ไม่เพียงแค่การเล่นเกมเท่านั้นนะครับที่กำลังเข้าสู่ยุคของความละเอียดระดับ 4K ทว่าในวงการวีดีโอหรือภาพยนตร์ เองนั้นก็เข้าสู่ยุคความละเอียดระดับ 4K เช่นเดียวกันดังจะเห็นได้จากหน้าจอทีวี, มอนิเตอร์และสื่อวีดีโอต่างๆ นั้นเริ่มที่จะมีความละเอียดที่ระดับ 4K กันมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือสเปคของเครื่องต่างๆ ที่จะสามารถขับเคลื่อนภาพหรือวีดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K นั้นจะต้องแรงมากกว่าเมื่อสมัยในยุคความละเอียดระดับ Full HD ครับ นอกเหนือไปจากเครื่องที่เอาไว้ใช้ขับสื่อ 4K ต่างๆ จะต้องเร็วขึ้นแล้ว เครื่องมือที่เอาไว้ใช้ตัดต่อเข้ารหัสไฟล์ความละเอียดระดับ 4K ก็ต้องแรงด้วยครับ
สิ่งหนึ่งที่เปิดกว้างสำหรับคอมพิวเตอร์ระบบปฎิบัติการ Windows นั้นก็คือการที่ผู้ใช้สามารถที่จะปรับแต่งสเปคตัวเครื่องได้เองครับ ถึงแม้ว่าในผู้ผลิตบางรายจะมีการวางจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์สุดแรงสำหรับผู้ใช้งานมืออาชีพหรือที่เรียกว่า Workstation ออกมาแล้วก็ตาม ทว่าบางทีมันก็ไม่ได้แรงสมใจผู้ใช้สักเท่าไรนักถึงแม้ว่าจะเลือกตัวเลือกสเปคสูงที่สุดเวลาซื้อ แต่ด้วยข้อดีเรื่องการปรับแต่งด้วยตัวเองได้ดังกล่าวตามที่ระบุไปในข้างต้นนั้นทำให้ผู้ใช้ได้มีตัวเลือกมากขึ้น ล่าสุดนั้นคุณ Tom Antos นักตัดต่อวีดีโอมืออาชีพได้จับ HP Z640 Workstation มาปรับแต่งให้แรงขึ้นครับ
สเปคที่คุณ Tom ปรับแต่งนั้นมีดังต่อไปนี้ครับ
- หน่วยประมวลผลแบบ 18-Core ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2.3 GHz ของ Intel รุ่น Xeon Haswell E5-2696 v3 [18-cores / 36-threads]
- หน่วยความจำ(RAM) ขนาด 64GB (ใช้ 64 GB แค่แถวเดียว) ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2133 MHz แบบ DDR4 ECC Registered RAM
- แหล่งเก็บข้อมูลความจุ 500 GB แบบ PCIe Flash Storage (อัตราความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลอยู่ที่ 1500MB/s)
- กราฟิกการ์ดของทาง NVIDIA รุ่น GTX Titan X 12GB (Pascal)
- ระบบปฎิบัติการ Windows 10 Professional 64-bit
สำหรับงบประมาณของการดัดแปลงเครื่องตามที่คุณ Tom ได้ทำนั้นอยู่ที่ $4,000 หรือประมาณ 142,840 บาท โดยส่วนที่แพงที่สุดนั้นก็คือตัวหน่วยประมวลผลเพราะทางคุณ Tom ต้องการที่จะดูว่าเมื่อทำการตัดต่อไฟล์วีดีโอความละเอียดระดับ 4K แบบ Raw แล้วนั้นแต่ละตัวโปรแกรมจะใช้ทรัพยากรจาก CPU หรือ GPU มากกว่ากัน และยังเป็นการสื่ออีกทางหนึ่งด้วยครับว่าถ้าหากต้องการดัดแปลงเครื่องสำหรับตัดต่อไฟล์วีดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K แบบ Raw แล้วควรจะเน้นสเปคที่ส่วนใด ทั้งนี้โปรแกรมที่ทางคุณ Tom ได้นำมาใช้ในการทดสอบมีดังต่อไปนี้ครับ
- DaVinci Resolve 12.5
- Adobe NLE
- Premiere Pro CC
สำหรับไฟล์ที่นำมาใช้ในการทดสอบนั้นเป็นไฟล์ความละเอียด 4.6K Raw DNG จากกล้อง URSA Mini ซึ่งในการทดสอบตนั้นพบว่าโปรแกรม DaVinci Resolve 12.5 และ Adobe NLE สามารถนำไฟล์เข้าโดยไม่ต้องมีการบีบอัดได้ตามปกติและสามารถเล่นไฟล์ได้โดยไม่ใช้ทรัพยากรหน่วยประมวลผลมากนัก(เพราะฉะนั้นก็คาดได้ว่าโปรแกรมทั้ง 2 นี้ได้ออกแบบมาให้ใช้กราฟิกการ์ดในการปรัมวลผลภาพแทนได้)
แต่ในส่วนของ Premiere Pro CC นั้นสามารถที่จะนำเข้าไฟล์เข้าไปได้ทว่าตัวโปรแกรมกลับไม่สามารถเล่นไฟล์ที่ความละเอียดดังกล่าวได้อย่างไหลลื่น โดยเมื่อดูในส่วนของทรัพยากรที่ใช้เวลาทำวานนั้นจะพบว่าหน่วยประมวลผลถูกใช้งานถึง 100% อยู่ตลอดเวลา แน่นอนครับว่าถึงแม้จะใช้หน่วยประมวลผลสุดแรงอย่าง Intel Xeon Haswell E5-2696 v3(ที่ราคาก็แรงเหมือนกัน) ก็ไม่ได้ช่วยให้การตัดต่อในโปรแกรม Premiere Pro CC ดีขึ้นมามากเท่าไรนักครับ
จากการทดสอบนี้นั้นถึงจะไม่สามารถยืนยันได้จริงว่าเครื่อง HP Z640 รุ่นปรับแต่งนั้นทำให้ประสิทธิภาพในการตัดต่อไฟล์วีดีโอแบบ 4K ดีขึ้นจริงหรือไม่เพราะว่าไม่ได้มีการเทียบกับเครื่องรุ่นอื่น แถมในการทดสอบนั้นยังพบอีกว่าโปรแกรม Premiere Pro CC นั้นไม่สามารถที่จะจัดการกับการตัดต่อไฟล์ที่ความละเอียดระดับ 4K บนเครื่องสุดแรงนี้เหมือนกับอีก 2 โปรแกรมได้ ซึ่งปัญหานั้นอาจจะมาจากตัวโปรแกรมเอง ดังนั้นแล้วข่าวนี้นั้นก็ขอให้ดูแค่เป็นตัวอย่างคร่าวๆ ครับว่าเครื่องที่จะสามารถใช้งานในการตัดต่อได้นั้นควรจะเป็นอย่างไรและจะคุ้มหรือไม่ถ้าคุณจะเสียงเงินเดือบ 150k เพื่ออัพสเปคที่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้รองรับโปรแกรมที่คุณจะใช้งานครับ
ที่มา : 4kshooters