แน่นอนว่าเทรนด์คอมพิวเตอร์ในปี 2017 มีขนาดเล็กลง เล็กลง เล็กลงเรื่อยๆ จากแบบเดิมที่ใช้เคสคอมพิวเตอร์แบบใหญ่โตก็กลับกลายมาเป็นโน๊ตบุ๊ค และล่าสุดกับอีกเทรนด์ที่เข้ามาแล้วในตอนนี้ก็คือ คอมพิวเตอร์แบบ Mini PC โดยคอมพิวเตอร์เล็กจิ๋วที่ว่านี้ก็มีประสิทธิภาพไม่ได้แพ้คอมพิวเตอร์ทั่วๆ ไปเลยละครับ เผลอๆ จะแรงกว่าคอมพิวเตอร์ในยุคเก่าอีกด้วย ในแง่ของการทำงาน ซึ่งล่าสุด HP ก็ได้นำเสนอ HP Elite Slice ที่เป็น Mini PC ขนาดเล็กสเปกสำหรับองค์กรและมืออาชีพ พร้อมโมดูลเสริมฟีเจอร์ ในราคาเริ่มต้นที่ประมาณสองหมื่นกว่าบาทออกสู่ตลาด
HP Elite Slice จัดว่าเป็นอีกหนึ่ง Mini PC ที่น่าสนใจ โดยรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานและรองรับความบันเทิงที่สามารถต่อจอแยกได้ โดยรองรับความละเอียดระดับสูง ซึ่งในการทดสอบรีวิวนี้ ทีมงานได้จับคู่กับสุดยอดมอนิเตอร์อย่าง HP EliteDisplay S340c ด้วย อีกทั้งอย่างที่บอกไปแล้วก็คือ การเพิ่ม เพิ่มโมดูลได้ ซ้อนกันเป็นชั้นๆ
โมดูลหลักๆ แล้วมีด้วยกัน 4 ชิ้นหลักๆ ได้แก่
- HP Optical Disk Drive (ODD) Module สำหรับอ่านแผ่น DVD
- HP Audio Module ลำโพงจาก Bang & Olufsen
- HP VESA Plate ถาดรองชั้นล่างสุดสำหรับตั้งพีซีไว้ถาวร
- HP Collaboration Cover ฝาปิดด้านบนสำหรับกดปุ่มเข้า Skype for Business ได้ทันที
ส่วน HP Wireless Charging Cover ฝาปิดด้านบนสำหรับชาร์จอุปกรณ์พกพาแบบไร้สาย อันนี้ต้องสั่งติดตั้งมากับ HP Elite Slice ตั้งแต่ตอนต้น โดยในส่วนของการรีวิวครั้งนี้ ทีมงานได้รับมาเป็นในส่วนของ ตัว HP Elite Slice, HP Optical Disk Drive, HP Audio Module และ HP VESA Plate นอกเหนือจากนี้ยังมีออฟชั่นเพิ่มเติมในส่วนของการสแกนลายนิ้วมือ พร้อมระบบความปลอดภัยต่างๆ
HP Elite Slice ชิปประมวลผลให้เลือกตามแต่สเปกและลักษณะการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น Core i3 / i5 /7 อย่างรุ่นที่ได้รับมารีวิวจะเป็น Core i5-6500T พร้อมการ์ดจอออนบอร์ด Intel HD Graphics 530 ซึ่งรองรับการใช้งานทั่วไปหรืองานประมวลผลได้อย่างสบายๆ ส่วนแรมนั้นจะมีขนาด 8GB DDR4 ในหน่วยเก็บข้อมูลเป็นแบบ SSD NVMe ความเร็วสูง 256GB ที่มีขนาดเพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งสามารถเก็บไฟล์ภาพ เอกสาร หรือวีดีโอได้มากพอสมควร และแน่นอนว่าการที่เป็น SSD NVMe ทำให้การใช้งานโดยรวมมีความลื่นไหลมากๆ
ส่วนอื่นที่น่าสนใจก็ยังมีเรื่องของ USB 3.1 Type-A ที่ให้มา 2 พอร์ต พร้อมด้วย USB 3.1 Type-C (charging) และ USB 3.1 Type-C (alternate mode DP) อีกอย่างละ 1 พอร์ต นอกจากนี้ยังมี DisplayPort, HDMI, LAN และช่องต่อหูฟังไมค์แบบ Combo อีกด้วย เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน การเชื่อมต่อไร้สายนั้นรองรับ Lan รวมถึง Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac 2×2 และ Bluetooth 4.2 สำหรับน้ำหนักอยู่ที่ 1.05 กิโลกรัมเท่านั้น เรียกได้ว่าถือมือเดียวได้อย่างสบายๆ มาพร้อม Windows 10 Pro พร้อมใช้งานและการรับประกัน On-site Service 3 ปีเต็ม
HP Elite Slice น่าสนใจมากๆ เลยละครับ เพราะมีความแปลกใหม่เป็นอย่างมากในตลาดคอมพิวเตอร์ของบ้านเรา โดดเด่นด้วยดีไซน์สวยงามสะดุดตา โดยเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้ใช้โลโก้ใหม่ของ HP ด้วย และขึ้นชื่อว่า “Elite” ก็หมายถึง อุปกรณ์สำหรับใช้งานในองค์กรหรือ Corporate ที่เป็นระดับมืออาชีพโดยเฉพาะ ทำให้มีทั้งดีไซน์ ฟีเจอร์ และประสิทธิภาพที่มากกว่ารุ่นทั่ว ๆ ไป มาพร้อมทำงานด้วยคีย์บอร์ด และเมาส์ HP ไร้สายที่แถมมาให้ด้วยในชุดจัดจำหน่ายทันที ทำให้ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มแต่อย่างใด (แต่สำหรับมอนิเตอร์ต้องซื้อแยกเองนะครับ หรือใช้ของเดิมที่มีอยู่แล้วก็ได้)
ดีไซน์การออกแบบตัวเครื่องโดยรวมของ HP Elite Slice มีสีดำแต่ออกน้ำตาลนิด ๆ ทำให้เห็นรอยนิ้วมือได้บ้าง ส่วนวัสดุเป็นพลาสติกอย่างดีโดยเป็นผิวด้านทั้งตัว อีกทั้งยังมีมีแผงระบายความร้อนรอบๆ ตัวเครื่องด้านบน ซึ่งมีลักษณะเป็นสีทอง (สีเดียวกับสีโลโก้) ทำให้ตรงนี้เองที่กลายเป็นจุดเด่นของตัวเครื่องไปเลย ที่นอกจากจะสวยงามแล้ว ก็ยังช่วยระบายความร้อนได้ดีด้วย และเมื่อพลิกดูใต้เครื่อง ก็จะเห็นช่องระบายความร้อนรอบตัวเครื่องอีกชั้น มีปุ่มยางรองพื้น และพอร์ตเชื่อมต่อกับโมดูลอื่นๆ
โดยหากต้องการถอดตัวโมดูลออก ให้สังเกตที่ใต้ตัวโมดูล มันจะมีปุ่มสำหรับปลดล็อคอยู่ โดยเราต้องพลิกตัวเครื่องกลับหัว แล้วกดปุ่มนี้ค้าง จากนั้นค่อย ๆ ดึงตัวโมดูลออก ที่สำคัญคือเราสามารถเลือกที่จะใช้งาน HP Optical Disk Drive (ODD) Module หรือ HP Audio Module และ HP VESA Plate ได้ตามลักษณะการใช้งาน (แต่ HP Optical Disk Drive (ODD) Module ต้องเชื่อมต่อกับ HP Elite Slice ก่อน HP Audio Module เสมอ)
HP Elite Slice ยังจัดวางได้เข้ากับทุกๆ ออฟฟิศหรือที่ทำงาน รวมไปถึงสถานที่ในบ้าน หรือแม้แต่คอนโด โดยไม่กินพื้นที่เท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับพีซีขนาดปกติ ซึ่งมีมิติตัวเครื่องเพียง 6.5 x 1.38 x 6.5 นิ้ว และมีน้ำหนักตัวแค่ 1050 กรัม เท่านั้น เรียกได้ว่าสามารถโยกย้ายไปติดตั้งได้กับทุกๆที่ กันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเชื่อมต่อกับมินอเตอร์ปกติ หรือจะใช้เพื่อรองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10 แบบเต็มๆ เน้นจอสัมผัส ก็เพียงซื้อมอนิเตอร์ Touch Screen มาใช้ควบคู่กับHP Elite Slicei ก็จะกลายเป็นเครื่อง All-in-One PC จอทัชสกรีนได้สบายๆ เลย
นอกเหนือจากนี้ HP Elite Slice ยังมีพอร์ตการเชื่อมต่อที่ค่อนข้างครบครัน เรียกได้ว่าเพียงพอกับการใช้งานจริงๆ เพราะจัดเต็มมาด้วย USB 3.1 Type-A ถึง 2 พอร์ตด้วยกัน เอาไว้เชื่อมต่อกับตัวรับสัญญาณของคีย์บอร์ดและเมาส์ไร้สาย สำหรับพอร์ตการแสดงผลก็มีทั้ง HDMI และ Display Port ตรงนี้ก็สะดวกมากๆ สำหรับไว้เชื่อมต่อกับทีวีหรือมอนิเตอร์ที่เป็นพอร์ต HDMI ส่วน Display Port ก็มีไว้สำหรับการใช้งานกับมอนิเตอร์ระดับมืออาชีพ (แต่ถ้ามอนิเตอร์ใครไม่มีทั้งสองพอร์ตนี้ คงต้องไปซื้อตัวแปลงมาต่ออีกที) ส่วน USB 3.1 Type-C ก็มีมาให้ไว้รองรับกับอุปกรณ์เสริมใหม่ๆ ในอนาคต
HP Elite Slice รุ่นที่ได้รับมาทดสอบใช้ชิปประมวลผลอย่าง Intel Core i5-6500T ที่มีประสิทธิภาพสูงระดับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะปกติ โดยสามารถตอบรับกับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความบันเทิงที่สามารถต่อจอแยกใช้งานได้ความละเอียดระดับ 4K ได้อย่างสบายๆ ส่งผลให้เราได้รับประสบการณ์ที่เหนือชั้นกว่าการใช้คอมพิวเตอร์แบบก่อน ทั้งในการทำงานหรือความบันเทิง ในขนาดที่กระทัดรัดมากๆ บนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro
อย่างในการทดสอบของเราได้ใช้งานทั้งเล่นอินเตอร์เน็ตพร้อมด้วยเปิดฟังเพลงบน Youtube ไปด้วย เรียกได้ฟินกันไปเลยทีเดียว กับลำโพงในตัวของ HP Elite Slice แต่ถ้าให้เยี่ยมยอดจริงๆ ต้องใช้ลำโพงเป็นในส่วนของ HP Audio Module ลำโพงจาก Bang & Olufsen ที่ให้เสียงคุณภาพแบบรอบทิศทาง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าถ้าใช้งานหนักๆ อย่างการเปิดหน้าโปรแกรมหลายโปรแกรมพร้อมๆ กันก็ลื่นไหลเป็นอย่างดีน่าประทับใจ ที่สำคัญระบบระบายความร้อนทำได้เป็นอย่างดี ทำให้ตัวเครื่องสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด
สรุปการใช้งานของ HP Elite Slice ที่เป็น Mini PC เพื่อระดับองค์กรโดยเฉพาะ เรียกได้ว่ามีความครบครันในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของการออกแบบที่เล็กกระทัดรัด ในด้านของสเปกเครื่องที่ก็เพียงพอกับการใช้งานทั่วๆ ไปจนถึงขั้นจริงจัง ซึ่งเน้นในเรื่องการใช้งานพื้นฐานอย่าง เล่นอินเตอร์เน็ต งานเอกสาร และความบันเทิง ถึงแม้จะไม่มีการ์ดจอแยกมาให้ แต่ก็สามารถเชื่อมต่อกับมอนิเตอร์ความละเอียดสูงที่ Quad HD ได้สบายๆ ในด้านของบันเดิลที่จัดมาในชุดก็เช่นกันอย่างชุดเมาส์และคีย์บอร์ดไร้สาย ทำให้เราไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มเติมเองแต่อย่างใด ที่สำคัญคือพร้อมใช้งานทันทีด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro
นับได้ว่าน่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยสำหรับ HP Elite Slicei เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานภายในออฟฟิศหรือสำนักงานที่มีเนื้อที่จำกัด และต้องการความสวยงามเรียบง่ายมีดีไซน์แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพการใช้งานที่พอตัว สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณสองหมื่นกว่าบาท (ไม่รวมมอนิเตอร์) มาพร้อมการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service มาตรฐาน Corporate ที่ทาง HP ส่วนของ Business มีความชำนาณเป็นอย่างดี เอาเป็นว่าใครสนใจซื้อจริงก็สามารถติดต่อไปที่ HP โดยตรงกันได้เลย
ข้อดี
- ดีไซน์สวย หรูหรา สไตล์ HP Elite
- ขนาดเล็กประหยัดเนื้อที่ในการจัดวาง
- ประสิทธิภาพดี กับการใช้งานทั่วไปและการทำงาน
- มีโมดูลเพิ่มความสามารถต่างๆ
- มีรุ่นที่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ
- รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย
- มาพร้อมชุดเมาส์คีย์บอร์ดไร้สายในตัว
- ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro มาให้พร้อมใช้งาน
- ประกัน On-site Service 3 ปี
ข้อสังเกต
- พอร์ตการเชื่อมต่อด้านหลังค่อนข้างชิดกัน
- เมาส์คีย์บอร์ดไร้สาย น่าจะเป็นมาตรฐาน Bluetooth
- ราคาสูง อาจจะไม่เหมาะผู้ใช้ทั่วไป