถึงชุดคีย์บอร์ดและทัชแพดที่สามารถปรับแต่งสีสันได้อย่างอิสระสุดๆ อย่างที่ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ ซึ่งควบคุมผ่านชุดซอฟต์แวร์ยูทิลิตี้อีกชั้นหนึ่ง
สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องของ Dell Alienware 17 R4 ต้องบอกว่า Dell ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบที่แน่นๆ และสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ที่แตกต่างและโดดเด่นสะดุดตา ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก แม้จะต้องจ่ายแพงกว่าแบรนด์อื่นๆ ก็ตาม
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดของ Dell Alienware 17 R4 เห็นแล้วต้องบอกว่าแตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ แบบสิ้นเชิง ซึ่งตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว โดยมีการออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่โดยโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Alienware กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size แบบสุดๆ ที่จะว่าไปแล้วนั้นก็เหมือนกันโน๊ตบุ๊คเมื่อหลายปีก่อนอยู่เหมือนกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าดีอยู่แล้ว และทาง Dell ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงให้เหมือนสมัยนิยมตามแบรนด์อื่นๆ
ด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่บริเวณด้านบนของชุดคีย์บอร์ด สีเงินมีไฟที่สามารถปรับได้ตามต้องการ ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน
พร้อมกันนั้น Dell Alienware 17 R4 ชุดคีย์บอร์ดก็ยังมีไฟส่องสว่างให้เห็นสวยงาม ซึ่งเราสามารถปรับสีได้ตามต้องการผ่านทางซอฟต์แวร์ ทำให้ปรับสีไฟได้อิสระแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล โดยแบ่งออกเป็น 4 โซนด้วยกัน เรียกได้ว่าได้มาวันแรก กว่าจะได้ทดสอบก็ลองเล่นปรับสีไฟคีย์บอร์ด รวมไปถึงตัวเครื่องเป็นชั่วโมงแล้ว นอกจากนี้ด้านข้างทางซ้ายและขวาบนของชุดคีย์บอร์ดก็ยังมีปุ่ม Macro ไว้งานเล่นเกมโดยเฉพาะอีกด้วย
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า ที่สำคัญทัชแพดนี้มีไฟส่องสว่างด้วยเมื่อเราใช้งาน ซึ่งถ้าไม่ใช้งานซักพักมันก็จะดับไปเอง
Screen / Speaker
หน้าจอของ Dell Alienware 17 R4 มีขนาดที่ 17.3″ แบบจอด้านลดแสงสะท้อน โดยมีความละเอียดมากกว่า Full HD ทั่วไป ที่ QHD 2560 x 1440 พิกเซล ซึ่งต้องบอกว่าพอเพียงกับการใช้งานแล้ว ที่สำคัญยังรองรับการแสดงผล 120Hz พร้อมเทคโนโลยี G-Sync ส่งผลให้ภาพที่ความลื่นไหลไม่ฉีกขาดแบบหน้าจอพวก IPS แม้ว่าพาเนลเป็น TN ก็จริง แต่เป็นพาเนล TN คุณภาพสูงมากๆ ทำให้มีสีสันสวยสมจริงคมชัดเทียบเท่ากับ IPS (แต่เป็นรองด้านมุมมอง อันนี้สูง IPS ไม่ได้) โดยถามเทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอพาเนลทั่วไปแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่า Dell Alienware 17 R4 มีความเหนือชั้นกว่าแบบเห็นครั้งแรกก็รู้เลย เรียกได้ว่ารองรับทุกการทำงานหรือความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมแบบเต็มประสบการณ์อย่างสุดๆ
จุดที่น่าชื่นชมอีกอย่างหนึ่งก็คือ Dell Alienware 17 R4 เครื่องนี้ ก็คือมีการใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย อีกทั้งนอกจากจะมีกล้องเว็บแคมปกติที่ไว้เซลฟี่หรือวีดีโอคอลแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญนอกจากกล้อง Webcam ปกติแล้ว ยังมีกล้องอินฟาเรดที่ไว้ใช้งานเฉพาะกับฟีเจอร์ Windows Hello อีกด้วย
โดย Windows Hello เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่ทักทายผู้ใช้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของDell Alienware 17 R4 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 94% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันได้ดีน่าประทับใจ ภาพนี้จะแสดงเป็นตารางที่จะบ่งบอกถึงค่าความสว่างต่อคอนทราสต์ที่ได้ อย่างแรกที่เห็นก็คือความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 400 cd/m2 ที่ 373 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าขอบจอด้านซ้ายแถวกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอด้านขวาบนขวาล่างเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 12% เลยทีเดียว ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ด้านของลำโพงสเตอรีโอนั้นอยู่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้า พร้อมลำโพงซัฟวูฟเฟอร์อีกหนึ่งตัว โดยความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
ส่วนในการเชื่อมต่อและการบันทึกข้อมูลต่างๆ Dell Alienware 17 R4 รองรับการเชื่อมต่อที่ครบถ้วน Thunderbolt 3, mini DisplayPort, HDMI v1.4a, USB 3.1 Type-C, 2 x USB 3.0, Kensington lock slot , 2-in-1 SD(UHS50)/MMC , RJ-45 , Headset และที่พิเศษคือยังมีพอร์ต Graphic Amplifier Alienware ที่ไว้เชื่อมต่อกับการ์ดจอ Desktop ไว้เพิ่มความแรงกรณีต่อผ่านหน้าจอภายนอกอีกที พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และอินเตอร์เน็ตไวเลสผ่าน 802.11a/b/g/n/ac ถือว่ารองรับได้ดีตามมาตรฐาน
การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ของ Dell Alienware 17 R4 จัดว่าเป็นการเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะมีน้ำหนักตัวค่อนข้างมากถึง 4.42 กิโลกรัม แต่เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 17.3 นิ้วตัวอื่นๆ สเปกใกล้เคียงกัน ที่ถึงแม้ว่าจะหนักซักหน่อย แต่ได้ชุดระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ แม้ว่าถ้ารวมอแดปเตอร์แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมทีเดียว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาของบรรดาเกมเมอร์เท่าไรนัก อีกทั้งตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊ค Dell ระดับสูงแล้ว ตัวสายอแดปเตอร์เองจะมีวงแหวนไฟสีฟ้ามาบอกสถานะการใช้งานด้วย
Performance / Software
โดยมาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7820HK ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่ Overclock ได้ เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.90 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.90 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่าพวกซีรีส์ U หลายเท่า มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกระดับเกือบสูงสุดอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1080 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซี หรือถ้าเทียบกับการ์ดจอโน๊ตบุ๊คด้วยกันก็ถือว่าเป็นตัวท็อปสุดแล้ว ถ้าจะแรงกว่านี้คงต้องเป็น GTX 1080 แบบ SLI แล้ว เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรแบบสุดๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB แบบ M.2 แบบ NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1757MB/s และเขียนที่ 818MB/s
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1TB แบบความเร็วรอบ 7200 ที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 71.1 MB/s และสูงสุดที่ 144.4 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 115.2 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 15.6 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าทำได้ดีกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติที่ 5400 รอบแบบรู้สึกได้เวลาเข้าเกมโหลดเกม
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของ FPS จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-7820HK ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1080 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 32GB DDR4 รวมไปถึง SSD ความจุใหญ่ความเร็วสูง
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / Battlefield 1 / Rise of the Tomb Raider / Ghost Recon Wildlands ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด รวมไปถึง Ghost Recon Wildlands ก็ปรับเป็นระดับ Ultra ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ที่สำคัญด้วยหน้าจอ 120Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย จากการทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ NVIDIA G-SYNC
เกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 2560 x 1440 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นแบบสบาย สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 130 ขึ้นไปตลอด แต่ในส่วนของเกม PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกไปต่ำกว่า 60 บ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่
ประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมนั้น การ์ดจอตัวท็อปอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1080 สามารถที่จะรองรับการใช้งานได้อย่างสบายๆ ครับ ในตรงจุดนี้นั้นจะเห็นได้ว่าผลการทดสอบการเล่นเกมทั้ง 7 เกม ต่างจากปกติจะเป็นความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซลเท่านั้น ซึ่งจะเห็นว่าที่ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล ที่เป็นความละเอียดเนทีพ ก็การเล่นเกมได้อย่างลื่นๆ เพราะฉะนั้นมั่นใจเรื่องความแรงได้เลย
นอกเหนือจากนี้ทาง Dell ยังมีซอฟต์แวร์ Utility โดยเป็นลักษณะของแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย ที่ช่วยเอื้ออำนวยในการปรับแต่งเพื่อการเล่นหรือทำงานโดยเฉพาะ อาทิเช่น AlienFX ไว้ปรับไฟทั้งตัวเครื่อง / AlienFusion ไว้จัดการพลังงาน / AlienTACX ไว้จัดการปุ่มมาโคร / AlienArenaline ไว้จัดการเกี่ยวประประสิทธิภาพอีกด้วย รวมไปถึงรุ่นนี้ที่ใช้ชิปประมวลผลรหัส HK ก็ยังมีส่วนของการ Overclock ที่ต้องบอกว่าใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยมากๆ ทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Gaming Notebook ระดับสูงของทาง Dell Alienware เท่านั้น
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Dell Alienware 17 R4 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง Dell SupportAssistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Dell Alienware 17 R4 เครื่องนี้เป็นแบบ 6 Cell ความจุประมาณ 7700 mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 4 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานกว่านี้แน่นอน (หรือใช้งานหนักๆ ก็ลดลงไปอีก)
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 90 องศาเซลเซียส ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยทีมงานได้ทดสอบ Overclock พร้อมใช้งานดูแล้ว อุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 100 องศา
Conclusion / Award
เชื่อได้เลยว่าถ้าเพื่อนๆ ที่เป็นเกมเมอร์อยู่ในสายเลือดหรือชอบเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว รวมไปถึงเป็นแฟนๆ ของ Dell อยู่แล้ว ได้ลองสัมผัสตัวจริงของกับ Dell Alienware 17 R4 จะต้องหลงไหลมันเป็นแน่ (ถ้ารับกับขนาดและน้ำหนักของมันได้) ด้วยการออกแบบและดีไซน์ตามสไตล์เรียบแต่หรูจาก Dell รวมไปถึงฟีเจอร์ที่จัดมาให้อย่างครบครันและเทียบเท่า Gaming Notebook ระดับ Hi-End จากแบรนด์อื่นๆ เรียกได้ว่าเหล่าเกมเมอร์ต้องถูกอกถูกใจอย่างแน่นอน ด้วยราคา 139,900 บาท กับตัวท็อปศูนย์จาก Dell ประเทศไทย
โดย Dell Alienware 17 R4 มาพร้อมสเปคที่จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook สุดโหด ไม่ว่าจะเป็น Intel Core i7-7820HK และการ์ดจอตัวเทพตัวท็อปอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1080 สามารถตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างน่าประทับใจ ทุกเกมปรับสุดเล่นได้ลื่นๆ แน่นอน เพราะมันแรงเทียบเท่า PC Desktop ไปแล้ว ซึ่งพิเศษกว่าที่หน้าจอเป็น 120Hz G-Sync ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล และเทคโนโลยี Tobii Eye Tracker พร้อมติดตั้งกล้อง IR เพื่อใช้งาน Windows Hello ในการแสกนใบหน้าเข้าใช้งาน Windows 10
สำหรับระบบระบายความร้อนจัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่มีความร้อนและเสียงรบกวนที่ค่อนข้างต่ำทีเดียว รวมถึงมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ พอร์ตการเชื่อมต่อสุดล้ำ USB 3.1 Type-C และ Thunderbolt 3 รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งานที่ต้องบอกว่าหาได้ยากในโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไป
อย่างไรก็ตามสำหรับ Dell Alienware 17 R4 ต้องยอมรับว่ากับสเปกประมาณนี้เราต้องจ่ายแพงกว่า Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ แต่เชื่อว่าเพื่อนๆ คนไหนโดนใจไปแล้วก็พร้อมที่จะยอมจ่าย กับการรับประกันถึง 2 ปีด้วยกัน ที่สำคัญคือ Dell Premium Support คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย อันนี้เจ๋งกว่าแบบเหนือชั้นจริงๆ ยังไงก็จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจาก Dell (รุ่นปีที่แล้วจะเป็นประกัน 3 ปี)
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นความแรง งานประกอบ ดีไซน์ที่ดุดัน และการรับประกันเทพๆ รวมถึงต้องการประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดแบบสุดๆ บนงบประมาณสูงระดับเกือบแสนบาทแล้วล่ะก็ Dell Alienware 17 R4 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียว ส่วนข้อมูล Dell รุ่นอื่นๆ สามารถตามดูต่อได้ที่ https://www.facebook.com/DellThailand ได้เลย
จุดเด่น
- ตัวเครื่องดีไซน์สวยงาม งานประกอบแน่นๆ สมกับเป็น Dell Alienware
- ประสิทธิภาพสูงตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ระดับ Hi-End
- สามารถ Overclock เพิ่มได้
- ระบบระบายความร้อนจัดว่าน่าประทับใจ
- มีไฟทั้งตัวเครื่อง ปรับแต่งได้อิสระและสวยงาม
- พอร์ตเชื่อมต่อเยอะและครบครัน อย่างส่วนของ Thunderbolt 3 และ USB 3.1 Type-C
- จอความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล พาเนล TN คุณภาพสูงให้ภาพใกล้เคียงกับ IPS
- จอรองรับ 120Hz พร้อมด้วยเทคโนโลยี G-Sync
- มีฟีเจอร์ Tobii Eye Tracker ไว้เล่นเกมด้วยดวงตา
- มีกล้อง IR ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใช้งานได้ทันที
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องใหญ่มากและน้ำหนักมากไม่เหมาะแก่การพกพา
- น่าจะได้ SSD M.2 NVMe ระดับการเขียนที่ 3000MB/s + แล้ว
- ราคาสูงกว่า Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ
- ประกันได้ 2 ปี จากรุ่นก่อนที่เป็น 3 ปี
Awards
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้ว ซึ่ง Dell Alienware 17 R4 ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Dell มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดใน Dell Alienware 17 R4 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามดุดันเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรู ประกอบการงานการประกอบระดับคุณภาพ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้วสำหรับซีรีส์ Alienware ซึ่งเน้นประสิทธิภาพของตัวเครื่องก็ถือว่าทำได้ดีกว่า Gaming Notebook ทั้งหมดอีกด้วย
Best Performance
สเปคของระบบภายในตัวเครื่อง Dell Alienware 17 R4 ที่ครบครันทั้งชิปประมวลผล Intel Core i7-7820HKและการ์ดจอ GeForece GTX 1080 ที่เป็นการ์ดจอประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงแรม DDR4 และ SSD ความเร็วสูงก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสเปกโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน รองรับการทำงานได้รอบด้าน ไม่ว่าจะใช้ทำงานกราฟิกหรือว่าจะเล่นเกมก็ตาม ฉะนั้นก็ไม่น่าพลาดกับรางวัล Best Performance อย่างแน่นอน จะบอกแรงเทียบเท่าพีซีก็คงไม่ผิดอะไรนัก
Best Technology
Dell Alienware 17 R4 นอกเหนือจากความแรงที่ครบครันจากสเปกภายในแล้ว ยังมีในส่วนของเทคโนโลยีที่น่าสนใจและใช้งานได้จริงอย่าง ชุดไฟรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องจุดต่างๆ ฝาหลัง ขอบตัวเครื่อง โลโก้ ตัวอักษร ชุดคีย์บอร์ด รวมไปถึงทัชแพด ที่เราสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสะ ซึ่งบอกได้เลยว่าหาไม่ได้ใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ แน่นอน ที่สำคัญยังมีหน้าจอความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล พาเนล TN คุณภาพสูงให้ภาพใกล้เคียงกับ IPS รองรับ 120Hz พร้อมด้วยเทคโนโลยี G-Sync และมีฟีเจอร์ Tobii Eye Tracker ไว้เล่นเกมด้วยดวงตา รวมถึงมีกล้อง IR ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello อีกด้วย
VDO Review
Specification
Dell Alienware 17 R4 ในไทยจะมีจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่น ซึ่งตัวที่ NotebookSPEC ได้มาทดสอบ เป็นตัวท็อป สนนราคาที่ 139,900 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็นIntel Core i7-7820HK ความเร็ว 2.90 – 3.90 GHz ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ซึ่งสามารถ Overclock ได้ไปถึง 4.4 – 50 GHz เลยทีเดียว ประสิทธิภาพแรงเหลือเฟือ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1080 (8GB GDDR5X) มีที่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 1TB 7200 RPM พร้อมติดตั้ง SSD แบบ NVMe M.2 ความจุ 512GB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ขนาด 32GB DDR4 (16GB x 2) พร้อม Windows 10 ลิขสิทธิ์บันเดิลติดตั้งมาให้ใช้งานได้ทันที
นอกจากนี้ Dell Alienware 17 R4 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 17.3 นิ้ว ที่ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูง TN ที่โดดเด่นมากในเรื่องของความคมชัดและความเที่ยงตรงของภาพและสี (แต่ด้านมุมมองยังเป็นรอง IPS อยู่เล็กน้อย) อีกทั้งรองรับการแสดงผล 120Hz และมีเทคโนโลยี G-Sync พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) พร้อมกล้อง IR ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ที่สำคัญยังมีในส่วนของ Tobii Eye Tracker ไว้เล่นเกมแบบใช้ตาด้วย
ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, mini DisplayPort, 3 x USB 3.0, 2 x USB 3.1 Type-C (Thunderbolt 3), Kensington lock slot, 2-in-1 SD (UHS50)/MMC , RJ-45 , Headset และพอร์ต Graphic Amplifier ไว้เชื่อมต่อการ์ดจอภายนอก พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac
มาพร้อมการรับประกัน Dell Premium Support แบบ On-site Service เป็นเวลา 2 ปี จาก Dell Thailand แถมตอนซื้อก็ได้ของพรีเมียมและโปรโมชั่นต่างๆ ด้วย โดยจะมีสเปกตามนี้
สเปกเต็มๆ <<<
Hardware / Design
ดีไซน์การออกแบบของ Dell Alienware 17 R4 นั้นจะดูเท่และโดดเด่นกว่าโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 17.3 นิ้วอื่นๆ อยู่พอสมควร เนื่องด้วยมีแนวคิดคอนเซปต์ที่ดูเป็นผลิตภัณฑ์จากนอกโลก เรียกได้ว่าดูแวบเดียวก็รู้ว่าเป็น Alienware ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วสำหรับความเป็น Gaming ที่จะหาโน๊ตบุ๊คแบรนด์อื่นๆ มาเทียบได้ สีสันจะเป็นสีเทาและสีดำตัดกันอย่างลงตัว ส่วนของบอดี้และโครงสร้างต่างๆ จะใช้เป็นแมกนีเซียมอลูมิเนียมอัลลอยด์และพลาสติกเกรดสูงเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ได้ข้อดีมาก็คือทั้งความแข็งแรงและทนทาน ที่สำคัญส่งผลให้ภาพลักษณ์โดยรวมของตัวเครื่องดูหรูหรามากๆ ให้อารมณ์พรีเมียมสุดๆ
ตัวเครื่องโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่องจะทำให้เป็นแบบเป็นเหลี่ยมเป็นมุม ส่งให้มีความดุดันสูง ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดของฝาหลังที่สวยงามตามสไตล์ Alienware ที่สำคัญชุดระบายความร้อนก็มีขนาดที่ใหญ่มาก โดยมาแบบ 2 ช่องพัดลม ซึ่งจะดูดลมเย็นด้านช่องด้านข้างของเครื่องและเป่าลมร้อนออกไปทางด้านหลัง อีกทั้งด้านใต้ตัวเครื่องยังมีช่องตะแกรงขนาดใหญ่ให้ลมผ่านด้วย เรียกได้ขนาดที่ยังไม่ได้ทดสอบอะไร ก็เชื่อว่า Dell Alienware 17 R4 ตัวนี้ต้องจัดการอุณหภูมิได้ดีอย่างแน่นอน
ว่าแล้วก็ลองถอดฝาใต้ตัวเครื่องของ Dell Alienware 17 R4 ออกมา ซึ่งทำได้ไม่อยากเพียงไขน็อต 10 เท่านั้น ที่ทำให้เห็นว่าไม่ใช่แค่ภายนอกที่เท่าที่ดูแข็งแรงและสวยงาม ภายในยังใส่ใจรายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งของพัดลมระบายความร้อน ชุดระบายความร้อนฮีทไปป์ รวมไปถึงแรมที่มีอยู่ 2 ช่อง SSD อีกหนึ่งแผง และฮาร์ดดิสก์อีกหนึ่งลูก
และแม้ว่าตัวเครื่องจะมีความบางลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Dell Alienware 17 R2 ที่ 22 มิลลิเมตร จากเดิมที่ 34 มิลลิเมตร ก็ตามที สมกับเป็นโน๊ตบุ๊คระดับสูงของทาง Dell จริงๆ จากการต่อยอดจาก Alienware ที่ผ่านมาได้ดีอยู่แล้ว แม้มีนำหนักอยู่ที่ 4.42 กิโลกรัม แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้กับ Gaming Notebook สเปกแรงขนาดนี้ ซึ่งก็พอที่จะถือมือเดียวได้ (ถ้าไม่ได้ถือนานๆ นะ)
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Dell Alienware 17 R4 ที่นอกเหนือจะเป็นโน๊ตบุ๊คทรงประสิทธิภาพระดับสูงที่เน้นการเล่นเกมเป็นหลักแล้ว ตัวเครื่องโดยรอบก็ยังมีไฟ RGB อยู่กระจายทั่วตัวเครื่อง ที่ต้องบอกว่าเป็นเอกลักษณ์ของทาง Alienware อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ Alienware ขอบฝาทั้งสองด้าน ขอบตัวเครื่องด้านล่าง ตัวอักษร Alienware ต้านหน้าจอ ปุ่ม Power รวมไปถึงชุดคีย์บอร์ดและทัชแพดที่สามารถปรับแต่งสีสันได้อย่างอิสระสุดๆ อย่างที่ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ ซึ่งควบคุมผ่านชุดซอฟต์แวร์ยูทิลิตี้อีกชั้นหนึ่ง
สรุปสั้นๆ สำหรับการดีไซน์และออกแบบตัวเครื่องของ Dell Alienware 17 R4 ต้องบอกว่า Dell ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ด้วยวัสดุคุณภาพสูง งานประกอบที่แน่นๆ และสวยงามน่าประทับใจ ประกอบกับการดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่ต้องการ Gaming Notebook ที่แตกต่างและโดดเด่นสะดุดตา ส่งผลให้เสริมประสบการณ์ใช้งานยิ่งขึ้นไปอีก แม้จะต้องจ่ายแพงกว่าแบรนด์อื่นๆ ก็ตาม
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดของ Dell Alienware 17 R4 เห็นแล้วต้องบอกว่าแตกต่างจาก Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ แบบสิ้นเชิง ซึ่งตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาว โดยมีการออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่โดยโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ก็ถือว่าทำไว้ดีอยู่แล้วเช่นกันตามสไตล์ของ Alienware กับคีย์บอร์ด 4 แถวขนาด Full Size แบบสุดๆ ที่จะว่าไปแล้วนั้นก็เหมือนกันโน๊ตบุ๊คเมื่อหลายปีก่อนอยู่เหมือนกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าดีอยู่แล้ว และทาง Dell ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงให้เหมือนสมัยนิยมตามแบรนด์อื่นๆ
ด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ยังตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด รวมทั้งแป้นก็เด้งกับนิ้วเมื่อกดลงไปอย่างพอดี ในส่วนของไฟ LED Backlit ก็สามารถใช้งานได้ดีทีเดียว ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่บริเวณด้านบนของชุดคีย์บอร์ด สีเงินมีไฟที่สามารถปรับได้ตามต้องการ ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน
พร้อมกันนั้น Dell Alienware 17 R4 ชุดคีย์บอร์ดก็ยังมีไฟส่องสว่างให้เห็นสวยงาม ซึ่งเราสามารถปรับสีได้ตามต้องการผ่านทางซอฟต์แวร์ ทำให้ปรับสีไฟได้อิสระแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล โดยแบ่งออกเป็น 4 โซนด้วยกัน เรียกได้ว่าได้มาวันแรก กว่าจะได้ทดสอบก็ลองเล่นปรับสีไฟคีย์บอร์ด รวมไปถึงตัวเครื่องเป็นชั่วโมงแล้ว นอกจากนี้ด้านข้างทางซ้ายและขวาบนของชุดคีย์บอร์ดก็ยังมีปุ่ม Macro ไว้งานเล่นเกมโดยเฉพาะอีกด้วย
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า ที่สำคัญทัชแพดนี้มีไฟส่องสว่างด้วยเมื่อเราใช้งาน ซึ่งถ้าไม่ใช้งานซักพักมันก็จะดับไปเอง
Screen / Speaker
หน้าจอของ Dell Alienware 17 R4 มีขนาดที่ 17.3″ แบบจอด้านลดแสงสะท้อน โดยมีความละเอียดมากกว่า Full HD ทั่วไป ที่ QHD 2560 x 1440 พิกเซล ซึ่งต้องบอกว่าพอเพียงกับการใช้งานแล้ว ที่สำคัญยังรองรับการแสดงผล 120Hz พร้อมเทคโนโลยี G-Sync ส่งผลให้ภาพที่ความลื่นไหลไม่ฉีกขาดแบบหน้าจอพวก IPS แม้ว่าพาเนลเป็น TN ก็จริง แต่เป็นพาเนล TN คุณภาพสูงมากๆ ทำให้มีสีสันสวยสมจริงคมชัดเทียบเท่ากับ IPS (แต่เป็นรองด้านมุมมอง อันนี้สูง IPS ไม่ได้) โดยถามเทียบกับโน๊ตบุ๊คหน้าจอพาเนลทั่วไปแล้วล่ะก็ ต้องบอกว่า Dell Alienware 17 R4 มีความเหนือชั้นกว่าแบบเห็นครั้งแรกก็รู้เลย เรียกได้ว่ารองรับทุกการทำงานหรือความบันเทิง รวมไปถึงการเล่นเกมแบบเต็มประสบการณ์อย่างสุดๆ
จุดที่น่าชื่นชมอีกอย่างหนึ่งก็คือ Dell Alienware 17 R4 เครื่องนี้ ก็คือมีการใส่ยางขอบจอมาตลอดแนวของจอเลย อีกทั้งนอกจากจะมีกล้องเว็บแคมปกติที่ไว้เซลฟี่หรือวีดีโอคอลแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญนอกจากกล้อง Webcam ปกติแล้ว ยังมีกล้องอินฟาเรดที่ไว้ใช้งานเฉพาะกับฟีเจอร์ Windows Hello อีกด้วย
โดย Windows Hello เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่ทักทายผู้ใช้
การทดสอบประสิทธิภาพหน้าจอของDell Alienware 17 R4 ที่เป็นโน๊ตบุ๊คที่ใช้หน้าจอพาเนล IPS ทางทีมงานเลยถือโอกาสทดสอบหน้าจอแบบละเอียดๆ ด้วยเครื่องมือที่เป็นทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่าง Spyder5Elite พร้อมทั้งคาลิเบรทหน้าจอให้สีสันมีความตรงความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเมื่อคาลิเบรตแล้วเราก็เลือกโปรไฟล์ที่เราได้คาลิเบรทเอาไว้ ผลที่ได้หลังจากที่คาลิเบรทก็คือคอนทราสต์มีการไล่โทนที่กว้างขึ้น รวมไปถึงมีสีสันและอุณหภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน จากโทนเย็นกลายเป็นโทนอุ่น
โดยให้ขอบเขตความกว้างของสีสันเทียบเท่ากับมาตรฐาน sRGB ที่ 94% ดูจากที่เส้นสีของหน้าจอจะเป็นสีแดง เรียกได้ว่าให้ประสิทธิภาพเรื่องของสีสันได้ดีน่าประทับใจ ภาพนี้จะแสดงเป็นตารางที่จะบ่งบอกถึงค่าความสว่างต่อคอนทราสต์ที่ได้ อย่างแรกที่เห็นก็คือความสว่างหน้าจอสูงสุดอยู่ที่เกือบๆ 400 cd/m2 ที่ 373 cd/m2 ซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความสว่างของหน้าจอในโน๊ตบุ๊คราคาระดับนี้
ต่อกันที่วัดความสว่างของหน้าจอตามตำแหน่งต่างๆ โดยแบ่งเป็น 9 ช่อง เทียบจากช่องกลางที่ปกติแล้วจะให้ความสว่างที่มากที่สุด ที่จะเห็นได้ว่าขอบจอด้านซ้ายแถวกลางเป็น 0% ก็คือแสดงความสว่างได้เต็มที่ แต่สำหรับขอบจอด้านขวาบนขวาล่างเหมือนจะมีแสงสว่างที่ลดลงไปถึงระดับ 12% เลยทีเดียว ในการทดสอบก็เพื่อให้เราใช้งานอย่างระมัดระวังสำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้งานภาพถ่าย หรืองานกราฟิกอื่นๆ ปิดท้ายด้วยคะแนน 4.0 เมื่อทดสอบด้านการแสดงผลต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ผ่านทางอุปกรณ์ Spyder5Elite
ด้านของลำโพงสเตอรีโอนั้นอยู่บริเวณขอบตัวเครื่องด้านหน้า พร้อมลำโพงซัฟวูฟเฟอร์อีกหนึ่งตัว โดยความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนในเรื่องคุณภาพเสียงนั้น อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
ส่วนในการเชื่อมต่อและการบันทึกข้อมูลต่างๆ Dell Alienware 17 R4 รองรับการเชื่อมต่อที่ครบถ้วน Thunderbolt 3, mini DisplayPort, HDMI v1.4a, USB 3.1 Type-C, 2 x USB 3.0, Kensington lock slot , 2-in-1 SD(UHS50)/MMC , RJ-45 , Headset และที่พิเศษคือยังมีพอร์ต Graphic Amplifier Alienware ที่ไว้เชื่อมต่อกับการ์ดจอ Desktop ไว้เพิ่มความแรงกรณีต่อผ่านหน้าจอภายนอกอีกที พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และอินเตอร์เน็ตไวเลสผ่าน 802.11a/b/g/n/ac ถือว่ารองรับได้ดีตามมาตรฐาน
การพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ของ Dell Alienware 17 R4 จัดว่าเป็นการเอาเรื่องเหมือนกัน เพราะมีน้ำหนักตัวค่อนข้างมากถึง 4.42 กิโลกรัม แต่เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊ค 17.3 นิ้วตัวอื่นๆ สเปกใกล้เคียงกัน ที่ถึงแม้ว่าจะหนักซักหน่อย แต่ได้ชุดระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ แม้ว่าถ้ารวมอแดปเตอร์แล้วจะมีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัมทีเดียว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาของบรรดาเกมเมอร์เท่าไรนัก อีกทั้งตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊ค Dell ระดับสูงแล้ว ตัวสายอแดปเตอร์เองจะมีวงแหวนไฟสีฟ้ามาบอกสถานะการใช้งานด้วย
Performance / Software
โดยมาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7820HK ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่ Overclock ได้ เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.90 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.90 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่าพวกซีรีส์ U หลายเท่า มาพร้อมแรมภายในขนาด 32GB DDR4 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกระดับเกือบสูงสุดอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1080 ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซี หรือถ้าเทียบกับการ์ดจอโน๊ตบุ๊คด้วยกันก็ถือว่าเป็นตัวท็อปสุดแล้ว ถ้าจะแรงกว่านี้คงต้องเป็น GTX 1080 แบบ SLI แล้ว เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรแบบสุดๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB แบบ M.2 แบบ NVMe ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 1757MB/s และเขียนที่ 818MB/s
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1TB แบบความเร็วรอบ 7200 ที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 71.1 MB/s และสูงสุดที่ 144.4 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 115.2 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 15.6 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าทำได้ดีกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติที่ 5400 รอบแบบรู้สึกได้เวลาเข้าเกมโหลดเกม
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของ FPS จากทั้ง 7 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 100 FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-7820HK ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1080 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 32GB DDR4 รวมไปถึง SSD ความจุใหญ่ความเร็วสูง
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / Battlefield 1 / Rise of the Tomb Raider / Ghost Recon Wildlands ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด รวมไปถึง Ghost Recon Wildlands ก็ปรับเป็นระดับ Ultra ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ที่สำคัญด้วยหน้าจอ 120Hz ทำให้เกมมีความลื่นไหลกับฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แบบสุดๆ หมดปัญหาภาพฉีก หรือภาพกระตุกไปเลย จากการทำงานร่วมกับชิปประมวลผลภาพ NVIDIA G-SYNC
เกมออนไลน์อย่าง DOTA 2 / Overwatch / PUBG ก็จัดการทดสอบแบบปรับสุดหมดให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 2560 x 1440 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นแบบสบาย สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่นในระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 130 ขึ้นไปตลอด แต่ในส่วนของเกม PUBG อาจจะมีเฟรมเรทตกไปต่ำกว่า 60 บ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะเป็นเกมออนไลน์ที่กินทรัพยากรพอตัวเหมือนกัน ซึ่งสรุปโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าเล่นได้สบายๆ อยู่
ประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมนั้น การ์ดจอตัวท็อปอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1080 สามารถที่จะรองรับการใช้งานได้อย่างสบายๆ ครับ ในตรงจุดนี้นั้นจะเห็นได้ว่าผลการทดสอบการเล่นเกมทั้ง 7 เกม ต่างจากปกติจะเป็นความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซลเท่านั้น ซึ่งจะเห็นว่าที่ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล ที่เป็นความละเอียดเนทีพ ก็การเล่นเกมได้อย่างลื่นๆ เพราะฉะนั้นมั่นใจเรื่องความแรงได้เลย
นอกเหนือจากนี้ทาง Dell ยังมีซอฟต์แวร์ Utility โดยเป็นลักษณะของแอพพลิเคชั่นต่างๆ มากมาย ที่ช่วยเอื้ออำนวยในการปรับแต่งเพื่อการเล่นหรือทำงานโดยเฉพาะ อาทิเช่น AlienFX ไว้ปรับไฟทั้งตัวเครื่อง / AlienFusion ไว้จัดการพลังงาน / AlienTACX ไว้จัดการปุ่มมาโคร / AlienArenaline ไว้จัดการเกี่ยวประประสิทธิภาพอีกด้วย รวมไปถึงรุ่นนี้ที่ใช้ชิปประมวลผลรหัส HK ก็ยังมีส่วนของการ Overclock ที่ต้องบอกว่าใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยมากๆ ทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Gaming Notebook ระดับสูงของทาง Dell Alienware เท่านั้น
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ Dell Alienware 17 R4 ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง Dell SupportAssistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน Dell Alienware 17 R4 เครื่องนี้เป็นแบบ 6 Cell ความจุประมาณ 7700 mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 4 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานกว่านี้แน่นอน (หรือใช้งานหนักๆ ก็ลดลงไปอีก)
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 25 – 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 90 องศาเซลเซียส ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยทีมงานได้ทดสอบ Overclock พร้อมใช้งานดูแล้ว อุณหภูมิสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 100 องศา
Conclusion / Award
เชื่อได้เลยว่าถ้าเพื่อนๆ ที่เป็นเกมเมอร์อยู่ในสายเลือดหรือชอบเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว รวมไปถึงเป็นแฟนๆ ของ Dell อยู่แล้ว ได้ลองสัมผัสตัวจริงของกับ Dell Alienware 17 R4 จะต้องหลงไหลมันเป็นแน่ (ถ้ารับกับขนาดและน้ำหนักของมันได้) ด้วยการออกแบบและดีไซน์ตามสไตล์เรียบแต่หรูจาก Dell รวมไปถึงฟีเจอร์ที่จัดมาให้อย่างครบครันและเทียบเท่า Gaming Notebook ระดับ Hi-End จากแบรนด์อื่นๆ เรียกได้ว่าเหล่าเกมเมอร์ต้องถูกอกถูกใจอย่างแน่นอน ด้วยราคา 139,900 บาท กับตัวท็อปศูนย์จาก Dell ประเทศไทย
โดย Dell Alienware 17 R4 มาพร้อมสเปคที่จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook สุดโหด ไม่ว่าจะเป็น Intel Core i7-7820HK และการ์ดจอตัวเทพตัวท็อปอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1080 สามารถตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างน่าประทับใจ ทุกเกมปรับสุดเล่นได้ลื่นๆ แน่นอน เพราะมันแรงเทียบเท่า PC Desktop ไปแล้ว ซึ่งพิเศษกว่าที่หน้าจอเป็น 120Hz G-Sync ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล และเทคโนโลยี Tobii Eye Tracker พร้อมติดตั้งกล้อง IR เพื่อใช้งาน Windows Hello ในการแสกนใบหน้าเข้าใช้งาน Windows 10
สำหรับระบบระบายความร้อนจัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook ที่มีความร้อนและเสียงรบกวนที่ค่อนข้างต่ำทีเดียว รวมถึงมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ภาพลักษณ์ วัสดุ งานประกอบ พอร์ตการเชื่อมต่อสุดล้ำ USB 3.1 Type-C และ Thunderbolt 3 รวมไปถึงประสิทธิภาพและประสบการณ์ใช้งานที่ต้องบอกว่าหาได้ยากในโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไป
อย่างไรก็ตามสำหรับ Dell Alienware 17 R4 ต้องยอมรับว่ากับสเปกประมาณนี้เราต้องจ่ายแพงกว่า Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ แต่เชื่อว่าเพื่อนๆ คนไหนโดนใจไปแล้วก็พร้อมที่จะยอมจ่าย กับการรับประกันถึง 2 ปีด้วยกัน ที่สำคัญคือ Dell Premium Support คือมารับมาส่งถึงบ้านเลย อันนี้เจ๋งกว่าแบบเหนือชั้นจริงๆ ยังไงก็จัดได้ว่ามีความน่าซื้ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน สำหรับการโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจาก Dell (รุ่นปีที่แล้วจะเป็นประกัน 3 ปี)
เอาเป็นว่าใครกำลังมองหาโน๊ตบุ๊คที่เน้นความแรง งานประกอบ ดีไซน์ที่ดุดัน และการรับประกันเทพๆ รวมถึงต้องการประสบการณ์ใช้งานที่เยี่ยมยอดแบบสุดๆ บนงบประมาณสูงระดับเกือบแสนบาทแล้วล่ะก็ Dell Alienware 17 R4 น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีทีเดียว ส่วนข้อมูล Dell รุ่นอื่นๆ สามารถตามดูต่อได้ที่ https://www.facebook.com/DellThailand ได้เลย
จุดเด่น
- ตัวเครื่องดีไซน์สวยงาม งานประกอบแน่นๆ สมกับเป็น Dell Alienware
- ประสิทธิภาพสูงตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ระดับ Hi-End
- สามารถ Overclock เพิ่มได้
- ระบบระบายความร้อนจัดว่าน่าประทับใจ
- มีไฟทั้งตัวเครื่อง ปรับแต่งได้อิสระและสวยงาม
- พอร์ตเชื่อมต่อเยอะและครบครัน อย่างส่วนของ Thunderbolt 3 และ USB 3.1 Type-C
- จอความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล พาเนล TN คุณภาพสูงให้ภาพใกล้เคียงกับ IPS
- จอรองรับ 120Hz พร้อมด้วยเทคโนโลยี G-Sync
- มีฟีเจอร์ Tobii Eye Tracker ไว้เล่นเกมด้วยดวงตา
- มีกล้อง IR ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใช้งานได้ทันที
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องใหญ่มากและน้ำหนักมากไม่เหมาะแก่การพกพา
- น่าจะได้ SSD M.2 NVMe ระดับการเขียนที่ 3000MB/s + แล้ว
- ราคาสูงกว่า Gaming Notebook แบรนด์อื่นๆ
- ประกันได้ 2 ปี จากรุ่นก่อนที่เป็น 3 ปี
Awards
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้ว ซึ่ง Dell Alienware 17 R4 ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Dell มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดใน Dell Alienware 17 R4 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามดุดันเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรู ประกอบการงานการประกอบระดับคุณภาพ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้วสำหรับซีรีส์ Alienware ซึ่งเน้นประสิทธิภาพของตัวเครื่องก็ถือว่าทำได้ดีกว่า Gaming Notebook ทั้งหมดอีกด้วย
Best Performance
สเปคของระบบภายในตัวเครื่อง Dell Alienware 17 R4 ที่ครบครันทั้งชิปประมวลผล Intel Core i7-7820HKและการ์ดจอ GeForece GTX 1080 ที่เป็นการ์ดจอประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงแรม DDR4 และ SSD ความเร็วสูงก็ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องนี้มีความน่าประทับใจ ทั้งจากในการใช้ทำงานจริงๆ รวมไปถึงการทดสอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในสเปกโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน รองรับการทำงานได้รอบด้าน ไม่ว่าจะใช้ทำงานกราฟิกหรือว่าจะเล่นเกมก็ตาม ฉะนั้นก็ไม่น่าพลาดกับรางวัล Best Performance อย่างแน่นอน จะบอกแรงเทียบเท่าพีซีก็คงไม่ผิดอะไรนัก
Best Technology
Dell Alienware 17 R4 นอกเหนือจากความแรงที่ครบครันจากสเปกภายในแล้ว ยังมีในส่วนของเทคโนโลยีที่น่าสนใจและใช้งานได้จริงอย่าง ชุดไฟรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องจุดต่างๆ ฝาหลัง ขอบตัวเครื่อง โลโก้ ตัวอักษร ชุดคีย์บอร์ด รวมไปถึงทัชแพด ที่เราสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสะ ซึ่งบอกได้เลยว่าหาไม่ได้ใน Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ แน่นอน ที่สำคัญยังมีหน้าจอความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล พาเนล TN คุณภาพสูงให้ภาพใกล้เคียงกับ IPS รองรับ 120Hz พร้อมด้วยเทคโนโลยี G-Sync และมีฟีเจอร์ Tobii Eye Tracker ไว้เล่นเกมด้วยดวงตา รวมถึงมีกล้อง IR ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello อีกด้วย