MSI GP72 7REX Leopard Pro หนึ่งในโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Gen 7 Kaby Lake รุ่นล่าสุดกับแบรนด์ MSI ในรุ่นที่คุ้มค่าตอบโจทย์ทุกการใช้งานทั้งด้านการออกแบบ ประสิทธิภาพ การพกพา รวมไปถึงการใช้งาน ซึ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ยังถูกออกแบบมาเพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้งานหน้าจอขนาด 17.3″ อีกทั้งยังเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับการ์ดจอ NVIDIA Geforce GTX 1050Ti ทำให้รอบรับการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยม ไปจนถึงสามารถรองรับการอัพเกรดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานที่สูงขึ้นได้ในอนาคต ที่โดดเด่นด้วยไฟคีย์บอร์ดหลากสีเหมือนกับ GE Series รุ่นพี่แล้ว
ในส่วนของการออกแบบตัวเครื่อง MSI GP72 7REX Leopard Pro ยังคงใช้การออกแบบที่ดั้งเดิมคงความเป็นเอกลักษณ์จาก MSI Gameing Series ด้วยโทนสีดำแดงโดดเด่น พร้อมการออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความเฉียบคมตามแบบฉบับ Leopard และหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 17.3 นิ้ว รวมไปถึงระบบระบายความที่ยอดเยี่ยมจากทาง MSI จึงทำให้โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่น่าจับตามองด้วยราคา 42,900 บาท
VDO Review
Specification
MSI GP72 7REX Leopard Pro เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมขนาดหน้าจอใหญ่ 17.3″ ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-7700HQ (2.80 – 3.80 GHz) ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti (4GB GDDR5) มีที่เก็บข้อมูล 1TB 7200 RPM พร้อมรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 ในอนาคต ส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 หนึ่งแถว อัพเกรดได้สูงสุด 32GB ระบบปฏิบัติการเป็น DOS ต้องติดตั้ง Windows ด้วยตนเองอีกที
สำหรับหน้าจอ MSI GP72 7REX Leopard Pro มีความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพสูง TN คุณภาพสูง โดยมาพร้อมเทคโนโลยี Wide Viewing Angle Display ให้จอแสดงผลมีมุมมองกว้าง ให้ภาพในการเล่นเกมที่คมชัดสมจริงสมจริงกว่าพาเนล TN ทั่วไป ส่วนสีสันก็อาจจะเป็นรอง IPS เสียหน่อย และตัวเครื่องยังมีระบบเสียง Dynaudio บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 2 ขับเสียงได้ดียิ่งกว่า
พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, mini DisplayPort, 2 x USB 3.0, 1 x USB 2.0, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington lock slot, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac
สนนราคา MSI GP72 7REX Leopard Pro อยู่ที่ 42,900 บาท ส่วนอีกรุ่นจะต่างกันที่ขนาดหน้าจอเท่านั้น กับรุ่น MSI GP62 7REX Leopard Pro หน้าจอ 15.6″ ราคาจะถูกกว่า 1,000 บาท โดยอยู่ที่ 41,900 บาท ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันหมด
Hardware / Design
สำหรับการออกแบบตัวเครื่อง MSI GP72 7REX Leopard Pro ยังคงเน้นความเป็น Gaming Notebook ที่คงเอกลักษณ์ด้านความสวยงามดุดัน แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ซึ่งในส่วนบอดี้ของตัวเครื่องยังมาพร้อมกับวัสดุอลูมิเนียมให้ความแข็งแรงทนทาง อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบากว่าพลาสติกทั่วไปและช่วยให้การระบายความร้อนทำได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งขึ้นรูปแบบให้มีรอยต่อหน่อยที่สุด ให้ความเรียบหรูและโดดเด่นด้วย MSI Sprite Dragon รุ่นใหม่ ในส่วนของหน้าจอขนาด 17.3นิ้ว ทำให้ตัวเครื่องดูมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นแตกต่างกับรุ่น GP62 ที่มีหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วอย่างชัดเจน
ในส่วนของบานพับเป็นแบบบานเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถกางหน้าจอได้มากถึง 180 องศา ความหนืดของบานพับกำลังพอเหมาะอีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ในส่วนของงานประกอบก็ยังทำออกมาแน่นหนาถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะดูบอบบางก็ตาม แต่ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกกรอบแกรบในขณะหยิบจับใช้งาน ซึ่งการออกแบบโดยรวมไม่ว่ามองมุมไหนก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความบางทุกมุมมอง ในส่วนของประสิทธิภาพภายในดูได้จากสติกเกอร์ที่ติดเอาไว้ แสดงถึงชิปประมวลผล Intel Core i7 7700HQ และการ์ดจอ GTX 1050Ti ตัวแรง
ในส่วนของคีย์บอร์ดมาพร้อมกับคีย์บอร์ด Chiclet Switch จาก SteelSeries พร้อมแสงไฟสีหลากสีแบบ RGB เสริมความโดดเด่นให้กับตัวเครื่องและสร้างความเด่นชัดให้กับตัวอักษรบนแป้นอีกด้วยอย่างที่ไม่เคยมีก่อนสำหรับ GP Series ส่วนมุมขวาบนของเครื่องยังมีอีก 3 ปุ่มพิเศษที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ได้แก่ปุ่ม Cooler Boost, เปลี่ยนโปรไฟล์ไฟคีย์บอร์ด และปุ่ม POWER และในส่วนของทัชแพดยังถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายไม่หวือหวามากนัก สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล พร้อมกับปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาแบบแยก
รอบๆตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่อง ในส่วนของด้านหลังยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีก 2 ช่องช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED สีน้ำเงินแสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด แต่ที่ไม่เหมืนรุ่นอื่นก็คือจะมีช่องลำโพงอยู่ทางขอบตัวเครื่องด้านหน้าแบบแยกซ้ายขวา พร้อมทั้งยังมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ใต้เครื่องด้วย
โดยรวมแล้วถื่อว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ไม่หวือหวามากนักในด้านการออกแบบ แต่ก็ยังคงความเป็น Gaming Notebook ไว้ในแบบฉบับของ MSI ซึ่ง MSI GP72 7REX Leopard Pro ที่เน้นในเรื่องของความคุ้มค่าต่อราคา ที่สำคัญด้วยความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมขนาดหน้าจอ 17.3″ ยิ่งทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในช่วงราคาที่ไม่สูงจนเกินไปเหมือนพวก GE Series จะเป็นรองก็แค่พาเนลหน้าจอเท่านั้น
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI GP72 7REX Leopard Pro เป็นครั้งแรกกับไฟหลากสี RGB ที่ปกติแล้วจะเป็นแค่ไฟสีขาวปกติเท่านั้น เปลี่ยนสีได้ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม และยังปรับแต่ง Macrokeys บนคีย์บอร์ดเพื่อใช้ในเกมหรือซอฟแวร์ต่างๆ ผ่าน Steelseries Engine 3 ได้ด้วยเช่นกัน จากการที่ใช้คีย์บอร์ดแบรนด์ SteelSeries ที่ถูกคิดค้นพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่ม 10 ปุ่มพร้อมๆ กัน
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สัมผัสแบบผิวสากๆ เล็กๆ ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และควบคุมได้ง่ายมากขึ้นกว่าเปกติถือเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ดีเลย นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงมุมขวาบนของชุดแป้นคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มแรงรอบพัดลมและปุ่มเปลี่ยนสีไฟของคีย์บอร์ด
Screen / Speaker
MSI GP72 7REX Leopard Pro มีหน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล TN คุณภาพสูง แบบ Wide View มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวา และด้านล่าง ที่กว้างเกือบเทียบเท่ากับพาเนล IPS แต่ในส่วนมุมมองด้านบนอาจจะทำออกมาในมุมที่ไม่กว้างนัก แต่การใช้งานโดยรวมยังถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าจอแบบ TN ธรรมดา พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare มาตรฐาน eDP แสงสว่างเพียงกับการใช้งานในบริเวณที่มีแสงจ้า เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดีไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ก็ว่าได้
ลำโพงยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้า โดยแยกเป็นซ้ายขวาแบบสเตอริโอรวมถึงลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ในส่วนด้านใต้เครื่องเพื่อคุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ตัวลำโพงของ MSI GP72 7REX Leopard Pro ในรุ่นนี้ไม่ได้ผลิตจาก DYNAUDIO เหมือน Series อื่น ๆ แต่ใส่ส่วนของคุณภาพเสียงการใช้งานต่าง ๆ ยังสามารถทำออกมาได้ดี แต่เหมาะกับการฟังเพียงคนเดียวมากกว่าเพราะมุมกระจายเสียงค่อนข้างแคบ หากเปิดฟังเพลงภายในห้องจะให้รายละเอียดเสียงที่ไม่ดีนัก
Connector / Thin And Weight
MSI GP72 7REX Leopard Pro เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน รองรับทุกการใช้งาน โดยพอร์ตต่าง ๆ เริ่มที่ฝั่งขวามีดังนี้ DVD-ROM, USB 2.0, SD Card Reader และช่องต่อไฟอแดปเตอร์ ถัดมาในพอร์ตการเชื่อมต่อฝั่งซ้ายมีดังนี้ RJ45 LAN Killer E2500, USB 3.0 x 2, Mini Display Port, HDMI, USB 3.1 Type-C, และ Audio 3.5mm Mic&Headphone เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปรวมไปถึงเล่นเกมแบบสุดๆ
มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบาแต่ยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่าง ๆ ที่ 419 x 287 x 29~32 mm ส่วนน้ำหนักเบาเพียงแค่ 2.7 กิโลกรัมเท่านั้น (รวมอแดปเตอร์แล้วประมาณ 3 กิโลกรัม) สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ไม่เป็นภาระในการแบกให้เมื่อยอย่างแน่นอน แต่กระเป๋าเองก็อาจจะต้องใบใหญ่กว่ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คทั่วไปซักหน่อย
Performance / Software
โดย MSI GP72 7REX Leopard Pro มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7700HQ (รุ่นยอดนิยมประจำปี 2017) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.80 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.80 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-6700HQ มาพร้อมแรมภายในขนาด 8 GB DDR4 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 530 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซี และแรงกว่า GTX 1050 แบบรู้สึกได้ หรือถ้าเทียบกับรุ่นก่อนก็บอกได้เลยว่าแรงกว่า GTX 970M อย่างสบายๆ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1TB แบบความเร็วรอบ 7200 ที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 54MB/s และสูงสุดที่ 137MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 96MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 16.4 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าทำได้ดีกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติที่ 5400 รอบแบบรู้สึกได้เวลาเข้าเกมโหลดเกม
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของ FPS จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึงฮาร์ดดิสก์ 7200 รอบ (เชื่อได้ว่าถ้าใช้ SSD และแรม 16GB ด้วยจะมีประสิทธิภาพดียิ่งกว่านี้)
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / Battlefield 1 /For Horner / Ghost Recon Wildlands ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด เว้นแต่ Ghost Recon Wildlands ที่ปรับเป็นเพียง High เท่านั้น (มากกว่านี้เฟรมเรทจะต่ำกว่า 30fps) ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ แม้ว่าต้องยอมว่ามีข้อสังเกตุว่ามีภาพฉีกอยู่บ้างกับเกมบางฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ จากการที่หน้าจอไม่ได้เป็น 120Hz เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ
ปิดท้ายด้วยเกมออนไลน์ DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 80 – 100 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ
MSI DRAGON CENTER เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ดังนี้
- App Portal : ทางลัดในการเข้าสู่โปรแกรมต่างๆของ MSI Gaming Notebook
- System Monitor : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ,ความเร็วของพัดลม,ความร้อน)
- LED Wizard : ปรับแต่งไฟคีย์บอร์ด RGB ตามความต้องการ
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานต่างๆของ MSI Gaming Notebook
- Mobile Center : ทำการเชื่อมต่อกับมือถือ
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
นอกเหนือจากนี้ยังมีในส่วนของ MSI ยังมีซอฟต์แวร์ที่ปกติเราจะได้ใช้ก็ต่อเมื่อเราใช้งาน Gaming Gear อย่าง SteelSeries กับ SteelSeries Engine 3 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ SteelSeries แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด SteelSeries ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้
ปิดท้ายด้วยโปรแกรม Killer Control Center ที่เราสามารถปรับแต่งได้การใช้งานเครือข่ายได้อย่างอิสระ ช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีความสเถียรยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อลดอาการกระตุนภายในเกมออนไลน์ต่างๆ อีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI GP72 7REX Leopard Pro เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติความจุที่ 3600 mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 3 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานกว่านี้แน่นอน (หรือใช้งานหนักๆ ก็ลดลงไปอีก)
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 90 องศาเซลเซียส ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี
Conclusion / Award
สรุปรีวิว MSI GP72 7REX Leopard Pro เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ เน้นคุ้มค่ากว่า GE Series ที่ติดตั้งการ์ดจอตัวแรงระดับกลางค่อนบนอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี กับราคา 42,900 บาทถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อ
ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ ที่เป็น Core i Gen 7 Kaby Lake บนแรม DDR4 ที่อัพเกรดได้ถึง 32GB ที่สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อน Cooler Boost 4 เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆ ไม่มีความร้อนมารบกวนขนาดทำให้มีปัญหา โดยจุดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิมๆ ก็คือได้ไฟคีย์บอร์ดหลากสีแบบ RGB เหมือนกันรุ่นพี่ GE Series อีกด้วย
อีกทั้ง MSI GP72 7REX Leopard Pro ยังมีคุณสมบัติอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่เก็บข้อมูลความเร็วสูง PCIe, ระบบเสียง Nahimic 2 , Killer Network พร้อมกันนั้นยังรองรับการเชื่อมต่อ USB 3.1 Type-C ที่ครอบคลุมใช้ประโยชน์ได้จริงและทันสมัย และขาดไม่ได้เลยสำหรับ MSI Dragon Center ที่บอกได้เลยว่าไม่มี Gaming Notebook แบรนด์ไหนให้ฟีเจอร์สำหรับเกมเมอร์ได้มากมายขนาดนี้ในราคานี้ ส่วนแนวทางการอัพเกรดแค่ใส่ SSD M.2 อีกซักตัวก็ใช้งานได้แบบลื่นไหลสุดๆ แล้ว
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ที่ให้ประสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่าล่ะก็ MSI GP72 7REX Leopard Pro น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว ที่ 42,900 บาท ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรองในส่วนของ GE Series อยู่ที่บ้าง ในส่วนของหน้าจอที่ไม่ใช้พาเนล IPS ลำโพงไม่ใช่ DYNAUDIO รวมไปถึงดีไซน์การออกแบบอาจจะดูดุดันน้อยกว่านิด แต่โดยรวมแล้วถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อ สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี
- หน้าจอขนาด 17.3″ ความละเอียด Full HD เล่นเกมได้สะใจกว่า 15.6″
- สเปคสูงมากทั้ง Core i7-7700HQ และการ์ดจอ GeForce GTX 1050Ti
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.0, HDMI, USB 3.1 Type-C และ Mini DisplayPort 1.2
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงถึง 2200MB/s
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 4 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- คีย์บอร์ด SteelSeries ปรับเปลี่ยนสีไฟได้ Silver Lining Print ให้แสงสดใสสวยงาม
ข้อสังเกต
- ระยะเวลาใช้งานบนแบตเตอรี่ค่อนข้างจำกัด ด้วยสเปคที่แรงและกินไฟเยอะ
- ควรอัพเกรด SSD M.2 เพิ่มความเร็วโดยรวมได้มาก
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง MSI GP72 7REX Leopard Pro ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
AWARDS
BEST TECHNOLOGY
MSI GP72 7REX Leopard Pro เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น NVMe M.2, Nahimic, DDR4, Steelseries Keyboard, Killer Network, USB 3.1 Type-C รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
BEST PERFORMANCE
MSI GP72 7REX Leopard Pro มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-7700HQ และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050Ti (4GB GDDR5) พร้อมแรมตัวเครื่องที่อัพเกรดได้มากถึง 32GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 และ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงถึง 2200MB/s ความเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
VDO Review
Specification
MSI GP72 7REX Leopard Pro เป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมขนาดหน้าจอใหญ่ 17.3″ ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-7700HQ (2.80 – 3.80 GHz) ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti (4GB GDDR5) มีที่เก็บข้อมูล 1TB 7200 RPM พร้อมรองรับการติดตั้ง SSD แบบ M.2 ในอนาคต ส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 หนึ่งแถว อัพเกรดได้สูงสุด 32GB ระบบปฏิบัติการเป็น DOS ต้องติดตั้ง Windows ด้วยตนเองอีกที
สำหรับหน้าจอ MSI GP72 7REX Leopard Pro มีความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพสูง TN คุณภาพสูง โดยมาพร้อมเทคโนโลยี Wide Viewing Angle Display ให้จอแสดงผลมีมุมมองกว้าง ให้ภาพในการเล่นเกมที่คมชัดสมจริงสมจริงกว่าพาเนล TN ทั่วไป ส่วนสีสันก็อาจจะเป็นรอง IPS เสียหน่อย และตัวเครื่องยังมีระบบเสียง Dynaudio บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 2 ขับเสียงได้ดียิ่งกว่า
พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, mini DisplayPort, 2 x USB 3.0, 1 x USB 2.0, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington lock slot, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.0 และ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac
สนนราคา MSI GP72 7REX Leopard Pro อยู่ที่ 42,900 บาท ส่วนอีกรุ่นจะต่างกันที่ขนาดหน้าจอเท่านั้น กับรุ่น MSI GP62 7REX Leopard Pro หน้าจอ 15.6″ ราคาจะถูกกว่า 1,000 บาท โดยอยู่ที่ 41,900 บาท ส่วนสเปกอื่นๆ เหมือนกันหมด
Hardware / Design
สำหรับการออกแบบตัวเครื่อง MSI GP72 7REX Leopard Pro ยังคงเน้นความเป็น Gaming Notebook ที่คงเอกลักษณ์ด้านความสวยงามดุดัน แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ซึ่งในส่วนบอดี้ของตัวเครื่องยังมาพร้อมกับวัสดุอลูมิเนียมให้ความแข็งแรงทนทาง อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบากว่าพลาสติกทั่วไปและช่วยให้การระบายความร้อนทำได้ดีมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งขึ้นรูปแบบให้มีรอยต่อหน่อยที่สุด ให้ความเรียบหรูและโดดเด่นด้วย MSI Sprite Dragon รุ่นใหม่ ในส่วนของหน้าจอขนาด 17.3นิ้ว ทำให้ตัวเครื่องดูมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นแตกต่างกับรุ่น GP62 ที่มีหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วอย่างชัดเจน
ในส่วนของบานพับเป็นแบบบานเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถกางหน้าจอได้มากถึง 180 องศา ความหนืดของบานพับกำลังพอเหมาะอีกทั้งยังแข็งแรงทนทาน ในส่วนของงานประกอบก็ยังทำออกมาแน่นหนาถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะดูบอบบางก็ตาม แต่ด้วยวัสดุอลูมิเนียมและขั้นตอนในการผลิตทำให้ตัวเครื่องมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่รู้สึกกรอบแกรบในขณะหยิบจับใช้งาน ซึ่งการออกแบบโดยรวมไม่ว่ามองมุมไหนก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความบางทุกมุมมอง ในส่วนของประสิทธิภาพภายในดูได้จากสติกเกอร์ที่ติดเอาไว้ แสดงถึงชิปประมวลผล Intel Core i7 7700HQ และการ์ดจอ GTX 1050Ti ตัวแรง
ในส่วนของคีย์บอร์ดมาพร้อมกับคีย์บอร์ด Chiclet Switch จาก SteelSeries พร้อมแสงไฟสีหลากสีแบบ RGB เสริมความโดดเด่นให้กับตัวเครื่องและสร้างความเด่นชัดให้กับตัวอักษรบนแป้นอีกด้วยอย่างที่ไม่เคยมีก่อนสำหรับ GP Series ส่วนมุมขวาบนของเครื่องยังมีอีก 3 ปุ่มพิเศษที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ได้แก่ปุ่ม Cooler Boost, เปลี่ยนโปรไฟล์ไฟคีย์บอร์ด และปุ่ม POWER และในส่วนของทัชแพดยังถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่ายไม่หวือหวามากนัก สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล พร้อมกับปุ่มคลิกซ้ายคลิกขวาแบบแยก
รอบๆตัวเครื่องยังถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานต่าง ๆได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยพอร์ตการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมถูกจัดวางในส่วนฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของตัวเครื่อง ในส่วนของด้านหลังยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่อีก 2 ช่องช่วยให้สามารถระบายอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ในส่วนของด้านหน้ายังคงเป็นที่อยู่ของไฟ LED สีน้ำเงินแสดงสถานะของตัวเครื่อง 3 จุด แต่ที่ไม่เหมืนรุ่นอื่นก็คือจะมีช่องลำโพงอยู่ทางขอบตัวเครื่องด้านหน้าแบบแยกซ้ายขวา พร้อมทั้งยังมีลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ใต้เครื่องด้วย
โดยรวมแล้วถื่อว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ไม่หวือหวามากนักในด้านการออกแบบ แต่ก็ยังคงความเป็น Gaming Notebook ไว้ในแบบฉบับของ MSI ซึ่ง MSI GP72 7REX Leopard Pro ที่เน้นในเรื่องของความคุ้มค่าต่อราคา ที่สำคัญด้วยความเป็นโน๊ตบุ๊คเล่นเกมขนาดหน้าจอ 17.3″ ยิ่งทำให้ประสบการณ์ใช้งานเรื่องของการเล่นเกมในโดดเด่นและสะใจเข้าไปอีก ในช่วงราคาที่ไม่สูงจนเกินไปเหมือนพวก GE Series จะเป็นรองก็แค่พาเนลหน้าจอเท่านั้น
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI GP72 7REX Leopard Pro เป็นครั้งแรกกับไฟหลากสี RGB ที่ปกติแล้วจะเป็นแค่ไฟสีขาวปกติเท่านั้น เปลี่ยนสีได้ตามใจของผู้ใช้หลากหลายรูปแบบ พร้อมเทคโนโลยีใหม่อย่าง Silver Lining Print ขอบโปร่งแสงสวยงาม และยังปรับแต่ง Macrokeys บนคีย์บอร์ดเพื่อใช้ในเกมหรือซอฟแวร์ต่างๆ ผ่าน Steelseries Engine 3 ได้ด้วยเช่นกัน จากการที่ใช้คีย์บอร์ดแบรนด์ SteelSeries ที่ถูกคิดค้นพัฒนาและออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมบน Gaming Notebook จาก MSI โดยเฉพาะทั้งอารมณ์การตอบสนองของแป้นพิมพ์ แรงกด และการใช้ปุ่ม 10 ปุ่มพร้อมๆ กัน
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ในระดับนึง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบปุ่มแยกออกมา โดยการควบคุมสามารถทำได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงปุ่มคลิกทั้งซ้ายขวาก็มีความนุ่มและเด้งรับได้น่าประทับใจ การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมาก สัมผัสแบบผิวสากๆ เล็กๆ ทำให้ไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และควบคุมได้ง่ายมากขึ้นกว่าเปกติถือเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ดีเลย นอกจากนี้ยังมี Hotkey ตรงมุมขวาบนของชุดแป้นคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็นปุ่มแรงรอบพัดลมและปุ่มเปลี่ยนสีไฟของคีย์บอร์ด
Screen / Speaker
MSI GP72 7REX Leopard Pro มีหน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD ที่ 1920×1080 พิกเซล พาเนล TN คุณภาพสูง แบบ Wide View มีมุมมองด้านซ้าย ด้านขวา และด้านล่าง ที่กว้างเกือบเทียบเท่ากับพาเนล IPS แต่ในส่วนมุมมองด้านบนอาจจะทำออกมาในมุมที่ไม่กว้างนัก แต่การใช้งานโดยรวมยังถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าจอแบบ TN ธรรมดา พื้นผิวจอแบบด้าน Anti-Glare มาตรฐาน eDP แสงสว่างเพียงกับการใช้งานในบริเวณที่มีแสงจ้า เมื่อใช้การดูภาพ ดูวิดีโอ และเล่นเกมก็ทำได้อย่างเป็นอย่างดีไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ก็ว่าได้
ลำโพงยังจัดวางมาในตำแหน่งส่วนของขอบตัวเครื่องด้านหน้า โดยแยกเป็นซ้ายขวาแบบสเตอริโอรวมถึงลำโพงซัฟวูฟเฟอร์ในส่วนด้านใต้เครื่องเพื่อคุณภาพเสียงเบสให้แน่นลึกยิ่งกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป ตัวลำโพงของ MSI GP72 7REX Leopard Pro ในรุ่นนี้ไม่ได้ผลิตจาก DYNAUDIO เหมือน Series อื่น ๆ แต่ใส่ส่วนของคุณภาพเสียงการใช้งานต่าง ๆ ยังสามารถทำออกมาได้ดี แต่เหมาะกับการฟังเพียงคนเดียวมากกว่าเพราะมุมกระจายเสียงค่อนข้างแคบ หากเปิดฟังเพลงภายในห้องจะให้รายละเอียดเสียงที่ไม่ดีนัก
Connector / Thin And Weight
MSI GP72 7REX Leopard Pro เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ให้การเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน รองรับทุกการใช้งาน โดยพอร์ตต่าง ๆ เริ่มที่ฝั่งขวามีดังนี้ DVD-ROM, USB 2.0, SD Card Reader และช่องต่อไฟอแดปเตอร์ ถัดมาในพอร์ตการเชื่อมต่อฝั่งซ้ายมีดังนี้ RJ45 LAN Killer E2500, USB 3.0 x 2, Mini Display Port, HDMI, USB 3.1 Type-C, และ Audio 3.5mm Mic&Headphone เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปรวมไปถึงเล่นเกมแบบสุดๆ
มิติของตัวเครื่องโดยรวมเน้นการออกแบบให้มีความบางเบาแต่ยังคงประสิทธิภาพตามแบบฉบับโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมเป็นหลักโดยมีขนาดความมิติต่าง ๆ ที่ 419 x 287 x 29~32 mm ส่วนน้ำหนักเบาเพียงแค่ 2.7 กิโลกรัมเท่านั้น (รวมอแดปเตอร์แล้วประมาณ 3 กิโลกรัม) สามารถพกพาได้อย่างสะดวก ไม่เป็นภาระในการแบกให้เมื่อยอย่างแน่นอน แต่กระเป๋าเองก็อาจจะต้องใบใหญ่กว่ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คทั่วไปซักหน่อย
Performance / Software
โดย MSI GP72 7REX Leopard Pro มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7700HQ (รุ่นยอดนิยมประจำปี 2017) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.80 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.80 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-6700HQ มาพร้อมแรมภายในขนาด 8 GB DDR4 ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ได้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 530 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซี และแรงกว่า GTX 1050 แบบรู้สึกได้ หรือถ้าเทียบกับรุ่นก่อนก็บอกได้เลยว่าแรงกว่า GTX 970M อย่างสบายๆ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1TB แบบความเร็วรอบ 7200 ที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 54MB/s และสูงสุดที่ 137MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 96MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 16.4 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าทำได้ดีกว่าฮาร์ดดิสก์ปกติที่ 5400 รอบแบบรู้สึกได้เวลาเข้าเกมโหลดเกม
คะแนนและเฟรมเรมในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของ FPS จากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยมากกว่า 60FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกละเอียดๆ และภาพสวยๆ ได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 รวมไปถึงฮาร์ดดิสก์ 7200 รอบ (เชื่อได้ว่าถ้าใช้ SSD และแรม 16GB ด้วยจะมีประสิทธิภาพดียิ่งกว่านี้)
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง GTA V / Battlefield 1 /For Horner / Ghost Recon Wildlands ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด เว้นแต่ Ghost Recon Wildlands ที่ปรับเป็นเพียง High เท่านั้น (มากกว่านี้เฟรมเรทจะต่ำกว่า 30fps) ที่ต้องบอกว่าภาพก็สวยจนน่าประทับใจ แม้ว่าต้องยอมว่ามีข้อสังเกตุว่ามีภาพฉีกอยู่บ้างกับเกมบางฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ จากการที่หน้าจอไม่ได้เป็น 120Hz เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ
ปิดท้ายด้วยเกมออนไลน์ DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 80 – 100 ขึ้นไปตลอด สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ
MSI DRAGON CENTER เป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่ออกแบบและพัฒนาโดย MSI ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายและสามารถช่วยเหลือ และ จัดการการปรับแต่งตั้งค่า MSI Gaming Notebook ซึ่งแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน ดังนี้
- App Portal : ทางลัดในการเข้าสู่โปรแกรมต่างๆของ MSI Gaming Notebook
- System Monitor : ตรวจสอบสถานะเครื่อง (ประสิทธิภาพ,ความเร็วของพัดลม,ความร้อน)
- LED Wizard : ปรับแต่งไฟคีย์บอร์ด RGB ตามความต้องการ
- System Tuner : ปรับแต่งตั้งค่าการใช้งานต่างๆของ MSI Gaming Notebook
- Mobile Center : ทำการเชื่อมต่อกับมือถือ
- Tools & Help : ติดต่อ MSI และ ฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ ที่จำเป็น
นอกเหนือจากนี้ยังมีในส่วนของ MSI ยังมีซอฟต์แวร์ที่ปกติเราจะได้ใช้ก็ต่อเมื่อเราใช้งาน Gaming Gear อย่าง SteelSeries กับ SteelSeries Engine 3 ที่ช่วยในการปรับแต่งการใช้งานของอุปกรณ์ต่อพ่วง Gaming Gear ต่างๆ ของ SteelSeries แน่นอนว่าในส่วนของคีย์บอร์ด SteelSeries ตัวเครื่องก็สามารถปรับแต่งได้ผ่านทางโปรแกรมนี้
ปิดท้ายด้วยโปรแกรม Killer Control Center ที่เราสามารถปรับแต่งได้การใช้งานเครือข่ายได้อย่างอิสระ ช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมีความสเถียรยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อลดอาการกระตุนภายในเกมออนไลน์ต่างๆ อีกด้วย
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งมาให้ใน MSI GP72 7REX Leopard Pro เครื่องนี้เป็นแบบฝังตามปกติความจุที่ 3600 mAh ส่วนของการทดสอบระยะเวลาใช้งานของแบตเตอรี่โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเสียงให้ระดับกลางๆ แล้วเล่นเว็บสลับกับดู Youtube แล้ว โปรแกรม BatteryMon แจ้งระยะเวลาใช้งานต่อเนื่องในเงื่อนไขดังกล่าวราว 3 ชั่วโมงโดยประมาณ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงโดยปรับความสว่างหน้าจอและเสียงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะทำให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานยาวนานกว่านี้แน่นอน (หรือใช้งานหนักๆ ก็ลดลงไปอีก)
สำหรับอุณหภูมิเมื่อใช้งานแบบปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 องศาเซลเซียส ภายในห้องปรับอากาศอุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซลเซียส จากนั้นทำการทดสอบเบิร์นให้เครื่องทำงาน 100% ด้วยการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ เพื่อให้เห็นถึงระบบระบายความร้อนและเสียงรบกวนที่จะเกิดขึ้นเมื่อพัดลมหมุนรอบจัด ที่ดูจากภาพแล้วจะเห็นได้ว่าอุณหภูมิสูงสุดของตัวเครื่องอยู่ที่ไม่เกิน 90 องศาเซลเซียส ส่วนเสียงพัดลมก็ดังพอสมควร แต่ก็ไม่ถือว่ารบกวนอะไรมากมายสำหรับคนที่เล่นเกมอยู่แล้ว โดยรวมแล้วมีการจัดการอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี
Conclusion / Award
สรุปรีวิว MSI GP72 7REX Leopard Pro เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ เน้นคุ้มค่ากว่า GE Series ที่ติดตั้งการ์ดจอตัวแรงระดับกลางค่อนบนอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ด้วยความสมบูรณ์แบบในความเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมจากประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่ทำได้ดี กับราคา 42,900 บาทถือว่าคุ้มค่าน่าซื้อ
ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ ที่เป็น Core i Gen 7 Kaby Lake บนแรม DDR4 ที่อัพเกรดได้ถึง 32GB ที่สำคัญคือควบคุมความร้อนได้แบบมีเสถียรภาพผ่านชุดระบายความร้อน Cooler Boost 4 เรียกได้ว่าเล่นเกม 3 มิติได้ลื่นๆ ไม่มีความร้อนมารบกวนขนาดทำให้มีปัญหา โดยจุดเด่นที่เหนือชั้นกว่ารุ่นเดิมๆ ก็คือได้ไฟคีย์บอร์ดหลากสีแบบ RGB เหมือนกันรุ่นพี่ GE Series อีกด้วย
อีกทั้ง MSI GP72 7REX Leopard Pro ยังมีคุณสมบัติอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่เก็บข้อมูลความเร็วสูง PCIe, ระบบเสียง Nahimic 2 , Killer Network พร้อมกันนั้นยังรองรับการเชื่อมต่อ USB 3.1 Type-C ที่ครอบคลุมใช้ประโยชน์ได้จริงและทันสมัย และขาดไม่ได้เลยสำหรับ MSI Dragon Center ที่บอกได้เลยว่าไม่มี Gaming Notebook แบรนด์ไหนให้ฟีเจอร์สำหรับเกมเมอร์ได้มากมายขนาดนี้ในราคานี้ ส่วนแนวทางการอัพเกรดแค่ใส่ SSD M.2 อีกซักตัวก็ใช้งานได้แบบลื่นไหลสุดๆ แล้ว
เอาเป็นว่าเพื่อนๆ ท่านไหนที่สนใจ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 17.3″ ที่ให้ประสิทธิภาพต่อราคาคุ้มค่าล่ะก็ MSI GP72 7REX Leopard Pro น่าจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุดรุ่นหนึ่งทีเดียว ที่ 42,900 บาท ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรองในส่วนของ GE Series อยู่ที่บ้าง ในส่วนของหน้าจอที่ไม่ใช้พาเนล IPS ลำโพงไม่ใช่ DYNAUDIO รวมไปถึงดีไซน์การออกแบบอาจจะดูดุดันน้อยกว่านิด แต่โดยรวมแล้วถือว่ามีความคุ้มค่ากว่าพอสมควร ใครตั้งใจจะซื้อ สามารถสอบถามไปที่ MSI Gaming Shop หรือร้านจำหน่ายโน๊ตบุ๊คชั้นนำทั่วประเทศกันได้เลย
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบสวยงามถูกใจเกมเมอร์ งานประกอบแน่นวัสดุดี
- หน้าจอขนาด 17.3″ ความละเอียด Full HD เล่นเกมได้สะใจกว่า 15.6″
- สเปคสูงมากทั้ง Core i7-7700HQ และการ์ดจอ GeForce GTX 1050Ti
- พอร์ตเชื่อมต่อครบครันทีเดียวไม่ว่าจะเป็น USB 3.0, HDMI, USB 3.1 Type-C และ Mini DisplayPort 1.2
- รองรับไดร์ฟ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงถึง 2200MB/s
- ระบบระบายความร้อน Cooler Boost 4 มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
- มีซอฟต์แวร์มากมาย ที่ใช้ได้จริง มาช่วยปรับแต่ง
- คีย์บอร์ด SteelSeries ปรับเปลี่ยนสีไฟได้ Silver Lining Print ให้แสงสดใสสวยงาม
ข้อสังเกต
- ระยะเวลาใช้งานบนแบตเตอรี่ค่อนข้างจำกัด ด้วยสเปคที่แรงและกินไฟเยอะ
- ควรอัพเกรด SSD M.2 เพิ่มความเร็วโดยรวมได้มาก
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง MSI GP72 7REX Leopard Pro ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
AWARDS
BEST TECHNOLOGY
MSI GP72 7REX Leopard Pro เป็น Gaming Notebook ที่มีความสดใหม่และเทคโนโลยีล้ำๆ มากมาย อาทิเช่น NVMe M.2, Nahimic, DDR4, Steelseries Keyboard, Killer Network, USB 3.1 Type-C รวมไปถึงซอฟต์แวร์ MSI Dragon Center ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ถือได้ว่าเป็นผู้นำในตลาด Gaming Notebook ยิ่งเทียบในระดับเดียวกันยิ่งหาตัวจับยาก
BEST PERFORMANCE
MSI GP72 7REX Leopard Pro มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-7700HQ และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050Ti (4GB GDDR5) พร้อมแรมตัวเครื่องที่อัพเกรดได้มากถึง 32GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 และ SSD แบบ NVMe M.2 ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงถึง 2200MB/s ความเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล