สำหรับชื่อ Fantech อาจจะค่อนข้างใหม่ในบ้านเรา แต่เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ที่การแข่งขันในด้านของเกมมิ่งเกียร์ในตลาดบ้านเราขณะนี้ ใครๆ ก็ต่างนำสินค้าเข้ามานำเสนอให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกัน เพราะถ้ามองกันไปในตลาดเวลานี้ ไม่ใช่แค่แบรนด์หลักที่เราพบเห็นกันเป็นประจำ แต่ยังมีผู้ผลิตอีกหลายค่ายที่เข้ามาเป็นตัวเลือกด้วยเช่นกัน ผู้ใช้อย่างเราๆ ดูจะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะเลือกช้อปกันได้ตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ การใช้งานและราคา
กลับมาที่ Fantech กันต่อ สำหรับค่ายนี้ ต้องถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่มากๆ ในบ้านเรา แต่ก็ถือว่ามีผลิตภัณฑ์ในไลน์ของเมาส์ คีย์บอร์ดอยู่หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น SEVEN, G1 หรือจะไปที่กลุ่มของลำโพงก็มี แต่ยังคงเน้นไปที่กลุ่มของเกมเมอร์เริ่มต้นหรือต้องการมองหาเมาส์ คีย์บอร์ดคู่ใจในราคาเบาๆ มีลูกเล่นบ้าง แสงสีสวยงาม เรียกว่าถ้าใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกม ก็มีให้ครบ แม้จะไม่ได้เติมเทคโนโลยีที่จัดจ้านเข้ามา เหมือนกับเกมมิ่งเกียร์ที่อยู่ในตลาดบนต่างๆ ก็ตาม แต่การใช้งานไม่ธรรมดาแน่นอน คนที่ชอบการใช้งานง่ายๆ ไม่วุ่นวายน่าจะชอบ ในวันนี้เรามีเมาส์และคีย์บอร์ดจาก Fantech มาใช้งานด้วยกัน 2 รุ่นคือ คีย์บอร์ด Fantech Hunter K10 และเมาส์ Fantech TRAX X2
Fantech Hunter K10 speciofication:
- Fantech switch 40g trigger pressure
- 112 keys
- keystroke: 5 million
- Ultrapolling rate: 1000Hz
- Cable : copper cable
- Size : 446(W) x 177(L) x 28(H)
- Weight : 565g
Fantech TRAX X2 speciofication:
- Gaming Optical Sensor
- Speed : 50 ips (Max)
- Acceleration : 10g (Max)
- On-the-Fly Adjustable DPI (800-1600-2000-3200)
- 10 million click lifetime
- 1.8m Nylon Braided Cable
- Silicon rubber roller
- DPI Indicator Light
- Low-friction Feet
- Size: 126mm x 67mm x 42mm
รูปลักษณ์และการใช้งาน
โฉมหน้าของแพ็คเกจเมาส์และคีย์บอร์ดของ Fantech ทั้งสองรุ่น กับโทนสีดำ-แดง เพื่อให้เข้ากับธีมของเกมเมอร์ กับสีสันสวยๆ ล้ำๆ ซึ่งดูแล้วยังคงสไตล์ของเกมมิ่งเกียร์ในตลาดอย่างครบถ้วน
สำหรับเมาส์รุ่นนี้เป็นรุ่น TRAX X2 หน้ากล่องมาพร้อมรูปตัวเมาส์เด่นชัดเลยทีเดียว พร้อมบอกฟีเจอร์ต่างๆ มาครบ
ด้านข้างเป็นคุณสมบัติและรายละเอียดฟีเจอร์ของ TRAX X2 ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว รูปแบบหรือฟังก์ชั่นก็ตาม
ด้านหลังแนะนำซอฟต์แวร์สำหรับการใช้งานเมาส์รุ่นนี้ สามารถปรับเปลี่ยนแสงและตั้งมาโครไว้ใช้ร่วมกัน
อุปกรณ์ที่มีให้ในกล่อง ประกอบด้วย เมาส์ TRAX X2, CD Driver และแผ่นคู่มือการใช้งาน
รูปทรงของเมาส์ ยังคงเป็นเมาส์มือขวาแบบนิยม ซึ่งเราจะเห็นได้หลายค่าย เช่น Ttesport หรือใน Razer ก็ตาม แต่ทาง Fantech ใส่ความเป็นมันเงา เอาไว้ใหู้เข้ากับสีสันของแสงไฟ ซึ่งไม่ได้เป็นพื้นผิวแบบซอฟต์ทัชแต่อย่างใด
กริ้ปด้านข้างขวาเป็นพลาสติก ที่ทำเป็นลวดลายเอาไว้ เพื่อให้นิ้วยึดเกาะ เพียงแต่ไม่ได้นุ่มและยืดหยุ่นมากเท่าที่ควร
ด้านข้างเป็นปุ่มสำหรับมาโคร ในการเล่นเกม ตั้งโปรแกรมได้จากซอฟต์แวร์ Fantech ที่มีมาให้ ความคล่องตัวอยู่ในระดับที่พอใช้ได้ ใครถนัดเมาส์แนวนี้จับทางได้ไม่ยาก
ความเงางามของตัวเมาส์และปุ่มปรับ DPI ด้านบน ที่เป็นแบบ On-the-Fly ให้ปรับความละเอียดได้ตั้งแต่ 800-3000DPI กดเรียกใช้งานสะดวกดีเหมือนกัน กดปุ่มเพิ่มและลดได้ระหว่างเล่น ซึ่งก็ดูเหมาะกับมือ ให้สามารถชิพเพิ่มเข้าไปหรือลดระดับลงมาได้สะดวก
ไฮไลต์ของเมาส์ TRAX X2 รุ่นนี้อยู่ที่การแสดงผลของสีที่ผู้ใช้เลือกปรับรูปแบบเองได้ เพียงแต่คงไม่ได้เลือกสีให้ละเอียดเหมือนกับ Choma และ RGB ระดับนั้น เรียกว่าพอใช้ได้ดูสวยงาม พร้อมลูกเล่น DPI Indicator Light เช่นเดียวกับในเมาส์ชั้นนำหลายรุ่น
ลูกเล่นดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสงสี หรือตั้ง่คา DPI และมาโครปุ่มต่างๆ สามารถใช้งานผ่านซอฟต์แวร์ของ Fantech ได้ เพียงแค่ดาวน์โหลดมาติดตั้งไว้ในเครื่องเท่านั้น เลือกปรับได้ 3 หัวข้อคือ Basic setup, Advance setup และ LED setup
fantech Hunter K10 คีย์บอร์ดสีสันจี๊ดจ๊าดอีกรุ่นหนึ่ง ที่มาพร้อมไฟแสดงผลแบบ Backlit สีแจ่มในสไตล์ Chroma และปุ่มกดนิ่มๆ ให้คุณเคาะกันเพลินๆ เวลาเล่นเกม สำหรับคนที่ไม่ชอบเสียงของ Mechanic รัวๆ
การออกแบบแพ็คเกจมาในแนวเดียวกับเมาส์ TRAX X2 คือ ไปในโทนสีดำแดง แต่เติมสีสันสวยๆ เข้ามา ทำให้ดูน่าใช้ยิ่งขึ้น
คีย์บอร์ดรุ่นนี้ลักษณะจะเป็นแบบมัลติมีเดียคีย์บอร์ด ที่เสริมเอาลูกเล่นของเกมมิ่งเข้ามาด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของสีสัน สังเกตได้จากปุ่มมัลติมีเดียด้านบนที่มีให้ใช้ครบครัน รวมถึงไฟสถานะ แต่ไม่ได้มีปุ่มสำหรับมาโครมาด้วย
ด้านใต้คีย์บอร์ด สามารถเปิด-ปิด เพื่อยกระดับความสูงได้เล็กน้อย
รูปแบบเต็มๆ ของคีย์บอร์ด Hunter K10 ที่แกะออกมาจากกล่อง โดยทั่วไปดูเรียบง่าย เพียงแต่ใส่ลดลายต่างๆ เพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น
ตัวปุ่มเป็นแบบโดม ซึ่งผู้ผลิตแจ้งเป็น Fantech Switch ที่ใช้แรงกดประมาณ 40g หรือแค่วางนิ้่วธรรมดา ไม่ได้มีแรงต้านหรือจังหวะกดให้วุ่นวาย หรือเป็นคีย์พื้นฐานที่เราพบได้ทั่วไป ข้อดีคือ ไม่มีเสียงรบกวน และน้ำหนักกดที่เบา ใช้ง่ายขึ้น
ทางด้านของ Numpad ก็ไม่ได้พิเศษมากนัก ตามสไตล์ของคีย์บอร์ดเกมเมอร์กลุ่มเริ่มต้น แต่ที่น่าสนใจคือ ตัวอักษรบนปุ่มค่อนข้างชัดและมองง่าย
เมื่อเสียบสาย USB เข้ากับโน๊ตบุ๊คหรือพีซี แสงไฟ LED Backlit ก็จะเริ่มทำงานหรืออาจเริ่มต้นด้วยการกดปุ่ม Scroll lock ที่แถบด้านบนของคีย์บอร์ด
แสงที่ปรากฏจะคล้ายกับการทำงานของไฟ Chroma เพียงแต่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ จะเป็นเหมือนลูกเล่นเล็กๆ ที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่จำเจกับคีย์บอร์ดแบบเดิมๆ ซึ่งไฟที่สว่างออกมานั้น จะอยู่รอบๆ ปุ่ม ไม่ได้ทะลุตัวปุ่มออกมาแต่อย่างใด
Conclusion
ในภาพรวมของการใช้งาน สำหรับเมาส์และคีย์บอร์ดของค่าย Fantech ทั้งสองรุ่นนี้ คงไม่ได้ยกเรื่องของคุณสมบัติพื้นฐานมาพูดคุยกัน แต่เอาในแง่ของผู้ใช้จะได้ประโยชน์จริง ในส่วนของเมาส์ TRAX X2 ดูจะวางตำแหน่งให้กับผู้ใช้มือใหม่ ซึ่งเน้นที่เรื่องการควบคุมง่ายๆ ไม่ยุ่งยากเกินไป แต่ก็เสริมปุ่มมาโครมาให้และปรับใช้ผ่านซอฟต์แวร์ ส่วนการใช้งานคนที่มือหนักอาจจะไม่ชอบ เพราะน้ำหนักเบาไปนิด อาจจะต้องผ่อนแรงลงบ้าง โดยเฉพาะการยิงเฮดชอตในเกม ต้องปรับตัวกันพอสมควร อย่างไรก็ดีการจับเมาส์ได้กระชับมือและผิวที่เรียบลื่น ก็น่าจะทำให้หลายคนชอบใช้งานมากขึ้น ส่วนคีย์บอร์ดนั้น น่าจะได้เรื่องการกดที่ไม่ต้องลงน้ำหนักมาก ทำให้การเคลื่อนไหวขยับได้ลื่นขึ้น เสียงรบกวนก็ไม่เยอะ การปรับใช้ก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคล เรื่องแสงสีก็จะเป็นแบบคงทีตามนั้น ปรับเปลี่ยนไม่ได้ อย่างไรก็ดี ให้มองในแง่ของมือใหม่และเริ่มต้นกับเกมมิ่งแล้ว เมาส์และคีย์บอร์ดจาก Fantech ทั้งสองรุ่นนี้ สามารถใช้งานได้สบายๆ
จุดเด่น
- เมาส์ TRAX X2 กระชับมือ มีให้ปรับมาโครได้
- ตั้งค่ามาโคร และแสงของเมาส์ผ่านทางซอฟต์แวร์
- ให้ความลื่นไหลได้ดีพอใช้สำหรับการเล่นเกม
- มาพร้อมปุ่มมัลติมีเดียบนคีย์บอร์ด
ข้อสังเกต
- ปรับตัวเลือกสีของไฟ LED ไม่ได้
- น้ำหนักค่อนข้างเบา ทำให้ต้องควบคุมการเคลื่อนไหวมากขึ้น
- คีย์บอร์ดไม่มีปุ่มสำหรับมาโครมาให้
ติดต่อ : [onlineicon type=”advice-icon-dark”]
ราคา : TRAX X2 490 บาท, Hunter K10 590 บาท