สวัสดีครับผม หลายๆคน คงเคยสงสัยกันว่า Gaming Mouse นั้นจะแตกต่างกับตัว Mouse ธรรมดายังไง และ เพราะเหตุใดเหล่า Pro Player ถึงนิยมใช้มันกันทั้งๆทีเราคานั้นสูงมากกว่าตัวเมาส์ธรรมมดาหลายเท่า ในวันนี้ Notebookspec จะพาไปรู้จักกับ Gaming Mouse กันครับผม
Gaming Mouse คืออะไร ?
Gaming Mouse ก็คือ Mouse นั้นแหละ แต่ถูกผลิตและออกแบบมาเผื่อสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ โดยใช้เทคโนโลยี ขั้นสูง รวมไปถึงวัสดุ ที่มีคุณภาพมากกว่านั้นเอง โดยข้อดีของเมาส์ประเภทนี้นั้น ก็คือเป็นตัวช่วยในการที่ให้เรานั้นสามารถเล่นเกม ได้ดียิ่งขึ้น โดยถือว่าเป็นจุดได้เปรียบสำคัญในการเล่นเกมเลยทีเดียว โดยจุดหลักๆที่ Gaming Mouse นั้นสามารถทำได้ดีกว่าเมาส์ทั่วไปนั้นก็คือความสามารถในการควบคุม ความแม่นยำ รวมไปถึงความสวยงามนั้นเอง ส่วนรายละเอียดของเมาส์นั้นจะมีอะไรกันบ้างนั้นต้องติดตามกันในบทความนี้เลย
รูปร่างลักษณะ
รูปร่างลักษณะของ Gaming Mouse นั้นจะออกแบบมาให้เข้ากับการใช้งานโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงที่ออกแบบมาให้มีส่วน เว้าส่วนโค้งให้เข้ากับมือเราเพื่อที่ จะทำให้เราสามารถใช้งานได้ถนัดมากขึ้น และ สามารถบังคับได้ดียิ่งขึ้นนอกจากนั้น Grip นั้นยังเป็น Grip ที่ออกแบบ โดนตัวเมาส์นั้นจะแยกออกเป็น 2 แบบนั้นก็คือ แบบ Standard และ แบบที่ออกแบบมาให้เข้ากับ สรีระ กับมือ โดยแบบ Standard นั้นคงไม่มีปัญหาอะไรมากนั้น ส่วน เมาส์อีกประเภทนั้นจะเป็นเมาส์ที่ ออกแบบมาให้เข้ากับรูปมือ แต่ข้อเสียหลักๆก็คือคนที่ถนัดมือขวานั้นก็จะไม่สามารถใช้เมาส์สำหรับคนที่ถนัดมือช้ายได้ และคนที่ถนัดมือช้าย ก็ไม่สามารถใช้เมาส์ที่ออกแบบมาสำหรับคนมือขวาได้เช่นเดียวกัน ถัดมาก็จะเป็นขนาดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กใหญ่ เพื่อตอบรับต่อขนาดมือของแต่ละเชื้อชาติ กันไป
DPI
DPI หรือ Dot Per Inch นั้นเองโดยจะเป็นค่า ความละเอียดของเมาส์โดยเราเชื่อว่าหลายๆคนเนี่ยคงเคยคิดไว้ว่าการที่เมาส์นั้นปรับ DPI เยอะๆเนี่ย จะช่วยให้การคุมเมาส์ของเรานั้นสามารถทำได้ละเอียดขึ้น แต่ดังนั้นใครหลายๆคนนี้ พอชื้อเมาส์มาปุบ ปรับแบบจัดหนักจัดเต็ม 4000 บ้าง 6000 บ้างแล้วจะสัมผัสได้ถึงความไวเมาส์แบบเร็วแรงทะลุ นรก เลยทีเดียว ฮ่าๆ โดยจริงๆ DPI หรือ Dot Per Inch นั้นจะหมายความว่าเป็นการปรับความไวของเมาส์ หลายๆคน คงสงสัยว่าเอ๊ะ แล้วทำไมไม่ปรับเอาใน Windows โดยเหตุผลนั้น ก็คือการปรับ Dpi ในเมาส์นั้นจะปรับได้ละเอียดมากกว่านั้นเองโดย DPI นั้นมาจาก ปริมาณ Dot หรือจุดภาพในหน้าจอ ที่จะเลื่อนไป ต่อ การ ขยับเมาส์ 1 นิ้ว เช่น 400 DPI นั้นก็คือ Cursor เมาส์จะเลื่อนไป 400 จุดภาพบนหน้าจอ ต่อการขยับเมาส์ 1 นิ้ว นั้นเอง
Polling rate
Polling Rate นั้นจะมีค่าเป็น Hz หรือ Hertz นั้นเอง โดยค่า Polling Rate นั้นก็คือ ค่าอัตราการส่งข้อมูลผ่าน USB ของตัวเมาส์นั้นเองโดยสำหรับเมาส์ไหนที่ไม่มีค่าให้ปรับ Polling rate นั้นจะส่งข้อมูลเป็น 125 Hz นั้นเอง โดยสำหรับใครจะต้องการความละเอียดของคำสั่งยิ่งเยอะ ควรที่จะต้องใช้ค่า Polling rate ที่เยอะด้วยเช่นกัน โดยถ้าให้เปรียบเทียบกันให้เห็นภาพง่ายๆเลยก็คือ Hz ก็คือจำนวนการ Update ของเมาส์ต่อวินาที เช่น 500 Hz นั้นก็คือ ตัวเมาส์จะอัพเดทข้อมูล 500 ครั้งต่อวินาทีนั้นเอง
Sensor
ตัว Sensor นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดนั้นก็คือ แบบ Optical Sensor และ Laser โดยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Optical Sensor แน่นอน โดยสิ่งที่สองตัวนี้นั้นแตกต่างนั้นก็คือตัวเมาส์แบบ Laser นั้นจะสามารถเล่นได้ในทุกๆพื้นผิวไม่ว่าจะเจอแบบไหนก็ไม่หวั่น โดยวิธีการสังเกตุว่าเป็นเมาส์ Laser นั้นก็คือ ด้านล่างนั้นจะไม่มีไฟ โดยตัว Laser นั้นจะมีความแม่นยำที่มากกว่าตัว Optical อยู่พอสมควรเลยทีเดีดยว เอ๊ะแต่ทำไม คนถึงนิยมใช้แบบ Optical มากกว่า ? นั้นก็เพราะว่า ตัวเมาส์แบบ Optical ราคาจะถูกกว่านั้นเองเพราะว่าเป็นเทคโนโลยีที่เก่ากว่า แต่ถ้าเทียบประสิทธิภาพแล้วเรื่องความนิ่งนั้นอาจจะน้อยกว่า Laser แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก โดยจุดที่ดีกว่าก็มีเพียงแค่สามารถใช้ได้ทุกพื้นผิวเท่านั้นเอง นอกจากนั้นในปัจจุบัน ยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่นำตัว Sensor สองตัวมารวมกัน นั้นก็คือ Dual Sensor โดยเจ้าเมาส์ที่ใช้ Dual Sensor นั้นก็มี Razer Memba Razer Taipan และ Razer Imperator นั้นเอง
และนอกจากนั้นตัวเมาส์ Gaming นั้นจะมีอะไรเสริมมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปุ่ม Macro หรือ ตุ้มถ่วงน้ำหนัก แต่ละตัวนั้นก็จะแตกต่างกันไป นั้นก็เลือกอยู่ที่ว่าใครที่ชอบใช้แบบไหนมากแค่ไหน มีการเล่นเกมแนวไหนกันบ้าง นั้นเอง