ASUS ZenBook UX330UA จัดว่าเป็น Ultrabook ที่โดดเด่นเป็นพิเศษในด้านของความบางเบา แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ ร่วมกับอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ SSD เพื่อความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูล ที่ครบครันทุกการใช้งาน ทั้งจอแสดงผลคุณภาพสูง ร่วมกับดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ ASUS ZenBook ซึ่งตอบสนองทั้งด้านความบันเทิงและการทำงานได้ทุกรูปแบบ
จากความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ ZenBook ที่ผ่านมา ทำให้เรายังคงค้นคว้าวิจัย เพื่อจะทำให้ ZenBook มีความโดดเด่น ทั้งในด้านของรูปลักษณ์ และประสิทธิภาพ ซึ่งตอบโจทย์ได้ตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้งานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เมื่อประกอบกับประสบการณ์ของ ASUS ในการออกแบบโน๊ตบุ๊คที่มีความบางเบา และแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ทำให้ ASUS ZenBook UX330UA เป็น Ultrabook ราคา 34,900 บาที่น่าสนใจที่สุดรุ่นหนึ่ง
Specification
ในเรื่องของสเปก ASUS ZenBook UX330UA นั้น เครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นเครื่องที่ใช้ CPU เป็น Intel Core i5-6200U ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 2.80 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel HD Graphics 520 ที่ติดมาใน CPU จาก Intel ตระกูล Skylake แรมก็ให้มา 8GB DDR3L เป็นแบบฝังติดบอร์ดมาเช่นเดียวกับ Ultrabook ปกติ ส่วน SSD มีมาให้ขนาด 256GB มาพร้อมความเร็วสูง ใช้จอขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็น Ultrabook ระดับสูงรุ่นนึงก็ว่าได้
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานของกลุ่ม Ultrabook มาให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.1 Type-C, USB 3.0 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge, mini HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ ที่สำคัญยังมาพร้อม Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac สนนราคา 34,900 บาทสำหรับรุ่น Core i5 และ 43,900 บาทสำหรับรุ่นที่เป็น Core i7 สเปกอื่นๆ เหมือนกัน แต่ได้หน้าจอเป็น 3200 x 1800 พิกเซล
Hardware / Design
ด้วยการออกแบบตัวเครื่องที่เน้นเป็น Ultrabook ทำให้ ASUS ZenBook UX330UA มีความบางเพียง 13.5 มิลลิเมตร และน้ำหนักแค่ 1.2 กิโลกรัม ส่งผลให้ ASUS ZenBook UX330UA เป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คขนาด 13.3 นิ้วที่บางและเบาที่สุดในโลกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้เลย
ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ โดยเหมาะมากๆ สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊ค หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศ ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ
ภายนอกเลือกใช้อลูมิเนียมอัลลอยที่มีความแข็งแกร่ง ผสานกับความงดงามจากการลวดลายการออกแบบตามสไตล์ของ Zen ขัดเกลาด้วยกระบวนการผลิตที่มีความแม่นยำสูง และการขัดด้วยทรายแบบประณีต เพิ่มความหรูหราพรีเมียมให้กับ ASUS ZenBook UX330UA ในทุกสัมผัส
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่อง ASUS ZenBook UX330UA จะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ฝาหลังอลูมิเนียมที่เรียบเนียนส่วนขอบรอบของตัวเครื่องให้ความสวยงามมันวาว ให้แสงสีเวลาโดนแดดหรือไฟพอสมควร โดยให้ความรู้สึกที่แข็งแรง แถมยังไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายด้วย
ฝาหลังเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง ASUS ZenBook ที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียมกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมโลโก้ ASUS ตามมาตรฐาน สำหรับขอบตัวเครื่องมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมแบบด้านที่ดูหรูหราไม่แพ้ด้านนอกทีเดียว
สรุปสำหรับดีไซน์ของตัว ASUS ZenBook UX330UA เป็นการออกแบบ Ultrabook ที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน ว่านี่คือ Ultrabook ที่ได้รับการต่อยอดมาอย่างยาวนาน เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่จะลำบากกว่าในการใช้งานนอกสถานที่ โดยในบันเดิลยังให้ส่วนของซอฟต์เคสสวยงามให้อีกด้วย
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำตัดกับตัวเครื่อง โดยสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งคีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด
ในส่วนของไฟ LED Backlit มีการติดตั้งมาให้ด้วย แน่นอนว่าใช้งานในที่แสงน้อยได้เป็นอย่างดี ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับ Ultrabook หลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอของ ASUS ZenBook UX330UA นอกเหนือจากเรื่องความบางเฉียบแล้ว จุดเด่นที่สุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ASUS เลือกใส่มาให้เป็นความละเอียดสูงระดับ Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญยังเป็นพาเนลแบบ IPS ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง แถมยังเรียบเนียนตาแบบที่ Ultrabook ราคาใกล้เคียงกันไม่สามารถให้ได้ ซึ่งในการใช้งานก็เรียกได้ว่าประทับใจ จากประสิทธิภาพการแสดงผลที่เหนือชั้นกว่าพาเนล TN ทั่วไป รวมไปถึงความละเอียด Full HD ก็ให้ทั้งความเรียบเนียนตา และพื้นที่การใช้งานที่มากกว่า HD ปกติ ไม่ว่าจะทำงานหรือความบันเทิงก็ตอบโจทย์เป็นอย่างดี
ด้วยลำโพง Harman/Kardon และระบบเสียง ASUS SonicMaster ที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านซ้ายขวาขอบตัวเครื่อง ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้ในระดับที่สอบผ่าน แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อของ ASUS ZenBook UX330UA นั้นถือว่าครบถ้วนตามสไตล์ Ultrabook ออกแบบให้พกพาได้สะดวก แต่ก็ยังให้ช่องต่อได้ครบครัน ตั้งแต่ USB 3.0 จำนวน 1 พอร์ต อีกทั้งยังมี USB 3.1 Type-C หนึ่งพอร์ต ที่สามารถรองรับอุปกรณ์ได้หลากหลาย พร้อมกับ mini HDMI แบบเต็มสามารถต่อกับโทรทัศน์ได้ นอกจากนี้มีช่องเสียบ SD Card ตามมาตรฐาน รวมถึงช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรก็ยังมีอยู่
เนื่องจากขนาดเครื่องมีหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว ที่บางเฉียบ และเน้นความเป็น Ultrabook และเน้นเรื่องความหรูหรากับน้ำหนักเพียง 1.35 กิโลกรัม แล้วถ้ารวมกับอุปกรณ์พกพาเช่นที่ชาร์จต่างๆ จะได้น้ำหนัก 1.2 กิโลกรัม ถือว่าให้ความสะดวกสบายทำให้พกพาไปใช้งานทั้งร้านกาแฟ หรือ ไปต่างประเทศได้เช่นกัน
Performance / Software
ASUS ZenBook UX330UA เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-6200U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 2.80 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 520 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 5200 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB โดยเป็นของแบรนด์ชั้นนำอย่าง SanDisk กับความเร็วระดับ Read: 478.06 MB/s – Write: 312.21 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด
สำหรับ Street Fighter 4 ที่ตั้งค่าเป็น Default บนความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่า Ultrabook รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยได้คะแนนอยู่ที่ 13315 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 100.61 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร ถือได้ว่าพอจะเล่นได้แบบสบายๆ Acer Aspire S5 เครื่องนี้ก็พร้อมตอบสนองความสุขของทุกคนได้เป็นอย่างดี
อีกเกมหนึ่งที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 60+ แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook UX330UA เป็นแบตเตอรี่ที่ฝั่งกับในเครื่อง และไม่สามารถถอดเปลี่ยนเองได้ จึงไม่สามารถหาแบตเตอรี่สำรองมาเปลี่ยนเมื่อแบตเตอรี่จะหมดลงได้ ทำให้จะต้องชาร์จแบตเตอรี่เท่านั้นเมื่อเมื่อหลังงานเหลือน้อยลง แต่ก็เป้นตามสมัยนิยมเพราะทำให้ออกแบบตัวเครื่องได้เล็กและบางลง ซึ่งจากการทดสอบสามารถอยู่ได้นานกว่า 10 ชั่วโมงอย่างสบาย เหมาะกับการใช้งานระยะยาวทั้งการดูหนัง, ฟังเพลง, หรือจะทำงานรวมทั้ง Present งานเป็นต้น อย่างไรก็ตามถ้าใช้งานหนักๆ ก็อาจจะลดหลั่นลงมาอีกระดับนึง
ส่วนเรื่องการระบายความร้อนระหว่างสภาพการทำงานของเครื่อง ทั้งการรีดประสิทธิภาพสูงสุด ไปจนถึงการทำงานสุดขีด ตัวเครื่องจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 71 องศาเซลเซียส และเย็นที่สุดอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส ถือว่าค่อนข้างระบายความร้อนได้ดี แต่ตัวเครื่องก็ร้อนซักหน่อยเวลาใช้งาน 100% อาจจะเป็นเพราะการที่ใช้โลหะเลยทำให้การอมความร้อนระหว่างการทดสอบนั้นมีมากขึ้น และรวมถึงการระบายอากาศนั้นมีเพียงด้านล่างทำให้การระบายความร้อนได้ช้า แต่จากที่ผู้เขียนได้ลองใช้งานจริง ๆ แล้วพบว่า ความร้อนไม่ได้สูงมากนัก ถ้าใช้งานในห้องแอร์ก็ถือว่าระบายอากาศได้ดี
ส่วนเรื่องเสียงรบกวนจากระบบระบายอากาศนั้น พอให้ได้ยินบ้าง แต่ถือว่าเบาอยู่เมื่อเทียบกับ Ultrabook โดยปกติ โดยความร้อนทั้งหมดจะระบายไปทางด้านหน้าของเครื่อง ซึ่งเป็นที่อยู่ของแกนพับของเครื่อง และด้านล่างของเครื่อง ทำให้พัดลมไม่ต้องทำงานหนักมากนัก ส่งผลให้เสียงที่ออกมานั้นน้อยลง แต่ถ้าได้ช่องระบายความร้อนที่มากกว่านี้จะทำให้เครื่องเงียบกว่านี้ เพราะความเย็นจะเข้าไปช่วยระบายอากาศได้เร็วขึ้น
Conclusion / Award
ประสบการณ์ใช้งานที่ได้จาก ASUS ZenBook UX330UA เครื่องนี้ทำออกมาได้ประทับใจดี ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่หรูหราสวยงามและโดดเด่น เหมาะที่จะนำไปใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีให้เลือกทั้งตัวเครื่องสีเทาและสีทอง และยังให้สเปกที่ดีอีกด้วย อีกทั้งงานประกอบก็มีความแน่นหนาจากการมใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างอลูมิเนียม โดยมีความบางเพียง 13.5 มิลลิเมตร และมีความเบาเพียง 1.2 กิโลกรัมเท่านั้น
ชิปประมวลผลจาก Intel Core i5 สถาปัตยกรรม Skylake การเข้าถึงข้อมูลได้ไวด้วยฮาร์ดดิสก์แบบ SSD และระบบเสียงของ Sonic Master ที่ปรับแต่งมาดีและเป็นจอด้านความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซลที่ให้ความคมชัด และเป็นพาเนลแบบ IPS ที่ให้สีสันสมจริง อีกทั้งยังได้ให้คีย์บอร์ดที่มีคุณสมบัติไฟ Backlit มาให้เพื่อความสะดวกในการใช้งานในที่แสงน้อยด้วย รวมถึงตัว ASUS ZenBook UX330UA ยังได้ติดตั้งพอร์ตการใช้งานครบครัน ซึ่งก็ USB 3.1 Type-C อยู่ด้วย
ส่งผลให้ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับบางท่านที่ต้องเน้นในเรื่องของการพกพาไปใช้งานนนอกสถานที่เป็นหลัก รวมไปถึงต้องการใช้งาน Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถึงแม้ว่าในเรื่องของการทำงานกราฟิกหนักๆ อาจจะไม่รองรับมากนัก นั่นก็เป็นเพราะ ASUS ZenBook UX330UA ให้ความสำคัญในเรื่องของระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่และการพกพาที่สะดวกสบายมากกว่า แต่ถ้าใครมีต้องกสนประมวลผลหนักหน่อยล่ะก็ สามารถลองดูเป็น ASUS ZenBook UX310UQ ได้เพราะรุ่นนั้นติดตั้งการ์ดจอแยกมาไว้ด้วย
สนนราคา ASUS ZenBook UX330UA เริ่มต้นที่ 34,900 บาทสำหรับรุ่นชิปประมวลผล Core i5 และ 43,900 บาทสำหรับชิปประมวลผล Core i7 ซึ่งหลายคนอาจจะเห็นว่ามีราคาสูง ถ้าเทียบกับโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ถ้าเทียบจริงๆ แล้วเรื่องความเบาความบางเพื่อการใช้งานพกพา รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่ยาวนานแล้วล่ะก็ ASUS ZenBook UX330UA กินขาดแน่นอนครับ
จุดเด่น
- มีดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์และมีความหรูหรา
- วัสดุทำจากอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- น้ำหนักเบาพกพาสะดวกเหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- หน้าจอใช้พาเนลคุณภาพสูง IPS แบบ Full HD ให้ภาพที่คมชัดสีสันสดใส
- Backlit Keyboard ที่ใช้งานได้อย่างเป็นอย่างดีในที่ที่แสงน้อย
- ชิปประมวลผลให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอตัว
- ฮาร์ดดิสก์ SSD มีความรวดเร็วในการใช้งานมาก
- ติดตั้ง USB 3.1 Type-C กับพอร์ตมาตรฐานใหม่
- ติดตั้ง Windows 10 ลิขสิทธิ์ พร้อมใช้งานทันที
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานสามารถใช้งานติดต่อกันได้ถึง 10 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มเติมได้ ตามสไตล์ Ultrabook
- แรมยังไม่เป็นมาตรฐาน DDR4
- Ultrabook บางแบรนด์ในราคาเท่ากันให้หน้าจอที่ดีกว่า
Award
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ ASUS ZenBook UX330UA ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง ASUS ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปแบบไม่ต้องสงสัย
สำหรับ ASUS ZenBook UX330UA ที่มีความบางเพียง 13.5 มิลลิเมตร และมีความหนักเพียง 1.2 กิโลกรัม นั้น จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีน้ำหนักเบามากๆ เรียกได้ว่าเบาที่สุดรุ่นหนึ่งของ Ultrabook ในโลกเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าจะไม่เป็นภาระในการนำออกไปใช้งานนอกสถานที่ และความบางของตัวเครื่องก็ยังมีความบางเฉียบ เหนือกว่า Ultrabook ในกลุ่มขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกันในหลายๆ ตัว และสำหรับระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ก็ถือได้ว่ามีความน่าประทับใจ จึงได้คะแนนในส่วนนี้ไปไม่ยากนัก
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดทั้งมวลนี้ ASUS ZenBook UX330UA ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2016 นี้ ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ประสิทธิภาพ รวมไปถึงราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบไม่ได้ (แม้กระทั่ง MacBook Air ยังเป็นรอง) ประกอบกับคุณสมบัติในการตอบสนองการทำงานที่ครบถ้วน เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่ ASUS ZenBook UX330UA จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไปครับ
Specification
ในเรื่องของสเปก ASUS ZenBook UX330UA นั้น เครื่องที่เราได้มารีวิวเป็นเครื่องที่ใช้ CPU เป็น Intel Core i5-6200U ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้เป็น 2.80 GHz ส่วนการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel HD Graphics 520 ที่ติดมาใน CPU จาก Intel ตระกูล Skylake แรมก็ให้มา 8GB DDR3L เป็นแบบฝังติดบอร์ดมาเช่นเดียวกับ Ultrabook ปกติ ส่วน SSD มีมาให้ขนาด 256GB มาพร้อมความเร็วสูง ใช้จอขนาด 13.3 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล แถมตัวคีย์บอร์ดยังมีไฟ LED Backlit มาให้ด้วย เรียกได้ว่าเป็น Ultrabook ระดับสูงรุ่นนึงก็ว่าได้
ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานของกลุ่ม Ultrabook มาให้ค่อนข้างครบ เช่น USB 3.1 Type-C, USB 3.0 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ Sleep Charge, mini HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ ที่สำคัญยังมาพร้อม Wi-Fi มาตรฐาน 802.11ac สนนราคา 34,900 บาทสำหรับรุ่น Core i5 และ 43,900 บาทสำหรับรุ่นที่เป็น Core i7 สเปกอื่นๆ เหมือนกัน แต่ได้หน้าจอเป็น 3200 x 1800 พิกเซล
Hardware / Design
ด้วยการออกแบบตัวเครื่องที่เน้นเป็น Ultrabook ทำให้ ASUS ZenBook UX330UA มีความบางเพียง 13.5 มิลลิเมตร และน้ำหนักแค่ 1.2 กิโลกรัม ส่งผลให้ ASUS ZenBook UX330UA เป็นหนึ่งในโน๊ตบุ๊คขนาด 13.3 นิ้วที่บางและเบาที่สุดในโลกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้เลย
ทำให้เราสามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างสบายๆ โดยเหมาะมากๆ สำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการโน๊ตบุ๊ค หรือคนทำงานพนักงานออฟฟิศ ที่เน้นใช้งานทั่วไปให้ประสิทธิภาพพอตัว แต่พกพาไปที่นู้นที่นั่นบ่อยๆ ซึ่งรองรับการทำงานได้ยาวนานกว่าโน๊ตบุ๊คปกติ
ภายนอกเลือกใช้อลูมิเนียมอัลลอยที่มีความแข็งแกร่ง ผสานกับความงดงามจากการลวดลายการออกแบบตามสไตล์ของ Zen ขัดเกลาด้วยกระบวนการผลิตที่มีความแม่นยำสูง และการขัดด้วยทรายแบบประณีต เพิ่มความหรูหราพรีเมียมให้กับ ASUS ZenBook UX330UA ในทุกสัมผัส
ตัวเครื่องมีการออกแบบโดยรวมให้ดูทันสมัยและเรียบง่าย ที่มุมตัวเครื่อง ASUS ZenBook UX330UA จะทำให้เป็นแบบโค้งมน แต่ว่าไม่ได้มนมากจนเกินไป ตามมาด้วยการใส่รายละเอียดในการทำให้ตัวเครื่องมีลักษณะลาดเอียงเล็กน้อย ฝาหลังอลูมิเนียมที่เรียบเนียนส่วนขอบรอบของตัวเครื่องให้ความสวยงามมันวาว ให้แสงสีเวลาโดนแดดหรือไฟพอสมควร โดยให้ความรู้สึกที่แข็งแรง แถมยังไม่เป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายด้วย
ฝาหลังเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง ASUS ZenBook ที่ให้ผิวสัมผัสที่ดีมีความพรีเมียมกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป พร้อมโลโก้ ASUS ตามมาตรฐาน สำหรับขอบตัวเครื่องมีความสวยงามเรียบง่ายแต่ดูแพง ส่วนด้านในก็จะเป็นอลูมิเนียมแบบด้านที่ดูหรูหราไม่แพ้ด้านนอกทีเดียว
สรุปสำหรับดีไซน์ของตัว ASUS ZenBook UX330UA เป็นการออกแบบ Ultrabook ที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจน ว่านี่คือ Ultrabook ที่ได้รับการต่อยอดมาอย่างยาวนาน เหนือกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไปที่จะลำบากกว่าในการใช้งานนอกสถานที่ โดยในบันเดิลยังให้ส่วนของซอฟต์เคสสวยงามให้อีกด้วย
Keyboard / Touchpad
ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นตัวปุ่มเป็นพลาสติกสีดำตัดกับตัวเครื่อง โดยสกรีนตัวอักษรสีขาว มีการออกแบบมาให้ปุ่มมีความโค้งรับกับนิ้วมือได้พอดี ทำให้สามารถพิมพ์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งคีย์บอร์ดยังคงเป็น 4 แถวขนาด Full Size ซึ่งในด้านการใช้งานในการพิมพ์ ก็ตอบสนองได้เป็นอย่างดีทั้งขนาดแป้นพิมพ์ที่รับกันนิ้วและช่องว่างระหว่างแป้นที่ทำให้มีความแม่นยำในการกด
ในส่วนของไฟ LED Backlit มีการติดตั้งมาให้ด้วย แน่นอนว่าใช้งานในที่แสงน้อยได้เป็นอย่างดี ส่วนปุ่มเปิดเครื่องจะไปอยู่ที่มุมขวาบน สีกลืนไปกับเครื่อง ซึ่งข้อดีก็คือมั่นใจได้ว่าจะไม่ไปเผลอกดระหว่างการใช้งานแน่นอน พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เห็นสถานะ
ทัชแพดมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ใช้เป็นแบบไม่มีปุ่มแยกออกมาเช่นเดียวกับ Ultrabook หลายๆ รุ่น การใช้งานจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ตัวซอฟต์แวร์ควบคุมก็ช่วยจัดการได้ดี โดยมีการจับความเคลื่อนไหวว่าผู้ใช้กำลังพิมพ์ข้อความอยู่หรือไม่ ซึ่งจะช่วยให้เคอร์เซอร์ไม่เลื่อนไปจากตำแหน่งเก่า ถ้าผู้ใช้เผลอนำมือไปโดนทัชแพดเข้า
Screen / Speaker
หน้าจอของ ASUS ZenBook UX330UA นอกเหนือจากเรื่องความบางเฉียบแล้ว จุดเด่นที่สุดที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ASUS เลือกใส่มาให้เป็นความละเอียดสูงระดับ Full HD ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญยังเป็นพาเนลแบบ IPS ที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ส่งผลให้มีสีสันสวยสมจริง คมชัดในทุกมุมมอง แถมยังเรียบเนียนตาแบบที่ Ultrabook ราคาใกล้เคียงกันไม่สามารถให้ได้ ซึ่งในการใช้งานก็เรียกได้ว่าประทับใจ จากประสิทธิภาพการแสดงผลที่เหนือชั้นกว่าพาเนล TN ทั่วไป รวมไปถึงความละเอียด Full HD ก็ให้ทั้งความเรียบเนียนตา และพื้นที่การใช้งานที่มากกว่า HD ปกติ ไม่ว่าจะทำงานหรือความบันเทิงก็ตอบโจทย์เป็นอย่างดี
ด้วยลำโพง Harman/Kardon และระบบเสียง ASUS SonicMaster ที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านซ้ายขวาขอบตัวเครื่อง ในเรื่องของความดังของเสียงเรียกว่าทำออกมาได้ในระดับที่สอบผ่าน แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป คุณภาพเสียงที่ได้นั้น ก็ถือว่าดีเพียงพอแบบสบายๆ แล้ว ส่วนใครจะเอาไปต่อกับหูฟังหรือลำโพงเพิ่ม ก็สามารถทำได้หากว่าต้องการคุณภาพเสียงที่ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
Connector / Thin And Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อของ ASUS ZenBook UX330UA นั้นถือว่าครบถ้วนตามสไตล์ Ultrabook ออกแบบให้พกพาได้สะดวก แต่ก็ยังให้ช่องต่อได้ครบครัน ตั้งแต่ USB 3.0 จำนวน 1 พอร์ต อีกทั้งยังมี USB 3.1 Type-C หนึ่งพอร์ต ที่สามารถรองรับอุปกรณ์ได้หลากหลาย พร้อมกับ mini HDMI แบบเต็มสามารถต่อกับโทรทัศน์ได้ นอกจากนี้มีช่องเสียบ SD Card ตามมาตรฐาน รวมถึงช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรก็ยังมีอยู่
เนื่องจากขนาดเครื่องมีหน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว ที่บางเฉียบ และเน้นความเป็น Ultrabook และเน้นเรื่องความหรูหรากับน้ำหนักเพียง 1.35 กิโลกรัม แล้วถ้ารวมกับอุปกรณ์พกพาเช่นที่ชาร์จต่างๆ จะได้น้ำหนัก 1.2 กิโลกรัม ถือว่าให้ความสะดวกสบายทำให้พกพาไปใช้งานทั้งร้านกาแฟ หรือ ไปต่างประเทศได้เช่นกัน
Performance / Software
ASUS ZenBook UX330UA เครื่องรีวิวนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-6200U ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.30 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 2.80 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ เรื่องประหยัดพลังงานนั้นไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR3L ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้แบบสบายๆ
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 520 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3 มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน ที่โดยรวมแล้วให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า Intel HD Graphics 5200 รุ่นก่อนหน้าแน่นอน เพราะอย่างน้อยๆ ก็รองรับการทำงานกับหน้าจอความละเอียดสูงได้แบบไม่มีปัญหา
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังชิปประมวลผล คะแนนก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เปรียบเทียบกับชิปประมวลผลที่เป็นรหัส U รุ่นก่อนหน้าแล้ว ก็ทำได้ดีกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงตัวกราฟิกการ์ดเองก็มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เรียกได้ว่าตอบโจทย์ในส่วนของงานประมวลผลหนักๆ ได้อย่างสบายๆ ไม่น่าเป็นห่วงนัก
ตัวเก็บข้อมูลของเครื่องที่เลือกใช้ SSD ก็ทำคะแนนออกมาได้อย่างรวดเร็วเป็นที่น่าพอใจบนขนาดความจุ 256GB โดยเป็นของแบรนด์ชั้นนำอย่าง SanDisk กับความเร็วระดับ Read: 478.06 MB/s – Write: 312.21 MB/s ยิ่งเมื่อนำไปใช้เทียบกับฮาร์ดไดร์ฟแบบจานหมุนหรือแบบลูกผสมอย่าง SSHD แล้วละก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพทั้งในด้านการทดสอบและในด้านการใช้งานจริงที่แตกต่างกันอย่างเห็นเห็นได้ชัด
สำหรับ Street Fighter 4 ที่ตั้งค่าเป็น Default บนความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล ผลคะแนนก็ได้มากกว่า Ultrabook รุ่นก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยได้คะแนนอยู่ที่ 13315 คะแนนด้วยกัน มีค่าเฟรมเรทเฉลี่ยอยู่ที่ 100.61 FPS ด้วยกัน ทำให้ได้ระดับ Rank A ทีเดียว ซึ่งสำหรับเกมที่ไม่ได้กินทรัพยากรมากมายอะไร ถือได้ว่าพอจะเล่นได้แบบสบายๆ Acer Aspire S5 เครื่องนี้ก็พร้อมตอบสนองความสุขของทุกคนได้เป็นอย่างดี
อีกเกมหนึ่งที่โดยส่วนตัวเล่นเป็นประจำอย่าง DOTA 2 ก็จัดการทดสอบให้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งนี้การตั้งค่าความละเอียดของภาพก็อยู่ที่ 1920 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่จะสามารถเล่นให้ลื่นได้ สำหรับรายละเอียดภาพอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าปิดทุกอัน ผลที่ได้ออกมาก็คือสามารถเรนเดอร์ได้อย่างไหลลื่น ระดับเฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 60+ แม้กระทั่งฉากตะลุมบอนกันก็สบายๆ สรุปโดยรวมแล้วคือเล่นได้สบายๆ ซึ่งในการทดลองเล่นเกม DOTA 2 ทำได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งจากความลื่นไหลและหน้าจอที่สวยงามสมจริง
Battery / Heat / Noise
แบตเตอรี่ของ ASUS ZenBook UX330UA เป็นแบตเตอรี่ที่ฝั่งกับในเครื่อง และไม่สามารถถอดเปลี่ยนเองได้ จึงไม่สามารถหาแบตเตอรี่สำรองมาเปลี่ยนเมื่อแบตเตอรี่จะหมดลงได้ ทำให้จะต้องชาร์จแบตเตอรี่เท่านั้นเมื่อเมื่อหลังงานเหลือน้อยลง แต่ก็เป้นตามสมัยนิยมเพราะทำให้ออกแบบตัวเครื่องได้เล็กและบางลง ซึ่งจากการทดสอบสามารถอยู่ได้นานกว่า 10 ชั่วโมงอย่างสบาย เหมาะกับการใช้งานระยะยาวทั้งการดูหนัง, ฟังเพลง, หรือจะทำงานรวมทั้ง Present งานเป็นต้น อย่างไรก็ตามถ้าใช้งานหนักๆ ก็อาจจะลดหลั่นลงมาอีกระดับนึง
ส่วนเรื่องการระบายความร้อนระหว่างสภาพการทำงานของเครื่อง ทั้งการรีดประสิทธิภาพสูงสุด ไปจนถึงการทำงานสุดขีด ตัวเครื่องจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 71 องศาเซลเซียส และเย็นที่สุดอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส ถือว่าค่อนข้างระบายความร้อนได้ดี แต่ตัวเครื่องก็ร้อนซักหน่อยเวลาใช้งาน 100% อาจจะเป็นเพราะการที่ใช้โลหะเลยทำให้การอมความร้อนระหว่างการทดสอบนั้นมีมากขึ้น และรวมถึงการระบายอากาศนั้นมีเพียงด้านล่างทำให้การระบายความร้อนได้ช้า แต่จากที่ผู้เขียนได้ลองใช้งานจริง ๆ แล้วพบว่า ความร้อนไม่ได้สูงมากนัก ถ้าใช้งานในห้องแอร์ก็ถือว่าระบายอากาศได้ดี
ส่วนเรื่องเสียงรบกวนจากระบบระบายอากาศนั้น พอให้ได้ยินบ้าง แต่ถือว่าเบาอยู่เมื่อเทียบกับ Ultrabook โดยปกติ โดยความร้อนทั้งหมดจะระบายไปทางด้านหน้าของเครื่อง ซึ่งเป็นที่อยู่ของแกนพับของเครื่อง และด้านล่างของเครื่อง ทำให้พัดลมไม่ต้องทำงานหนักมากนัก ส่งผลให้เสียงที่ออกมานั้นน้อยลง แต่ถ้าได้ช่องระบายความร้อนที่มากกว่านี้จะทำให้เครื่องเงียบกว่านี้ เพราะความเย็นจะเข้าไปช่วยระบายอากาศได้เร็วขึ้น
Conclusion / Award
ประสบการณ์ใช้งานที่ได้จาก ASUS ZenBook UX330UA เครื่องนี้ทำออกมาได้ประทับใจดี ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่หรูหราสวยงามและโดดเด่น เหมาะที่จะนำไปใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยมีให้เลือกทั้งตัวเครื่องสีเทาและสีทอง และยังให้สเปกที่ดีอีกด้วย อีกทั้งงานประกอบก็มีความแน่นหนาจากการมใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างอลูมิเนียม โดยมีความบางเพียง 13.5 มิลลิเมตร และมีความเบาเพียง 1.2 กิโลกรัมเท่านั้น
ชิปประมวลผลจาก Intel Core i5 สถาปัตยกรรม Skylake การเข้าถึงข้อมูลได้ไวด้วยฮาร์ดดิสก์แบบ SSD และระบบเสียงของ Sonic Master ที่ปรับแต่งมาดีและเป็นจอด้านความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซลที่ให้ความคมชัด และเป็นพาเนลแบบ IPS ที่ให้สีสันสมจริง อีกทั้งยังได้ให้คีย์บอร์ดที่มีคุณสมบัติไฟ Backlit มาให้เพื่อความสะดวกในการใช้งานในที่แสงน้อยด้วย รวมถึงตัว ASUS ZenBook UX330UA ยังได้ติดตั้งพอร์ตการใช้งานครบครัน ซึ่งก็ USB 3.1 Type-C อยู่ด้วย
ส่งผลให้ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับบางท่านที่ต้องเน้นในเรื่องของการพกพาไปใช้งานนนอกสถานที่เป็นหลัก รวมไปถึงต้องการใช้งาน Windows 10 ได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถึงแม้ว่าในเรื่องของการทำงานกราฟิกหนักๆ อาจจะไม่รองรับมากนัก นั่นก็เป็นเพราะ ASUS ZenBook UX330UA ให้ความสำคัญในเรื่องของระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่และการพกพาที่สะดวกสบายมากกว่า แต่ถ้าใครมีต้องกสนประมวลผลหนักหน่อยล่ะก็ สามารถลองดูเป็น ASUS ZenBook UX310UQ ได้เพราะรุ่นนั้นติดตั้งการ์ดจอแยกมาไว้ด้วย
สนนราคา ASUS ZenBook UX330UA เริ่มต้นที่ 34,900 บาทสำหรับรุ่นชิปประมวลผล Core i5 และ 43,900 บาทสำหรับชิปประมวลผล Core i7 ซึ่งหลายคนอาจจะเห็นว่ามีราคาสูง ถ้าเทียบกับโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่ถ้าเทียบจริงๆ แล้วเรื่องความเบาความบางเพื่อการใช้งานพกพา รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่ยาวนานแล้วล่ะก็ ASUS ZenBook UX330UA กินขาดแน่นอนครับ
จุดเด่น
- มีดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์และมีความหรูหรา
- วัสดุทำจากอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรง งานประกอบดูแน่นหนา
- น้ำหนักเบาพกพาสะดวกเหมาะสำหรับคนที่ชอบนำไปใช้งานนอกสถานที่บ่อยๆ
- หน้าจอใช้พาเนลคุณภาพสูง IPS แบบ Full HD ให้ภาพที่คมชัดสีสันสดใส
- Backlit Keyboard ที่ใช้งานได้อย่างเป็นอย่างดีในที่ที่แสงน้อย
- ชิปประมวลผลให้ประสิทธิภาพการทำงานที่พอตัว
- ฮาร์ดดิสก์ SSD มีความรวดเร็วในการใช้งานมาก
- ติดตั้ง USB 3.1 Type-C กับพอร์ตมาตรฐานใหม่
- ติดตั้ง Windows 10 ลิขสิทธิ์ พร้อมใช้งานทันที
- แบตเตอรี่อยู่ได้นานสามารถใช้งานติดต่อกันได้ถึง 10 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- ไม่สามารถอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มเติมได้ ตามสไตล์ Ultrabook
- แรมยังไม่เป็นมาตรฐาน DDR4
- Ultrabook บางแบรนด์ในราคาเท่ากันให้หน้าจอที่ดีกว่า
Award
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ ASUS ZenBook UX330UA ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ด้วยการที่ตัวเครื่องมีความบางและน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ ที่เชื่อได้เลยว่าทาง ASUS ได้ใส่ใจในส่วนของรายละเอียดนี้เป็นอย่างมาก ประกอบกับวัสดุหลักในการผลิตยังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ให้ในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน และยังบ่องบอกได้ถึงความสวยงามหรูหราอีกด้วย ฉะนั้นในเรื่องของรางวัล Best Design ทำให้ได้ไปแบบไม่ต้องสงสัย
สำหรับ ASUS ZenBook UX330UA ที่มีความบางเพียง 13.5 มิลลิเมตร และมีความหนักเพียง 1.2 กิโลกรัม นั้น จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คที่มีน้ำหนักเบามากๆ เรียกได้ว่าเบาที่สุดรุ่นหนึ่งของ Ultrabook ในโลกเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าจะไม่เป็นภาระในการนำออกไปใช้งานนอกสถานที่ และความบางของตัวเครื่องก็ยังมีความบางเฉียบ เหนือกว่า Ultrabook ในกลุ่มขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วด้วยกันในหลายๆ ตัว และสำหรับระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ก็ถือได้ว่ามีความน่าประทับใจ จึงได้คะแนนในส่วนนี้ไปไม่ยากนัก
Best Ultrabook
และด้วยข้อดีข้อเด่นทั้งหมดทั้งมวลนี้ ASUS ZenBook UX330UA ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอด Ultrabook ของปี 2016 นี้ ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ประสิทธิภาพ รวมไปถึงราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ที่หา Ultrabook เครื่องอื่นๆ มาเทียบไม่ได้ (แม้กระทั่ง MacBook Air ยังเป็นรอง) ประกอบกับคุณสมบัติในการตอบสนองการทำงานที่ครบถ้วน เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรนักที่ ASUS ZenBook UX330UA จะได้รับ Award ประเภท Best Ultrabook ไปครับ