โน๊ตบุ๊คซีรีส์ Y นั้นถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมในฝันสำหรับใครหลายๆ คนก็ว่าได้ อย่างในรุ่น Lenovo ideapad Y700 ที่เป็น Gaming Notebook ของ Lenovo ประจำปี 2016 ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างดี สังเกตได้จาก Top Chart ก็จะเป็นอันดับ 1 ใน NotebookSPEC เสมอ กระทั่งมาในตอนนี้ในการมาของ Lenovo Legion Y520 ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ก็พร้อมขายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว
สำหรับ Lenovo Legion Y520 นั้นเรียกได้ว่ามาครบเครื่องเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วที่ครบครัน ลงตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนรับรองได้ว่ามันสามารถที่จะสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมแบบใหม่ให้กับผู้ใช้งานได้อย่างสบายๆ ที่เด็ดที่สุดก็คือเรื่องของราคาที่สามารถสู้กับโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมรุ่นอื่นๆ ในตลาดระดับกลางได้อย่างสบาย โดยมีจุดเด่นในเรื่องของระบบระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงมาเป็นอย่างดี มาพร้อมสเปกมาตรฐานอย่าง Intel Core i7-7700HQ + GeForce GTX 1050 สนนราคาเริ่มต้นที่ 31,900 บาท อ่านรีวิว
VDO Review
5 เรื่องควรรู้ ก่อนซื้อ Lenovo Legion Y520 โน๊ตบุ๊คเล่นเกมยอดนิยมอันดับ 1
[Review] Lenovo Legion Y520 – Gaming Notebook การ์ดจอ GTX 1050 จอ IPS ที่คุ้มค่าน่าจัดที่สุด
Specification
โดย Lenovo Legion Y520 ที่ได้นำมารีวิวในบทความนี้ จะเป็นตัวท็อป ใช้ชิปประมวลผลตัวแรง รุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i7-7700HQ (2.80 – 3.80 GHz) Gen 7 Kaby Lake ศักยภาพสูง มีชิปกราฟฟิกเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti (4GB GDDR5) ซึ่งมีประสิทธิภาพความแรงกว่ารุ่น GTX 1050 ธรรมดาพอตัว รองรับการเล่นเกมปัจจุบันได้ลื่นๆ ทั้งหมด
อีกทั้งได้ติดตั้งฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูลความจุ 1 TB 5400 RPM พร้อม SSD แบบ M.2 PCIe Gen 3 NVME อีก 1 ตัวความจุ 256GB โดยมีแรม DDR4 ขนาด 4 ขนาด 8GB หนึ่งแถว (รองรับการอัพเกรดอีกหนึ่งแถว) ตอบรับกับการใช้งานได้ดีในทุกรูปแบบทั้งเกม ทำงาน หรือบันเทิง
หน้าจอแสดงผล Lenovo Legion Y520 มีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD หรือ 1920×1080 พิกเซล แบบด้านพาเนลจอ IPS ให้ความสวยงามสมจริง และมุมมองที่กว้างกว่าพาเนล TN ทั่วไป ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 4.2 และอินเตอร์เน็ตไวเลสผ่าน 802.11a/b/g/n/ac
มิติของตัวเครื่อง Lenovo Legion Y520 มีขนาดตามมาตรฐานเมื่อเทียบกับ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วทั่วไป บนน้ำหนักตัวเครื่องที่เบามากๆ เพียง 2.4 กิโลกรัม โดยสเปก Lenovo Legion Y520 แบบออกเป็น 2 รุ่นได้ดังต่อไปนี้
- Core i7-7700HQ/GTX 1050/RAM 4GB/HDD 1TB ราคา 31,900 บาท
- Core i7-7700HQ/GTX 1050 Ti/RAM 8GB/HDD 1TB + SSD 256GB ราคา 39,900 บาท
สรุปความต่างระหว่างรุ่นเริ่มต้นกับรุ่นท็อปก็คือ ได้แรมมาเป็น 8GB พร้อมติดตั้ง SSD มาด้วยที่ 256GB และที่สำคัญคือได้ชิปกราฟิก NVIDIA GeForce GTX 1050Ti มาด้วย โดยส่วนต่างอยู่ที่ 8,000 บาท แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
Hardware / Design
Lenovo Legion Y520 ถือเป็นซีรีส์ใหม่อีกหนึ่งรุ่นก็ว่าได้ เพราะจากเดิมจะมีแค่ Y700 ซึ่งจะเน้นวัสดุตัวเครื่อง และราคาที่สูงสักหน่อย แต่ Lenovo Legion Y520 จะมาในราคาที่คุ้มค่ากว่า ในสเปคที่สดใหม่ล่าสุดสำหรับคอเกม ทำให้การออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่องของซีรีส์ Y กลับมาเข้าที่เข้าทางหลังจากที่มีอะไรขาดๆ เกินๆ มาหลายปี ดีไซน์ของตัวเครื่องนั้นลงตัวเอามากๆ
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ พอร์ตต่างๆ หรือกระทั่งตำแหน่งของระบบระบายความร้อนก็ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและให้ประสิทธิภาพได้ดีมากๆ ที่ยังคงในเรื่องขงอสีสันที่เป็นตัวเครื่องสีดำตัดกับสีแดง ทำให้ดูดุดันอยู่
โดย Lenovo Legion Y520 วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมด จากเดิมที่ในซีรีส์ Y นั้นจะใช้งานพลาสติกในส่วนด้านล่างของตัวเครื่องส่วนที่เป็นฝาพับด้านหน้าจอนั้นจะเป็นอลูมิเนียม ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีผลอะไรมากนัก เพราะงานประกอบรวมไปถึงวัสดุก็มีคุณภาพมาตรฐานเหมือนเดิม สำหรับฝาหลังจะเป็นลายแบบเคฟล่าที่ให้ความรู้สึกถึงพื้นผิวที่ไม่เรียบ ด้านในส่วนของคีย์บอร์ดและทัชแพดเป็นลักษณะซอฟต์ทัชให้ความรู้สึกกการใช้งานที่ดีรวมไปถึงทำความสะอาดได้ง่าย แต่ในระยะยาวก็ต้องระวังเรื่องของบริเวณที่วางมือจะเป็นรอยได้
ส่วนในเรื่องความหนาและน้ำหนักของตัวเครื่องที่ค่อนข้างจะมากถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการใช้งานทั่วไปที่มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 15.6 นิ้ว ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.4 กิโลกรัม และความหนาสุดที่ 25.8 มิลลิเมตร (บางสุด 17 มิลลิเมตร) นั้นทำให้ Lenovo Legion Y520 สามารถพอที่จะพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างไม่ยากเย็นจนเกินไปนัก
ถึงแม้ว่าวัสดุจะถูกเปลี่ยนมาใช้แบบถูก แต่เรื่องของดีไซน์นั้นดูเหมือนกับว่าทาง Lenovo จะใส่ใจมาค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นโค้งที่มุมของบานพับ (ระหว่างส่วนของหน้าจอด้านบนกับส่วนของคีย์บอร์ด) ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีความสวยงามมากขึ้น การวางตำแหน่งของพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ นั้นก็ลงตัวดีมีระยะห่างที่สวยงามและเวลาใช้งานนั้นพอร์ตที่อยู่ติดกันก็สามารถที่จะเสียบใช้งานอุปกรณ์ได้พร้อมๆ กัน ไม่เหมือนกับโน๊ตบุ๊คบางรุ่นที่จะไม่สามารถใช้งานพอร์ตที่ติดกันได้เนื่องจากมีพื้นที่น้อยเกินไป
ขอบตัวเครื่องด้านหลังจะทำให้เราเห็นถึงระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y520 ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยในที่นี้เราจะพูดถึงตำแหน่งลมเข้าออกตัวเครื่องซึ่งถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นจากเดิมของในรุ่น Y700 ส่วนใต้ตัวเครื่องก็จะเห็นช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ ทำให้เรามองไปเห็นถึงชุดพัดลมระบายความร้อนได้อย่างชัดเจน โดยบน Lenovo Legion Y520 นั้นเมื่อใช้งานไปนานๆ เราจะสังเกตได้ครับว่าตรงบริเวณลมเข้าและออกจากตัวเครื่องนั้นจะไม่มีฝุ่นเกาะเหมือนกับในรุ่น Y700 นั่นเป็นเพราะตัวระบบกรองฝุ่นได้ถูกเอาออกไปทำให้ฝุ่นที่เข้ามาจะเข้าและออกไปทางส่วนที่ใบพัดระบายความร้อนออก
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง Lenovo Legion Y520 มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว นั้นทำให้สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size สไตล์ Lenovo มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ โดยมีปุ่มแป้น Numpad มาให้ รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษร WASD ยังเป็นขอบสีแดงเด่นกว่าปุ่มอื่นๆ ซึ่งมาพร้อมกับไฟส่องสว่างสีแดงสวยงาม อย่างไรก็ตามตำแหน่งของปุ่ม Numpad อาจจะมีความแปลกซักหน่อย ที่โดยปกติแล้วนั้นจะอยู่บริเวณด้านซ้ายบนของชุดปุ่ม Numpad แต่ทว่ามันกลับมาอยู่ด้านล่างใกล้ๆ กับปุ่ม Enter ของคีย์บอร์ดหลัก ดังนั้นเมื่อใช้งานจริงแล้วจะพบว่าการกดปุ่ม Enter นั้นมักจะพลาดไปโดนปุ่ม Numpad บ่อยๆ อีกทั้งปุ่ม Enter ก็ยังเล็กกว่าปกติด้วย
ในส่วนของทัชแพดนั้นได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วโฉบเฉี่ยว ลักษณะลาดเอียงลงเข้าไปหาปุ่มสำหรับคลิ๊กซ้ายขวา ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดี แต่ปุ่มคลิ๊กยังให้การตอบสนองที่แข็งไปเสียหน่อย
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion Y520 เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง ให้การแสดงผลที่สมจริงแบบสุดๆ มุมมองกว้างที่ 178 องศา ทำให้สีสันค่อนข้างตรง เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี จากความเรียบเนียนของพิกเซลและพื้นที่ในการใช้งานที่เหนือกว่า 1366 x 768 พิกเซลเดิมๆ หรือพวกที่เป็นพาเนล TN ทั่วไปมาก เรียกได้ว่า Lenovo Legion Y520 หน้าจอสวยงามไม่แพ้ Y700 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน
จุดเด่นด้านเสียง คือ ระบบและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นอย่างแท้จริง ด้วยลำโพงขนาดใหญ่แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านบนจำนวน 2 ตัว โดยใช้ระบบเสียง Harman ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี แม้ว่าจะไม่มีลำโพง Subwoofer มาให้เหมือน Y700 ก็ยังมีมิติเสียงที่หนักแน่น สร้างประสบการณ์ที่ดูดีกว่าเสียงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปเลยทีเดียว
Connector / Thin And Weight
Lenovo Legion Y520 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 2x USB 3.0, 1x USB 3.1 Type-C, 1x USB 2.0 1x HDMI 1.4, SD(XC/HC) Card reader, RJ45 (Killer E2400 Gigabit Ethernet with Killer Shield) และ Mic-in/Headphone-out เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับ USB 2.0 อีกหนึ่งพอร์ตนั้น ถ้าเป็น USB 3.0 ไปเลยจะดีมากๆ พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน 802.11b/g/n/ac ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอรร์เน็ตมีความสเถียร จนส่งผลให้การเล่นเกมออนไลน์สามารถได้ลื่นๆ อีกด้วย
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนของการพกพา Lenovo Legion Y520 ทำได้น่าพอใจไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยน้ำหนัก 2.4 กิโลกรัม เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จะมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ไม่เกิน 3 กิโลกรัมเท่านั้นเอง
Inside
การแกะเครื่อง Lenovo Legion Y520 นั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางตัวอยู่เช่นที่เห็นได้ชัดเจนก็คือแหล่งเก็บข้อมูลทั้ง 2 ประเภทซึ่งสามารถที่จะไขน๊อตแล้วอัพเกรดได้ทันที ทางด้านบนของตัวเครื่องจะเห็นที่วางพัดลมระบายความร้อนอยู่ส่วนทางด้านล่างของตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 45 Wh (3500 mAh)
หลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะพบกับฮาร์ดแวร์ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้ทันทีอย่างแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SATA ขนาด 2.5 นิ้วกับ M.2 (รองรับเป็นแบบ NVMe) ที่ทั้ง 2 ส่วนนี้แค่ไขเอาน๊อคออกก็สามารถที่จะทำการอัพเกรดได้ทันทีโดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนอื่นๆ สำหรับในส่วนของหน่วยความจำนั้นจะต้องถอดเอาที่ครอบออกก่อนจากนั้นก็จะเห็นหน่วยความจำโดยตัวเครื่องนั้นจะมี Slot สำหรับหน่วยความจำมาให้จำนวน 2 Slot ทำให้จริงๆ แล้วเราสามารถที่จะอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 32 GB
ระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y520 นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร (อย่างที่ได้บอกไปในตอนต้นว่ามันสามารถที่จะจัดการกับฝุ่นที่ไหลเข้าและออกได้เป็นอย่างดี) แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การจัดการเรื่องของทิศทางการไหลของลมเท่านั้นเพราะเมื่อแกะดูภายในเครื่องแล้วนั้นจะเห็นได้เลยครับว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y520 ยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (ดังนั้นแล้วเรื่องที่เปลี่ยนไปก็คือส่วนของที่ครอบซึ่งอยู่ด้านนอกที่ทำให้ทิศทางของลมดีขึ้น)
ส่วนที่ใช้ในการพัดลมเข้าออกนั้นจะอยู่ที่บริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง (ที่มีครีบระบายความร้อนเป็นทองแดงอยู่ โดยการเชื่อมต่อระหว่างส่วนของพัดลมนี้กับชิปกราฟิกและชิปกราฟิกจะทำผ่าน Heat Pipe จำนวน 2 ท่อที่วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นครีบระบายความร้อนทองแดงทางด้านหลังของตัวเครื่อง
*ใช้รูปจากรุ่นเริ่มต้น ตัวเดียวกับรีวิว Lenovo Legion Y520 ก่อนหน้านี้
Performance / Software
โดยมาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7700HQ (รุ่นยอดนิยมประจำปี 2017) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.80 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.80 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-6700HQ มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 บัส 2400 MHz (รองรับการอัพเกรดอีกหนึ่งแถว)
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 530 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซี หรือถ้าเทียบกับรุ่นก่อนก็บอกได้เลยว่าแรงกว่า GTX 970M ด้วยซ้ำ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว ทำให้รองรับเกมใหม่ๆ ที่ความละเอียด Full HD ได้อย่างไม่ต้องกังวลเหมือนกับชิปกราฟิกรุ่นอื่นๆ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB แบบ M.2 NVMe ที่เป็น SSD รุ่นใหม่ล่าสุดความเร็วสูง ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน หรือ SSD M.2 แบบธรรมดาแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3284MB/s และเขียนที่ 417MB/s เลยทีเดียว
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1TB แบบความเร็ว 7200 รอบที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 54MB/s และสูงสุดที่ 133MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 102MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 19.6 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าทำได้ดีตามาตรฐานฮาร์ดดิสก์ปกติที่ 5400 รอบ
ซึ่งในส่วนนี้เราจะทดสอบ Lenovo Legion Y520 ในเรื่องของประสิทธิภาพการเล่นเกมทั้ง 6 เกม โดยรุ่นที่ทีมงาน NotebookSPEC ได้ซื้อมารีวิวจากทางร้าน Advice จะเป็นตัวท็อป พร้อมกันนั้นจะเทียบให้เห็นถึงผลทดสอบเทียบกับรุ่นเริ่มต้นราคา 31,900 บาทด้วย แต่ทางทีมงานได้ทำการอัพเกรดในส่วนของแรมเป็น 8GB และ SSD 120GB ไปเรียบร้อยแล้ว
โดยผลเฟรมเรทในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรทจากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่ามากกว่า 30FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ที่ความละเอียด Full HD ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกที่สูง ได้ภาพสวยๆ ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1050 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 และ SSD ความเร็วสูง รวมไปถึงฮาร์ดดิสก์ 5400 รอบ (ใช้ติดตั้งเกม)
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield 1 /GTA V และ Rise of the Tomb Raider ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ตาม Native ของหน้าจอ โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ภาพก็สวยจนน่าประทับใจแบบที่สุด ซึ่งดูจากเฟรมเรทเฉลี่ยแล้วแทบไม่ต่ำไปกว่า 30FPS เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุด แม้ว่าต้องยอมว่ามีข้อสังเกตุว่ามีภาพฉีกอยู่บ้างกับเกมบางฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ จากการที่หน้าจอไม่ได้เป็น G-Sync เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แต่ในส่วนของพาเนล IPS ก็ทำหน้าที่เรื่องสีสันได้ดีเช่นเดิม
อีก 2 เกมออนไลน์ที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง Overwatch, DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยแทบไม่ต่ำ 60 เฟรมเช่นกัน สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
ส่วนเกมออนไลน์ฟอร์มยักษ์ใหม่ล่าสุดอย่าง For Horner ก็ได้นำมาทดสอบกัน โดยปรับเป็นกราฟิกแบบสุดทางอย่าง Extreme ซึ่งก็สามารถทำได้อย่างลืนไหลและสวยงาม ด้วยเฟรมเรทเฉลียนที่ 30+ ซึ่งก็เพียงพอต่อการเล่นได้อย่างสบายๆ แล้ว
ซึ่งเมื่อเทียบกับผลการทดสอบในส่วนของ Lenovo Legion Y520 รุ่นเริ่มต้น จะเห็นได้ชัดว่าตัวท็อปสามารถทำเฟรมเรทได้ดียิ่งกว่า ประมาณ 3 – 10 + เฟรมเรท ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นอยู่แล้วแต่เกม หรือบางเกมอาจจะมีเฟรมเรทไม่ได้ต่างกันนักอย่าง DOTA 2 แต่ถ้าพูดถึงระบบโดยรวมกรณีที่ตัวเริ่มต้นไม่ได้อัพเกรดขึ้นมาล่ะก็ จะมีความต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว
Battery / Heat / Noise
Lenovo Legion Y520 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 3,500 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าโอเคเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งหากดูตามตารางแล้วนั้นจะเห็นได้ครับว่า Lenovo Legion Y520 ทำเวลาได้น้อยกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้ Core i7 รุ่นเดียวกันในหลายๆ รุ่นด้วยกัน
ส่วนของอุณหภูมิถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีตอนที่ใช้งานเครื่องแบบไปบีบขั้นทรัพยากรมากนัก และถึงจะเป็นการเล่นเกมที่เน้น GPU และ CPU เข้ามาด้วยเป็นเวลานานๆ นั้นก็พบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมืที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องแต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักอันนี้คงต้องยอมรับหล่ะครับว่าระบบระบายความร้อนของเขาดีจริงๆ และสำหรับนักเล่นเกมที่ใช้คีย์บอร์ดเล่นเป็นประจำนั้น บริเวณของปุ่ม WASD ก็มีความร้อนสะสมน้อยเช่นกัน
ส่วนของอุณหภูมิการระบายความร้อน Lenovo Legion Y520 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับชิปกราฟิกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมืที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป อันนี้คงต้องยอมรับว่าระบบระบายความร้อนทำได้น่าประทับใจอยู่ จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลัง และเทคโนโลยี Lenovo ช่วยจัดการ
อุณหภูมิต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 36 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 81 องศาเซลเซียสเท่านั้น ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y520 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2017 ทีเดียว ฉะนั้นหายห่วงเรื่องนี้ได้เลย อีกทั้งเรียกว่าทำได้ดีกว่ารุ่นพี่อย่าง Ideapad Y700 อยู่พอสมควรเลย
ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย งานนี้ทาง Lenovo ทำการบ้านมาดีมาก ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
เชื่อได้ว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนคงมองหา Gaming Notebook ราคาคุ้มค่าในช่วงราคา 3x,xxx บาทกันอยู่อย่างแน่นอน จากการมาของสเปกใหม่ล่าสุดอย่างชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ ที่ได้มีการจับคู่ควงแขนมากับชิปกราฟิก NVIDIA GeForce GTX 1050 (และ GTX 1050Ti) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสเปกยอดนิยมที่ Gaming Notebook ช่วงราคาคุ้มค่าเต็มใจนำเสนอกัน โดยก็มีอยู่หลากหลายแบรนด์
แต่ที่ผู้คนให้ความสนใจกันมาที่สุดก็คงหนีไม่พ้นในส่วนของ Lenovo Legion Y520 โน๊ตบุ๊คเล่นเกมยอดนิยมอันดับ 1 จาก Top Chart ของ NotebookSPEC วัดจากคนเข้าชมสูงสุด !!! ที่ดูจากสเปกก็โดดเด่นด้วยหน้าจอพาเนล IPS และรูปลักษณ์ที่สวยงาม
Lenovo Legion Y520 ตัวเริ่มต้นนั้นถือว่าเป็น Gaming Notebook คุ้มค่าคุ้มราคามาก ทั้งในส่วนของสเปกและดีไซน์ที่สดใหม่ รวมถึงมีระบบระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้นสมกับที่เป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกม อีกทั้งสเปกเองก็เป็นมาตรฐานที่เน้นความแรงในราคาไม่แพงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ และชิปกราฟิก NVIDIA GeForce GTX 1050 ส่วนแรมเดิมๆ มา 4GB ฮาร์ดดิสก์อีก 1TB ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่า ยังไงก็ตามถ้าจะเล่นเกม (ก็เล่นอยู่แล้วล่ะ) ควรเพิ่มแรมเป็น 8GB เป็นอย่างเลี่ยงไม่ได้ และถ้ามีโอกาสก็อัพเกรด SSD M.2 ด้วยก็ดี (งบถึงก็ไปตัว SSD NVMe เลย)
เรียกได้ว่าถ้าใครงบถึงตัวท็อปด้วยราคาไม่เกิน 40,000 บาท ก็โดดไปเล่นตัวนั้นเลยจะดีกว่า เพราได้อะไรที่คุ้มค่ากว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของแรมที่เป็น 8GB แถวเดียว ทำให้รองรับการอัพเกรดอีกแถวสูงสุด 16GB รวมไปถึง SSD ก็มีให้มาเลยที่ความจุ 256GB พร้อมใช้งานทันที ที่สำคัญยังได้ในส่วนของการ์ดจอตัวแรงกง่าอย่าง GTX 1050Ti ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าประมาณ 20 – 30% โดยทำให้เฟรมเรทของเกมลื่นกว่าประมาณ 5 – 20 เฟรมเรทเลยทีเดียว เทียบแล้วบวกไป 8,000 บาท แต่คุ้มแน่นอนกลับประสิทธิภาพที่เหนือกว่ารุ่นเริ่มต้น
ที่สำคัญด้วยผลทดสอบการเล่นเกมระหว่าง Lenovo Legion Y520 สเปกชิปกราฟิก GTX 1050 และ GTX 1050Ti ที่จะเห็นได้ว่ามีความแรงต่างกันประมาณนึงอยู่ในตัวแปรที่เหมือนๆ กัน ที่ต้องบอกเลยว่า GTX 1050Ti แรงกว่า แต่ไม่ได้ทำให้เครื่องทำงานร้อนกว่าแต่อย่างใด
ในเรื่องของหน้าจอพาเนล IPS ความละเอียด Full HD ก็ถือว่าทำได้เป็นอย่างดีและน่าประทับใจ ในส่วนของระบบเสียงก็น่าทับใจไม่แพ้กัน รวมไปถึงพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ ก็ทำได้ตามาตรฐานที่ควรจะเป็นของ Gaming Notebook ปี 2017 ส่วนข้อสังเกตก็จะเป็นเรื่องของวัสดุตัวเครื่องที่เป็นพลาสติก (เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีผลอะไร) และทัชแพดที่อาจจะตอบสนองได้ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งตรงนี้เชื่อได้ว่าสำหรับคนที่เล่นเกมคงใช้เมาส์เป็นหลักอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากมาย
ในตลาดตอนนี้ในช่วงราคานี้สเปกแบบนี้ก็มีตัวเลือกอยู่หลากหลายรุ่น Lenovo Legion Y520 ตัวท็อปก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับใครอยากได้จอพาเนล IPS แต่ไม่ต้อง Windows 10 ก็น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ที่สำคัญ SSD รองรับเป็น NVMe เสียด้วย แถมโดดเด่นด้วยความเร็วระดับ 3300MB/s อีกด้วย
- Core i7-7700HQ/GTX 1050/RAM 4GB/HDD 1TB ราคา 31,900 บาท
- Core i7-7700HQ/GTX 1050 Ti/RAM 8GB/HDD 1TB + SSD 128GB ราคา 39,900 บาท
ข้อดี
- ดีไซน์สวยงาม ดุดัน โดดเด่นไม่แพ้รุ่นอื่นๆ
- ตัวเครื่องงานประกอบดีเยี่ยม แม้วัสดุจะเป็นพลาสติก
- สเปคสูงด้วย Core i7-7700HQ + GTX 1050Ti
- มาพร้อม RAM 8GB + SSD M.2 NVMe 256GB + HDD 1TB พร้อมใช้งานทันที
- ประสิทธิภาพการเล่นเกมทำได้ดีเยี่ยม (เมื่ออัพเกรดเป็นแรม 8GB)
- หน้าจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูง สวยงามสมจริง
- ลำโพงคุณภาพเสียงดี น่าประทับใจ
- ชุดคีย์บอร์ดมีไฟสวยงาม
- มีพอร์ตการเชื่อมต่อ และมีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้
- ระบบระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม แถมฝุ่นที่เกาะตรงตัวเครื่องมีปริมาณลดลง
- แม้ทำงานหนัก แต่พัดลมไม่ดังมากจนรบกวน
ข้อเสีย
- คีย์บอร์ดดูแปลกๆ ไปส่วนของ Numpad และ Enter
- ทัชแพดตอบสนองได้ไม่เต็มที่นัก
- บริเวณที่วางมืออาจจะเป็นรอยได้ ต้องดูแลรักษาให้ดี
AWARDS
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง Lenovo Legion Y520 รุ่นท็อปก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Multimedia
ระบบเสียง Harman บนหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้วความละเอียดแบบ Full HD พาเนล IPS แถมมาพร้อมด้วยสเปคของระบบที่สดใหม่และเร็วแรง สามารถตอบสนองความบันเทิงได้ในทุกๆ รูปแบบไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Lenovo Legion Y520 จะได้รางวัลนี้ไป
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดใน Lenovo Legion Y520 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามดุดัน เรียกได้ว่าได้เค้าโครงจากรุ่นพี่อย่าง Y Series มาเต็มๆ รวมไปถึงงานการประกอบก็ระดับคุณภาพ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่แล้ว ถือว่าทำได้ดีในแง่ของการดีไซน์ Gaming Notebook ในช่วงราคานี้
Best Performance
Lenovo Legion Y520 มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-7700HQ และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050 (4GB GDDR5) พร้อมแรมตัวเครื่องขนาด 4GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 ขนาด 8GB (อัพเกรดได้อีกแถว) และ SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 256GB ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงถึง 3300MB/s ความเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Value
Lenovo Legion Y520 มาพร้อมกับสเปคที่ลงตัวกับการใช้งานหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทำงานออฟฟิศทั่วไป งานเอกสาร ดูหนังฟังเพลงก็สบายๆ ที่เน้นๆ เลยก็คือเรื่องของการเล่นเกมเป็นหลัก เนื่องจากการเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ ตัวแรง ที่ประสิทธิภาพกำลังดี พ่วงพร้อมการประหยัดพลังงาน ทั้งยังมีกราฟิกชิปเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 และแรม 8GB แถม SSD อีก 256GB เข้ามาอีก ภายในราคาที่ 39,900 บาทเท่านั้น เหมาะมากๆ สำหรับใครที่อยากได้โน๊ตบุ๊คมาเล่นเกมในราคาคุ้มค่าที่สุด ในงบไม่เกิน 40,000 บาท
VDO Review
5 เรื่องควรรู้ ก่อนซื้อ Lenovo Legion Y520 โน๊ตบุ๊คเล่นเกมยอดนิยมอันดับ 1
[Review] Lenovo Legion Y520 – Gaming Notebook การ์ดจอ GTX 1050 จอ IPS ที่คุ้มค่าน่าจัดที่สุด
Specification
โดย Lenovo Legion Y520 ที่ได้นำมารีวิวในบทความนี้ จะเป็นตัวท็อป ใช้ชิปประมวลผลตัวแรง รุ่นล่าสุดอย่าง Intel Core i7-7700HQ (2.80 – 3.80 GHz) Gen 7 Kaby Lake ศักยภาพสูง มีชิปกราฟฟิกเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti (4GB GDDR5) ซึ่งมีประสิทธิภาพความแรงกว่ารุ่น GTX 1050 ธรรมดาพอตัว รองรับการเล่นเกมปัจจุบันได้ลื่นๆ ทั้งหมด
อีกทั้งได้ติดตั้งฮาร์ดดิสก์เก็บข้อมูลความจุ 1 TB 5400 RPM พร้อม SSD แบบ M.2 PCIe Gen 3 NVME อีก 1 ตัวความจุ 256GB โดยมีแรม DDR4 ขนาด 4 ขนาด 8GB หนึ่งแถว (รองรับการอัพเกรดอีกหนึ่งแถว) ตอบรับกับการใช้งานได้ดีในทุกรูปแบบทั้งเกม ทำงาน หรือบันเทิง
หน้าจอแสดงผล Lenovo Legion Y520 มีขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD หรือ 1920×1080 พิกเซล แบบด้านพาเนลจอ IPS ให้ความสวยงามสมจริง และมุมมองที่กว้างกว่าพาเนล TN ทั่วไป ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 4.2 และอินเตอร์เน็ตไวเลสผ่าน 802.11a/b/g/n/ac
มิติของตัวเครื่อง Lenovo Legion Y520 มีขนาดตามมาตรฐานเมื่อเทียบกับ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้วทั่วไป บนน้ำหนักตัวเครื่องที่เบามากๆ เพียง 2.4 กิโลกรัม โดยสเปก Lenovo Legion Y520 แบบออกเป็น 2 รุ่นได้ดังต่อไปนี้
- Core i7-7700HQ/GTX 1050/RAM 4GB/HDD 1TB ราคา 31,900 บาท
- Core i7-7700HQ/GTX 1050 Ti/RAM 8GB/HDD 1TB + SSD 256GB ราคา 39,900 บาท
สรุปความต่างระหว่างรุ่นเริ่มต้นกับรุ่นท็อปก็คือ ได้แรมมาเป็น 8GB พร้อมติดตั้ง SSD มาด้วยที่ 256GB และที่สำคัญคือได้ชิปกราฟิก NVIDIA GeForce GTX 1050Ti มาด้วย โดยส่วนต่างอยู่ที่ 8,000 บาท แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ
Hardware / Design
Lenovo Legion Y520 ถือเป็นซีรีส์ใหม่อีกหนึ่งรุ่นก็ว่าได้ เพราะจากเดิมจะมีแค่ Y700 ซึ่งจะเน้นวัสดุตัวเครื่อง และราคาที่สูงสักหน่อย แต่ Lenovo Legion Y520 จะมาในราคาที่คุ้มค่ากว่า ในสเปคที่สดใหม่ล่าสุดสำหรับคอเกม ทำให้การออกแบบและดีไซน์ตัวเครื่องของซีรีส์ Y กลับมาเข้าที่เข้าทางหลังจากที่มีอะไรขาดๆ เกินๆ มาหลายปี ดีไซน์ของตัวเครื่องนั้นลงตัวเอามากๆ
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ พอร์ตต่างๆ หรือกระทั่งตำแหน่งของระบบระบายความร้อนก็ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและให้ประสิทธิภาพได้ดีมากๆ ที่ยังคงในเรื่องขงอสีสันที่เป็นตัวเครื่องสีดำตัดกับสีแดง ทำให้ดูดุดันอยู่
โดย Lenovo Legion Y520 วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมด จากเดิมที่ในซีรีส์ Y นั้นจะใช้งานพลาสติกในส่วนด้านล่างของตัวเครื่องส่วนที่เป็นฝาพับด้านหน้าจอนั้นจะเป็นอลูมิเนียม ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีผลอะไรมากนัก เพราะงานประกอบรวมไปถึงวัสดุก็มีคุณภาพมาตรฐานเหมือนเดิม สำหรับฝาหลังจะเป็นลายแบบเคฟล่าที่ให้ความรู้สึกถึงพื้นผิวที่ไม่เรียบ ด้านในส่วนของคีย์บอร์ดและทัชแพดเป็นลักษณะซอฟต์ทัชให้ความรู้สึกกการใช้งานที่ดีรวมไปถึงทำความสะอาดได้ง่าย แต่ในระยะยาวก็ต้องระวังเรื่องของบริเวณที่วางมือจะเป็นรอยได้
ส่วนในเรื่องความหนาและน้ำหนักของตัวเครื่องที่ค่อนข้างจะมากถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่เป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการใช้งานทั่วไปที่มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 15.6 นิ้ว ด้วยน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.4 กิโลกรัม และความหนาสุดที่ 25.8 มิลลิเมตร (บางสุด 17 มิลลิเมตร) นั้นทำให้ Lenovo Legion Y520 สามารถพอที่จะพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างไม่ยากเย็นจนเกินไปนัก
ถึงแม้ว่าวัสดุจะถูกเปลี่ยนมาใช้แบบถูก แต่เรื่องของดีไซน์นั้นดูเหมือนกับว่าทาง Lenovo จะใส่ใจมาค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นโค้งที่มุมของบานพับ (ระหว่างส่วนของหน้าจอด้านบนกับส่วนของคีย์บอร์ด) ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีความสวยงามมากขึ้น การวางตำแหน่งของพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ นั้นก็ลงตัวดีมีระยะห่างที่สวยงามและเวลาใช้งานนั้นพอร์ตที่อยู่ติดกันก็สามารถที่จะเสียบใช้งานอุปกรณ์ได้พร้อมๆ กัน ไม่เหมือนกับโน๊ตบุ๊คบางรุ่นที่จะไม่สามารถใช้งานพอร์ตที่ติดกันได้เนื่องจากมีพื้นที่น้อยเกินไป
ขอบตัวเครื่องด้านหลังจะทำให้เราเห็นถึงระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y520 ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยในที่นี้เราจะพูดถึงตำแหน่งลมเข้าออกตัวเครื่องซึ่งถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นจากเดิมของในรุ่น Y700 ส่วนใต้ตัวเครื่องก็จะเห็นช่องดูดลมเย็นขนาดใหญ่ ทำให้เรามองไปเห็นถึงชุดพัดลมระบายความร้อนได้อย่างชัดเจน โดยบน Lenovo Legion Y520 นั้นเมื่อใช้งานไปนานๆ เราจะสังเกตได้ครับว่าตรงบริเวณลมเข้าและออกจากตัวเครื่องนั้นจะไม่มีฝุ่นเกาะเหมือนกับในรุ่น Y700 นั่นเป็นเพราะตัวระบบกรองฝุ่นได้ถูกเอาออกไปทำให้ฝุ่นที่เข้ามาจะเข้าและออกไปทางส่วนที่ใบพัดระบายความร้อนออก
Keyboard / Touchpad
ตัวเครื่อง Lenovo Legion Y520 มาพร้อมกับหน้าจอใหญ่ถึง 15.6 นิ้ว นั้นทำให้สามารถที่จะติดตั้งคีย์บอร์ดแบบ Full Size สไตล์ Lenovo มาให้ผู้ใช้งานได้ใช้กันได้อย่างสบายๆ โดยมีปุ่มแป้น Numpad มาให้ รวมไปถึงแป้นปุ่มตรงตัวอักษร WASD ยังเป็นขอบสีแดงเด่นกว่าปุ่มอื่นๆ ซึ่งมาพร้อมกับไฟส่องสว่างสีแดงสวยงาม อย่างไรก็ตามตำแหน่งของปุ่ม Numpad อาจจะมีความแปลกซักหน่อย ที่โดยปกติแล้วนั้นจะอยู่บริเวณด้านซ้ายบนของชุดปุ่ม Numpad แต่ทว่ามันกลับมาอยู่ด้านล่างใกล้ๆ กับปุ่ม Enter ของคีย์บอร์ดหลัก ดังนั้นเมื่อใช้งานจริงแล้วจะพบว่าการกดปุ่ม Enter นั้นมักจะพลาดไปโดนปุ่ม Numpad บ่อยๆ อีกทั้งปุ่ม Enter ก็ยังเล็กกว่าปกติด้วย
ในส่วนของทัชแพดนั้นได้รับการออกแบบมาใหม่ที่ดูแล้วโฉบเฉี่ยว ลักษณะลาดเอียงลงเข้าไปหาปุ่มสำหรับคลิ๊กซ้ายขวา ดูแล้วมีความสวยงามไม่น้อยเลยสำหรับการดีไซน์ออกแบบ โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกการใช้งานที่ดี แต่ปุ่มคลิ๊กยังให้การตอบสนองที่แข็งไปเสียหน่อย
Screen / Speaker
ในส่วนของหน้าจอ Lenovo Legion Y520 เป็นแบบด้านที่ลดแสงสะท้อนขนาด 15.6″ บนความละเอียดในระดับ Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญพาเนลยังเป็น IPS คุณภาพสูง ให้การแสดงผลที่สมจริงแบบสุดๆ มุมมองกว้างที่ 178 องศา ทำให้สีสันค่อนข้างตรง เมื่อลองใช้งานจริงแล้วให้ประสบการณ์ใช้งานระดับที่น่าประทับใจ ทั้งการเล่นเกม ดูหนัง หรือชมวีดีโอจาก Youtube ก็สามารถมอบประสบการณ์ความบันเทิงให้อย่างดี จากความเรียบเนียนของพิกเซลและพื้นที่ในการใช้งานที่เหนือกว่า 1366 x 768 พิกเซลเดิมๆ หรือพวกที่เป็นพาเนล TN ทั่วไปมาก เรียกได้ว่า Lenovo Legion Y520 หน้าจอสวยงามไม่แพ้ Y700 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน
จุดเด่นด้านเสียง คือ ระบบและการออกแบบลำโพงที่เป็นจุดเด่นอย่างแท้จริง ด้วยลำโพงขนาดใหญ่แยกซ้ายขวาที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเครื่องด้านบนจำนวน 2 ตัว โดยใช้ระบบเสียง Harman ซึ่งได้คุณภาพเสียงที่ดี แม้ว่าจะไม่มีลำโพง Subwoofer มาให้เหมือน Y700 ก็ยังมีมิติเสียงที่หนักแน่น สร้างประสบการณ์ที่ดูดีกว่าเสียงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไปเลยทีเดียว
Connector / Thin And Weight
Lenovo Legion Y520 จัดว่าเป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ที่มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น 2x USB 3.0, 1x USB 3.1 Type-C, 1x USB 2.0 1x HDMI 1.4, SD(XC/HC) Card reader, RJ45 (Killer E2400 Gigabit Ethernet with Killer Shield) และ Mic-in/Headphone-out เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับ USB 2.0 อีกหนึ่งพอร์ตนั้น ถ้าเป็น USB 3.0 ไปเลยจะดีมากๆ พร้อมรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.1 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน 802.11b/g/n/ac ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเตอรร์เน็ตมีความสเถียร จนส่งผลให้การเล่นเกมออนไลน์สามารถได้ลื่นๆ อีกด้วย
ขนาดของตัวเครื่องและสายชาร์จ เมื่อเทียบกับขนาดของโน๊ตบุ๊ค 15.6″ ทั่วไปถือได้ว่ามีมิติที่เล็กกว่าพอสมควร ส่วนของการพกพา Lenovo Legion Y520 ทำได้น่าพอใจไม่แพ้ Gaming Notebook รุ่นอื่นๆ ด้วยน้ำหนัก 2.4 กิโลกรัม เมื่อรวมกับอแดปเตอร์ก็จะมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ไม่เกิน 3 กิโลกรัมเท่านั้นเอง
Inside
การแกะเครื่อง Lenovo Legion Y520 นั้นสามารถที่จะทำได้ค่อนข้างง่าย เมื่อแกะออกมาแล้วก็จะเห็นฮาร์ดแวร์หลายๆ ส่วนวางตัวอยู่เช่นที่เห็นได้ชัดเจนก็คือแหล่งเก็บข้อมูลทั้ง 2 ประเภทซึ่งสามารถที่จะไขน๊อตแล้วอัพเกรดได้ทันที ทางด้านบนของตัวเครื่องจะเห็นที่วางพัดลมระบายความร้อนอยู่ส่วนทางด้านล่างของตัวเครื่องนั้นจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุอยู่ที่ 45 Wh (3500 mAh)
หลังจากที่แกะออกมาแล้วนั้นจะพบกับฮาร์ดแวร์ในส่วนที่สามารถทำการอัพเกรดได้ทันทีอย่างแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SATA ขนาด 2.5 นิ้วกับ M.2 (รองรับเป็นแบบ NVMe) ที่ทั้ง 2 ส่วนนี้แค่ไขเอาน๊อคออกก็สามารถที่จะทำการอัพเกรดได้ทันทีโดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนอื่นๆ สำหรับในส่วนของหน่วยความจำนั้นจะต้องถอดเอาที่ครอบออกก่อนจากนั้นก็จะเห็นหน่วยความจำโดยตัวเครื่องนั้นจะมี Slot สำหรับหน่วยความจำมาให้จำนวน 2 Slot ทำให้จริงๆ แล้วเราสามารถที่จะอัพเกรดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 32 GB
ระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y520 นั้นมีทิศทางการไหลของลมที่ดีขึ้นจากเดิมพอสมควร (อย่างที่ได้บอกไปในตอนต้นว่ามันสามารถที่จะจัดการกับฝุ่นที่ไหลเข้าและออกได้เป็นอย่างดี) แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การจัดการเรื่องของทิศทางการไหลของลมเท่านั้นเพราะเมื่อแกะดูภายในเครื่องแล้วนั้นจะเห็นได้เลยครับว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y520 ยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (ดังนั้นแล้วเรื่องที่เปลี่ยนไปก็คือส่วนของที่ครอบซึ่งอยู่ด้านนอกที่ทำให้ทิศทางของลมดีขึ้น)
ส่วนที่ใช้ในการพัดลมเข้าออกนั้นจะอยู่ที่บริเวณด้านหลังของตัวเครื่อง (ที่มีครีบระบายความร้อนเป็นทองแดงอยู่ โดยการเชื่อมต่อระหว่างส่วนของพัดลมนี้กับชิปกราฟิกและชิปกราฟิกจะทำผ่าน Heat Pipe จำนวน 2 ท่อที่วางตัวยาวตั้งแต่ส่วนของชิปประมวลเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นครีบระบายความร้อนทองแดงทางด้านหลังของตัวเครื่อง
*ใช้รูปจากรุ่นเริ่มต้น ตัวเดียวกับรีวิว Lenovo Legion Y520 ก่อนหน้านี้
Performance / Software
โดยมาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7700HQ (รุ่นยอดนิยมประจำปี 2017) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลที่เน้นการใช้งานหนักๆ ไม่จะเป็นการโปรเซสหรือเล่นเกม มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.80 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 3.80 GHz เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปมากๆ หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลจริงจังก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง Intel Core i7-6700HQ มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 บัส 2400 MHz (รองรับการอัพเกรดอีกหนึ่งแถว)
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 630 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติ ก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 530 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
อีกทั้งยังมีกราฟิกการ์ดจอแยกรุ่นใหม่ล่าสุดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050Ti ที่ต้องบอกว่าแรงเทียบเท่าระดับพีซี หรือถ้าเทียบกับรุ่นก่อนก็บอกได้เลยว่าแรงกว่า GTX 970M ด้วยซ้ำ เรียกได้ยิ่งตอบสนองในส่วนของการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ 3 มิติ หรือเกมที่กินทรัพยากรได้เป็นอย่างดีทีเดียว ทำให้รองรับเกมใหม่ๆ ที่ความละเอียด Full HD ได้อย่างไม่ต้องกังวลเหมือนกับชิปกราฟิกรุ่นอื่นๆ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับสูงสุดๆ ที่น่าประทับใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลรุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ รวดเร็วทันใจแบบสุดๆ สมกับเป็นชิปประมวลผลตัวบนในรุ่นใช้งานเต็มกำลัง และการ์ดจอระดับบน ที่เน้นการทำงานเป็นหลัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB แบบ M.2 NVMe ที่เป็น SSD รุ่นใหม่ล่าสุดความเร็วสูง ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบจานหมุน หรือ SSD M.2 แบบธรรมดาแล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเปิดอะไรปุ๊บก็ติดปั๊บ ที่ต้องบอกว่าความเร็วระดับการอ่านที่ราวๆ 3284MB/s และเขียนที่ 417MB/s เลยทีเดียว
ทดสอบการทำงานฮาร์ดดิสก์ความจุอยู่ที่ 1TB แบบความเร็ว 7200 รอบที่ติดตั้งมาให้ ด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วพบว่าอัตราการถ่ายโอนข้อมูลน้อยสุดที่ 54MB/s และสูงสุดที่ 133MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 102MB/s ด้วยกัน มีอัตราการเข้าถึงข้อมูลที่ 19.6 ms ซึ่งนับได้ว่าผลทดสอบที่ออกมานั้นมีความน่าประทับใจทีเดียว เรียกได้ว่าทำได้ดีตามาตรฐานฮาร์ดดิสก์ปกติที่ 5400 รอบ
ซึ่งในส่วนนี้เราจะทดสอบ Lenovo Legion Y520 ในเรื่องของประสิทธิภาพการเล่นเกมทั้ง 6 เกม โดยรุ่นที่ทีมงาน NotebookSPEC ได้ซื้อมารีวิวจากทางร้าน Advice จะเป็นตัวท็อป พร้อมกันนั้นจะเทียบให้เห็นถึงผลทดสอบเทียบกับรุ่นเริ่มต้นราคา 31,900 บาทด้วย แต่ทางทีมงานได้ทำการอัพเกรดในส่วนของแรมเป็น 8GB และ SSD 120GB ไปเรียบร้อยแล้ว
โดยผลเฟรมเรทในการเล่นเกมทำออกมาน่าสนใจมากๆ โดยเฉลี่ยของเฟรมเรทจากทั้ง 6 เกมที่ได้ทดสอบมีค่ามากกว่า 30FPS ขึ้นไปแทบทุกเกม ที่ความละเอียด Full HD ซึ่งตรงนี้ก็สามารถชี้วัดความสามารถในการเล่นเกมที่กราฟิกที่สูง ได้ภาพสวยๆ ลื่นไหลเป็นอย่างดีเลย จากการที่สเปกภายในเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ ที่สามารถรีดพลัง NVIDIA GeForce GTX 1050 ออกมาได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับยังใช้แรม 8GB DDR4 และ SSD ความเร็วสูง รวมไปถึงฮาร์ดดิสก์ 5400 รอบ (ใช้ติดตั้งเกม)
ทดสอบเกมกินทรัพยากรพอตัวอย่าง Battlefield 1 /GTA V และ Rise of the Tomb Raider ก็สามารถเล่นได้ดีที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ตาม Native ของหน้าจอ โดยกราฟิกปรับระดับสูงสุดทั้งหมด ภาพก็สวยจนน่าประทับใจแบบที่สุด ซึ่งดูจากเฟรมเรทเฉลี่ยแล้วแทบไม่ต่ำไปกว่า 30FPS เรียกได้ว่าเหลือๆ กับการตอบสนองความต้องการเล่นเกมได้สมบูรณ์ที่สุด แม้ว่าต้องยอมว่ามีข้อสังเกตุว่ามีภาพฉีกอยู่บ้างกับเกมบางฉากที่เคลื่อนไหวเร็วๆ จากการที่หน้าจอไม่ได้เป็น G-Sync เวลาที่เราปรับให้ปล่อยเฟรมเรทสูงๆ แต่ในส่วนของพาเนล IPS ก็ทำหน้าที่เรื่องสีสันได้ดีเช่นเดิม
อีก 2 เกมออนไลน์ที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง Overwatch, DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าเปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทที่สูงสุด แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ ค่าเฟรมเรทเฉลี่ยแทบไม่ต่ำ 60 เฟรมเช่นกัน สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
ส่วนเกมออนไลน์ฟอร์มยักษ์ใหม่ล่าสุดอย่าง For Horner ก็ได้นำมาทดสอบกัน โดยปรับเป็นกราฟิกแบบสุดทางอย่าง Extreme ซึ่งก็สามารถทำได้อย่างลืนไหลและสวยงาม ด้วยเฟรมเรทเฉลียนที่ 30+ ซึ่งก็เพียงพอต่อการเล่นได้อย่างสบายๆ แล้ว
ซึ่งเมื่อเทียบกับผลการทดสอบในส่วนของ Lenovo Legion Y520 รุ่นเริ่มต้น จะเห็นได้ชัดว่าตัวท็อปสามารถทำเฟรมเรทได้ดียิ่งกว่า ประมาณ 3 – 10 + เฟรมเรท ซึ่งอันนี้ก็ขึ้นอยู่แล้วแต่เกม หรือบางเกมอาจจะมีเฟรมเรทไม่ได้ต่างกันนักอย่าง DOTA 2 แต่ถ้าพูดถึงระบบโดยรวมกรณีที่ตัวเริ่มต้นไม่ได้อัพเกรดขึ้นมาล่ะก็ จะมีความต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว
Battery / Heat / Noise
Lenovo Legion Y520 นั้นมาพร้อมกับแบตเตอรี่ประมาณ 3,500 mAh ซึ่งจะว่าไปแล้วนั้นก็ค่อนข้างที่จะน้อยไปหน่อย แต่เมื่อมาดูประสิทธิภาพโดยรวมของอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แล้วถือว่าโอเคเลย โดยสามารถใช้งาน Wi-Fi เพื่อท่องเว็บได้ยาวนานประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งหากดูตามตารางแล้วนั้นจะเห็นได้ครับว่า Lenovo Legion Y520 ทำเวลาได้น้อยกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้ Core i7 รุ่นเดียวกันในหลายๆ รุ่นด้วยกัน
ส่วนของอุณหภูมิถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีตอนที่ใช้งานเครื่องแบบไปบีบขั้นทรัพยากรมากนัก และถึงจะเป็นการเล่นเกมที่เน้น GPU และ CPU เข้ามาด้วยเป็นเวลานานๆ นั้นก็พบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมืที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องแต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักอันนี้คงต้องยอมรับหล่ะครับว่าระบบระบายความร้อนของเขาดีจริงๆ และสำหรับนักเล่นเกมที่ใช้คีย์บอร์ดเล่นเป็นประจำนั้น บริเวณของปุ่ม WASD ก็มีความร้อนสะสมน้อยเช่นกัน
ส่วนของอุณหภูมิการระบายความร้อน Lenovo Legion Y520 ถือว่าสามารถที่จะทำได้ดีขณะที่เราเล่นเกมทดสอบเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการเล่นเกมที่เน้นชิปประมวลผลกับชิปกราฟิกพบว่าระดับของอุณหภูมิในจุดต่างๆ ของตัวเครื่องจะเพิ่มขึ้นมาน้อยมาก จุดที่มีอุณหภูมืที่หนักที่สุดจะอยู่ที่ ตรงกลางขอบเครื่องด้านหลัง แต่ก็ใช้เวลาถ่ายความร้อนออกไปได้ไม่นานมากเท่าไรนักเมื่อเราใช้งานทั่วไป อันนี้คงต้องยอมรับว่าระบบระบายความร้อนทำได้น่าประทับใจอยู่ จากการที่มีพัดลมสองตัว พร้อมฮีตไปป์สองเส้นเป่าออกด้านหลัง และเทคโนโลยี Lenovo ช่วยจัดการ
อุณหภูมิต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 36 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มที่จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดเพียง 81 องศาเซลเซียสเท่านั้น ด้วยการทดสอบให้ห้องแอร์ปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส จากการเล่นเกมยาวๆ หลายเกมต่อเนื่อง เรียกได้ว่าระบบระบายความร้อนของ Lenovo Legion Y520 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานของ Gaming Notebook ปี 2017 ทีเดียว ฉะนั้นหายห่วงเรื่องนี้ได้เลย อีกทั้งเรียกว่าทำได้ดีกว่ารุ่นพี่อย่าง Ideapad Y700 อยู่พอสมควรเลย
ทั้งนี้ในการใช้งานทั่วไปตามปกตินั้น (เช่นท่องเว็บ, พิมพ์งาน ฯลฯ) เราจะแทบไม่ได้ยินเสียงของระบบระบายความร้อนเลยแม้แต่น้อย งานนี้ทาง Lenovo ทำการบ้านมาดีมาก ทำงานได้ค่อนข้างเบาและเงียบทีเดียว อย่างไรก็ตามเมื่อไรก็ตามที่เราต้องใช้การทำงานทั้งจาก CPU และ GPU (เช่นการเล่นเกม) เรื่องของเสียงพัดลมนั้นจะไม่มีเสียงดังรบกวนจนเกินไปนัก แม้ว่าจะใช้งานหนักๆ ก็ตาม
Conclusion / Award
เชื่อได้ว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนคงมองหา Gaming Notebook ราคาคุ้มค่าในช่วงราคา 3x,xxx บาทกันอยู่อย่างแน่นอน จากการมาของสเปกใหม่ล่าสุดอย่างชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ ที่ได้มีการจับคู่ควงแขนมากับชิปกราฟิก NVIDIA GeForce GTX 1050 (และ GTX 1050Ti) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสเปกยอดนิยมที่ Gaming Notebook ช่วงราคาคุ้มค่าเต็มใจนำเสนอกัน โดยก็มีอยู่หลากหลายแบรนด์
แต่ที่ผู้คนให้ความสนใจกันมาที่สุดก็คงหนีไม่พ้นในส่วนของ Lenovo Legion Y520 โน๊ตบุ๊คเล่นเกมยอดนิยมอันดับ 1 จาก Top Chart ของ NotebookSPEC วัดจากคนเข้าชมสูงสุด !!! ที่ดูจากสเปกก็โดดเด่นด้วยหน้าจอพาเนล IPS และรูปลักษณ์ที่สวยงาม
Lenovo Legion Y520 ตัวเริ่มต้นนั้นถือว่าเป็น Gaming Notebook คุ้มค่าคุ้มราคามาก ทั้งในส่วนของสเปกและดีไซน์ที่สดใหม่ รวมถึงมีระบบระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้นสมกับที่เป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกม อีกทั้งสเปกเองก็เป็นมาตรฐานที่เน้นความแรงในราคาไม่แพงด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ และชิปกราฟิก NVIDIA GeForce GTX 1050 ส่วนแรมเดิมๆ มา 4GB ฮาร์ดดิสก์อีก 1TB ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่า ยังไงก็ตามถ้าจะเล่นเกม (ก็เล่นอยู่แล้วล่ะ) ควรเพิ่มแรมเป็น 8GB เป็นอย่างเลี่ยงไม่ได้ และถ้ามีโอกาสก็อัพเกรด SSD M.2 ด้วยก็ดี (งบถึงก็ไปตัว SSD NVMe เลย)
เรียกได้ว่าถ้าใครงบถึงตัวท็อปด้วยราคาไม่เกิน 40,000 บาท ก็โดดไปเล่นตัวนั้นเลยจะดีกว่า เพราได้อะไรที่คุ้มค่ากว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของแรมที่เป็น 8GB แถวเดียว ทำให้รองรับการอัพเกรดอีกแถวสูงสุด 16GB รวมไปถึง SSD ก็มีให้มาเลยที่ความจุ 256GB พร้อมใช้งานทันที ที่สำคัญยังได้ในส่วนของการ์ดจอตัวแรงกง่าอย่าง GTX 1050Ti ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าประมาณ 20 – 30% โดยทำให้เฟรมเรทของเกมลื่นกว่าประมาณ 5 – 20 เฟรมเรทเลยทีเดียว เทียบแล้วบวกไป 8,000 บาท แต่คุ้มแน่นอนกลับประสิทธิภาพที่เหนือกว่ารุ่นเริ่มต้น
ที่สำคัญด้วยผลทดสอบการเล่นเกมระหว่าง Lenovo Legion Y520 สเปกชิปกราฟิก GTX 1050 และ GTX 1050Ti ที่จะเห็นได้ว่ามีความแรงต่างกันประมาณนึงอยู่ในตัวแปรที่เหมือนๆ กัน ที่ต้องบอกเลยว่า GTX 1050Ti แรงกว่า แต่ไม่ได้ทำให้เครื่องทำงานร้อนกว่าแต่อย่างใด
ในเรื่องของหน้าจอพาเนล IPS ความละเอียด Full HD ก็ถือว่าทำได้เป็นอย่างดีและน่าประทับใจ ในส่วนของระบบเสียงก็น่าทับใจไม่แพ้กัน รวมไปถึงพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ ก็ทำได้ตามาตรฐานที่ควรจะเป็นของ Gaming Notebook ปี 2017 ส่วนข้อสังเกตก็จะเป็นเรื่องของวัสดุตัวเครื่องที่เป็นพลาสติก (เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีผลอะไร) และทัชแพดที่อาจจะตอบสนองได้ไม่ค่อยดีนัก ซึ่งตรงนี้เชื่อได้ว่าสำหรับคนที่เล่นเกมคงใช้เมาส์เป็นหลักอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากมาย
ในตลาดตอนนี้ในช่วงราคานี้สเปกแบบนี้ก็มีตัวเลือกอยู่หลากหลายรุ่น Lenovo Legion Y520 ตัวท็อปก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับใครอยากได้จอพาเนล IPS แต่ไม่ต้อง Windows 10 ก็น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ที่สำคัญ SSD รองรับเป็น NVMe เสียด้วย แถมโดดเด่นด้วยความเร็วระดับ 3300MB/s อีกด้วย
- Core i7-7700HQ/GTX 1050/RAM 4GB/HDD 1TB ราคา 31,900 บาท
- Core i7-7700HQ/GTX 1050 Ti/RAM 8GB/HDD 1TB + SSD 128GB ราคา 39,900 บาท
ข้อดี
- ดีไซน์สวยงาม ดุดัน โดดเด่นไม่แพ้รุ่นอื่นๆ
- ตัวเครื่องงานประกอบดีเยี่ยม แม้วัสดุจะเป็นพลาสติก
- สเปคสูงด้วย Core i7-7700HQ + GTX 1050Ti
- มาพร้อม RAM 8GB + SSD M.2 NVMe 256GB + HDD 1TB พร้อมใช้งานทันที
- ประสิทธิภาพการเล่นเกมทำได้ดีเยี่ยม (เมื่ออัพเกรดเป็นแรม 8GB)
- หน้าจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS คุณภาพสูง สวยงามสมจริง
- ลำโพงคุณภาพเสียงดี น่าประทับใจ
- ชุดคีย์บอร์ดมีไฟสวยงาม
- มีพอร์ตการเชื่อมต่อ และมีพอร์ต USB 3.1 Type-C มาให้
- ระบบระบายความร้อนที่ดีกว่าเดิม แถมฝุ่นที่เกาะตรงตัวเครื่องมีปริมาณลดลง
- แม้ทำงานหนัก แต่พัดลมไม่ดังมากจนรบกวน
ข้อเสีย
- คีย์บอร์ดดูแปลกๆ ไปส่วนของ Numpad และ Enter
- ทัชแพดตอบสนองได้ไม่เต็มที่นัก
- บริเวณที่วางมืออาจจะเป็นรอยได้ ต้องดูแลรักษาให้ดี
AWARDS
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับโน๊ตบุ๊คในกลุ่ม Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6 นิ้ว ซึ่ง Lenovo Legion Y520 รุ่นท็อปก็ได้รับรางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Multimedia
ระบบเสียง Harman บนหน้าจอแสดงผลขนาด 15.6 นิ้วความละเอียดแบบ Full HD พาเนล IPS แถมมาพร้อมด้วยสเปคของระบบที่สดใหม่และเร็วแรง สามารถตอบสนองความบันเทิงได้ในทุกๆ รูปแบบไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ทำได้เป็นอย่างจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Lenovo Legion Y520 จะได้รางวัลนี้ไป
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Lenovo มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดใน Lenovo Legion Y520 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามดุดัน เรียกได้ว่าได้เค้าโครงจากรุ่นพี่อย่าง Y Series มาเต็มๆ รวมไปถึงงานการประกอบก็ระดับคุณภาพ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่แล้ว ถือว่าทำได้ดีในแง่ของการดีไซน์ Gaming Notebook ในช่วงราคานี้
Best Performance
Lenovo Legion Y520 มีสเปคที่ครบครัน ทั้งชิบประมวลผล Core i7-7700HQ และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050 (4GB GDDR5) พร้อมแรมตัวเครื่องขนาด 4GB มาตรฐานใหม่แบบ DDR4 ขนาด 8GB (อัพเกรดได้อีกแถว) และ SSD แบบ M.2 NVMe ความจุ 256GB ให้การเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วสูงถึง 3300MB/s ความเร็วสูงรองรับการทำงานต่างๆ พร้อมๆ กันได้หลายๆ งาน รวมถึงเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
Best Value
Lenovo Legion Y520 มาพร้อมกับสเปคที่ลงตัวกับการใช้งานหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทำงานออฟฟิศทั่วไป งานเอกสาร ดูหนังฟังเพลงก็สบายๆ ที่เน้นๆ เลยก็คือเรื่องของการเล่นเกมเป็นหลัก เนื่องจากการเลือกใช้ชิปประมวลผล Intel Core i7-7700HQ ตัวแรง ที่ประสิทธิภาพกำลังดี พ่วงพร้อมการประหยัดพลังงาน ทั้งยังมีกราฟิกชิปเป็น NVIDIA GeForce GTX 1050 และแรม 8GB แถม SSD อีก 256GB เข้ามาอีก ภายในราคาที่ 39,900 บาทเท่านั้น เหมาะมากๆ สำหรับใครที่อยากได้โน๊ตบุ๊คมาเล่นเกมในราคาคุ้มค่าที่สุด ในงบไม่เกิน 40,000 บาท