เชื่อว่า Beats X นั้นน่าจะเป็นหูฟังแบบไร้สายของทาง Beats ที่ใครหลายๆ คนรออยู่ครับ เพราะหลังจากที่ AirPoads นั้นสามารถที่จะทำให้ยอดจำหน่ายหูฟังแบบไร้สายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมาแล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นมืออาชีพและเสียงระดับเทพของหูฟังยี่ห้อ Beats ที่เป็นหนึ่งในบริษัทที่ผลิตหูฟังได้ตรงใจนักฟังหลายๆ ท่านก็ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้วหล่ะครับเนื่องจาก Beats X ได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วครับ
หลังจากที่ทาง Apple ได้เปิดตัว Beats X มาตั้งแต่ในเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้น(เปิดตัวพร้อมกับ AirPods) หลายๆ ท่านคงติดใจกับคำพูดของ Phil Schiller ที่บอกเอาไว้ว่า Beats X นั้นเป็นชุดหูฟังไร้สายที่มาพร้อมกับความบางเบา พกพาสะดวกและที่สำคัญสุดๆ คือประสิทธิภาพการใช้งานสูงในราคาที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ ซึ่งต้องบอกเลยหล่ะครับว่าคำพูดของ Schiller นั้นไม่ได้เป็นการโฆษณาเกินจริงแต่อย่างใดครับ
Beats X นั้นเป็นชุดหูฟังแบบคล้องคอ ซึ่งผู้ใช้น่าจะมีความเคยชินมากกว่า AirPods แถมไม่ต้องกังวลเรื่องที่ว่าใช้ไปๆ แล้วมันจะหลุดออกจากหูของท่านง่ายเกิดไป(ไม่เหมือนกับ AirPods ที่มีความกลัวในตรงนี้เกิดขึ้นแต่เท่าที่ดูจากเสียงตอบรับก็พบว่าผู้ใช้ AirPods เองก็ไม่ได้เจอปัญหาเรื่องการที่หูฟังหลุดง่ายแต่อย่างใดครับ)
ด้วยความที่ Beats X นั้นใช้ชิป Bluetooth รุ่น W1 ซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่ใช้งานบน AirPods ดังนั้นแล้วเรื่องของสเปคการเชื่อมต่อของ Beats X นั้นจึงไม่ได้แตกต่างไปจาก AirPods มากนักสักเท่าไรครับ วิธีการที่จะทำการเชื่อมต่อ Beats X เข้ากับอุปกรณ์ระบบปฎิบัติการ iOS, watchOS หรือแม้กระทั่ง macOS จึงไม่ได้แตกต่างกันแล้วสามารถเชื่อมต่อเพื่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ด้วยความสามารถในการพกกาที่สะดวกมากกว่าเพราะมีสายสำหรับคล้องคอ ดังนั้นจึงทำให้ Beats X นั้นมีลักษณะทางกายภาพเหมาะสมกับการพกพามากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วนั้นถ้าคุณเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายไปด้วยพร้อมๆ กับฟังเพลงไปด้วยในเวลาเดียวกัน Beats X นั้นจะตอบโจทย์ในการใช้งานให้กับคุณได้เป็นอย่างดีครับ
บนตัวสายหูฟังนั้นจะมีแท่น(ตามที่เห็นจากภาพทางด้านบน) อยู่ทั้ง 2 ด้านของหูฟัง ดังนั้นแล้วเรื่องของความสมดุลเวลาใช้งานนั้นถือว่าทำได้ดีมากๆ ทั้งนี้บนตัวแท่นด้านหนึ่งจะเป็นที่อยู่ของปุ่มสำหรับบังคับเพลง(ปุ่มสำหรับเพิ่มลดเสียงและปุ่มบังคับควบคุมเพลงรวมทั้งเป็นปุ่มสำหรับการเรียกใช้งาน Siri เมื่อใช้งานกับอุปกรณ์ของทาง Apple หรือเรียกใช้ Google Now เมื่อใช้กับอุปกรณ์ระบบปฎิบัติการ Android ครับ) ส่วนอีกทางด้านหนึ่งนั้นจะเป็นส่วนที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของ Beats X อยู่ครับ
แท่นตรงหูฟังทางด้านซ้ายนั้นจะเป็นจุดที่มาพร้อมกับที่ชาร์จซึ่งมันมาพร้อมกับพอร์ต “Lightning” อยู่ดังนั้นบอกลา micro USB ได้เลยหล่ะครับ งานนี้นั้นดูเหมือนกับว่าทาง Apple ต้องการจะให้ผู้ใช้ iPhone หรือผลิตภัณฑ์ของตัวเองรู้สึกได้เป็นพิเศษว่าเจ้า Beats X นั้นเกิดมาเพื่ออุปกรณ์ของทาง Apple โดยเฉพาะครับ(ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ทว่า Beats X ก็ยังสามารถใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆ โดยการเชื่อมต่อ Bluetooth ได้นะครับ)
การชาร์จ Beats X ให้เต็ม 1 ครั้งนั้นจะใช้เวลาประมาณ 45 นาทีครับ น่าเสียดายที่ว่าเพื่อให้ตัวหูฟังทั้งชุดมีน้ำหนักน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดังนั้นแล้วเรื่องแบตเตอรี่ที่อยู่บน Beats X นั้นจึงมีความจุต่ำ แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้อเสียนะครับเพราะทาง Apple ได้บอกเอาไว้ว่า Beats X นั้นเมื่อชาร์จจากแบตหมดแล้วเสียบชาร์จทิ้งไว้เพียง 5 นาทีคุณก็สามารถที่จะถอดเอา Beats X มาใช้ในการฟังเพลงต่อเนื่องได้ราวๆ 2 ชั่วโมงครับ
หมายเหตุ – ในการชาร์จเต็ม 1 ครั้งทาง Apple บอกว่าสามารถจะใช้งานต่อเนื่องได้ 8 ชั่วโมง ซึ่งจากการทดสอบรีวิวนี้นั้นพบว่าเวลาการใช้งานจริงๆ เป็นไปตามที่ Apple ได้บอกเอาไว้ครับ
จุดที่เป็นข้อเสียของ Beats X นั้นก็คือวัสดุที่ใช้ในการผลิตนั้นเป็นพลาสติกซึ่ง อาจจะทำให้ผู้ใช้หลายๆ ท่านคิดว่ามันไม่เข้ากับการเป็น Apple ถึงกระนั้นรูปลักษณ์ของ Beats X นั้นก็น่าจะทำให้ลืมข้อเสียนี้ไปได้สบายๆ แถมพลาสติกที่นำมาใช้เป็นวัตถุนั้นก็เป็นพลาสติกเกรด Aที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมหล่ะครับ
ส่วนข้อเสียอีกอีกอย่างนั้นก็คือสายคล้องที่ไม่น่าจะเหมาะกับคนที่มีส่วนสูงน้อย เพราะถึงแม้ว่าจะมันสามารถยึดติดกันด้วยแม่เหล็กและปล่อยให้ทิ้งตัวมาอยู่บริเวณหน้าอกได้ แต่ผู้ที่ทดสอบนั้นมีความสูงมากกว่า 180 m ดังนั้นแล้วไม่รู้ว่าถ้าคนที่มีความสูงน้อยกว่านี้ เวลาที่ไม่ใช้งานเจ้าหูฟังของ Beats X นั้นอาจจะเกะกะหรือเลยมาอยู่ที่ท้องแทนที่จะเป้นหน้าอกหล่ะครับ
Beats X นั้นไม่ได้รับรองผ่านมาตรฐานการกันฝุ่นละอองรวมไปถึงน้ำ ดังนั้นแล้วเวลาที่ใช้งานนั้นคุณจะต้องระวังหน่อย โดยเฉพาะกับผู้ที่ใช้งาน Beats X ไปพร้อมๆ กับการออกกำลังกาย เนื่องจากว่าเหงื่อเล็กๆ น้อยๆ ของท่านที่เกิดขึ้นตอนออกกำลังกายนั้นอาจจะทำให้เจ้า Beats X เสียหายได้และแน่นอนว่ามันไม่ได้อยู่ในประกันครับ
จุดที่น่าจะกลายเป็นข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของ Beats X นั้นก็คือเรื่องคุณภาพของเสียงที่ได้ครับ คุณภาพของเสียงของ Beats X นั้นไม่ได้เป็นไปตามที่ Apple ได้บอกเอาไว้แถมมันก็ยังไม่ได้มาตรฐานตามหูฟังที่แย่ที่สุดที่ Beats เคยทำออกมาด้วย จากเดิมที่ Beats นั้นเคยมีความสามารถในการพัฒนาหูฟังที่มาพร้อมกับเสียง Bass ดีเป็นพิเศษกลับหมดลงไปบน Beats X ที่เสียง Bass นั้นไม่น่าจะพอใจผู้ใช้สาย Bass ครับ
อย่างไรก็ตามแต่ โชคยังดีที่ว่า Beats X นั้นมีเสียง Bass ที่ดีกว่า AirPods อยู่พอตัวดังนั้นแล้วนอกเหนือไปจากเรื่องของรูปลักษณ์ของทั้ง 2 แล้ว ก็มีเรื่องเสียง Bass นี่แหละครับที่พอจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าตัวเองต้องการ AirPods หรือว่า Beats X กันแน่(แต่ถ้าคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบเสียงฝั่ง treble อยู่แล้วนั้นเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาของคุณหล่ะครับ)
Beats X สามารถรักษาคุณภาพของการเป็นหูฟังแบบ In ears ไว้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าคุ๊จะเปิดเพลงดังมากเท่าไร ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีเสียงเล็ดลอดออกมาจาก Beats X ตรงนี้เลยทำให้ผู้ใช้ที่ต้องเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะนั้นสบายใจได้ว่าคุณจะได้เปิดเพลงให้ดังเต็มที่โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะไปรบกวนผู้ที่ใช้ขนส่งสาธารณะด้วยกันครับ
ด้วยราคาที่ไม่ได้แพงเท่าไรนักคืออยู่ที่ 5,990 บาท ทำให้ Beats X นั้นคุ้มค่ากับราคาที่เสียไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่ได้เหมาะสำหรับผู้ใช้ทุกคนด้วยการที่มันมาพร้อมกับชิป W1 ของทาง Apple เองทำให้ Beats X นั้นเหมาะกับผู้ใช้อุปกรณ์ของทาง Apple เองมากกว่า เพราะหากคุณเอาไปใช้กับอุปกรณ์ระบบปฎิบัติการอื่นๆ อาจจะพบปัญหาในเรื่องการเชื่อมต่อ Beats X เข้ากับอุปกรณ์ของคุณได้ครับ
ข้อดี
- ใส่แล้วรู้สึกสบายแบบที่ว่าสามารถที่จะใส่ค้างไว้เป็นวันๆ โดยไม่ต้องรู้สึกเจ็บหู
- ชิป W1 ทำให้การเชื่อมต่อ Beats X กับอุปกรณ์ของทาง Apple เองเป็นไปด้วยความง่าย
- สามารถแยกเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี
ข้อเสีย
- เสียงที่ได้ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของ Beats ถือว่าเป็นหูฟังที่มีคุณภาพเสียงอยู่กลางๆ
- สายเคเบิลที่เอาไว้คล้องคออาจจะยาวมากเกินไปสำหรับผู้ที่มีส่วนสูงไม่มาก
- ตัวแม่เหล็กที่เอาไว้ดูดหูฟังเข้าด้วยกันเมื่อไม่ใช่งานมีแรงแม่เหล็กเยอะมากทำให้อาจจะเกิดปัญหาเวลาใช้งานสำหรับผู้ใช้บางราย
ที่มา: theverge