นับวันผู้ใช้อย่างเราๆท่านๆก็มีข้อมูลให้เก็บมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังเพลง รูปถ่าย ไปจนถึงไฟล์เอกสารไฟล์งานต่างๆ ที่เรียกได้ว่าเยอะมากมายมหาศาลบางท่านนี่แค่หน่วยความจำเดิมๆในฮาร์ดดิสค์น่าจะไม่พอกันแล้ว โดยเฉพาะท่านที่ใช้ฮาร์ดดิสค์แบบ SSD ด้วย ยิ่งไม่พอเลยแต่ตัววินโดวส์ก็ปาไปหลายสิบกิกกะไบท์แล้ว หรือบางท่านที่ต้องโอนถ่ายข้อมูลบ่อยๆ อาจจะเอางานให้เพื่อน ขนกลับไปทำที่บ้าน ก็ล้วนแต่ต้องใช้หน่วยความจำเสริมแบบแฟลชไดร์ฟหรือฮาร์ดดิสก์ภายนอก
แต่ปัญหาอย่างนึงของฮาร์ดดิสก์ภายนอกในปัจจุบันคือความเร็วที่แม้จะมีเทคโนโลยีการเชื่อมต่อใหม่ๆอย่าง USB 3.1 แต่สุดท้ายก็ยังไปคอขวดที่ตัวของฮาร์ดดิสค์แบบจานหมุนกว่าจะอ่านจะเขียนก็ช้าไปหมด อีกทั้งปัญหาด้านความปลอดภัยที่หากเกิดการตกกระแทกก็อาจจะทำให้ข้อมูลเกิดความเสียหายได้ WD ผู้ผลิตหน่วยความจำชั้นนำของโลกจึงได้พัฒนา WD MY PASSPORT SSD ฮาร์ดดิสค์แบบภายนอกที่ใช้หน่วยความจำแบบ SSD ที่เน้นความเร็วทนทาน และมาในขนาดที่เล็กมากๆ
WD MY PASSPORT SSD มาในกล่องขนาดกะทัดรัด พร้อมระบุข้อมูลต่างๆชัดเจนทั้งความจุ ความเร็วการอ่านเขียน การรับประกัน โดยภายในจะมีอุปกรณ์ทั้งตัว WD MY PASSPORT SSD สายดาต้าที่จะเป็นแบบ USB-C to USB-C ,หัวแปลง USB-C to USB-A และตัวคู่มือ
สเปค WD MY PASSPORT SSD โดยจะมี 3 รุ่นหลักๆแบ่งตามความจุเริ่มต้นที่ 256GB ,512GB สูงสุดที่ 1TB โดยทุกรุ่นจะมีขนาดเท่ากันหมดและรองรับการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี USB 3.1 แบบ USB-C พร้อมการรับประกัน 3 ปี
WD MY PASSPORT SSD ตัวจริงนั้นต้องบอกว่ามีขนาดที่เล็กและเบามากๆ โดยจะออกแบบจะเป็น 2 โทนสีคือส่วนที่เป็นสีดำด้านๆครึ่งนึง ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่ระบุรายละเอียดของตัวอุปกรณ์ และอีกครึ่งเป็นวัสดุมันเงาสีเงิน โดยจะมีการขึ้นลายริ้วๆเพิ่มความสวยงาม ขนาดครึ่งนึงของฝ่ามือได้ บางประมาณนิ้วมือ พกพาสะดวกแน่นอน
โดยด้านล่างจะมีพอร์ตเชื่อมต่อในรูปแบบ USB-C พร้อมเทคโนโลยีแบบ USB 3.1 (ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับ thunderbolt 3 ได้ด้วย)
ตัวสายที่ให้มาในกล่องจะเป็นสายแบบ USB-C to USB-C สำหรับโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆที่มีพอร์ต USB-C หรือกับเครื่องที่มีพอร์ต thunderbolt 3 ก็สามารถใช้ได้ แต่สำหรับเครื่องรุ่นอื่นๆที่ไม่มีก็ยังสามารถเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB-A มาตรฐานได้ผ่านหัวแปลง USB-C to USB-A ที่สามารถใช้งานร่วมกับ USB 2.0 และ 3.0 ได้ด้วย
เมื่อเชื่อมต่อ เทียบกับสายแล้วตัว WD MY PASSPORT SSD แล้วมีขนาดที่เล็กอย่างเห็นได้ชัดเลย
Software
โดยตัว My Passport SSD จะมาพร้อมซอฟแวร์ที่ช่วยในการใช้งานได้ไม่ว่าจะเป็นแบ็คอัพข้อมูล ตรวจเช็คสุขภาพของตัวฮาร์ดดิสค์ ไปจนถึงฟอแมทล้างตัวฮาร์ดดิสค์ให้หมดจดเหมือนใหม่
สเปคของตัว My Passport SSD
เวลาในการเข้าถึงข้อมูลด้วยหน่วยความจำเป็นแบบ SSD ทำให้ใช้เวลาในการเข้าถึงข้อมูลที่น้อยมาก ทั้งแบบการต่อผ่าน USB-A และ USB-C
Test
การทดสอบทีมงานจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือต่อแบบ USB 3.1 ผ่านหัวแปลง USB-A และแบบ Thunderbolt 3 ต่อตรงผ่านสาย USB-C
USB 3.1 (ผ่านหัวแปลง USB-A)
การทดสอบแบบ USB 3.1 ผ่านหัวแปลง แม้จะไม่เท่ากับสเปคที่ระบบไว้บนกล่อง แต่ก็ยังถือว่าเร็วมาก สูงสุดถึงระดับ 340 MB/s หรือสามารถโอนไฟล์ระดับ HD ที่ความจุหลายกิกกะไบท์ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที จากเดิมถ้าใช้ฮาร์ดดิสค์อาจจะใช้เวลาถึงราวๆ 10 นาทีขึ้นไปเลย
Thunderbolt 3 (ต่อตรง USB-C)
การทดสอบต่อตรง USB-C กับ Thunderbolt 3 ที่ใช้หัวเชื่อมต่อแบบเดียวกันแต่ให้ความเร็วสูงกว่า ทำให้สามารถรีดประสิทธิภาพของตัว My Passport SSD ขึ้นมาได้อีกพอสมควร โดยสามารถทำความเร็วไปได้ถึง 403 MB/s ถ้าใครมี USB-C หรือ Thunderbolt 3 อยู่ก็จะได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมา เพราะไม่ถูกบีบคอขวดจากหัวแปลงมากเท่าไรนัก
Comment
My Passport SSD ถือเป็นฮาร์ดดิสค์ภายนอกอีกตัวที่น่าสนใจไม่น้อยเหมาะกับผู้ที่โอนถ่ายข้อมูลความจุสูงในปริมาณมากๆ เพราะด้วยหน่วยความจำภายในเป็นแบบ SSD ทำให้สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้ไวกว่าฮาร์ดดิสค์แบบจานหมุนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานด้านตัดต่อวีดีโอ รูปถ่าย งานแอนนิเมชั่นที่จำเป็นต้องใช้งานไฟล์ขนาดใหญ่โดยสามารถโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่เสร็จได้ในไม่กี่นาที นอกจากนั้นยังมีความทนทานมากกว่าฮาร์ดดิสค์ธรรมดา อีกทั้งมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดสามารถพกพาได้อย่างสะดวก แต่ก็ต้องแลกมากับราคาต่อความจุที่สูงกว่าฮาร์ดดิสค์ภายนอกทั่วไป ซึ่งส่วนตัวสำหรับผู้ที่เน้นโอนถ่ายข้อมูลบ่อยๆ และมีงบประมาณจำกัดซื้อตัว 256 GB มาใช้งานก็เพียงพอแล้วครับ
จุดเด่น
- หน่วยความจำแบบ SSD อ่านเขียนข้อมูลได้เร็ว
- รองรับมาตรฐาน USB-C เหมาะกับโน๊ตบุ๊คและเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆ
- ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา
ข้อสังเกตุ
- มีราคาสูง
- บริเวณผิวเงาเป็นรอยได้ง่าย
ราคา My Passport SSD
- 256 GB – 3,990 บาท
- 512 GB – 7,990 บาท
- 1 TB – 15,990 บาท