น้องสุดท้องของตะกูล RYZEN เปิดตัวออกมาแล้ว หลังจากที่หลายคนรอคอยกันมาอย่างยาวนาน กับ CPU ราคาประหยัด แต่ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมที่ทาง AMD ได้คิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ต้องการ CPU ประสิทธิภาพสูง ราคาประหยัด โดย RYZEN 3 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 27 กรกฏาคมนี้ ซึ่งเป็นการเปิดตัวหลังจากรุ่นพี่อย่าง RYZEN 7 และ RYZEN 5 เปิดตัวออกไปก่อนหน้านี้ซึ่งทั้ง 2 รุ่นก็ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ CPU AMD ที่ทำให้คนทั่วโลกต่างลุกขึ้นยืน แต่สำหรับ RYZEN 3 จะมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเหมือนกับรุ่นพี่หรือไม่ ?
Facebook Live Review Ryzen 3
RYZEN 3 คือ CPU แบบ 4 Core 4 Thread ซึ่งจะถูกเปิดตัวออกมา 2 รุ่น ได้แก่ 1200 ความเร็วสูงสุด 3.4GHz และ 1300X ความเร็วสูงสุด 3.7 GHz อีกทั้งรุ่น 1300X จะมาพร้อมกับ Sensemi Technology ซึ่งทำให้ CPU มีประสิทธิภาพที่แรงขึ้นในอุณหภูมิที่ต่ำ ในส่วนของราคานั้น 1200 จะมีราคา 3,990 บาท และรุ่น 1300X จะมีราคา 4,990 บาท
สำหรับหน้าตาตัวกล่องนั้น ได้ถูกออกแบบมาให้เป็นโทนสีส้มเทาเหมือนกับ RYZEN 5 และ 7 ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ CPU Series นี้ โดยได้มีการระบุเลข 3 ที่ มุมล่างขวาของกล่องเพื่อแสดงให้เห็นว่านี้คือ RYZEN 3 ส่วนด้านข้างของกล่องได้มีการเจาะรูโชว์โชว์ตัว CPU ให้เห็นอย่างชัดเจน และภายในกล่องก็จะมีกล่องเล็กอีก 2 กล่อง คือกล่อง CPU และกล่องชุดระบายความร้อน
สำหรับตัวกล่องที่ดูใหญ่โตนั้น ภายในจะมาพร้อมกับชุดระบายความร้อน Wraith Stealth Cooler ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้กับ CPU RYZEN รุ่นเล็กที่มีค่า TDP 65W ซึ่งชุดระบายความร้อนตัวนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่าชุดระบายความร้อนแบบดั้งเดิมของ AMD ชนิดที่เทียบไม่ติด ทั้งด้านประสิทธิภาพในการระบายความร้อน และความเงียบ ที่เงียบมาก ๆ ส่วนหนึ่งเองมาจากตัว CPU มีความร้อนที่ต่ำทำให้ชุดระบายความร้อนไม่ต้องทำงานหนัก อีกทั้งชุดระบายความร้อนที่แถมมายังมีซิลิโคนระบายความร้อนคุณภาพสูงติดหน้าซิงก์มาให้ด้วย
หน้าตาของ CPU ขนาดมาตรฐานสำหรับใช้งานร่วมกับ SOCKET AMD AM4 ซึ่งเป็นขนาดเดียวกันกับ RYZEN 5 และ RYZEN 7 โดยตัว CPU รุ่นนี้จะยังคงเป็นแบบมีขา แตกต่างจาก Intel ที่เป็น CPU แบบไม่มีขา ในส่วนของกระดอง CPU ได้มีการยิงเลเซอร์บอกชื่อรุ่น เลขนัมเบอร์ และข้อมูลต่าง ๆ
สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของ RYZEN 3 ทั้ง 2 รุ่น ได้ใช้สเปคดังนี้
M/B MSI A320M Gaming Pro
RAM Corsair 16GB DDR4 BUS 2133 (8GB x 2)
SSD M.2 HyperX 480GB
GPU AORUS Radeon RX 570
PSU Thermaltake Smart SE 650W
สเปคจากโปรแกรม CPU-Z กับ CPU RYZEN 3 ทั้ง 2 รุ่น โดยรุ่น 1200 จะมีความเร็ว Base Clock 3.1 GHz และ Boost Clock 3.4 GHz ส่วนรุ่น 1300X จะมีความเร็ว Base Clock 3.5 GHz และ Boost Clock 3.9 GHz ส่วนของ Chache L3 มีขนาดที่มากถึง 8MB ส่วนแรมที่ใช้เป็นแบบ Dual Channel ช่วงทำให้ CPU สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สำหรับการ Benchmark กับโปรแกรม CPUZ เทียบกับ CPU i7 7700K โดย RYZEN 3 ทั้งสองรุ่นมีความแรงที่ต่างกันเพียง 10% แต่ก็สามารถแสดงประสิทธิภาพได้เกินครึ่งของ i7 7700K ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพที่สูงมาก ๆ สำหรับ RYZEN 3 ทั้ง 2 รุ่น ในส่วนประสิทธิภาพต่อ Thread มีคะแนนต่างกันเพียง 3%
ถัดมากับการทดสอบประสิทธิภาพของ RYZEN 3 ทั้งสองรุ่นกับโปรแกรม SuperPI และ Hyper PI ซึ่งประสิทธิภาพที่ทำได้นั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ต่างกันเพียงหลักวินาทีเท่านั้น
RYZEN 3 1200
RYZEN 3 1300X
RYZEN 3 1200
RYZEN 3 1300X
การทดสอบประสิทธิภาพ RYZEN 3 กับโปรแกรม Cinebench R15 ซึ่งประสิทธิภาพที่ทำได้ถือว่ายอดเยี่ยม โดยสามารถทำคะแนนในการเรนเดอร์ภาพได้เหนือกว่า Intel Core i5 อยู่ในะดับหนึ่ง ซึ่งเป็นผลการทดสอบที่แตกต่างอย่างชัดเจน
ถัดมากับการทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark FireStrike ครั้งนี้ประสิทธิภาพของ RYZEN 3 1300X สามารถทำได้เหนือกว่าอย่างสูสีกับ i5 7400 แต่ในส่วนของ RYZEN 3 1200 นั้่นกลับทำคะแนนได้น้อยกว่าในระดับหนึ่ง
ส่วนการทดสอบกับ DirectX 12 ในการทดสอบ 3D Mark Time SPY นั้น CPU RYZEN 3 ทั้ง 2 รุ่นอาจจะตอบโจทย์ได้ไม่ดีนัก ซึ่งคะแนนออกมาค่อนข้างต่ำอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจจะติปัญหาไดร์เวอร์ไม่ซัพพอร์ตการทำงานร่วมกับ DirectX 12 ทำให้คะแนนออกมาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งต่อรอการอัพเดตต่อไปในอนาคต
ส่วนการทดสอบอุณหภูมิสูงสุดของ CPU RYZEN 3 ทั้ง 2 รุ่นกับโปรแกรม Furmark และวัดอุณหภูมิจากโปรแกรม HWMonitor ซึ่งอุณหภูมิสูงสุดของรุ่น 1200 มีอุณหภูมิสูงสุดเพียง 50 องศาเซลเซียส ส่วนรุ่น 1300X นั้นมีอุณหภูมิสูงสุดที่ 63 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเย็นมาก และการทำงานของพัดลมเองก็ยังเงียบมาก ๆ อีกด้วย แต่ดูเหมือนว่า 1300X จะมีอุณหภูมิที่สูงพอตัว ทำให้พัดลมต้องทำงานหนักกว่ารุ่น 1200 อย่างเห็นได้ชัด
การทดสอบประสิทธิภาพในการเล่นเกมนั้นได้ทำการทดสอบกับ CPU RYZEN 3 1300X และการ์ดจอ RX 570 ในเกม Rise Of Tomb Rider บนกราฟฟิกระดับสูงที่สุด แต่ปิดการลบรอยหยักของภาพ ซึ่งสามารถทำเฟรมเรทได้ประมาณ 50-60 FPS กับการทำงานของ CPU ที่ 30%-60% แต่เมื่อเปิดการลดรอยหยักในระดับสูงที่สุด เฟรมเรทลดมาเหลือเพียง 20-30 FPS และ การทำงานของ CPU ลดเหลือเพียงที่ 14%-60% เฉลี่ยอยู่ที่ 35% เท่านั้น
ถัดมากับเกม PUBG ซึ่งกินทรัพยากรณ์เครื่องค่อนข้างมากและใช้งาน CPU ค่อนข้างหนัก การทดสอบครั้งแรกใช้กราฟฟิกระดับต่ำสุด เฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 70-80 FPS ส่วนเมื่อปรับกราฟฟิกสูงสุดจะวิ่งอยู่ที่ 20-40 FPS ซึ่งดรอบลงมาเยอะพอสมควร
และการทดสอบกับเกม The Witcher III นั้นให้ผลที่คล้ายกับ 2 เกมที่ได้ทำการทดสอบมา แต่ได้มีการทดสอบประสิทธิภาพของ CPU ในระดับ 4K ซึ่ง Cache L3 สามารถทำประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทำเฟรมเรทในระดับ 4K คุณภาพกราฟฟิกสูดสุด กับการ์ดจอ RX 570 ได้เฟรทเรท 10-20 FPS
RYZEN 3 รุ่น 1200 และ 1300X ทั้ง 2 ตัวนี้มีประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกับการ์ดจอรุ่นสูง ๆ อย่าง GTX 1060 หรือ GTX 1070 ได้สบาย ๆ โดยไม่เกิดอาการคอขวด แต่อย่างใด ตอบโจทย์ในการเล่นเกมได้อย่างยอดเยี่ยมกับราคาที่ไม่แพง รวมถึงการทำงานด้านมัลติมีเดีย และการทำงานด้านกราฟฟิก ที่ใีประสิทธิภาพสูงในการประมวลผล ทำให้ CPU RYZEN 3 ทั้ง 2 รุ่นนี้ ถือเป็น CPU ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังจะหาซื้อคอมประกอบสักเครื่อง เพราะ CPU มีประสิทธิภาพที่สูง เมนบอร์ดไม่แพง ทำให่ประสิทธิภาพต่อราคา ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก ๆ กับความคุ้มค่าของ RYZEN 3
แต่สำหรับบางการใช้งานที่ RYZEN 3 นั้นอาจจะทำประสิทธิภาพได้ไม่ดีพอ ทำให้ผลที่ได้ออกมาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แต่แน่นอนว่าในอนาคตจะมีไดร์เวอร์สำหรับสนับสนุน RYZEN 3 ออกมาโดยเฉพาะ ทำให้ CPU มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ซึ่งใครที่กำลังชั่งใจว่าจะซื้อ CPU ตัวไหนดี แน่นอนว่า RYZEN 3 ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน
ข้อดี
- ราคาต่อประสิทธิภาพ RYZEN 3 ถือว่าคุ้มค่ามา ๆ กับความแรงระดับ intel core i5
- เมนบอร์ดชิปเซ็ต A320 มีราคาถูก สามารถประกอบเคสราคาประหยัดได้
- RYZEN 3 1300X มี Sensemi Technology ยิ่ง CPU เย็นก็จะยิ่งแรง
ข้อสังเกต
- Driver โปรแกรมต่าง ๆ ยังไม่สนับสนุนมากพอ ยังคงต้องรออีกสักระยะ