ออกมาได้แล้วสักพักครับกับ Apple Watch Series 2 (หลังจากนี้ไปขอเรียกว่า AW2) ซึ่งถามว่าความสามารถแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้ามากไหมต้องบอกเลยครับว่าถ้าคุณใช้ AW2 ในเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันทั่วไปอย่างเช่นดูนาฬิกา ดูข้อมูลอื่นๆ ซิ้งค์กับ iPhone คุณไม่มีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนจาก AW มาเป็น AW2 เลยหล่ะครับ ในทางกลับกันถ้าคุณเป็นผู้ใช้ที่อยากใช้ AW2 ทางด้านสุขภาพแล้วหล่ะก็ คุณจะได้พบความสะดวกสบายแบบที่ AW ไม่สามารถทำให้คุณพบเจอได้มาก่อนครับ
หากจะบอกว่า Apple Watch 2 ได้กลายเป้นสมาร์ทวอทช์สำหรับการติดตามการออกกำลังกายอย่าง(เกือบ) สมบูรณ์แบบ ก็สามารถบอกได้อย่างเต็มคำหล่ะครับ อย่างไรก็ตามแต่อย่าไปคิดว่า AW2 นั้นเปลี่ยนตัวเองทั้งหมดเป็นอุปกรณ์ติดตามการออกกำลังนะครับ เพราะโดยรวมแล้วมันยังคงความเป็นสมาร์ทวอทช์อยู่เหมือนเดิม ทว่าในครั้งนี้นั้นทาง Apple ได้ทำการโฟกัสไปในส่วนที่ AW2 ควรจะเป้นตามกลไลของตลาดที่สมาร์ท์วอทช์เป็นซึ่งนั่นก็คือการเป็นเครื่องติดตามการออกกำลังไปในตัวครับ
หมายเหตุ – เหมือนกับของ Garmins, Fitbit, Samsung และอีกหลายยี่ห้อที่ทำออกมาก่อน
สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำใจยอมรับไว้ก่อนเลยนั้นก็คือเรื่องของดีไซน์ที่ AW2 นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปจาก AW เท่าไรนัก ส่วนที่เปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดก็คือสีที่วางจำหน่ายและสายีัดข้อมือที่ดูแล้วน่าจะพอใจกับผู้ใช้ที่เน้นเรื่องของการออกกำลังกายมายขึ้น ส่วนผู้ใช้ที่ยังคงติดภาพว่า AW2 ต้องเป็นสมาร์ทวอทช์หรูราคาแพงอยู่หล่ะก็ ขอให้เปลี่ยนความคิดใหม่เลยครับเพราะในปัจจุบันนั้นรุ่นที่แพงที่สุดซึ่งใช้วัสดุเป็นเซรามิกก็มีราคาอยู่ราวๆ 43,560 บาทเท่านั้น
หมายเหตุ – ก่อนหน้านี้ราคาของรุ่นที่แพงที่สุดที่เรียกว่า Apple Watch Edition จะเน้นความหรูแบบสุดๆ ด้วยทอง 18 กะรัตและราคาเรือนแสนครับ
ส่วนสำหรับรุ่นราคาปกตินั้นก็ได้มีการปรับราคาขึ้นคืออยู่ที่ 10,500 บาท ซึ่งวัสดุที่ใช้นั้นจะเป็นอลูมิเนียม และในทุกรุ่นนั้นจะมาพร้อมกับระบบปฎิบัติการรุ่นใหม่อย่าง watchOS 3 โดย AW รุ่นแรกนั้นจะได้รับการอัพเดทระบบปฎิบัติการใหม่นี้ด้วยแต่ทว่าต้องทำใจนะครับว่าคุณจะไม่ได้สามารถใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดที่มีบน AW2 ได้
ที่สำคัญที่สุดเลยก่อนที่จะตัดสินใจซื้อก็คือคุณควรถามตัวเองว่าชอบ AW2 หรือไม่เนื่องจากว่าหากเทียบราคากับคู่แข่งแล้วนั้น AW2 นั้นยังถือว่าแพงกว่าพอควรในขณะที่ฟีเจอร์เหมือนๆ กันครับ อีกปัญหาหนึ่งของผู้ที่ใช้ AW อยู่แล้วซึ่งหลายๆ คนน่าจะอยากต้องการรู้ว่าควรหรือไม่ที่จะเปลี่ยนเป็น AW 2 ตรงนี้บอกได้เลยครับว่าถ้าคุณไม่ใช่นักกีฬาที่อยากได้อุปกรณ์ติดตามทางด้านการออกกำลังกายแล้วหล่ะก็ AW2 ก็ยังไม่มีความจำเป็นอะไรกับคุณครับ
เอาเป็นว่ามาดูสเปคของ AW2 กันดีกว่าครับว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
นอกเหนือไปจากเรื่องจากการมาพร้อมเซ็นเซอร์สำหรับติดตามการออกกำลังกายเพิ่มแล้วนั่น เพื่อให้ AW2 สามารถใช้งานกลางแจ้งเพื่อตอบรับกีฬากลางแจ้งได้เป็นอย่างดีจริงๆ ทาง Apple ได้ทำให้หน้าจอ OLED ของ AW2 ทั้งในรุ่นขนาดจอ 38 mm และ 42 mm สว่างมากขึ้นกว่าเดิม แต่ข้อด้วยในจุดนี้นนั้นก็คือตัวหน้าจอนั้นจะหน้ามากขึ้นกว่าเดิมประมาณ 0.9 mm เลยทีเดียวครับ(แต่ว่าขนาดของแบตเตอรี่ก็เพิ่มขึ้นจาก AW นะครับ)
อย่างที่บอกครับว่าใน AW2 นั้นได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้เหมใาะสมกับการออกกำลังกายมากขึ้น การออกกำลังกายดังกล่าวนี้รวมไปถึงการว่ายน้ำที่ในครั้งนี้กับ AW2 นั้นทาง Apple ได้โฆษณาเลยว่าคุณสามารถที่จะนำเอา AW2 ดำน้ำลงไปกับคุณได้มากขึ้น 50 m(จริงๆ แล้วใน AW รุ่นแรกก็สามารถกันน้ำได้แต่ทาง Apple ไม่ได้บอกออกมาอย่างเป็นทางการดังนั้นขึงไม่ควรเสี่ยงเพราะเราไม่รู้ว่า Apple จะทำอย่างไรกับประกันครับ)
AW2 ฉลาดมากพอที่จะสามารถรับรู้ได้ว่าคุณเริ่มต้นทำกิจกรรมการออกกำลังกาย อย่างในกรณีว่ายน้ำนั้น AW2 จะทำการล๊อคหน้าจอที่แสดงผลล่าสุดเอาไว้ไม่ให้โดนน้ำแล้วเกิดการเปลี่ยนหน้าจอไปมาได้ Apple ยืนยันอย่างหนักนั่นครับว่าการจะเปลี่ยนหน้าจอของ AW2 นั้นต้องทำผ่านการใช้มือของผู้ใช้เท่านั้น เพื่อการนี้ระบบตรวจจับแรงดันของนิ้วมือบน AW2 จึงถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเนื่องจากว่ามันไม่เคยเปลี่ยนหน้าจอเลยไม่ว่าจะเป็นหยดเหงื่อไปจนถึงน้ำในสระว่ายน้ำครับ
หมายเหตุ – มันยังสามารถที่จะตรวจสอบได้ด้วยว่าคุณใส่ AW2 และทำการอาบน้ำหรือว่าทำการว่ายน้ำอยู่เพื่อที่ว่าจะส่ามารถแสดงผลหน้าจอได้อย่างถูกต้องครับ
อีกจุดที่ทำให้ AW2 นั้นสามารถกลายเป็นสมาร์ทวอทช์เพื่อการออกกำลังกายอย่างสมบูรณ์ก็คือในตอนนี้นั้นมันมี GPS ติดตั้งมาให้ในตัวทำให้การตรวจจับจุดที่คุณอยู่, เส้นทางการวิ่ง ฯลฯ นั้นไม่จำเป็นจะต้องทำผ่าน iPhone อีกต่อไป ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณสามารถออกวิ่งได้โดยไม่มีต้อง iPhone เหมือนเก่า ลองคิดถึงน้ำหนักที่หายไปจากกระเป็ากางเกงที่เคยต้องมีดูครับ ตรงนี้นักวิ่งหลายๆ ท่านน่าจะชอบมากเลยทีเดียว
แต่อย่างพึ่งจะคิดว่ามันดีนะครับ การเปิดใช้ GPS บน AW2 นั้นมีข้อเสียอย่างใหญ่หลวงมากซึ่งนั่นก็คือแบตเตอรี่ของคุณจะหมดไวมาก คุณสามารถที่จะเปิด GPS ไปวิ่งไปตั้งแต่ AW2 ชาร์จเต็มได้ราวๆ แค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น แถมที่หนักไปกว่านั้นก็คือ AW2 จะไม่มีการแสดงสัญลักษณ์การใช้งาน GPS แสดงผลอยู่เลย ซึ่งตรงจุดนี้นั้นคนที่วิ่งโดยเปิดหน้าจอ Maps ก็คงจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าคุณเปิด GPS เฉยๆ หล่ะก็ คุณจะไม่มีทางรู้เลยหล่ะครับว่าสรุปแล้ว GPS ทำงานหรือไม่
อยากไรก็ตามหากคุณไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายมากนัก และอยากจะสวมใส่ AW2 เป็นเสมือนดั่งเครื่องประดับบนร่างกายของคุณมากกว่า คุณก็จะได้พบกับความอึดของแบตเตอรี่บน AW2 ที่สามารถอยู่ได้ยาวนานถึง 30 วัน(ไม่ใช้ฟีเจอร์ใดๆ นอกเหนือไปจากการนับการก้าวเดิม) ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ถือว่านานอยู่(แต่ทว่าเชื่อว่าหากท่านตัดสินใจซื้อ AW2 แล้วคงไม่แค่เอามาใส่ไว้เฉยๆ แน่ๆ ครับ
ในส่วนของการเชื่อมต่อกับ iPhone เพื่อที่จะส่งผ่านข้อมูลไปยังแอปพลิเคชันสำหรับเก็บค่าทางด้านสุขภาพนั้น AW2 ยังคงสามารถทำได้เหมือนเดิมโดยใช้ช่องทางการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ซึ่งตรงนี้นั้นผู้ที่ใช้ AW รุ่นแรกมาน่าจะเคยชินอยู่แล้วสำหรับผู้ที่พึ่งใช้ใหม่ก็ไม่น่าจะยากอะไร
โดยรวมแล้ว Apple Watch Series 2 ก็ยังคงเป็น Apple Watch ครับ ส่วนที่เพิ่มเติมมานั้นจะเรียกว่าเป็นการตอบสนองต่อผู้ใช้งานที่เน้นทางด้านการออกกำลังกายก็ได้ ถึงกระนั้นแล้วก็ใช้ว่า AW2 นั้นจะมีความสามารถในการรองรับการติดตามการออกกำลังกายทุกอย่างเพราะถ้าหากเอาไปเทียบกับคู่แข่งแล้วนั้นพบว่า AW2 ยังด้อยกว่าอยู่ในหลายๆ จุดและคงต้องยอมรับความว่าถึงทาง Apple จะฟาจุดโฟกัสให้กับ AW2 ได้แล้ว แต่การยังไม่ยอมทิ้งแบบฉบับของ Apple Watch ไปทำให้อะไรหลายๆ อย่างก็ไม่ได้เป็นไปดั่งที่ผู้ใช้หลายๆ คนอาจจะต้องการ
ทั้งนี้ถึงแม้ว่า Apple Watch 2 จะไม่ได้ดีอย่างที่ใครๆ หวังไว้ แต่ด้วยความสามารถที่เพิ่มเข้ามานั้นเชื่อว่ามันน่าจะถูกใจใครหลายๆ คนได้อย่างไม่ยากเย็น จุดที่เป็นข้อด้อยของ AW2 ยังคงเป็นเรื่องราคาที่เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้วยังถือว่าแพงอยู่(จนไม่รู้ว่าสรุปจะโฟกัสสมาร์ทวอทช์สำหรับการออกกำลังกายจริงรึเปล่า) และที่สำคัญคือยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าจะมีบน AW2 นี้ได้อีกมากซึ่งในที่นี้ก็ต้องรอให้ Apple พัฒณา watchOS ให้ดีขึ้นหล่ะครับเพราะในส่วนของฉาร์ดแวร์นั้น AW2 ก็ดีพอตัวอยู่แล้ว