ในที่สุดก็ถึงวันที่ทุกคนลอยคอ….รอคอย กับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ RYZEN จาก AMD ซึ่งเป็น CPU รุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับหลาย ๆ คนคงทราบแล้วเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ของ RYZEN จากข่าวหลุดในสื่อต่างประเทศที่มีออกมาให้ได้ฮือฮากันเป็นช่วง ๆ แต่ก็อาจจะยังไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้องนักเนื่องจากผลเทสส่วนมากยังคงเป็นตัว DEMO ที่ยังไม่ได้อัพเกรดไดร์เวอร์ของเมนบอร์ดให้รองรับการใช้งาน RYZEN อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทางทีมงาน NotebookSPEC เองก็ได้มีโอกาศได้ทดสอบ RYZEN ก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยประสิทธิภาพความแรงที่ทาง AMD ได้ประกาศไว้จะทำได้อย่างสมคำร่ำลือหรือ และ ณ บัดนี้ทางทีมงานจะเปิดเผยข้อมูลของ RYZEN 7 ตัวรองท๊อป รุ่น 1700X ประสิทธิภาพจะเป็นอย่างไร ติดตามชมกันได้ในบทความนี้
RYZEN หรือแต่เดิมที่ทาง AMD ให้ชื่อว่า ZEN ได้มีการเปิดเผยโปรเจคนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งก็ได้สร้างกระแสฮือฮาเป็นอย่างมากสำหรับแฟน ๆ AMD และ Geek Boy ทั้งหลายรวมไปถึงผู้ที่สนใจวงการ IT ทั่วโลก เพราะหวังให้การมาของ ZEN หรือ RYZEN ที่พวกเรารู้จักกันในปัจจุบัน เข้ามาเป็นคู่แข่งทางการตลาดกับ Intel ได้อย่างสูสี เพื่อสร้างการแข่งขันทางการตลาดและปรับราคา CPU ให้มีลาคาที่ลดลงทั่วโลก จากแต่เดิมที่ถูก Intel ผูกขาดแต่เพียงผู้เดียวเพราะหลังจากที่เมื่อเกือบ 10 ปีก่อนหลังจากที่ Intel ได้เปิดตัว Core 2 Duo ออกมาสร้างความฮือฮากันไปทั่วโลกด้วย CPU แบบ 2 คอร์ และนี่ถือว่าเป็นยุคที่ AMD ได้ถดถอยจนหลงทางไปไกล ถึงแม้จะสร้างแรงฮึดส่ง APU ลงสู่ตลาดแต่ก็ไม่ทำให้ Intel สั่นสะเทือนแต่ประการใด และมาจนถึง ณ วันนี้ วันที่ได้เปิดตัว RYZEN อย่างเป็นทางการราวกับว่า AMD ประกาศเกิดใหม่อีกครั้ง
สำหรับสิ่งที่ AMD ซุ่มคิดค้นและพัฒนาตลอด 3 ปี เพื่อเป็นขุมพลังผลักดันให้ RYZEN ทะยานขึ้นสู่จุดที่เหนือกว่า Intel ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง SenseMI Technology ที่เป็นกุญแจสำคัญทีช่วยเสริมประสิทธิภาพของ RYZEN ให้สูงขึ้นถึง 40% ซึ่งประกอบ 5 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่
- Pure Power ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าการใช้พลังงานที่ถูกติดตั้งไว้ทั่ว CPU มากกว่า 100 จุด ซึ่งจะตรวจวัดการใช้พลังงานด้วยความแม่นยำในระดับ มิลิโวลต์ และมิลลิวัตต์ซึ่งจะช่วยรักษาระดับพลังงานให้สอดคล้องกับอุณหภูมิ เพื่อให้ได้ Clock Speed ที่นิ่งเสถียร และลดการใช้พลังงานน้อยที่สุด
- Precision Boost ระบบประมวลผลอัจฉริยะที่จะช่วยปรับค่าอัตตราการใช้พลังงานของ CPU เพื่อปรับเพิ่มหรือลด Clock Speed ให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยจะเพิ่มลดที่ละ 25MHz เป็นจำนวนนับ 1000 ครั้งในหนึ่งวินาที เพื่อความเสถียรของ CPU
- Extended Frequency Range (XFR) เทคโนโลยีขี่ม้าขาวสำหรับ AMD ที่ดูคล้ายคลึงกับ Turbo Boost ของ Intel แต่สิ่งที่ทำให้ XFR เหนือกว่าก็คือถ้าหากการประบายความร้อนมีประสิทธิภาพที่ดี และ CPU มีอุณหถูมิที่เย็นพอ จะสามารปรับเพิ่ม Limit Clock Speed ได้แบบไร้ขีดจำกัดหรือยิ่งเย็นยิ่งแรงนั่นเอง ซึ่งจะทำงานสอดคล้องกับเทคโนโลยี Pure Power และ Precision Boost
- Neural Net Prediction A.I. หรือปัญหาประดิษฐ์สุดฉลาดที่จะช่วยปรับพื้นฐานการทำงานของ CPU ให้เข้ากับแอพพลิเคชันที่เคยถูกใช้งาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นเมื่อถูกใช้งานในอณาคต
- Smart Prefetch ระบบที่ทำงานร่วมกับ Neural Net Prediction โดยจะมีฟังก์ชันการทำงานที่จะช่วยติดตามขั้นตอนการทำงานของงแอพลิเคชัน เพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้งานล่วงหน้า หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ Smart Prefetch เป็นผู้ช่วยที่มีหน้าที่จัดเตรียมสิ่งของล่วงหน้าและส่งต่อให้กับ Neural Net Prediction
สเปคที่ใช้ในการทดสอบ
- CPU AMD RYZEN 7 – 1700X
- RAM 16 GB DDR4 BUS 2133
- M/B ASROCK X370
- SSD M.2 240 GB
- PSU cooler master 700w 80+ Bronze
สำหรับขอมูลของ RYZEN 7 1700X จากโปรแกรม CPU-Z จะเห็นข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนว่าเป็น AMD RYZEN อย่างแน่นอน ใช้ชื่อสถาปัตยกรรม Summit Ridge รองรับการทำงานร่วมกับเมนบอร์ด Socket AM4 เท่านั้น ส่วนของชื่อรุ่นนั้นยังไม่สามารถตรวจสอบได้ หากแต่เป็นโค๊ตรหัสของ CPU เท่านั้นทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าเป็น RYZEN รุ่นไหน แต่จากการตรวจสอบจากความเร็ว Core Speed 3499 MHz ซึ่งมีความเร็วตรงกับ RYZRN 7 1700X ทำให้มั่นใจได้ว่าใช่ 1700X อย่างแน่นอน รวมไปถึงเมนบอร์ดยังสามารถเห็น CPU ได้ 8 Core 16 Threads ตามสเปคของ 1700X
ในส่วนของ CPU-Z Benchmark สามารถทราบได้ถึงประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ที่เหนือกว่า Intel i7-6950X ; 10 Core 20 Threads ที่ความเร็ว 3 GHz ซึ่ง RYZEN 7 1700X มีความเร็วที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดด้วยคะแนน Benchmark Multi Threads สูงถึง 16767 คะแนน และแน่นอนว่าประสิทธิภาพของ Intel i7-6950X ย่อมเหนือกว่า i7-7700K ทำให้ประสิทธิภาพของ 1700X มีความแรงที่เหนือกว่า i7-7700K เป็นอย่างมาก
การทดสอบ Benchmark กับโปรแกรม Cinebench R11.5 และ 15 ที่สามารถทำการทดสอบประสิทธิภาพของ CPU พร้อมทำการเปรียบเทียบกับ CPU รุ่นอื่นอีกด้วย ในการทดสอบบน R11.5 สามารถทำคะแนนในการทดสอบ CPU Multi Core ได้คะแนน 16.88 pts และ Single Core 1.69 pst ส่วนค่า MP 9.97 X ซึ่งในการเปรียบเทียบคะแนน Single Core ของ 1700X อาจจะทำได้ไม่หวือหวามากนักเมื่อเทียบกับ CPU รุ่นอื่น ซึ่ง Performance per Core นั้น น้อยกว่า i7 4770K เสียอีก แต่อย่าลืมว่า 1700X นั้นมี 8 Core 16 Theradถ้าหากได้ทำงานแบบ Multi Core แล้วจะอยู๋ในลำดับต้น ๆ อย่างแน่นอน
ถัดมากับ Cinebench R15 สามารถทำการทดสอบ CPU Multi Core ได้คะแนน 1520 cb และ Single Core 151 cb ส่วนค่า MP 10.04 Xซึ่งผลการเทสเหมือนกับ R11.5 ในด้านการเทสแบบ Single Core
กาดทดสอบกราฟฟิกกับ 3DMark Fire Strik ด้วยประสิทธิภาพของ RYZEN 1700X และการ์ดจอ HIS RX480 ซึ่งก็สามารถทำคะแนนในการเทสได้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงด้วยคะแนน 11,134 คะแนน จากทุกการทดสอบ ก็สามารถทำการทดสอบได้อย่างไหลลื่น ด้วยความสามารถของ RYZEN 7 1700X ทำให้สามารถดึงประสิทธิภาพจาก RX480 ออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่ในส่วนของเฟรมเรทนั้นค่อนข้างที่จะแกว่งอยู่สักเล็กน้อย ในส่วนของกราฟแสดงการทำงานจะพบว่า CPU นั้นวิ่งด้วยความเร็ว 3.3- 3.5 GHz ซึ่งทำงานได้ข้องข้างสเถียร แต่อาจจะโดดขึ้นมาสูงเป็นช่วงเล็ก ๆ ในการทดสอบ Physic Test
สำหรับผลการทดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ อื่น ๆ สามารถดูได้จากคลิปวีดีโอรวมที่รวมการสดสอบ Benchmark กับเกม GTA V และ Rise of Tomb Rider ไว้ด้วย
สำหรับประสิทธิภาพของ RYZEN 7 1700X ตัวนี้ ยังไม่ใช่ประสิทธิภาพที่แท้จริง เนื่องจากเมนบอร์ดยังไม่ได้รอบรับการอัพเดตเวอร์ชัน BIOS เพื่อให้สามารถเปิดใช้งานเทคโทคโนโลยี XFR ที่ช่วยเพิ่มความเร็วขึ้นแบบอัตโนมัติ อีกทั้งไดร์เวอร์ต่าง ๆ ยังไม่ได้รับการอัพเดตเพื่อรองรับการใช้งาน RYZEN ซึ่งทำให้ผลการทดสอบหลาย ๆ ด้านยังทำคะแนนออกมาได้ไม่ดีพอ รวมไปถึงความเร็วนั้นถูกล๊อกไว้ที่ 3.4 – 3.5 GHz แต่ถ้าหากเป็นการใช้งานเต็มประสิทธิภาพ การทดสอบต่าง ๆ สามารถทำคะแนนได้สูงกว่านี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้เองการใช้งาน CPU ยังคงต้องพึ่งพาเมนบอร์ดซึ่งรองรับเฉพาะเมนบอร์ด Socket AM4 เพียงเท่านั้น ในขณะนี้ได้ถูกนำออกมาจำหน่ายอย่างมากมาย โดยจะมีในส่วนของชิปเซ็ตที่แตกต่างกันออกไปถึง 6 รุ่นได้แก่ X370, B350 และ A320 ชิปเซ็ตสำหรับ Mini ITX รุ่น X300, B300 และ A300 แต่สำหรับชิปเซ็ตที่สามารถ Overclock ได้จะมีเพียงแค่ X370, B350 และ X300 เท่านั้น แต่สำหรับการ SLI นั้นจะสามารถทำได้เพียงแค่ X370 เท่านั้น ส่วน Cross Fire จะสามารถรองรับได้ทั้ง X370, B350 และ A320 อีกทั้ง RYZEN เองก็ยังสามารถรองรับการ Overclock ได้ทุกรุ่นทั้ง RYZEN 3, 5 และ 7 โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องมีรหัส X ต่อท้าย ซึ่งความหานของรหัส X คือเทคโนโลยี XFR เท่านั้น
หากใครที่อยากดูการทดสอบเวอร์ชันเต็ม ๆ กับ RYZEN 7 – 1700X และ 1700 ก็อดใจรออีกสักเล็กน้อย ทีมงานจะเร่งทำการทดสอบให้ได้ชมกันกับประสิทธิภาพที่แท้จริงในการเล่นเกมแบบจัดเต็ม รวมถึงเปรียบเทียบความคุ้มค่ากับ CPU ตัวอื่น ๆ อีกด้วย หากใครที่ต้องการเป็นผู้ครอบครอง RYZEN ก็สามารถหาซื้อได้แล้วในวันนี้ โดยได้มีการวางจำหน่าย 3 รุ่นด้วยกันได้แก่ RYZEN 7 – 1700, 1700X และ 1800X ที่ร้าน Advice, Banana Store, และ IT City ทุกสาขา
RYZEN 7 – 1700
[onlineicon type=”advice-icon-dark”]
RYZEN 7 – 1700X
[onlineicon type=”advice-icon-dark”]
RYZEN 7 – 1800X
[onlineicon type=”advice-icon-dark”]