ออกมาให้ได้เลือกซื้อกันแล้วสักพักใหญ่ๆ กับ MacBook Pro 2016 ที่มาพร้อมกับ Touch Bar ฟีเจอร์ใหม่ที่ทาง Apple ภูมิใจนำเสนอ ซึ่งหากจะพูดกันตามตรงแล้วนั้น MacBook Pro 2016 ได้รับเสียงวิจารณ์ค่อนข้างที่จะหนักมากในหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฮาร์ดแวร์ที่ดูแล้วไม่ Pro อย่างที่ผู้ใช้ระดับมืออาชีพต้องการ การตัดนู่นนี่ออกไปจนเหมือนกับว่ากลายเป็นเครื่องที่ไม่สนับสนุนกับเทคโนโลยีแบบเก่าๆ เลย(ซึ่งเป็นการบังคับให้ผู้ใช้ต้องซื้อ Docking เพิ่มอีก) และในท้ายที่สุดก็เริ่มมีหลายๆ คนนำเอา MacBook Pro 2016 มาเทียบกับรุ่นปี 2015 ครับ
และเนื่องจากไม่นานมานี้นั้นทาง Cult of Mac ได้ทำการเปรียบเทียบระหว่าง 2016 MacBook Pro with Touch Bar กับ 2015 MacBook Pro ออกมาให้เราได้ดูก่อนเลือกซื้อกันโดยเครื่องทั้ง 2 โมเดลนั้นเลือกเอาสเปคที่ใกล้เคียงกันที่สุด(Core i5 และหน่วยความจำ(RAM 8 GB) โดยทั้ง 2 โมเดลที่นำมาเปรียบเทียบนั้นใช้กราฟิกที่ฝังบนหน่วยประมวลผลเหมือนกัน(แต่คนละรุ่น)) มาดูกันดีกว่าครับว่าระหว่างโมเดลปี 2016 ที่มีดีตรง Touch Bar กับ 2015 ที่มีดีตรงราคานั้นลดลงมามากพอควร โมเดลไหนจะน่าใช้มากกว่ากัน
Design and display
เริ่มกันที่ส่วนที่เห็นชัดเจนที่สุดด้วยสายตาเปล่าอย่างดีไซน์ของตัวเครื่องที่โมเดล 2016 นั้นมีความบางและเบากว่าอย่างเห็นได้ชัด ทว่าในส่วนของเรื่องการดีไซน์แล้วถ้าไม่เปิดฝาพับขึ้นมาให้มองเห็นหน้าจอและส่วนของคีย์บอร์ดก็จะไม่เห็นถึงความแตกต่างกันมากเท่าไร เมื่อเปิดฝาพับออกมาแล้วนั้นจะเห็นได้ชัดเจนว่าโมเดล 2016 นั้นจะเน้นเรื่องขอบของจอที่บางกว่าโมเดล 2015 แบบเห็นได้ชัดเจน ส่วนอีกอย่างหนึ่งที่มองเห็นได้ชัดก็คือคีย์บอร์ดและ Touch Pad ที่แตกต่างกันครับ
กลับมาที่ในส่วนของหน้าจอที่ถึงแม้ว่าทั้งโมเดล 2016 และ 2015 จะมีความละเอียดเท่ากันที่ 2,560 x 1,600 pixels นั้นทว่าในส่วนของของความสว่างของหน้าจอนั้นโมเดล 2016 จะส่วางกว่าโมเดล 2015 ถึงราวๆ 200 nits ทำให้เวลาใช้งานนั้นจะสามารถมองเห็นรายระเอียดได้อย่างเชันเจนมากกว่า ยิ่งหากเอามาไว้ใกล้ๆ กันแล้วนั้นจะแยกออกได้ทันทีเลยทีเดียวว่ารุ่นไหนเป็นโมเดล 2016 ครับ
นอกไปจากความสว่างแล้วนั้นยังมีเรื่องการรองรับช่วงที่(P3) ของโมเดล 2016 ที่กว้างกว่าปกติเป็นอย่างมาก ซึ่งตรงจุดนี้นั้นทาง Apple ก็ไม่ได้โม้แต่อย่างใดครับเพราะจากการเทียบกับโมเดล 2015 นั้นจะเห็นได้ชัดเจนเลยครับว่าโมเดล 2016 นั้นมีความอิ่มตัวของสีมากกว่าโมเดล 2015 เป็นอย่างมาก โดยจากการเปรียบเทียบโดยเปิด wallpaper ของ macOS เอวนั้นจะเห็นถึงความต่างของสีโดยเฉพาะสีส้มกับน้ำเงินที่โมเดล 2016 นั้นมีความชัดเจนมากๆ ครับ
Performance
เพื่อให้เครื่องทั้ง 2 โมเดลนั้นมีสเปคใกล้กันมากที่สุดทาง Cult of Mac จึงได้ทำการเครื่องที่มีสเปคคล้ายๆ กัน ทว่ากระนั้นแล้วก็จังมีความแตกต่างกันบ้างโดยเครื่องโมเดล 2015 นั้นจะมาพร้อมกับ Core i5 ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2.7 GHz พร้อมชิกกราฟิกแบบฝัง Intel Iris Graphics 6100 และแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 128 GB ส่วนโมเดล 2016 นั้นจะมาพร้อมกับ Core i5 ความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2.9 GHz พร้อมชิกกราฟิกแบบฝัง Intel Iris Graphics 550 และแหล่งเก็บข้อมูลแบบ SSD ความจุ 256 GB ครับ
ในการทดสอบนั้นทั้งโมเดล 2016 และ 2015 จะทำคะแนนได้ไม่ต่างกันมากเท่าไรนักในการทดสอบโดยรวมจากโปรแกรม Novabench test กับการทดสอบจับเวลาบูท OS ที่โมเดล 2016 นั้นมีคะแนนนำหน้าโมเดล 2015 แค่เล็กน้อยเท่านั้น ทว่าในการทดสอบแบบเฉพาะเจาะจงอย่างการทดสอบความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลของแหล่งเก็บข้อมูลผ่าน BlackMagic นั้นพบว่าโมเดล 2016 มีความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลสูงถึง 2 GB/s สำหรับการอ่านข้อมูลและ 1.3 GB/s สำหรับการเขียนข้อมูลในขณะที่โมเดล 2015 นั้นตามมาแบบห่างๆ ที่ 1.4 GB/s และ 680 MB/s ตามลำดับครับ
ท้ายที่สุดแล้วกับการทดสอบ Novabench 3-D graphics test นั้นพบว่าโมเดล 2016 สามารถรันกราฟิก 3 มิติได้ที่ 149 fps ส่วนโมเดล 2015 สามารถรันกราฟิก 3 มิติได้ที่ 95 fps ซึ่งค่อนข้างต่างกันพอควร ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวทั้งหมดนั้นก็ไม่ค่อยจะเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากเท่าไรนักเพราะโมเดล 2016 นั้นมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ที่ใหม่กว่าในบางส่วน และความแตกต่างทางด้านความเร็วของหน่วยประมวลผลของทั้ง 2 รุ่นก็ห่างกันแค่เพียง 200 MHz เท่านั้นครับ
Keyboard and trackpad
อีกจุดเด่นหนึ่งที่โมเดล 2016 เหนือกว่าโมเดล 2015 ก็คือเรื่องของคีย์บอร์ดและ Trackpad ซึ่งคีย์บอร์ดและ Trackpad ของโมเดล 2016 นั้นจะมาพร้อมกับคีย์บอร์ดของ MacBook 12″ ที่ถูกอัพเกรด butterfly mechanism มาเป็นรุ่นที่ 2 โดยต้องบอกว่าทาง Cult of Mac นั้นชื่อชอบความรู้สึกจากการสัมผัสในการพิมพ์ของโมเดล 2016 มากกว่าโมเดล 2015 เป็นอย่างมาก แต่ทว่ามันก็มีข้อเสียอยู่บ้างตรงที่การวางตำแหน่งของแป้นต่างๆ นั้นเปลี่ยนไปจากโมเดล 2015 ทำให้ผู้ที่เคยใช้โมเดล 2015 มาก่อนนั้นอาจจะต้องให้เวลากับการใช้งานหน่อยถึงจะชินครับ
โมเดล 2016 นั้นยังมาพร้อมกับ Force Touch trackpad ที่มีขนาดเกือบจะ 2 เท่าถ้าเทียบกับโมเดลเดิมโดยตัดเรื่องของการให้แรงตอบรับเชิงกลไปแล้วแทนที่ด้วยแรงตอบรับแบบ haptic feedback ซึ่งเมื่อใช้งานไปแล้วนั้นผู้ใช้จะรู้สึกได้ถึงสัมผัสการใช้งานที่ดีกว่า โดยข้อเสียงนั้นยังคงเดิมก็คือกว่าที่คุณจะคุ้นเคยกับ Force Touch trackpad แบบใหม่นั้นคุณอาจจะต้องใช้เวลาในการใช้งานสักช่วงหนึ่งถึงจะสามารถใช้งานได้ชินได้ครับ
Touch Bar and port
จุดเด่นที่น่าสนใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นหน้าจอ OLED ที่มาให้รูปแบบของ Touch Bar โดยจะแทนที่ตำแหน่งของปุ่ม FN เดิมๆ โดยมันสามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ได้เพื่อเติมเต็มการใชังานให้ง่ายมากที่สุดในการเป็นปุ่มสำหรับใช้งานเพิ่มเติมรวมไปถึงมันยังสามารถที่จะใช้งานเป็นหน้าจอที่สองสำหรับการแสดงข้อมูลต่างๆ ได้ด้วยอีกต่างหาก ทว่าการใช้งานให้มีประสิทธิภาพจริงๆ นั้นคงต้องรอบรรดาผู้พัฒนาโปรแกรมทำการสนับสนุน Touch Bar อย่างเต็มที่ออกมาก่อนครับ
ข้อเสียจุดใหญ่ที่หลายๆ สื่อต่างก็พูดถึงกันนั้นก็คือพอร์ตบนตัวเครื่องที่มีมาให้เฉพาะพอร์ตแบบ USB Type-C เท่านั้นโดยทาง Apple ได้ตัดพอร์ตชนิดอื่นทิ้งออกไปทั้งหมด(เว้น 3.5 audio jack) ซึ่งทำให้การรับรองการใช้งานพอร์ตต่างๆ ของโมเดล 2016 นั้นทำได้ยากมากขึ้นกว่าโมเดลรุ่นเก่า แต่หากถามเรื่องการรองรับอนาคตแล้วนั้นคงต้องบอกว่าโมเดล 2016 รองรับอนาคตได้เต็มรูปแบบเป็นอย่างดี สิ่งที่ผู้ใช้จะต้องทำเพื่อที่จะใช้งานโมเดล 2016 กับพอร์ตเก่าๆ ได้นั้นก็คือการซื้อ Dock มาใช้งานครับ
Speakers and battery life
ท้ายสุดกับเรื่องของลำโพงและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ โดยเริ่มจากลำโพงก่อนเลยที่ผู้ใช้จะได้รับความแตกต่างของเสียงอย่างชัดเจนระหว่างโมเดล 2016 และ 2015 ที่โมเดล 2016 นั้นจะมีลำโพงที่ดีกว่าเดิมมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่จะดังขึ้นกว่าเดิม การให้เสียงที่คมชัดและสามารถขับเสียง Bass ออกมาได้มากกว่าเก่า
สำหรับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นโมเดล 2016 หากเทียบกันแล้วพบว่าอายุการใช้งานของแบตเตอรี่โมเดล 2016 และ 2015 นั้นไม่ได้แตกต่างกันมากเท่าไรนักคืออยู่ที่ราวๆ 6 – 8 ชั่วโมงขึ้นกับรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้ ทว่าสิ่งหนึ่งที่ต้องไปลืมก็คือแบตเตอรี่ของโมเดล 2016 นั้นจะมีขนาดเล็กกว่าแบตเตอรี่ของโมเดล 2015 ดังนั้นหากเทียบกันจริงๆ แล้วก็คงต้องยกให้โมเดล 2016 นั้นมีอายุการใช้งานที่ดีกว่า
หมายเหตุ – ทาง Cult of Mac ไม่พบปัญหาแบตเตอรี่เหมือนกับผู้ใช้งานคนอื่นๆ
สรุป
ทาง Cult of Mac นั้นจบประเด็นของการประชันกันของ MacBook Pro โมเดล 2016 และ 2015 ไว้ได้น่าสนใจครับ ว่าจำเป็นไหมที่ผู้ใช้โมเดล 2015 จะต้องทำการอัพเกรดไปใช้โมเดล 2016 ทาง Cult of Mac บอกเลยครับว่าไม่มีความจำเป้นมากเท่าไรนัก ถึงแม้ว่าสเปคต่างๆ ของโมเดล 2016 นั้นจะดีกว่าโมเดล 2015 แต่ทว่าในการใช้งานจริงแล้วนั้นแทบจะไม่เห็นความแตกต่าง แถม USB Type-C นั้นก็เป้นอะไรที่เอาไว้รองรับกับอนาคตจริงๆ แต่ถ้าปัจจุบันหล่ะก็มันยังแทบจะไม่จำเป็นเลยครับ
หมายเหตุ – และสำหรับผู้ที่กำลังสนใจ MacBook Pro 2015 อยู่นั้นบอกได้เลยครับว่าโอกาสของคุณมาถึงแล้วเพราะว่าในตอนนี้นั้นทาง Apple ลดราคาของโมเดล 2015 ลงมาจนน่าสนใจมากๆ หล่ะครับ
ที่มา : cultofmac