ตอนนี้นั้นเรากำลังเข้าสู่ยุคที่การสร้างภาพเสมือนจริงเข้ามามีบทบาทกับชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ ครับ จะเห็นได้ว่าบริษัททางด้านเทคโนโลยีใหญ่ๆ หลายบริษัทต่างก็เข้ามาในธุรกิจนี้กันอย่างเต็มที่แล้ว แน่นอนว่ายักษ์ใหญ่ของวงการอย่าง Intel นั้นต้องไม่พลาดที่จะเข้ามาในธุรกิจยี้แน่นอนแต่ในเมื่อเข้ามาช้ากว่าเขาหน่อยก็ต้องจัดให้เหนือกว่าด้วยอุปกรณ์ที่ผสมผสานความเหมือนจริงเต็มรูปแบบที่ทาง Intel ใช้ชื่อในการพัฒนาว่า “Project Alloy VR” ครับ
“Project Alloy” ของทาง Intel นั้นจะเหนือกว่าคู่แข่งด้วยการที่มันเป็นอุปกรณ์สร้างประสบการณ์แบบผสมผสานความเสมือนจริงหรือที่เรียกว่า “merged reality” ซึ่งทาง Intel ได้ร่วมกันพัฒนาโครงการนี้กับทาง Microsoft โดยจะมีจุดเด่นอยู่ที่อุปกรณืสวมศรีษะสำหรับสร้างภาพเสมือนจริงของ “Project Alloy” นั้นไม่ต้องเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ในการประมวลผลเพราะบนตัวอุปกรณ์สวมศรีษะนั้นจะมาพร้อมกับชิปหน่วยประมวลผลภาพเสมือนจริงถึง 2 ตัวด้วยกันครับ
ยังไม่หมดแค่เพียงเท่านั้นนะครับบนอุปกรณ์สวมศรีษะของ “Project Alloy” ยังจะมีกล้องที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Intel RealSense 3D เอาไว้อยู่พร้อมกันนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ในตัวและที่เหนือไปกว่านั้นก็คืออุปกรณ์สวมศรีษะสำหรับสร้างภาพเสมือนจริงจากโครงการ “Project Alloy” นั้นยังมาพร้อมกับซอต์แวร์โฮโลแกรมของ Microsoft อีกด้วยหล่ะครับ(ซึ่งถือว่าเป็นอุปกรณ์สวมศรีษะเครื่องแรกของโลกที่มากับโปรแกรมนี้)
หลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่าแล้วเจ้า “Project Alloy” นั้นเป็นอุปกรณ์สร้างประสบการณ์แบบผสมผสานความเสมือนจริงหรือที่เรียกว่า “merged reality” อย่างไร ซึ่งคำตอบตรงนี้นั้นคุณ Lauren Goode หนึ่งในบรรณาธิการของ The Verge ได้เข้าไปสัมผัสกับเครื่องต้นแบบของ “Project Alloy” แบะนี่คือประสบการณ์ “merged reality” ที่คุณ Lauren ได้รับกลับมาครับ
- ในตอนต้นเลยที่เริ่มใช้อุปกรณ์ดังกล่างนี้นั้นนอกจากโลกเสมือนจริงที่โปรแกรมสร้างขึ้นแล้ว คุณ Lauren ยังสามารถที่จะมองเห็นวัตถุของจริงภาพนอกได้อีกด้วย(ซึ่งปกติแล้วนั้นหากเราสวมอุปกรณ์สำหรับสร้างภาพเสมือนจริงอยู่จะไม่สามารถมองเห็นได้) ที่สามารถเห็นวัตถุภาพนอกได้ในขณะที่สวมอุปกรณ์นั้นก็เนื่องมาจากว่ากล้อง RealSense จะทำการจัภาพจากวัตถุภายนอกมาให้ได้เห็นครับ
- สำหรับความรู้สึกแรกสัมผัสของ “Project Alloy” นั้นจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง augmented reality หรือการเติมความเป็นจริงที่ได้รับจาก HoloLens กับ virtual reality หรือการสร้างภาพ(โลก) เสมือนจริง ที่ได้รับจาก Oculus Rift(หรืออุปกรณ์ VR อื่นๆ) ครับ
- ในการทดลองใน ด้วยความที่ “Project Alloy” ยังคงทำให้เห็นวัตถุจากโลกความเป็นจริงอยู่ ดังนั้นหากมีใครก็ตามยื่นกระดาษมาให้ Lauren คุณ Lauren ก็สามารถที่จะรับกระดาษนั้นมาได้แล้วใช้ปากกาเสมือนที่อยู่ในโลกเสมือนทำการเขียนข้อความลงไปในกระดาษแผ่นนั้น(ซึ่งข้อความที่เขียนจะไม่ไปปรากฎในโลกของความเป็นจริงเนื่องจากถูกเขียนในโลกเสมือน)
- ไม่เพียงแค่กระดาษเท่านั้น วัตุอื่นๆ ที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงสามารถที่จะโผล่เข้ามาในโลกเสมือนได้เช่น นาฬิกาหรือโทรศัพท์ และวัตถุต่างๆ เป็นต้น โดยเธอสามารถที่จะเช็คมันได้เหมือนอยู่ในโลกของความจริง(ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คือคุณ Lauren สามารถที่จะถ่าย Selfie ตัวเองในตอนที่เธออยู่ในโลกเสมือนได้
- “Project Alloy” มาพร้อมกับความปลอดภัยที่มากกว่าอุปกรณ์สวมศรีษะสำหรับสร้างภาพเสมือนจริงอื่นๆ เพราะเวลาใช้งานนั้นคุณจะยังคงมองเห็นสิ่งที่เป็นของจริงในโลกของความจริงอยู่
- เหนือสิ่งอื่นใดเลยก็คือ “Project Alloy” นั้นได้ทำลายขีดจำกัดของการใช้งานจอยคอลโทลเลอร์และเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ต้องใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สร้างภาพเสมือนจริงออกไปเนื่องจากว่า “Project Alloy” นั้นสามารถที่จะมองเห็นอุปกรณ์ภาพนอกในโลกเสมือนจริงได้ทำให้เวลาใช้งานนั้นไม่จำเป็นที่จัต้องติดเซ็นเซอร์ตรวจจับมากมายเอาไว้กับตัว รวมไปถึงไม่จำเป็นต้องใช้คอนโทรเลอร์เฉพาะเพื่อสร้างการตอบสนองในการใช้งานอีกด้วย
- ถึงแม้จะมีข้อดีแต่ทว่ามันก็มีข้อเสียอยู่(ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทาง Intel ยังคงกำหนดสถานะของ “Project Alloy” เป็นเพียงเครื่องต้นแบบเท่านั้น) คือมันไม่ได้ขนาดพอดีกับรูปศรีษะของคุณ Lauren ขณะใช้งานแถมน้ำหนักของมันก็ค่อนข้างมากคืออยู่ที่ราวๆ 750 g ซึ่งทำให้ผู้หญิงอย่างคุณ Lauren รู้สึกได้ถึงความหนักเมื่อสวมใส่
- จุดที่ยังคงเป็นข้อเสียใหญ่มากเลยก็คือเมื่อสวมใส่ “Project Alloy” นั้นเวลามองเห็นวัตถุจากโลกแห่งความจริงแล้ว หากวัตถุนั้นเป็นวัตถุที่มีความละเอียดมากๆ สิ่งที่คุณจะเห็นจะเป็นจุด pixel อย่างเห็นได้ชัดตัวอย่างเช่นผู้คนที่อยู่ในโลกของความจริง โดยคุณ Lauren ได้บอกเอาไว้ว่าหากคนๆ นั้นไม่เคลื่อนไหวก็จะยังดูดีอยู่แต่หากคนๆ นั้นเคลื่อนไหวเมื่อไรจุด pixel จะปรากฎให้เห็นทันที(ตรงจุดนี้นั้นคุณ Lauren ได้เสริมอีกว่าในการใช้งานในโลกจริงๆ แล้วหล่ะก็น่าจะเกิดปัญหาจุด pixels เต็มจอไปหมดอย่างแน่นอน)
อย่างที่คุณ Lauren บอกครับ “Project Alloy” ยังค่อนข้างที่จะเป็นเครื่องต้นแบบมากเลยทีเดียว แต่ทว่าถึงแม้จะเป็นเพียงแค่เครื่องต้นแบบแต่มันก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ในเครื่อง “Project Alloy” รุ่นต้นแบบนั้นใช้หน่วยประมวลผล Intel Core สถาปัตยกรรม Skylake และกล้อง RealSense รุ่น R200 ซึ่งคาดว่าในปี 2017 ฃ่วงกลางปีที่จะมีการเปิดตัว “Project Alloy” อย่างเป็นทางการนั้นมันน่าจะถูกอัพเกรดไปใช้ Kaby Lake พร้อมกล้องรุ่น R400 และกราฟิกการ์ดแบบแยกครับ
ที่มา : theverge