ใครที่กำลังมองหาหนึ่งใน Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วที่น่าสนใจที่สุดในช่วงกลางปี 2017 นี้คงหนีไม่พ้นเจ้าตัว Predator Helios 300 หรือ Acer Predator G3-571 ซึ่งเจ้าตัวนี้เป็นโน๊ตบุ๊คที่เกิดมาเพื่อการเล่นเกมที่มาพร้อมสเปคโดนใจเหล่าเกมเมอร์เป็นอย่างมากด้วยการเลือกชิปประมวลผลรุ่นล่าสุด Intel Core i7-7700HQ และการ์ดจอสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1060 (6GB) โดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 42,990 บาทเท่านั้น(Core i5) จนไปถึง 52,990 บาท ซึ่งต้องบอกว่าเป็น Gaming Notebook ที่มีสเปคคุ้มค่าต่อราคามากๆ
โดยทั้ง 4 รุ่นมาพร้อมกับประกัน 3 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน เรียกได้ว่าทาง Acer นั้นจัดเต็มจริงๆ ซึ่งล่าสุดทางทีมงาน NotebookSPEC ก็ได้จัดมาเพื่อทำการรีวิวเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นในส่วนของรุ่นกลางที่ใช้ Intel Core i7-7700HQ ราคา 46,990 บาท ที่ต้องบอกว่าด้วยราคาต่อสเปคขนาดนี้ เล่นเอา Gaming Notebook ค่ายอื่นๆ ต้องกลับไปทำการบ้านมาใหม่เลยทีเดียว ส่วนประสิทธิภาพการทดสอบจะเป็นเช่นไร ไปติดตามที่รีวิวนี้เต็มๆ กันได้เลยครับ
VDO Review
Specification
Predator Helios 300 จะมีจำหน่ายด้วยกัน 4 รุ่นย่อย ซึ่งตัวที่ NotebookSPEC ได้มาทดสอบ เป็นตัวรุ่นกลางๆ กับราคา 46,900 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-7700HQ (2.80 – 3.80 GHz) ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1060 (6GB GDDR5) มีที่เก็บข้อมูลฮาร์ดดิสก์ความจุ 1TB 5400 รอบ พร้อมติดตั้ง SSD แบบ M.2 ความจุ 128 GB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8 GB แบบ DDR4 อัพเกรดได้สูงสุด 32GB
นอกจากนี้ Predator Helios 300 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6 นิ้ว ที่ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจ ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง DOLBY AUDIO ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก
ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 1 x USB 3.0, 1 x USB 3.1 Type-C, 2 x USB 2.0, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.0 และ Wi-Fi Intel Dual Band มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac
อีกอย่างเจ้าตัว Predator Helios 300 ยังมาพร้อมกับ Windows 10 Home แท้ด้วยทุกรุ่น สำหรับรุ่นที่นำมารีวิวเป็นตัว Intel Core i7 ตัวเริ่มต้น สนนราคาอยู่ที่ 46,990 บาทเท่านั้นถือว่าคุ้มค่าที่สุด ณ เวลานี้เลยทีเดียวครับ
- Core i5-7300HQ/GTX 1060 (6GB) /RAM 8 GB DDR4/HDD 1TB+ SSD 128 GB ราคา 42,990 บาท
- Core i7-7700HQ/GTX 1060 (6GB) /RAM 8 GB DDR4/HDD 1TB+ SSD 128 GB ราคา 46,990 บาท
- Core i7-7700HQ/GTX 1060 (6GB) /RAM 8 GB DDR4/HDD 1TB+ SSD 256 GB ราคา 49,990 บาท
- Core i7-7700HQ/GTX 1060 (6GB) /RAM 16 GB DDR4/HDD 1TB+ SSD 256 GB ราคา 52,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์ของตัวเครื่อง Predator Helios 300 นั้นค่อนข้างคล้ายกับดีไซน์ของ Acer Aspire VX5 ที่เน้นรูปทรงภายนอกดูสมัยที่ดูคล้ายยานอวกาศ วัสดุหลักทั้งตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นฝานอกหรือบอดี้ตรงฐานคีย์บอร์ดวัสดุจะเป็นโลหะทั้งหมด ซึ่งบอกได้เลยว่าประกอบเนี้ยบดูดีจริงๆ โดยสีสันจะเป็นโทนดำตัดกับสีแดงตามสไตล์ Gaming ดูดุดัน โดยฝาบนจะเป็นวาดลายคล้ายมีโลโก้ Predator พร้อมกับมีขีดแดงๆ สองเส้น
ผิวฝาบนสีดำมันวาวลายสเแตนเลส ให้สัมผัสดีดูงานมีคุณภาพ แถมยังมีขอบที่จับกั้นลื่นด้วยอยู่ที่ขอบจอ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็ยรอยนิ้วมือง่ายนิดหนึ่งสำหรับผิวอลูมิเนียมที่เป็นโลหะ ซึ่งคงต้องหมั่นคอยเช็ดทำความสะอาดสักหน่อย เวลาเหงื่อออกแล้วไปจับ
สำหรับเรื่องขนาดของ Predator Helios 300 เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งคือไม่ใหญ่เกินไปเหมือน Predator 15 แล้วก็ไม่ได้เล็กมากจนเกินไปเหมือน Gaming Notebook บางรุ่นที่เน้นความบางเบา (จนบางครั้งก็บางเกิน ทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดีนัก) อย่างไรก็ตามเรื่องขนาดนั้นสรุปได้ว่า Predator Helios 300 อยู่ตรงโซนกลางๆ ของโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมที่มาพร้อมกับหน้าจอ 15.6 นิ้ว
Predator Helios 300 นั้นพร้อมกับฝาหลังสามารถที่จะแกะด้านล่างของตัวเครื่องออกมาได้สะดวก ทั้งอัพเกรด HDD หรือ Ram ก็ทำได้ง่าย เพียงไขน็อตตัวเดียวแล้วแกะออกก็สามารถทำการอัพเกรดได้แล้ว แต่ถ้าหากจะอัพเกรด SSD คงจะยากสักหน่อยเพราะมันอยู่ด้านในสุด ต้องแกะฝาหลังเครื่องออกทั้งหมดเลยนั่นเอง ถ้าคนไม่เชี่ยวชาญคงต้องให้ทางร้านให้ช่างทำให้แล้วละครับ
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่องที่มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6 นิ้วนั้นทำให้ทาง Predator Helios 300 สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ โดยจุดเด่นนั้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการมี ปุ่มแป้นคีย์ตัวเลข (Numpad) มาให้ด้วย รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษร WASD ยังเป็นสีแดงเด่นออกมา ซึ่งมาพร้อมกับไฟส่องสว่างสีแดง (เปิดปิดได้เท่านั้น ปรับระดับแสงไม่ได้) ให้ความสว่างพอสมควรดูเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คสวยงาม อีกทั้งเรื่องการสัมผัสบนคีย์บอร์ดที่ปุ่มมีความนุ่มมาก รู้สึกได้เลยว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแน่นอน
ในส่วนทัชแพดนั้นจะมีขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ออกแบบปุ่มมาเป็นแบบชิ้นเดียวซ่อนปุ่มตามสมัยนิยมทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา ให้ความลื่นไหลในการใช้งานเป็นอย่างดี ซึ่งตัวทัชแพดจะวางตัวไปทางด้านซ้ายของเครื่องเล็กน้อยไม่ได้อยู่ตรงกลางหน้าจอเป๊ะๆ โดยรวมก็สามารถใช้งานได้ดีไม่ปัญหาแต่อย่างใด
Screen / Speaker
Predator Helios 300 มาพร้อมหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) แบบ ComfyView ที่เลือกใช้ พาเนล IPS ให้มุมมองที่คมชัด สีสันสวยสดงดงาม โดยพื้นผิวจอเป็นแบบจอด้าน Anti-Glare ช่วยลดแสงสะท้อนเวลาเรานำโน๊ตบุ๊คไปทำงานข้างนอก ซึ่งดูรวมๆ แล้งทั้งสีสันและความคมชัดจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือการเล่นเกม ดูหนังก็ทำได้ย่อมทำได้อย่างน่าประทับใจไม่มีปัญหา
ส่วนทางด้านลำโพงของ Predator Helios 300 นั้นจะมีด้วยกัน 2 ตัวโดยจะอยู่ทางด้านล่างมุมซ้ายและขวาของเครื่องอย่างละตัว ลำโพงนั้นจะมีการวางตำแหน่งในลักษณะเฉียงลงไปยังพื้นเพื่อที่จะให้เสียงได้สัมผัสกับพื้นแล้วสะท้อนขึ้นมาให้ผู้ใช้ได้ยินซึ่งถือว่าเป็นการออกแบบที่ดีมากอย่างหนึ่งบน Predator Helios 300 ซึ่งคุณภาพเสียงการใช้งานต่างๆ เมื่อใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ DOLBY AUDIO ก็สามารถทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ตินิดหน่อยตรงที่ไม่มีซับวูฟเฟอร์มาให้ด้วย
Connector / Thin And Weight
Predator Helios 300 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 1 x USB 3.0(เป็นแบบชาร์จเจอร์ด้วย), 1 x USB 3.1 Type-C, 2 x USB 2.0, HDMI, SD(XC/HC) Card reader, RJ45 (Gigabit Ethernet) และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับ USB 2.0 ที่ให้มา 2 พอร์ตนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็น USB 3.0 ไปเลยจะดีมากๆ
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 4.2 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน 802.11b/g/n/ac รูปแบบมาตราฐานใหม่ที่รองรับสัญญานแบบ 5 GHz และทางด้านการพกพาเจ้า Predator Helios 300 ทำได้น่าพอใจไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยน้ำหนัก 2.56 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็เข้าไปด้วยรวมจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลกรัมครับ
Inside
การแกะเครื่องเพื่ออัพเกรดเจ้า Predator Helios 300 นั้นสามารถทำได้ง่าย โดยเฉพาะในส่วนของ Ram และฮาร์ดดิสเพียงแค่ไขน็อตตัวเดียวแล้วแกะฝาออกก็ทำได้แล้ว ซึ่ง Ram กับฮาร์ดดิสจะแยกส่วนกันอย่างเช็ดเจน ส่วนหากจะแกะเพื่ออัพเกรด SSD จะทำได้ค่อนข้างยาก เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่น ต้องใช้ฝีมือและทักษะพอสมควร ซึ่งต้องถอดน็อตทุกตัวและมีน็อตเยอะมาก แล้วค่อยใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากหลังมาหน้า เวลาทำห้ามใจร้อนไม่งั้นฝาอาจจะหักได้ และเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์ส่วนประกอบต่างๆ อย่างชัดเจนตามรูปเลย
การวางเลย์เอาท์ฮาร์ดแวร์ของเจ้าเครื่องนี้ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เพราะ วางพัดลมติดกันสองตัวแทนที่จะวางแยกกันแบบสองฝั่งซ้ายขวา แต่ในเรื่องของการระบายความร้อนก็หายห่วงได้เลย เพราะเจ้าเครื่องนี้มีฮีทไปป์ทั้งหมด 3 เส้น อีกทั้งพัดลมก็เป็นพัดลมขนาดใหญ่ ซึ่งในส่วนของพัดลมระบายความร้อนก็จะเป่าออกด้านหลังช่วยระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี
Performance / Software
สำหรับตัว Predator Helios 300 มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7700HQ (รุ่นยอดนิยมประจำปี 2017) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่ว่าจะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.80 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.80 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ และมาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 บัส 2400 MHz
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง ส่วน การ์ดจอแยกใช้รุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1060 ขนาด 6 GB ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซี และแรงกว่า GTX 1050/1050Ti แบบรู้สึกได้ สามารถนำเอาไปเล่นเกมแบบ Full HD ปรับสุดได้ทุกเกมสบายๆ แถมยังรองรับเทคโนโลยี VR ในอนาคตอีกด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 128 GB แบบ M.2 (สล็อตรองรับการอัพเกรดเป็น SSD M.2 NVMe ได้) ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 501.22 MB/s และเขียนที่ 128.5 MB/s
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1 TB แบบความเร็ว 5400 รอบที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 39.6 MB/s และสูงสุดที่ 141.9 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 99.9 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 21.3 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าทำได้ดีกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติที่ 5400 รอบแบบรู้สึกได้เวลาเข้าเกมโหลดเกม
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของ FPS จากทั้ง 5 เกม เรียกได้ว่าปรับสุดทุกอย่างมีคะแนน FPS มากกว่า 30 FPS ขึ้นไปทุกเกม ไปดูจากกราฟได้เลยครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง
จากทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield 1 /GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ภาพก็สวยจนน่าประทับใจแบบที่สุด ซึ่งดูจากเฟรมเรทเฉลี่ยแล้วแทบไม่ต่ำไปกว่า 30 FPS เรียกได้ว่าเหลือๆ ไม่มีอาการแลคแต่อย่างใด ส่วนอีก 2 เกมออนไลน์ที่ทีมงานเล่นกันเป็นประจำอย่าง Overwatch, DotA 2 ค่าเฟรมเรทไม่เฉลี่ยไม่ต่ำ 60 เฟรมเช่นกัน พูดได้เลยว่าลื่นๆ หายห่วง และที่สำคัญเลยสามารถเล่นเกม PUBG ปรับ Ultra ได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งหากเป็นการ์ดจอ 1050/1050ti ปรับไม่ได้อย่างแน่นอน ซึ่งหากสรุปโดยรวมแล้วคือเจ้า Predator Helios 300 คือเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คชั้นยอดสุดคุ้มที่สามารถเล่นได้อย่างสบายๆ และทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริงนั่นเองครับ
Battery / Heat / Noise
Predator Helios 300 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 3,000 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เนื่องจากเจ้า Predator Helios 300 สามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บดูท่องเว็บดู YouTube ได้ถึง 5–6 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งหากดูตามตารางแล้วนั้นจะเห็นได้ครับว่า Predator Helios 300 ถือว่าใช้งานได้ดีกว่า Core i7 รุ่นเดียวอื่นๆ อีกหลายรุ่นเลย
ส่วนของอุณหภูมิถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีตอนที่ใช้งานเครื่องแบบไปบีบขั้นทรัพยากรมากนัก และถึงจะเป็นการเล่นเกมที่เน้น GPU และ CPU เข้ามาด้วยเป็นเวลานานๆ ตัวเครื่องจะไปร้อนสะสมอยู่ที่ด้านบนคีย์บอร์ดซึ่งเป็นจุดระบายความร้อนนั่นเองครับ ซึ่งจากการทดสอบอุณหภูมิสูงสุดที่วัดได้อยู่ที่ 86 องศาสำหรับ CPU และ 74 องศาสำหรับ GPU ครับ (ทดสอบในห้องแอร์อุณหภูมิ 25 องศา)
Conclusion / Award
สรุปรีวิว Predator Helios 300 เป็น Gaming Notebook ที่ติดตั้งการ์ดจอตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1060 (6GB) ที่แรงคุ้มที่สุดในท้องตลาดในช่วงกลางปี 2017 เลยก็ว่าได้ ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ สามารถอัพเกรด Ram ได้ถึง 32 GB ที่สำคัญสามารถรองรับการเล่นเกมได้อย่างครอบคลุมจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์หรือออนไลน์ อันนี้สบายๆ แน่นอน
อีกทั้งยังมาพร้อมกับ SSD M.2 128 GB ที่มี Windows 10 แท้ในตัว ทำให้เจ้า Predator Helios 300 เรียกได้ว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งในตอนนี้ก็ว่าได้ ยังไม่พอซื้อเจ้าเครื่องนี้มีกระเป๋า Bundle โน๊ตบุ๊ค Predator อีกด้วย พูดกันตามตรงว่า กระเป๋าที่ Bundle มาเป็นกระเป๋าที่โน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียวเพราะตกราคาก็ใบละกว่า 4,000 บาทแล้ว ซึ่งสามารถกันน้ำกันฝนได้ แถมมีช่องใส่ของเยอะมากเลยทีเดียว
ยังไม่พอทาง Acer ยังให้ประกันเจ้า Predator Helios 300 เป็นแบบประกัน On-Site Service 3 ปีเต็มอีกด้วย จัดเต็มกว่ายี่ห้ออื่นๆ กันพอสมควรเลย ส่วนข้อสังเกตเจ้าเครื่องนี้ก็มีอยู่บ้างคือ เจ้าเครื่องนี้เลือกใช้ USB 2.0 จำนวน 2 ช่อง แทนที่จะเป็น USB 3.0 จำนวน 2 ช่อง ทำให้ใครที่อยากใช้ USB 3.0 มากกว่าหนึ่งช่องต้องไปซื้อพอร์ตแปลง HUB ต่อผ่าน USB 3.1 type C แทนนั่นเอง
โดยรวมพูดกันตามตรงเจ้า Predator Helios 300 หรือ Acer Predator G3-571 เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่คุ้มค่าที่สุดในงบ 46,990 บาท ซึ่งได้สเปคอย่างที่บอกคือได้ GTX 1060 แบบ 6 GB ไม่กั๊กเหมือนแบรนด์อื่น หน้าจอ IPS ประกัน 3 ปี พร้อม SSD 128 GB และมี Windows 10 แท้มาให้อีก ไม่เรียกว่าโครตคุ้มจนก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วละครับ
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบมาใหม่สวยงาม วัสดุดี งานประกอบแน่นหนา แกะอัพเกรดได้ง่าย
- สเปคแรงมาพร้อม Core i7-7700HQ และการ์ดจอ GeForce GTX 1060 (6GB)
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.0, USB 3.1 Type-C, HDMI
- มี SSD M.2 มาให้กับ Windows 10 แท้มาให้ทุกรุ่น
- ระบบระบายความร้อนสามารถทำได้ดีตามมาตรฐาน
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 5-6 ชั่วโมง
- มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
- กระเป๋า Predator ที่ Bundle มาคุณภาพดีมาก
- ราคาคุ้มค่ามากๆ เมื่อเทียบกับสเปคที่ได้
ข้อสังเกต
- พอร์ต USB เป็น USB 2.0 x 2 แทนที่จะเป็น USB 3.0 x 2 หรือ USB 3.0 ทั้งหมดได้แล้ว
- ตัวเครื่องบอดี้เป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย
- พัดลมระบายความร้อนวางติดกันสองตัวด้านซ้าย ซึ่งน่าจะแยกสองตัวออกจากแบบแยกซ้ายขวามากกว่า
AWARDS
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง Predator Helios 300 ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดใน Predator Helios 300 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามดุดัน เรียกได้ว่าได้เค้าโครงจากรุ่นพี่อย่างตัว Acer Aspire VX5 มาเต็มๆ ซึ่งเอามาอัพเกรดให้ดูดีดูแพงขึ้นนั่นเอง
Best Performance
Predator Helios 300 มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-7700HQ และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1060 (6GB GDDR5) พร้อม Ram ตัวเครื่องขนาด 8GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 และ SSD แบบ M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลไม่มีปัญหา
Best Value
Predator Helios 300 มาพร้อมกับสเปคที่ลงตัวเอามากๆ ทั้ง i7-7700HQ + GTX 1060 (6GB) + Ram 8 + SSD 128 GB + จอ 15.6 นิ้ว IPS ประกัน On-site 3 ปี พร้อม Windows 10 แท้อีก เรียกได้ว่าซื้อไปตัวเดียวจบไม่ต้องอัพเกรดอะไรเพิ่ม ในราคา 46,990 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุดแล้วละครับในช่วงงบราคานี้
VDO Review
Specification
Predator Helios 300 จะมีจำหน่ายด้วยกัน 4 รุ่นย่อย ซึ่งตัวที่ NotebookSPEC ได้มาทดสอบ เป็นตัวรุ่นกลางๆ กับราคา 46,900 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-7700HQ (2.80 – 3.80 GHz) ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1060 (6GB GDDR5) มีที่เก็บข้อมูลฮาร์ดดิสก์ความจุ 1TB 5400 รอบ พร้อมติดตั้ง SSD แบบ M.2 ความจุ 128 GB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8 GB แบบ DDR4 อัพเกรดได้สูงสุด 32GB
นอกจากนี้ Predator Helios 300 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6 นิ้ว ที่ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจ ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง DOLBY AUDIO ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก
ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 1 x USB 3.0, 1 x USB 3.1 Type-C, 2 x USB 2.0, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.0 และ Wi-Fi Intel Dual Band มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac
อีกอย่างเจ้าตัว Predator Helios 300 ยังมาพร้อมกับ Windows 10 Home แท้ด้วยทุกรุ่น สำหรับรุ่นที่นำมารีวิวเป็นตัว Intel Core i7 ตัวเริ่มต้น สนนราคาอยู่ที่ 46,990 บาทเท่านั้นถือว่าคุ้มค่าที่สุด ณ เวลานี้เลยทีเดียวครับ
- Core i5-7300HQ/GTX 1060 (6GB) /RAM 8 GB DDR4/HDD 1TB+ SSD 128 GB ราคา 42,990 บาท
- Core i7-7700HQ/GTX 1060 (6GB) /RAM 8 GB DDR4/HDD 1TB+ SSD 128 GB ราคา 46,990 บาท
- Core i7-7700HQ/GTX 1060 (6GB) /RAM 8 GB DDR4/HDD 1TB+ SSD 256 GB ราคา 49,990 บาท
- Core i7-7700HQ/GTX 1060 (6GB) /RAM 16 GB DDR4/HDD 1TB+ SSD 256 GB ราคา 52,990 บาท
Hardware / Design
ดีไซน์ของตัวเครื่อง Predator Helios 300 นั้นค่อนข้างคล้ายกับดีไซน์ของ Acer Aspire VX5 ที่เน้นรูปทรงภายนอกดูสมัยที่ดูคล้ายยานอวกาศ วัสดุหลักทั้งตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็นฝานอกหรือบอดี้ตรงฐานคีย์บอร์ดวัสดุจะเป็นโลหะทั้งหมด ซึ่งบอกได้เลยว่าประกอบเนี้ยบดูดีจริงๆ โดยสีสันจะเป็นโทนดำตัดกับสีแดงตามสไตล์ Gaming ดูดุดัน โดยฝาบนจะเป็นวาดลายคล้ายมีโลโก้ Predator พร้อมกับมีขีดแดงๆ สองเส้น
ผิวฝาบนสีดำมันวาวลายสเแตนเลส ให้สัมผัสดีดูงานมีคุณภาพ แถมยังมีขอบที่จับกั้นลื่นด้วยอยู่ที่ขอบจอ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็ยรอยนิ้วมือง่ายนิดหนึ่งสำหรับผิวอลูมิเนียมที่เป็นโลหะ ซึ่งคงต้องหมั่นคอยเช็ดทำความสะอาดสักหน่อย เวลาเหงื่อออกแล้วไปจับ
สำหรับเรื่องขนาดของ Predator Helios 300 เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งคือไม่ใหญ่เกินไปเหมือน Predator 15 แล้วก็ไม่ได้เล็กมากจนเกินไปเหมือน Gaming Notebook บางรุ่นที่เน้นความบางเบา (จนบางครั้งก็บางเกิน ทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดีนัก) อย่างไรก็ตามเรื่องขนาดนั้นสรุปได้ว่า Predator Helios 300 อยู่ตรงโซนกลางๆ ของโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมที่มาพร้อมกับหน้าจอ 15.6 นิ้ว
Predator Helios 300 นั้นพร้อมกับฝาหลังสามารถที่จะแกะด้านล่างของตัวเครื่องออกมาได้สะดวก ทั้งอัพเกรด HDD หรือ Ram ก็ทำได้ง่าย เพียงไขน็อตตัวเดียวแล้วแกะออกก็สามารถทำการอัพเกรดได้แล้ว แต่ถ้าหากจะอัพเกรด SSD คงจะยากสักหน่อยเพราะมันอยู่ด้านในสุด ต้องแกะฝาหลังเครื่องออกทั้งหมดเลยนั่นเอง ถ้าคนไม่เชี่ยวชาญคงต้องให้ทางร้านให้ช่างทำให้แล้วละครับ
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่องที่มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6 นิ้วนั้นทำให้ทาง Predator Helios 300 สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ โดยจุดเด่นนั้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการมี ปุ่มแป้นคีย์ตัวเลข (Numpad) มาให้ด้วย รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษร WASD ยังเป็นสีแดงเด่นออกมา ซึ่งมาพร้อมกับไฟส่องสว่างสีแดง (เปิดปิดได้เท่านั้น ปรับระดับแสงไม่ได้) ให้ความสว่างพอสมควรดูเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คสวยงาม อีกทั้งเรื่องการสัมผัสบนคีย์บอร์ดที่ปุ่มมีความนุ่มมาก รู้สึกได้เลยว่าดีกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแน่นอน
ในส่วนทัชแพดนั้นจะมีขนาดกลางๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ออกแบบปุ่มมาเป็นแบบชิ้นเดียวซ่อนปุ่มตามสมัยนิยมทั้งคลิกซ้ายคลิกขวา ให้ความลื่นไหลในการใช้งานเป็นอย่างดี ซึ่งตัวทัชแพดจะวางตัวไปทางด้านซ้ายของเครื่องเล็กน้อยไม่ได้อยู่ตรงกลางหน้าจอเป๊ะๆ โดยรวมก็สามารถใช้งานได้ดีไม่ปัญหาแต่อย่างใด
Screen / Speaker
Predator Helios 300 มาพร้อมหน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD (1920×1080 พิกเซล) แบบ ComfyView ที่เลือกใช้ พาเนล IPS ให้มุมมองที่คมชัด สีสันสวยสดงดงาม โดยพื้นผิวจอเป็นแบบจอด้าน Anti-Glare ช่วยลดแสงสะท้อนเวลาเรานำโน๊ตบุ๊คไปทำงานข้างนอก ซึ่งดูรวมๆ แล้งทั้งสีสันและความคมชัดจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว เหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือการเล่นเกม ดูหนังก็ทำได้ย่อมทำได้อย่างน่าประทับใจไม่มีปัญหา
ส่วนทางด้านลำโพงของ Predator Helios 300 นั้นจะมีด้วยกัน 2 ตัวโดยจะอยู่ทางด้านล่างมุมซ้ายและขวาของเครื่องอย่างละตัว ลำโพงนั้นจะมีการวางตำแหน่งในลักษณะเฉียงลงไปยังพื้นเพื่อที่จะให้เสียงได้สัมผัสกับพื้นแล้วสะท้อนขึ้นมาให้ผู้ใช้ได้ยินซึ่งถือว่าเป็นการออกแบบที่ดีมากอย่างหนึ่งบน Predator Helios 300 ซึ่งคุณภาพเสียงการใช้งานต่างๆ เมื่อใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ DOLBY AUDIO ก็สามารถทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ตินิดหน่อยตรงที่ไม่มีซับวูฟเฟอร์มาให้ด้วย
Connector / Thin And Weight
Predator Helios 300 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 1 x USB 3.0(เป็นแบบชาร์จเจอร์ด้วย), 1 x USB 3.1 Type-C, 2 x USB 2.0, HDMI, SD(XC/HC) Card reader, RJ45 (Gigabit Ethernet) และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับ USB 2.0 ที่ให้มา 2 พอร์ตนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็น USB 3.0 ไปเลยจะดีมากๆ
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 4.2 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน 802.11b/g/n/ac รูปแบบมาตราฐานใหม่ที่รองรับสัญญานแบบ 5 GHz และทางด้านการพกพาเจ้า Predator Helios 300 ทำได้น่าพอใจไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยน้ำหนัก 2.56 กิโลกรัม และเมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็เข้าไปด้วยรวมจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 3 กิโลกรัมครับ
Inside
การแกะเครื่องเพื่ออัพเกรดเจ้า Predator Helios 300 นั้นสามารถทำได้ง่าย โดยเฉพาะในส่วนของ Ram และฮาร์ดดิสเพียงแค่ไขน็อตตัวเดียวแล้วแกะฝาออกก็ทำได้แล้ว ซึ่ง Ram กับฮาร์ดดิสจะแยกส่วนกันอย่างเช็ดเจน ส่วนหากจะแกะเพื่ออัพเกรด SSD จะทำได้ค่อนข้างยาก เพราะงานประกอบค่อนข้างแน่น ต้องใช้ฝีมือและทักษะพอสมควร ซึ่งต้องถอดน็อตทุกตัวและมีน็อตเยอะมาก แล้วค่อยใช้บัตรแข็งค่อยๆ รูดถอดออกที่ละส่วน จากหลังมาหน้า เวลาทำห้ามใจร้อนไม่งั้นฝาอาจจะหักได้ และเมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์ส่วนประกอบต่างๆ อย่างชัดเจนตามรูปเลย
การวางเลย์เอาท์ฮาร์ดแวร์ของเจ้าเครื่องนี้ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เพราะ วางพัดลมติดกันสองตัวแทนที่จะวางแยกกันแบบสองฝั่งซ้ายขวา แต่ในเรื่องของการระบายความร้อนก็หายห่วงได้เลย เพราะเจ้าเครื่องนี้มีฮีทไปป์ทั้งหมด 3 เส้น อีกทั้งพัดลมก็เป็นพัดลมขนาดใหญ่ ซึ่งในส่วนของพัดลมระบายความร้อนก็จะเป่าออกด้านหลังช่วยระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี
Performance / Software
สำหรับตัว Predator Helios 300 มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7700HQ (รุ่นยอดนิยมประจำปี 2017) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่ว่าจะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.80 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.80 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ และมาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 บัส 2400 MHz
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง ส่วน การ์ดจอแยกใช้รุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1060 ขนาด 6 GB ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซี และแรงกว่า GTX 1050/1050Ti แบบรู้สึกได้ สามารถนำเอาไปเล่นเกมแบบ Full HD ปรับสุดได้ทุกเกมสบายๆ แถมยังรองรับเทคโนโลยี VR ในอนาคตอีกด้วย
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 128 GB แบบ M.2 (สล็อตรองรับการอัพเกรดเป็น SSD M.2 NVMe ได้) ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุนแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 501.22 MB/s และเขียนที่ 128.5 MB/s
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1 TB แบบความเร็ว 5400 รอบที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 39.6 MB/s และสูงสุดที่ 141.9 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 99.9 MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 21.3 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าทำได้ดีกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติที่ 5400 รอบแบบรู้สึกได้เวลาเข้าเกมโหลดเกม
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของ FPS จากทั้ง 5 เกม เรียกได้ว่าปรับสุดทุกอย่างมีคะแนน FPS มากกว่า 30 FPS ขึ้นไปทุกเกม ไปดูจากกราฟได้เลยครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง
จากทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield 1 /GTA V ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ภาพก็สวยจนน่าประทับใจแบบที่สุด ซึ่งดูจากเฟรมเรทเฉลี่ยแล้วแทบไม่ต่ำไปกว่า 30 FPS เรียกได้ว่าเหลือๆ ไม่มีอาการแลคแต่อย่างใด ส่วนอีก 2 เกมออนไลน์ที่ทีมงานเล่นกันเป็นประจำอย่าง Overwatch, DotA 2 ค่าเฟรมเรทไม่เฉลี่ยไม่ต่ำ 60 เฟรมเช่นกัน พูดได้เลยว่าลื่นๆ หายห่วง และที่สำคัญเลยสามารถเล่นเกม PUBG ปรับ Ultra ได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งหากเป็นการ์ดจอ 1050/1050ti ปรับไม่ได้อย่างแน่นอน ซึ่งหากสรุปโดยรวมแล้วคือเจ้า Predator Helios 300 คือเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คชั้นยอดสุดคุ้มที่สามารถเล่นได้อย่างสบายๆ และทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริงนั่นเองครับ
Battery / Heat / Noise
Predator Helios 300 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 3,000 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ เนื่องจากเจ้า Predator Helios 300 สามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บดูท่องเว็บดู YouTube ได้ถึง 5–6 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งหากดูตามตารางแล้วนั้นจะเห็นได้ครับว่า Predator Helios 300 ถือว่าใช้งานได้ดีกว่า Core i7 รุ่นเดียวอื่นๆ อีกหลายรุ่นเลย
ส่วนของอุณหภูมิถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีตอนที่ใช้งานเครื่องแบบไปบีบขั้นทรัพยากรมากนัก และถึงจะเป็นการเล่นเกมที่เน้น GPU และ CPU เข้ามาด้วยเป็นเวลานานๆ ตัวเครื่องจะไปร้อนสะสมอยู่ที่ด้านบนคีย์บอร์ดซึ่งเป็นจุดระบายความร้อนนั่นเองครับ ซึ่งจากการทดสอบอุณหภูมิสูงสุดที่วัดได้อยู่ที่ 86 องศาสำหรับ CPU และ 74 องศาสำหรับ GPU ครับ (ทดสอบในห้องแอร์อุณหภูมิ 25 องศา)
Conclusion / Award
สรุปรีวิว Predator Helios 300 เป็น Gaming Notebook ที่ติดตั้งการ์ดจอตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1060 (6GB) ที่แรงคุ้มที่สุดในท้องตลาดในช่วงกลางปี 2017 เลยก็ว่าได้ ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ สามารถอัพเกรด Ram ได้ถึง 32 GB ที่สำคัญสามารถรองรับการเล่นเกมได้อย่างครอบคลุมจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์หรือออนไลน์ อันนี้สบายๆ แน่นอน
อีกทั้งยังมาพร้อมกับ SSD M.2 128 GB ที่มี Windows 10 แท้ในตัว ทำให้เจ้า Predator Helios 300 เรียกได้ว่าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่คุ้มค่าที่สุดรุ่นหนึ่งในตอนนี้ก็ว่าได้ ยังไม่พอซื้อเจ้าเครื่องนี้มีกระเป๋า Bundle โน๊ตบุ๊ค Predator อีกด้วย พูดกันตามตรงว่า กระเป๋าที่ Bundle มาเป็นกระเป๋าที่โน๊ตบุ๊คที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียวเพราะตกราคาก็ใบละกว่า 4,000 บาทแล้ว ซึ่งสามารถกันน้ำกันฝนได้ แถมมีช่องใส่ของเยอะมากเลยทีเดียว
ยังไม่พอทาง Acer ยังให้ประกันเจ้า Predator Helios 300 เป็นแบบประกัน On-Site Service 3 ปีเต็มอีกด้วย จัดเต็มกว่ายี่ห้ออื่นๆ กันพอสมควรเลย ส่วนข้อสังเกตเจ้าเครื่องนี้ก็มีอยู่บ้างคือ เจ้าเครื่องนี้เลือกใช้ USB 2.0 จำนวน 2 ช่อง แทนที่จะเป็น USB 3.0 จำนวน 2 ช่อง ทำให้ใครที่อยากใช้ USB 3.0 มากกว่าหนึ่งช่องต้องไปซื้อพอร์ตแปลง HUB ต่อผ่าน USB 3.1 type C แทนนั่นเอง
โดยรวมพูดกันตามตรงเจ้า Predator Helios 300 หรือ Acer Predator G3-571 เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่คุ้มค่าที่สุดในงบ 46,990 บาท ซึ่งได้สเปคอย่างที่บอกคือได้ GTX 1060 แบบ 6 GB ไม่กั๊กเหมือนแบรนด์อื่น หน้าจอ IPS ประกัน 3 ปี พร้อม SSD 128 GB และมี Windows 10 แท้มาให้อีก ไม่เรียกว่าโครตคุ้มจนก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วละครับ
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบมาใหม่สวยงาม วัสดุดี งานประกอบแน่นหนา แกะอัพเกรดได้ง่าย
- สเปคแรงมาพร้อม Core i7-7700HQ และการ์ดจอ GeForce GTX 1060 (6GB)
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.0, USB 3.1 Type-C, HDMI
- มี SSD M.2 มาให้กับ Windows 10 แท้มาให้ทุกรุ่น
- ระบบระบายความร้อนสามารถทำได้ดีตามมาตรฐาน
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานประมาณ 5-6 ชั่วโมง
- มาพร้อมกับการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน
- กระเป๋า Predator ที่ Bundle มาคุณภาพดีมาก
- ราคาคุ้มค่ามากๆ เมื่อเทียบกับสเปคที่ได้
ข้อสังเกต
- พอร์ต USB เป็น USB 2.0 x 2 แทนที่จะเป็น USB 3.0 x 2 หรือ USB 3.0 ทั้งหมดได้แล้ว
- ตัวเครื่องบอดี้เป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย
- พัดลมระบายความร้อนวางติดกันสองตัวด้านซ้าย ซึ่งน่าจะแยกสองตัวออกจากแบบแยกซ้ายขวามากกว่า
AWARDS
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง Predator Helios 300 ก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Acer มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดใน Predator Helios 300 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามดุดัน เรียกได้ว่าได้เค้าโครงจากรุ่นพี่อย่างตัว Acer Aspire VX5 มาเต็มๆ ซึ่งเอามาอัพเกรดให้ดูดีดูแพงขึ้นนั่นเอง
Best Performance
Predator Helios 300 มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-7700HQ และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1060 (6GB GDDR5) พร้อม Ram ตัวเครื่องขนาด 8GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 และ SSD แบบ M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลไม่มีปัญหา
Best Value
Predator Helios 300 มาพร้อมกับสเปคที่ลงตัวเอามากๆ ทั้ง i7-7700HQ + GTX 1060 (6GB) + Ram 8 + SSD 128 GB + จอ 15.6 นิ้ว IPS ประกัน On-site 3 ปี พร้อม Windows 10 แท้อีก เรียกได้ว่าซื้อไปตัวเดียวจบไม่ต้องอัพเกรดอะไรเพิ่ม ในราคา 46,990 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าคุ้มค่าที่สุดแล้วละครับในช่วงงบราคานี้