เป็นอีกครั้งที่ทีมงาน NotebookSPEC ได้สัมผัสกับสุดยอดโน๊ตบุ๊คแห่งปี 2016 ที่เป็นประเภท 2-in-1 กับในส่วนของ HP Spectre x360 ที่นับว่าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3″ ที่มีความบางเบามากๆ โดยมาพร้อมชิปประมวลผล Core i7 Gen 7 Kaby Lake ซึ่งนอกเหนือจากความบางเบาแล้ว ตัวเครื่องยังมีความหรูหราและสวยงามลงตัวสุดๆ ด้วยสีสันแปลกตาจากทั้งวัสดุะอลูมิเนียมทั้งตัวเครื่อง กับความบางที่ 13.8 มิลลิเมตร และเบาเพียง 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น
สเปกภายในของ HP Spectre x360 มาพร้อมกับชิปประมวลผล Intel Core i7-7500U ขับเคลื่อนด้วยแรมขนาด 8GB และฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูง SSD ความจุ 512GB ที่ต้องบอกว่าแม้สเปกจะแรงกว่า Ultrabook ทั่วไป แต่ก็มีระบบระบายความร้อนแบบพิเศษ สนนราคาที่ 59,990 บาท พร้อมประกัน 2 ปี On-site Service เรียกได้ว่าเหมาะมากๆ สำหรับคนที่กำลังมองหา Ultrabook พรีเมียมหรือ 2-in-1 Notebook ที่เจ๋งเหนือใคร !!!
VDO Review
Specification
สเปคภายในของตัว HP Spectre x360 จะคล้ายกับกลุ่ม Ultrabook กับขนาดหน้า 13.3 นิ้วที่เหมาะสมกับการพกพา แต่เหนือกว่าด้วยหน้าจอสามารถพับได้ 360 องศา ทำให้ใช้งานได้หลายโหมด มาพร้อมกับความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล กับสัดส่วน 16:9 ส่วนพาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองที่กว้างขว้างกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ
ด้านชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-7500U ความเร็ว 2.7 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 2.9GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 2 คอร์ 4 เทรด เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 7 Kaby Lake ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDRL3 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งาน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็นแบบออนบอร์ด Intel HD Graphics 620 ที่เรียกได้ว่าสดใหม่ นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ SSD ยังมีความจุสูงที่ 512GB
ตัวเครื่อง HP Spectre x360 ติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล พร้อมกล้อง IR Camera ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน ที่สำคัญยังมีพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง USB 3.1 Type-C จำนวน 2 พอร์ต และ USB 3.0 มาตรฐาน Type-A มาให้ด้วย ที่ต้องบอกว่า HP นั้นใส่ใจเลยให้พอร์ตแปลง USB 3.1 Type-C เป็นพอร์ต HDMI มาให้ด้วย ส่วนช่องต่อหูฟังอย่าง Audio Combo Jack อย่างคงอยู่ปกติ แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Wireless 802.11 ac, Bluetooth 4.0 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro
หน้าสเปกของ HP Spectre x360 <<<
Hardware / Design
ด้านดีไซน์การออกแบบ HP Spectre x360 ถือว่าเป็น Ultrabok ตัวเทพตัวจริงอีกหนึ่งรุ่น เพราะด้วยความบางตัวเครื่องระดับ 13.8 มิลลิเมตร กับน้ำหนักแค่ 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น โดยมาพร้อมสีเงินแบบด้านทั้งตัวเครื่องที่ดูแพงและหรูหรากว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบเห็นได้ชัด ซึ่งทุกรายละเอียดพร้อมสร้างความแตกต่าง จากทั้งวัสดุอลูมิเนียมที่มอบภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับ พร้อมขอบตัวเครื่องแบบมันวาว สะท้อนความงามที่แตกต่างในสองมิติ
เรียกได้ว่าถ้าให้เทียบก็ถือว่าเป็นตัวชนกับ Ultrabook หรือ 2-in-1 Notebook ระดับไฮเอนด์ของทุกแบรนด์โดยตรง ทั้งจากดีไซน์การออกแบบและสเปกด้านใน แต่บางจุด HP Spectre x360 มีความเหนือชั้นกว่า บ่งบอกความเป็นที่สุดได้เป็นอย่างดี กับอะไรที่มากกว่านอกเหนือจากเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อไว้ใช้งานแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของเราอีกด้วย
แรกเห็น HP Spectre x360 เป็นใครก็คงต้องชอบเพราะด้วยความบางเบารองรับการพกพาได้สะดวกสบายที่สุด กับขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ Full HD ที่สามารถแสดงภาพได้สวยงามที่สุดในบรรดา Ultrabook ด้วยกัน สำหรับวัสดุในการผลิตกระจกก็เป็นหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ซึ่งมีแสงสะท้อนบ้างแต่ก็น้อยกว่ากระจกธรรมดาทั่วไปเยอะ
ถือได้ว่างานประกอบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ HP Spectre x360 ทำได้เป็นอย่างดีที่สุดในเรื่องของการออกแบบให้มีความบางแต่ยังคงมีความแข็งแรงอยู่ ที่ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ นำไปทำตามได้ยาก รวมไปถึงบานพับโน๊ตบุ๊คแบบสองข้อ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากรายละเอียดงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยบานพับดีไซน์เรียบหรูสะอาดตา ซึ่งบริเวณนั้นยังมีคำว่า Spectre ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันถึงความพรีเมียม
นอกเหนือจากนี้ปุ่ม Power ยังได้ถูกออกแบบเอาไว้ขอบจอด้านนอกรวมไปถึงปุ่มปรับระดับเสียงด้วย ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับ Ultrabook รุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศานั่นเอง
ด้านล่างตัวเครื่องของ HP Spectre x360 จะเห็นว่ายางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 4 จุด เพื่อยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นและเวลาใช้งานจะแน่นหนากับพื้นที่วาง สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ แน่นอนว่าตรงนี้จะมีโลโก้ Windows 10 Pro นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น
ที่สำคัญสำหรับโลโก้บนตัวเครื่องของ HP Spectre x360 ยังเป็นดีไซน์แบบใหม่ที่ดูมีมุมมีองศาทำให้เหมาะสมกับความหรูหราของตัวเครื่อง ที่ต้องบอกว่ามีความพิเศษจริงๆ เพราะ HP จะเลือกใช้โลโก้นี้เฉพาะผลิตภัณฑ์รุ่นที่เป็นไฮเอนด์เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราจะเห็นว่ามันอยู่บน HP Spectre รุ่นปี 2016 ฉะนั้น HP Spectre x360 ก็สามารถการันตีความพรีเมียมได้เช่นกัน
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ HP Spectre x360 ได้มีความแตกต่างจากคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ เพราะเป็นคีย์บอร์ดเรืองแสง (Backlit Keyboard) ให้แสงสว่างในการทำงาน ที่ตอบสนองได้ดีกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปแบบรู้สึกได้แถมยังสวยงามหรูหรา
ส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำ
แทร็คแพดกระจกมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนแทร็คแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอของ HP Spectre x360 นี้เป็นแบบจอกระจกด้วยการใช้กระจกเพียงชิ้นเดียวกั้นหน้าจอเอาไว้ ด้วยหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ที่ให้มีสีสันที่สดใส ที่ต้องบอกว่ามีความสวยงามสมจริงแบบสุดๆ ด้วยพาเนล IPS ระดับสูง บนขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ซึ่งจัดว่ามีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ทำให้มีความเรียบเนียนตากว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ แบบไม่เห็นเม็ดพิกเซลเลย โดยเหมาะกับการทำงานแบบสุดๆ เพราะสบายตากว่าจอทั่วไป
แน่นอนว่ามาพร้อมกับระบบสัมผัสทัชกรีนทำให้เราสามารถใช้นิ้วในการควบคุมได้ทันที ซึ่งจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook อยู่แล้ว การมีหน้าจอทัชกรีนนั้นก็ช่วยในการของการใช้งานที่หลากหลาย แถมมีความลื่นไหลไม่มีสะดุด ส่งผลให้เวลาใช้เพื่อความบันเทิงหรือทำงานก็สามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้องสังเกตเล็กน้อยตรงที่หน้าจอเป็นกระจกทำให้สะท้อนแสงพอสมควร
อีกทั้งนอกจากจะมีกล้องเว็บแคมปกติที่ไว้เซลฟี่หรือวีดีโอคอลแล้ว HP Spectre x360 ยังได้ติดตั้งในส่วนของกล้องอินฟาเรดที่ไว้ใช้งานเฉพาะกับฟีเจอร์ Windows Hello อีกด้วย โดยให้ล็
ด้านของลำโพงนั้นมีอยู่ 4 ตัวด้วยกัน โดยอยู่บริเวณเหนือชุดแป้นคีย์บอร์ด และซ้ายขวาขอบบนของตัวเครื่องด้านล่าง เรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนคุณภาพเสียงต้องบอกว่าเป็นของ Bang & Olufsen ที่ไว้ใจได้ คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว และดีกว่าโน๊ตบุ๊ค HP รุ่นอื่นๆ พอตัวรวมไปถึงยังมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ช่วยเพิ่มเสียงให้ก้องกังวาล เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความบันเทิงถึงขีดสุดจากเสียงคมชัดทะลุมิติ
Using Experience
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า HP Spectre x360 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
อย่างไรก็ตามสำหรับ HP Spectre x360 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง บานพับสแตนเลสนี้ยังผ่านบททดสอบสุดทรหดด้วยการเปิดปิดกว่า 25,000 ครั้ง และการหมุนรอบ 360 องศา อีกกว่า 7,000 ครั้ง อีกทั้งกลไกการทำงานเของฟันเฟืองเปิดปิดบานพับเหล็กกล้ายังช่วยป้องกันฝุ่นละออง ทำให้ทนทานต่อการสึกหรอ
บอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหา 2-in-1 Notebook ซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาพรีเมียมไฮเอนด์ มีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปกก็ถือว่าแรงพอตัวด้วยชิประมวลผลประหยัดพลังงานอย่าง Intel Core i7 Gen 7 ซึ่งใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเลือก HP Spectre x360 เป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่จะตัดสินใจได้เลย
Connector / Thin And Weight
สำหรับ USB 3.1 Type-C บน HP Spectre x360 ได้ถูกติดตั้งไว้บริวเณขอบตัวเครื่องด้านขวา โดยมีอยู่พอร์ต 2 พอร์ตด้วยกัน เรียกว่าทุกการเชื่อมต่อต้องผ่านทาง USB 3.1 Type-C เท่านั้น โดยอาศัยตัวอแดปเตอร์แปลงเป็น HDMI (ที่แถมมาในบันเดิลแล้ว) หรือ VGA, USB และ LAN ผ่านตัวแปลงอื่นๆ รวมไปพอร์ตชาร์จไฟก็โดนจับไปรวมกับ USB 3.1 Type-C ด้วย ซึ่งทั้งสองตัวรองรับการชาร์จไฟได้เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามเห็นตัวเครื่องบางขนาดนี้แล้วล่ะก็ ด้านซ้ายก็ยังติดตั้งพอร์ต USB 3.0 ที่เป็น Type A มาตรฐานเดิมมาให้ด้วย ตรงนี้นับว่าเจ๋งจริง แน่นอนว่ายังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. แยกอยู่ ส่วนไมค์แบบคู่ไว้ใช้สนทนาร่วมกับโปรแกรมหรือไว้อัดเสียงนั้นอยู่บริเวณขอบหน้าจอด้านบน พร้อมเทคโนโลยี Noise Reduction ช่วยให้การทำ Video Conference มีเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น
ซึ่งแม้ว่าในมุมมองของผู้ใช้ทั่วไปแล้วอาจจะพบว่าการมาของ USB 3.1 Type-C ในตอนนี้นั้นเร็วมากเกินไป ส่วนหนึ่งนั้นก็เนื่องมาจากการที่อุปกรณ์ในตลาดส่วนใหญ่ยังใช้ช่องเชื่อมต่อมาตรฐาน USB 2.0 หรือ 3.0 อยู่เลย แต่เชื่อว่าอนาคตนั้นมาตรฐานนี้มาแน่นอน
Performance / Software
HP Spectre x360 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7500U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.7GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 2.9GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ HQ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 620 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 520 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD แบบ M.2 มาตรฐาน PCIe NVMe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB โดยเป็นของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Samsung กับความเร็วระดับ Read: 1682 MB/s – Write: 187 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือ SSD มาตรฐาน SATA 3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
*เครื่องนี้เป็นตัวทดสอบรีวิว SSD อาจจะเกิดปัญหาในเรื่องความเร็วการเขียน เพราะจริงๆ แล้วควรจะอยู่ที่ระดับ 500MB/s
สำหรับ Street Fighter 4 ที่เป็นเกมเก่า 2 มิติ โดยตั้งค่าเป็น Default บนความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่าชิปประมวลผล Intel Core i รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน (บนความละเอียดเท่ากัน) โดยได้คะแนนอยู่ที่ 9774 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 69.99 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร ถือได้ว่าพอจะเล่นได้แบบสบายๆ HP Spectre x360 เครื่องนี้ก็พร้อมตอบสนองความสนุกสนานแบบเกมเบาๆ ของทุกคนได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Spectre x360 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Spectre x360 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับ Ultrabook หรือแท็บเล็ตทุกรุ่น ตัวแบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 6:30 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome รวมไปถึงการตั้งค่าอื่นๆ ของเครื่อง เรียกได้ว่าไปแตะที่ระดับ 10 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว
อุณหภูมิต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มโดยการบังคับใช้โปรแกรมให้เครื่องรับ 100% กว่าครึ่งชั่วโมง ก็จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 94 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ซึ่งถึงจุดนี้ไปชิปประมวลผลจะลดความเร็วลงมาเองอัตโนมัติประมาณครึ่งนึง เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นับว่าระบบระบายความร้อนของ HP Spectre x360 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดี แต่ก็ถือว่ามีความร้อนที่สูง ซึ่งนั่นเป้นเพราะทีมงานบังคับให้ทำงานหนักแบบสุดๆ ซึ่งเอาเข้าจริงในการใช้งานตามสถานการณ์ เครื่องก็จะไม่ร้อนขนาดนี้แน่นอน ฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปครับ
Conclusion / Award
โดยรวมแล้วนั้นถือว่า HP Spectre x360 เป็น 2-in-1 Notebook ที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่ง การมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรองรับอนาคตได้อีกไกลแบบสบายๆ ด้วยสเปก Intel Core i7 Gen 7 แรม 8GB และ SSD 512GB แน่นอนว่ามีความบางเบาและพรีเมียมอย่างสุดๆ ที่สำคัญด้วยความที่เป็น 2-in-1 Notebook ก็ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ซึ่งเป็นผลจากการมาของระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่รองรับระบบหน้าจอสัมผัสได้เต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้ผู้ผลิตต่างๆ ได้ส่งผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ออกมากันเพียบ ซึ่ง HP Spectre x360 รุ่นใหม่นี้ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งสินค้าที่พิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป หรือจะกล่าวว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้นของคนยุคนี้ก็ว่าได้
HP Spectre x360 ยังมาพร้อมกับระบบเสียง Bang & Olufsen โดยติดตั้งลำโพงมาถึง 4 ตัว ที่จัดได้ว่าให้อรรถรสของเสียงได้ดีกว่าลำโพงทั่วไปแบบรู้สึกได้ รวมไปถึงการออกแบบดีไซน์ที่ดูแล้วเรียบหรูและใช้วัสดุคุณภาพอย่างพลาสติกเกรดสูงรวมไปถึงมีประกันถึง 2 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ทำให้ HP Spectre x360 เป็น 2-in-i Notebook ที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งหลายๆ ตัวในตลาด สนนราคาอยู่ที่ 59,990 บาท ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ตามมาตรฐาน
อย่างไรก็ตามถ้าพูดถึง HP Spectre x360 ที่แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับความละเอียดระดับ 4K หรือ 2K แต่ถ้าจะว่ากันตามตรงกับสเปคของตัวเครื่องแล้ว HP ก็ทำได้เหมาะสมแล้วกับความละเอียด Full HD ที่สำคัญพาเนล IPS ก็คุณภาพสูงสุดๆ เพราะภาพที่มองด้วยตานั้นมีความงดงามจนมองข้ามเรื่องของความละเอียดไปเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่อันนี้เป็นข้องสังเกตนิดนึงเพราะว่าน่าจะใช้งานได้นานกว่านี้อีกหน่อย รวมไปถึงเรื่องความร้อนเวลาใช้งานหนักๆ ต่อเนื่อง อันนี้ก็คงต้องบอกว่าใช้งานจริงก็อาจจะไม่ได้เจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆ ก็ไม่ต้องไปกังวลอะไรมาก
อย่างไรก็ตาม HP Spectre x360 ที่แม้ว่าดูราคาแล้วอาจจะสูงซักหน่อยถ้าเทียบกับสเปกที่ได้ แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถที่หลากหลายแบบในหนึ่งเดียว ที่เป็นได้ทั้งโน๊ตบุ๊คสุดบางเบาสวยหรู และเป็นแท็บเล็ตได้เต็มรูปแบบ พร้อมที่จะ Work, Play & Sharing ได้ในทุกที่ทุกเวลา ส่วนตัวถือว่าถ้างบไม่ใช่ปัญหา HP Spectre x360 น่าจัดมาใช้งานที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ในปี 2016 นี้แล้วครับ
จุดเด่น
- เป็นโน๊ตบุ๊คขนาด 13.3 นิ้ว มีความบางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง ที่เป็นชิป Core i7
- มีประสิทธิภาพโดยรวมที่ดี ด้วยชิปประมวลผล Core i7 Gen 7, แรม 8GB และ SSD 512GB
- หน้าจอจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่ดี มุมมองกว้าง
- เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep, Boot เครื่อง และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
- ดีไซน์การออกแบบสวยและงานประกอบมีความประณีต ดูหรูหราและโดดเด่น
- ใช้วัสดุชั้นดีอย่างอลูมิเนียมทำให้ตัวเครื่องแข็งแรง
- เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติ 2-in-1 Notebook ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- มีไฟ Backlit Keyboard สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- มีช่องทางเชื่อมต่อความเร็วสูงรุ่นล่าสุดอย่าง USB 3.1 Type-C จำนวน 2 พอร์ต
- แม้จะบางเฉียบแต่ก็ยังติดตั้ง USB 3.0 มาตรฐาน Type-A มาให้อยู่ 1 พอร์ต
- มีตัวแปลงมาให้ในบันเดิลเลยอย่าง HDMI
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานสุดถึง 10 ชั่วโมง
- มีซอฟต์เคสลักษณะเป็นซองหนังสุดหรูมาให้ทันที
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Professional ลิขสิทธิ์ใช้งานได้ทันที
- รับประกันอยู่ที่ 2 ปี พร้อมบริการ On-site Service
- HP SmartFriend บริการหลังการขายที่มากกว่าจาก HP
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถอัพเกรดใดๆ ได้เลยในภายหลัง
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ
- ตัวเครื่องค่อนข้างมีความร้อนสูง
- น่าจะมีสายแปลงบันเดิลมาให้หลากหลายกว่านี้หน่อย
- ไม่มีช่อง SD Card Reader
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP Spectre x360 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Spectre มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน HP Spectre x360 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนทำงานระดับมืออาชีพ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว จากความบางเฉียบที่สวยงาม
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับ Ultrabook ระดับสูง ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบา ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้งานต่อเนื่องทั้งวัน โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดทั้งมวลนี้ HP Spectre x360 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2016 นี้ที่มาพร้อมสเปกจัดเต็มทั้ง Core i7 แรม 8GB รวมถึง SSD 512GB ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่สวยงาม น้ำหนักที่เบา ตัวเครื่องที่บางเฉียบ หน้าจอคุณภาพสูง ที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบได้ยาก เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่ HP Spectre x360 จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไป
VDO Review
Specification
สเปคภายในของตัว HP Spectre x360 จะคล้ายกับกลุ่ม Ultrabook กับขนาดหน้า 13.3 นิ้วที่เหมาะสมกับการพกพา แต่เหนือกว่าด้วยหน้าจอสามารถพับได้ 360 องศา ทำให้ใช้งานได้หลายโหมด มาพร้อมกับความละเอียด Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล กับสัดส่วน 16:9 ส่วนพาเนลเป็น IPS คุณภาพสูง ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองที่กว้างขว้างกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ
ด้านชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-7500U ความเร็ว 2.7 GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 2.9GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 2 คอร์ 4 เทรด เป็นสถาปัตยกรรม Intel Core i Gen 7 Kaby Lake ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 8GB DDRL3 ซึ่งพอเพียงกับการใช้งาน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็นแบบออนบอร์ด Intel HD Graphics 620 ที่เรียกได้ว่าสดใหม่ นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ SSD ยังมีความจุสูงที่ 512GB
ตัวเครื่อง HP Spectre x360 ติดตั้งกล้อง Webcam ความคมชัดระดับ HD และไมโครโฟนแบบ Dual Microphone ไว้สำหรับแชท และวิดีโอคอลได้อย่างคมชัดลื่นไหล พร้อมกล้อง IR Camera ไว้ใช้งานร่วมกับ Windows Hello เพื่อเข้าใช้งาน ที่สำคัญยังมีพอร์ตเชื่อมต่ออย่าง USB 3.1 Type-C จำนวน 2 พอร์ต และ USB 3.0 มาตรฐาน Type-A มาให้ด้วย ที่ต้องบอกว่า HP นั้นใส่ใจเลยให้พอร์ตแปลง USB 3.1 Type-C เป็นพอร์ต HDMI มาให้ด้วย ส่วนช่องต่อหูฟังอย่าง Audio Combo Jack อย่างคงอยู่ปกติ แน่นอนว่ารองรับการเชื่อมไร้สายอย่าง Wireless 802.11 ac, Bluetooth 4.0 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro
หน้าสเปกของ HP Spectre x360 <<<
Hardware / Design
ด้านดีไซน์การออกแบบ HP Spectre x360 ถือว่าเป็น Ultrabok ตัวเทพตัวจริงอีกหนึ่งรุ่น เพราะด้วยความบางตัวเครื่องระดับ 13.8 มิลลิเมตร กับน้ำหนักแค่ 1.3 กิโลกรัมเท่านั้น โดยมาพร้อมสีเงินแบบด้านทั้งตัวเครื่องที่ดูแพงและหรูหรากว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปแบบเห็นได้ชัด ซึ่งทุกรายละเอียดพร้อมสร้างความแตกต่าง จากทั้งวัสดุอลูมิเนียมที่มอบภาพลักษณ์ความหรูหราเหนือระดับ พร้อมขอบตัวเครื่องแบบมันวาว สะท้อนความงามที่แตกต่างในสองมิติ
เรียกได้ว่าถ้าให้เทียบก็ถือว่าเป็นตัวชนกับ Ultrabook หรือ 2-in-1 Notebook ระดับไฮเอนด์ของทุกแบรนด์โดยตรง ทั้งจากดีไซน์การออกแบบและสเปกด้านใน แต่บางจุด HP Spectre x360 มีความเหนือชั้นกว่า บ่งบอกความเป็นที่สุดได้เป็นอย่างดี กับอะไรที่มากกว่านอกเหนือจากเป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อไว้ใช้งานแล้ว ยังเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของเราอีกด้วย
แรกเห็น HP Spectre x360 เป็นใครก็คงต้องชอบเพราะด้วยความบางเบารองรับการพกพาได้สะดวกสบายที่สุด กับขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ Full HD ที่สามารถแสดงภาพได้สวยงามที่สุดในบรรดา Ultrabook ด้วยกัน สำหรับวัสดุในการผลิตกระจกก็เป็นหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ซึ่งมีแสงสะท้อนบ้างแต่ก็น้อยกว่ากระจกธรรมดาทั่วไปเยอะ
ถือได้ว่างานประกอบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ HP Spectre x360 ทำได้เป็นอย่างดีที่สุดในเรื่องของการออกแบบให้มีความบางแต่ยังคงมีความแข็งแรงอยู่ ที่ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ นำไปทำตามได้ยาก รวมไปถึงบานพับโน๊ตบุ๊คแบบสองข้อ ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจจากรายละเอียดงานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ ที่พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยบานพับดีไซน์เรียบหรูสะอาดตา ซึ่งบริเวณนั้นยังมีคำว่า Spectre ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันถึงความพรีเมียม
นอกเหนือจากนี้ปุ่ม Power ยังได้ถูกออกแบบเอาไว้ขอบจอด้านนอกรวมไปถึงปุ่มปรับระดับเสียงด้วย ซึ่งดูแล้วอาจจะไม่คุ้นตาเหมือนกับ Ultrabook รุ่นอื่นๆ แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วพบว่าสามารถใช้งานได้คล่องตัวและสะดวกมากๆ จากการที่มันเป็น 2-in-1 Notebook พับได้ 360 องศานั่นเอง
ด้านล่างตัวเครื่องของ HP Spectre x360 จะเห็นว่ายางรองตัวเครื่องขนาดใหญ่ 4 จุด เพื่อยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นและเวลาใช้งานจะแน่นหนากับพื้นที่วาง สำหรับส่วนของน็อตก็เป็นแบบพิเศษ แน่นอนว่าตรงนี้จะมีโลโก้ Windows 10 Pro นอกจากนี้ตรงส่วนขอบด้านหน้าที่ใช้ยกฝาจอเพื่อเปิดเครื่องใช้งานก็จะมีการทำเป็นเว้าร่องลงไปเพื่อช่วยในการเปิดเครื่องที่ง่ายขึ้น
ที่สำคัญสำหรับโลโก้บนตัวเครื่องของ HP Spectre x360 ยังเป็นดีไซน์แบบใหม่ที่ดูมีมุมมีองศาทำให้เหมาะสมกับความหรูหราของตัวเครื่อง ที่ต้องบอกว่ามีความพิเศษจริงๆ เพราะ HP จะเลือกใช้โลโก้นี้เฉพาะผลิตภัณฑ์รุ่นที่เป็นไฮเอนด์เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราจะเห็นว่ามันอยู่บน HP Spectre รุ่นปี 2016 ฉะนั้น HP Spectre x360 ก็สามารถการันตีความพรีเมียมได้เช่นกัน
Keyboard / Touchpad
คีย์บอร์ดของ HP Spectre x360 ได้มีความแตกต่างจากคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คบางเบารุ่นอื่นๆ เพราะเป็นคีย์บอร์ดเรืองแสง (Backlit Keyboard) ให้แสงสว่างในการทำงาน ที่ตอบสนองได้ดีกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปแบบรู้สึกได้แถมยังสวยงามหรูหรา
ส่วน Layout คีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำ
แทร็คแพดกระจกมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คปัจจุบันหลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนแทร็คแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอของ HP Spectre x360 นี้เป็นแบบจอกระจกด้วยการใช้กระจกเพียงชิ้นเดียวกั้นหน้าจอเอาไว้ ด้วยหน้าจอกระจกแบบ Corning Gorilla แบบ Edge-to-edge ทนทานต่อรอยขีดข่วน ที่ให้มีสีสันที่สดใส ที่ต้องบอกว่ามีความสวยงามสมจริงแบบสุดๆ ด้วยพาเนล IPS ระดับสูง บนขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ซึ่งจัดว่ามีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ทำให้มีความเรียบเนียนตากว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คทั่วไปมากๆ แบบไม่เห็นเม็ดพิกเซลเลย โดยเหมาะกับการทำงานแบบสุดๆ เพราะสบายตากว่าจอทั่วไป
แน่นอนว่ามาพร้อมกับระบบสัมผัสทัชกรีนทำให้เราสามารถใช้นิ้วในการควบคุมได้ทันที ซึ่งจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook อยู่แล้ว การมีหน้าจอทัชกรีนนั้นก็ช่วยในการของการใช้งานที่หลากหลาย แถมมีความลื่นไหลไม่มีสะดุด ส่งผลให้เวลาใช้เพื่อความบันเทิงหรือทำงานก็สามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้องสังเกตเล็กน้อยตรงที่หน้าจอเป็นกระจกทำให้สะท้อนแสงพอสมควร
อีกทั้งนอกจากจะมีกล้องเว็บแคมปกติที่ไว้เซลฟี่หรือวีดีโอคอลแล้ว HP Spectre x360 ยังได้ติดตั้งในส่วนของกล้องอินฟาเรดที่ไว้ใช้งานเฉพาะกับฟีเจอร์ Windows Hello อีกด้วย โดยให้ล็
ด้านของลำโพงนั้นมีอยู่ 4 ตัวด้วยกัน โดยอยู่บริเวณเหนือชุดแป้นคีย์บอร์ด และซ้ายขวาขอบบนของตัวเครื่องด้านล่าง เรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว ส่วนคุณภาพเสียงต้องบอกว่าเป็นของ Bang & Olufsen ที่ไว้ใจได้ คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว และดีกว่าโน๊ตบุ๊ค HP รุ่นอื่นๆ พอตัวรวมไปถึงยังมีเทคโนโลยี HP Audio Boost ช่วยเพิ่มเสียงให้ก้องกังวาล เต็มอิ่มกับประสบการณ์ความบันเทิงถึงขีดสุดจากเสียงคมชัดทะลุมิติ
Using Experience
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า HP Spectre x360 ตอบสนองได้อย่างหลากหลายจากการที่เป็น 2-in-1 Notebook ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการพับใช้งานถึง 4 รูปแบบด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ที่ทีมงานของเรานั้นนำไปใช้งานอะไรบ้าง และรูปลักษณ์เมื่อเปลี่ยนไปใช้โหมดต่างๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นอย่างไร
Notebook Mode เป็นรูปแบบธรรมดาทั่วไปเหมือนกับโน๊ตบุ๊คปกติ เน้นสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงงานเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้คีย์บอร์ดและทัชแพดในการควบคุมเหมือนโน๊ตบุ๊คปกติ
Stand Mode เน้นใช้งานที่ระบบจอสัมผัสของตัวเครื่องอย่างเดียวและวางไว้บนพื้นที่ราบ โดยรูปแบบการใช้งานนี้จะเน้นไปทางการใช้งานแอพพลิเคชั่นของ Windows เอง หรือเน้นไปทางการดู Youtube หรือชมภาพยนตร์เป็นหลัก พร้อมรองรับการทำงานแบบมัลติทัชได้พร้อมกันมากสุดที่ 10 จุดพร้อมกัน
Tent Mode ค่อนข้างจะคล้ายกับ Stand Mode ก่อนหน้านี้ แต่จะอยู่ในรูปทรงตั้งเครื่องเอาไว้เป็นลักษณะสามเหลี่ยม ใช้ในการวิวดูข้อมูลการแสดงผลหน้าจอเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจับพาดหรือเกาะกับสิ่งของรอบๆ ได้
Tablet Mode ด้วยการพับหน้าจอกลับแบบ 360 องศา จนฝาหลังและฐานใต้เครื่องมาติดกัน เราก็จะได้แท็บเล็ตที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งเรามีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการเอาไว้เล่นเกมหรือดู E-Book อย่างที่แท็บเล็ตอื่นๆ ทั่วไปในตลาดสามารถทำได้
อย่างไรก็ตามสำหรับ HP Spectre x360 ก็ต้องบอกว่าวางใจได้เลยเรื่องความทนทาน เพราะมีการออกแบบบานพับใหม่ที่สามารถเปิดปิดหรือปรับระดับได้อย่างลื่นไหลได้เหมือนใหม่ทุกครั้ง บานพับสแตนเลสนี้ยังผ่านบททดสอบสุดทรหดด้วยการเปิดปิดกว่า 25,000 ครั้ง และการหมุนรอบ 360 องศา อีกกว่า 7,000 ครั้ง อีกทั้งกลไกการทำงานเของฟันเฟืองเปิดปิดบานพับเหล็กกล้ายังช่วยป้องกันฝุ่นละออง ทำให้ทนทานต่อการสึกหรอ
บอกได้เลยว่าสำหรับใครที่กำลังมองหา 2-in-1 Notebook ซักตัวที่พกพาสะดวกในราคาพรีเมียมไฮเอนด์ มีความสามารถครบครันทั้งในเรื่องของการทำงานทั่วไปหรือแท็บเล็ตที่ทำงานร่วมกับโปรแกรมบนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ส่วนสเปกก็ถือว่าแรงพอตัวด้วยชิประมวลผลประหยัดพลังงานอย่าง Intel Core i7 Gen 7 ซึ่งใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงานทั่วไปอย่างงานเอกสาร เล่นอินเตอร์เน็ต ชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเลือก HP Spectre x360 เป็นหนึ่งใน 2-in-1 Notebook ที่จะตัดสินใจได้เลย
Connector / Thin And Weight
สำหรับ USB 3.1 Type-C บน HP Spectre x360 ได้ถูกติดตั้งไว้บริวเณขอบตัวเครื่องด้านขวา โดยมีอยู่พอร์ต 2 พอร์ตด้วยกัน เรียกว่าทุกการเชื่อมต่อต้องผ่านทาง USB 3.1 Type-C เท่านั้น โดยอาศัยตัวอแดปเตอร์แปลงเป็น HDMI (ที่แถมมาในบันเดิลแล้ว) หรือ VGA, USB และ LAN ผ่านตัวแปลงอื่นๆ รวมไปพอร์ตชาร์จไฟก็โดนจับไปรวมกับ USB 3.1 Type-C ด้วย ซึ่งทั้งสองตัวรองรับการชาร์จไฟได้เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามเห็นตัวเครื่องบางขนาดนี้แล้วล่ะก็ ด้านซ้ายก็ยังติดตั้งพอร์ต USB 3.0 ที่เป็น Type A มาตรฐานเดิมมาให้ด้วย ตรงนี้นับว่าเจ๋งจริง แน่นอนว่ายังมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. แยกอยู่ ส่วนไมค์แบบคู่ไว้ใช้สนทนาร่วมกับโปรแกรมหรือไว้อัดเสียงนั้นอยู่บริเวณขอบหน้าจอด้านบน พร้อมเทคโนโลยี Noise Reduction ช่วยให้การทำ Video Conference มีเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น
ซึ่งแม้ว่าในมุมมองของผู้ใช้ทั่วไปแล้วอาจจะพบว่าการมาของ USB 3.1 Type-C ในตอนนี้นั้นเร็วมากเกินไป ส่วนหนึ่งนั้นก็เนื่องมาจากการที่อุปกรณ์ในตลาดส่วนใหญ่ยังใช้ช่องเชื่อมต่อมาตรฐาน USB 2.0 หรือ 3.0 อยู่เลย แต่เชื่อว่าอนาคตนั้นมาตรฐานนี้มาแน่นอน
Performance / Software
HP Spectre x360 เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i7-7500U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.7GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 2.9GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แม้ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวซีรีย์ HQ แต่เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 Pro ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบาย
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 620 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 520 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD แบบ M.2 มาตรฐาน PCIe NVMe ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 512GB โดยเป็นของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Samsung กับความเร็วระดับ Read: 1682 MB/s – Write: 187 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือ SSD มาตรฐาน SATA 3 แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
*เครื่องนี้เป็นตัวทดสอบรีวิว SSD อาจจะเกิดปัญหาในเรื่องความเร็วการเขียน เพราะจริงๆ แล้วควรจะอยู่ที่ระดับ 500MB/s
สำหรับ Street Fighter 4 ที่เป็นเกมเก่า 2 มิติ โดยตั้งค่าเป็น Default บนความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่าชิปประมวลผล Intel Core i รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน (บนความละเอียดเท่ากัน) โดยได้คะแนนอยู่ที่ 9774 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 69.99 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร ถือได้ว่าพอจะเล่นได้แบบสบายๆ HP Spectre x360 เครื่องนี้ก็พร้อมตอบสนองความสนุกสนานแบบเกมเบาๆ ของทุกคนได้เป็นอย่างดี
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของ HP Spectre x360 รวมไปถึงโน๊ตบุ๊ค HP ทุกรุ่น ก็คือมาพร้อมซอฟต์แวร์บันเดิลอย่าง HP Support Assistant โดยเป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราดูแลคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โปรแกรมนี้ยังระบุข้อมูลที่สำคัญสำหรับแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นหมายรวมไปถึงการอัพเดทไดร์เวอร์ต่างๆ และ Windows ด้วย จัดได้ว่าดีและใช้งานได้จริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ HP Spectre x360 เป็นแบบฝังไว้ในเครื่องเหมือนกับ Ultrabook หรือแท็บเล็ตทุกรุ่น ตัวแบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ 6:30 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานแบบปกติ (ดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต) และจะทำได้นานยิ่งกว่านั้นปรับเปลี่ยนตามการใช้งานของแต่ละคน ว่าเปิดโปรแกรมอะไร อย่างถ้าใช้ Microsoft Edge ก็จะใช้งานได้ยาวนานกว่า Chrome รวมไปถึงการตั้งค่าอื่นๆ ของเครื่อง เรียกได้ว่าไปแตะที่ระดับ 10 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว
อุณหภูมิต่ำสุดของเครื่องจะอยู่ที่ 30 องศาเซลเซียส แต่พอรีดประสิทธิภาพเต็มโดยการบังคับใช้โปรแกรมให้เครื่องรับ 100% กว่าครึ่งชั่วโมง ก็จะเห็นว่าเครื่องจะร้อนที่สุดที่ 94 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ซึ่งถึงจุดนี้ไปชิปประมวลผลจะลดความเร็วลงมาเองอัตโนมัติประมาณครึ่งนึง เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นับว่าระบบระบายความร้อนของ HP Spectre x360 เครื่องนี้ทำออกมาได้ดี แต่ก็ถือว่ามีความร้อนที่สูง ซึ่งนั่นเป้นเพราะทีมงานบังคับให้ทำงานหนักแบบสุดๆ ซึ่งเอาเข้าจริงในการใช้งานตามสถานการณ์ เครื่องก็จะไม่ร้อนขนาดนี้แน่นอน ฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปครับ
Conclusion / Award
โดยรวมแล้วนั้นถือว่า HP Spectre x360 เป็น 2-in-1 Notebook ที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่ง การมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งรองรับอนาคตได้อีกไกลแบบสบายๆ ด้วยสเปก Intel Core i7 Gen 7 แรม 8GB และ SSD 512GB แน่นอนว่ามีความบางเบาและพรีเมียมอย่างสุดๆ ที่สำคัญด้วยความที่เป็น 2-in-1 Notebook ก็ทำให้สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จะเป็น Notebook / Stand / Tent / Tablet ซึ่งเป็นผลจากการมาของระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่รองรับระบบหน้าจอสัมผัสได้เต็มประสิทธิภาพ จึงทำให้ผู้ผลิตต่างๆ ได้ส่งผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ออกมากันเพียบ ซึ่ง HP Spectre x360 รุ่นใหม่นี้ก็จัดได้ว่าเป็นหนึ่งสินค้าที่พิเศษกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป หรือจะกล่าวว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายขึ้นของคนยุคนี้ก็ว่าได้
HP Spectre x360 ยังมาพร้อมกับระบบเสียง Bang & Olufsen โดยติดตั้งลำโพงมาถึง 4 ตัว ที่จัดได้ว่าให้อรรถรสของเสียงได้ดีกว่าลำโพงทั่วไปแบบรู้สึกได้ รวมไปถึงการออกแบบดีไซน์ที่ดูแล้วเรียบหรูและใช้วัสดุคุณภาพอย่างพลาสติกเกรดสูงรวมไปถึงมีประกันถึง 2 ปีแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน ทำให้ HP Spectre x360 เป็น 2-in-i Notebook ที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งหลายๆ ตัวในตลาด สนนราคาอยู่ที่ 59,990 บาท ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คระดับไฮเอนด์ตามมาตรฐาน
อย่างไรก็ตามถ้าพูดถึง HP Spectre x360 ที่แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับความละเอียดระดับ 4K หรือ 2K แต่ถ้าจะว่ากันตามตรงกับสเปคของตัวเครื่องแล้ว HP ก็ทำได้เหมาะสมแล้วกับความละเอียด Full HD ที่สำคัญพาเนล IPS ก็คุณภาพสูงสุดๆ เพราะภาพที่มองด้วยตานั้นมีความงดงามจนมองข้ามเรื่องของความละเอียดไปเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่อันนี้เป็นข้องสังเกตนิดนึงเพราะว่าน่าจะใช้งานได้นานกว่านี้อีกหน่อย รวมไปถึงเรื่องความร้อนเวลาใช้งานหนักๆ ต่อเนื่อง อันนี้ก็คงต้องบอกว่าใช้งานจริงก็อาจจะไม่ได้เจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆ ก็ไม่ต้องไปกังวลอะไรมาก
อย่างไรก็ตาม HP Spectre x360 ที่แม้ว่าดูราคาแล้วอาจจะสูงซักหน่อยถ้าเทียบกับสเปกที่ได้ แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถที่หลากหลายแบบในหนึ่งเดียว ที่เป็นได้ทั้งโน๊ตบุ๊คสุดบางเบาสวยหรู และเป็นแท็บเล็ตได้เต็มรูปแบบ พร้อมที่จะ Work, Play & Sharing ได้ในทุกที่ทุกเวลา ส่วนตัวถือว่าถ้างบไม่ใช่ปัญหา HP Spectre x360 น่าจัดมาใช้งานที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์ในปี 2016 นี้แล้วครับ
จุดเด่น
- เป็นโน๊ตบุ๊คขนาด 13.3 นิ้ว มีความบางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง ที่เป็นชิป Core i7
- มีประสิทธิภาพโดยรวมที่ดี ด้วยชิปประมวลผล Core i7 Gen 7, แรม 8GB และ SSD 512GB
- หน้าจอจอความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันที่ดี มุมมองกว้าง
- เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep, Boot เครื่อง และเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว
- ดีไซน์การออกแบบสวยและงานประกอบมีความประณีต ดูหรูหราและโดดเด่น
- ใช้วัสดุชั้นดีอย่างอลูมิเนียมทำให้ตัวเครื่องแข็งแรง
- เป็นโน๊ตบุ๊คที่มีคุณสมบัติ 2-in-1 Notebook ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
- มีไฟ Backlit Keyboard สวยงาม รวมถึงใช้งานได้เป็นอย่างดี
- มีช่องทางเชื่อมต่อความเร็วสูงรุ่นล่าสุดอย่าง USB 3.1 Type-C จำนวน 2 พอร์ต
- แม้จะบางเฉียบแต่ก็ยังติดตั้ง USB 3.0 มาตรฐาน Type-A มาให้อยู่ 1 พอร์ต
- มีตัวแปลงมาให้ในบันเดิลเลยอย่าง HDMI
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานสุดถึง 10 ชั่วโมง
- มีซอฟต์เคสลักษณะเป็นซองหนังสุดหรูมาให้ทันที
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 Professional ลิขสิทธิ์ใช้งานได้ทันที
- รับประกันอยู่ที่ 2 ปี พร้อมบริการ On-site Service
- HP SmartFriend บริการหลังการขายที่มากกว่าจาก HP
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถอัพเกรดใดๆ ได้เลยในภายหลัง
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ
- ตัวเครื่องค่อนข้างมีความร้อนสูง
- น่าจะมีสายแปลงบันเดิลมาให้หลากหลายกว่านี้หน่อย
- ไม่มีช่อง SD Card Reader
Award
โดยในครั้งนี้จะเป็นการเปรียบเทียบการให้รางวัลกับเครื่องในกลุ่มของโน๊ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกัน ซึ่ง HP Spectre x360 ก็ได้รางวัลต่างๆ ดังนี้
Best Design
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Spectre มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งจุดเด่นในข้อนี้ก็เห็นได้ชัดเจนใน HP Spectre x360 ที่มีดีไซน์ของตัวเครื่องสวยงามโฉบเฉี่ยวเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วเรียบหรูตามสไตล์คนทำงานระดับมืออาชีพ ซึ่งในจุดของรูปร่างหน้าตาก็เป็นสิ่งที่หลายๆ คนยอมรับกันอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว จากความบางเฉียบที่สวยงาม
Best Mobility
ส่วนของความสามารถในการพกพาก็ยังคงอยู่ในระดับ Ultrabook ระดับสูง ทั้งในความบางเฉียบและน้ำหนักเบา ที่ทำให้สามารถหิ้วไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก แถมแบตเตอรี่ก็ใช้งานได้ยาวนาน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้งานต่อเนื่องทั้งวัน โดยสามารถพับฝาจอลงแล้วเก็บเครื่องได้ทันที อแดปเตอร์ก็ทำออกมาให้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก พกพาสะดวก เหมาะมากๆ กับคนที่ทำงานนอกสถานที่บ่อยๆ
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดทั้งมวลนี้ HP Spectre x360 ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2016 นี้ที่มาพร้อมสเปกจัดเต็มทั้ง Core i7 แรม 8GB รวมถึง SSD 512GB ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่สวยงาม น้ำหนักที่เบา ตัวเครื่องที่บางเฉียบ หน้าจอคุณภาพสูง ที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบได้ยาก เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่ HP Spectre x360 จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไป