เรื่องของพลังงานทดแทนที่เป็นพลังงานสะอาดนั้นเป็นเรื่องที่เหล่าผู้นำของแต่ละประเทศรวมไปถึงนักวิทยาศาสตร์เกือบจะทุกประเทศต่างก็ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในเรื่องวิทยาการพลังงานครับ แน่นอนว่านอกจากเรื่องความสะอาดของตัวพลังงานแล้วนั้นยังมีเรื่องของการเข้ามาทดแทนพลังงานเก่าที่กำลังจะหมดไปจากโลกไม่ว่าจะเป็นพลังงานถ่านหิน พลังงานน้ำมัน ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วนั้นพลังงานแสงอาทิตย์ถือว่าเป็นพลังงานอันดับต้นๆ ที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจมากๆ ครับ
ล่าสุดนั้นทางนักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาฝรั่งเศสนาม Minister Ségolène ได้ทำการเปิดตัวถนนที่ถูกวางแผงโซล่าเซลล์เป็นระยะทางถึง 1 km กินพื้นที่กว่า 30,000 ตารางฟุต โดยแผงโซล่าเซลล์ระยะทางดังกล่าวนี้นั้นจะมีความสามารถในการผลิตกระแสไฟฟ้าจ่ายให้กับไฟส่องสว่างของตัวถนนได้ครับ อย่างไรก็ตามแต่แล้วหากคิดตามค่าใฃ้จ่ายที่ต้องสูญเสียไปมากถึง $5.2 million หรือประมาณ 187.3 ล้านบาทนั้นดูๆ แล้วก็ไม่ค่อยจะคุ้มกันเท่าไรครับ
แม้ว่าในเรื่องของเงอนที่ต้องสูญเสียไปมาก(เพราะราคาของแผงโซล่าเซลล์นั้นนับว่ายังแผงอยู่ในปัจจุบัน) แต่เมื่อคิดถึงเรื่องการใช้งานระยะยาวแล้วนั้นก็ถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มกว่าเพราะไม่เพียงแค่มันสะอาดเท่านั้นแต่เราต้องไม่ลืมว่าในแต่ละวันหนึ่งนั่นเรามีแสงอาทิตย์ใช้เป็นระยะเวลาเกือบ 12 ชั่วโมง(ขึ้นอยู่กับแต่ละโซนของประเทศ) ซึ่งในเวลาดังกล่าวนั้นแผงโฆล่าเซลล์จะสามารถทำการผลิตไฟฟ้าได้อยู่ตลอดเวลาโดยต้นทุนที่ต้องจ่ายค่าแสงอาทิตย์นั้นก็คิดเป็น 0 บาทหล่ะครับ
ที่น่าสนใจก็คือแผงโซล่าเซลล์ที่ติดตั้งบนถนนของฝรั่งเศสนี้มีความแข็งแรงเป้นพิเศษโดยมันสามารถรับน้ำหนักของรถได้เป็นอย่างดีเพราะตัวโวล่าเซลล์นั้นถูกหุ้มด้วยยางซิลิโคน โดยทั้งนี้ทั้งนั้นหากถนนโซล่าเซลล์ดังกล่าวสามารถทำงานได้เป็นอย่างดีหล่ะก็ ทางกระทรวงนิเวศวิทยาฝรั่งเศสก็เตรียมตัวที่จะขยายถนนโซล่าเซลล์นี้ให้มากขึ้นกว่าเดิมไปถึง 1,000 km ตามทางหลวงหลักของประเทศฝรั่งเศสเองหล่ะครับ
หมายเหตุ – ทั้งนี้ถนนโซล่าเซลล์นั้นมีข้อเสียอยู่อย่างตรงที่โซล่าเซลล์ที่อยู่บนถนนนั้นจะเป้นแบบเรียบซึ่งให้ประสิทธิภาพน้อยกว่าโซล่าเซลล์แบบมีมุมที่ติดตั้งบนหลังคาบ้านครับ
หมายเหตุ 2 – มีบางบริษัทเอกชนเช่น Solar Roadway ก็กำลังทำการพัฒนาถนนที่มาพร้อมกับแผงโซล่าเซลล์อยู่ด้วย โดยบริษัทนี้นั้นได้ทำการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ทดสอบบนถนน Route 66 ซึ่งทั้งนี้นั้นบริษัทดังกล่าวก็ผจญปัญหาแบบเดียวกับกระทรวงนิเวศวิทยาฝรั่งเศส ซึ่งนั่นก็คือราคาต้นทุนที่สูงแบบสุดๆ หล่ะครับ
ที่มา : theverge