การที่เราจะเลือกสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ตหรืออุปกรณ์โมบายในทุกวันนี้ หลายคนคงไม่ได้เลือกเพราะรูปลักษณ์ที่สวยหรือหน่วยประมวลผลที่แรงเพียงอย่างเดียวต่อไปแล้ว แต่น่าจะมองถึงความสามารถในการทำงานด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลายมากขึ้น และแน่นอนว่าต้องเหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันอยู่ด้วย
Phablet เองถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ระหว่าง แท็ปเล็ตที่มีหน้าจอขนาดใหญ่และสมาร์ทโฟนที่มีฟังก์ชั่นโทรออกได้ ซึ่งก็เป็นไอเดียที่เป็นจุดกำเนิดของ Phablet จากทาง HP Elite x3 ที่มีการเปิดตัวในงาน MWC 2016 ที่ผ่านมา ด้วยฟังก์ชั่นที่เรียกว่าตอบรับการทำงานของผู้ใช้ในกลุ่มธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการฟังก์ชั่นที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนปกติหรือเพาเวอร์ยูสเซอร์ ซึ่งล่าสุดได้ประกาศราคาขายในไทยแล้ว โดยอยู่ที่ 29,990 บาท พร้อมชุดบันเดิล HP Desk Dock เคสซิลิโคน ได้ประกัน On-site 1 ปี ขายช่วงปลายตุลาคมนี้
โดยที่ HP Elite x3 มีสีตัวเครื่องแบบ HP Graphite (สีถ่านดำแบบ HP) วัสดุคุณภาพสูง มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Wondows 10 mobile พร้อมแรม 4GB หน่วยประมวลผล Qualcpmm Snapdragon 820 ล่าสุด แสดงผลบนหน้าจอขนาด 5.96 นิ้ว ในแบบ QHD AMOLED ให้ความละเอียดที่เรียกว่าคมชัดสุดๆ โดยมี Storage สำหรับจัดเก็บข้อมูล 64GB และกล้องหน้าหลัง 8 ล้านและ 16 ล้านพิกเซลตามลำดับ ซึ่งเป็นสเปกที่ตอบโจทย์การใช้งาน Phablet อย่างชัดเจน
สำหรับสเปคของ HP Elite x3 มีดังต่อไปนี้
- ระบบปฎิบัติการ Windows 10 Mobile
- ชิปหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 820 (2.15 GHz ที่แกนการประมวลผลแบบ 4 แกน)
- ชิปเซ็ท Qualcomm MSM8996
- หน่วยความจำ(RAM) 4 GB แบบ LPDDR4 SDRAM Dual channel x32 PoP 32Gbit
- แหล่งเก็บข้อมูลภายในแบบ eMMC 5.1 ความจุ 64 GB รองรับการเพิ่มแหล่งเก็บข้อมูลผ่านทาง microSD Card สูงสุดถึง 2 TB
- หน้าจอขนาด 5.96 นิ้วใช้ panel แบบ AMOLED multi-touch display รองรับความละเอียดที่ระดับ WQHD (2560×1440 pixels) มาพร้อมกับกระจกกันรอยหน้าจอ Corning Gorilla Glass 4 พร้อมกับเทคโนโลยี Anti-reflective coating ที่เป็นการเคลือบสารป้องกันการสะท้อนแสง
- ชิปกราฟิด Qualcomm Adreno 530 GPU
- มาพร้อมกับระบบเสียงแบบลำโพง 2 ตัวให้เสียงแบบ Stereo (แต่ว่าตัวลำโพงดันวางติดกันอยู่ทางด้านล่างของตัวสมาร์ทโฟนดังรูปโดยมีไมค์โครโฟน หนึ่งตัวกั้นเอาไว้)
- omni-directional microphones จำนวน 3 ตัว ซึ่งมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ HP Noise Cancellation Software(ซอฟต์แวร์ลดเสียงรบกวนขณะทำการคุยโทรศัพท์)
- ระบบเสียง Snapdragon Audio และได้รับมาตรฐานระบบเสียงจาก B&O PLAY
- การเชื่อมต่อแบบไร้สายประกอบไปด้วย 802.11a/b/g/n/ac (2×2) WiFi, Bluetooth 4.0 LE combo (Miracast supported), NFC, WWAN:2G/3G/4G,LTE-A with carrier aggregation 4,5,6,13
- ช่องเชื่อมต่อประกอบไปด้วย 3.5 mm 3 และ 4 pole headphone jack, USB 3.0 Type-C connector จำนวน 1 พอร์ท, Dual nanoSIM หรือ nanoSIM + microSD card via 3-in-2 card tray, Pogo pins
- กล้องหลังความละเอียด 16 MP พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.0 FHD
- กล้องหน้าความละเอียด 8 MP FHD พร้อมกับ Iris camera(กล้องสำหรับอ่านม่านตา)
- ซอฟต์แวร์ที่แถมมาให้ฟรีประกอบไปด้วย HP Workspace, HP Device Hub, HP Registration and device onboarding, Adobe PDF Reader
- การรักษาความปลอดภัยประกอบไปด้วยการรักษาความปลอดภัยผ่านระบบชีวะภาพถึง 2 ระบบคือการสแกนม่านตาและสแกนลายนิ้วมือ, FIPS 140-2 cryptography, Qualcomm processor includes Secure Boot, 128-bitkey Unified Image Encryption, 256-bitkey Full Disk Encryption, Anti roll back , fTPM2.0security; Windows 10 includes 128 key Bitlocker encryption, Enterprise grade VPN
- ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 83.5 x7.8 x 161.8 mm
- น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 195 g
- แบตเตอรี่ความจุ 4,150 mAh แบบ Li-ion polymer เป็นแบบ Non-removable 3.85V battery pack
- รองรับการชาร์จแบบไร้สายทั้งมาตรฐาน Qi และ PMA
- เซ็นเซอร์บนตัวเครื่องประกอบไปด้วย Ambient light sensor + proximity combo, Accelerometer+gyro, eCompass, Pressure, Hall effect, NFC, GPS
- รองรับการกันฝุ่นและน้ำตามมาตรฐาน IP67 พร้อมทั้งผ่านการทดสอบทางด้านการใช้งานในสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน MIL-STD-810-G แล้ว ทำให้ตัวเครื่องมีความทนทานแข็งแรงปลอดภัยสูงถึงแม้จะหล่นจากที่สูงกว่า 4 ฟุต(120 cm) ก็ตาม
HP ยังได้ทำการเปิดตัวอุปกรณ์เสริมสำหรับการใช้งานร่วมกับ HP Elite x3 ออกมาด้วยถึง 2 ตัวด้วยกันคือ HP Desk Dock และ HP Mobile Extender ซึ่งอุปกรณ์ทั้ง 2 ตัวนั้นจะใช้ฟีเจอร์ Continuum แบบเต็มที่แต่มีลักษณะการทำงานแตกต่างกันไป ซึ่งฟีเจอร์นี้เองจะทำให้แปลงร่าง HP Elite x3 มาเป็นพีซีหรือโน๊ตบุ๊คได้นี่เอง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
HP Desk Dock
เริ่มต้นกับ HP Desk Dock ซึ่งหากจะว่าไปแล้วก็เหมือนกันกับ Continuum display dock ของทาง Microsoft เองหล่ะครับ(ซึ่ง Continuum display dock ของทาง Microsoft นั้นสามารถใช้งานร่วมกับ HP Elite x3 ได้ด้วยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน) โดยส่วนหลักๆ แล้วนั้นฟีเจอร์การใช้งานก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไรนัก จะต่างกันก็ตรงที่ HP Desk Dock นั้นได้เพิ่มในส่วนของช่องเชื่อมต่อ Kensington Security Slot(หรือ Kensington Lock) มาให้ในตัวพร้อมกับมีช่องเชื่อมต่อแบบ Ethernet มาให้ด้วยครับ
ด้วยความที่ใช้ฟีเจอร์ Continuum ของ Windows 10 Mobile ดังนั้นมันจึงมีข้อเสียสำคัญอยู่ซึ่งนั่นก็คือมันไม่สามารถที่จะทำการรันซอฟต์แวร์แท้ๆ ของ Windows 10 ได้ครับ(Desktop Apps) ที่รันได้นั้นจะเป็นแอปพลิเคชันที่โหลดผ่าน Windows Store หรือที่เรียกว่า Universal Apps อย่างไรก็ตามทาง HP ได้อุดจุดด้อยดังกล่าวนี้ไว้ด้วยการให้ซอฟต์แวร์ HP onboard software and external cloud solution ที่สามารถทำการรันซอฟต์แวร์ธรรมดาในรูปแบบเสมือนจริงได้(จำลอง: virtualized) เลยทำให้ HP Elite x3 พร้อมกับ HP Desk Dock ดูน่าใช้กว่า Lumia และ Dock ของทาง Microsoft เยอะครับ
ถ้าไม่คิดมากในส่วนของการต้องแบก Dock ขนาด 450 กรัม แล้วรวมกับคีย์บอร์ดและเมาส์ขนาดเบาๆ ที่น้ำหนักรวมกันน่าจะไม่เกิน 250 กรัม รวมด้วยน้ำหนักตัวของ HP Elite x3 อีก 200 กรัม เป็น 900 กรัม กับการได้เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาที่จำเป็นจะต้องใช้แค่จอสำหรับต่อเพื่อทำจอใหญ่แล้วเจ้า HP Desk Dock นั้นถือว่าน่าใช้งานมากเลยทีเดียวครับ แต่ครับแต่ ถ้าคุณคิดว่า HP Desk Dock ยังไม่สะดวกพอรอดูอุปกรณ์เสริมชิ้นต่อไปที่ (ส่วนตัวผมแล้วคิดว่า) น่าจับจองเป็นเจ้าของร่วมกับ HP Elite x3 เป็นอย่างมากครับ
HP Lab Dock
สำหรับอุปกรณ์เสริมตัวต่อมาอย่าง HP Lab Dock นั้นมาในรูปแบบของโน๊ตบุ๊คเลยครับ ผ่านฟีเจอร์ Continuum ของ Windows 10 Mobile แต่คราวนี้นั้นคุณไม่ต้องไปหาหน้าจอสำหรับการเชื่อมต่อ Dock แยกหรือพกอุปกรณ์หลายๆ ตัวไปพร้อมกับเหมือนตอนใช้ Dock เพราะ HP Lab Dock ครบเซ็ทมีทั้งหน้าจอสำหรับใช้งานที่ขนาด 12.5 นิ้วแบบ LED รองรับความละเอียดสูงสุดถึง 1080p (FHD) พร้อมกับคีย์บอร์ดและ Trackpad ในตัว ที่เหนือไปกว่านั้นก็คือมันยังมีแบตเตอรี่เสริมในตัวเองพร้อมพอร์ทเชื่อมต่อแยกและลำโพงต่างหากอีกด้วยครับ
เอาเป็นว่าหากคุณคิดภาพไม่ออกว่าเจ้า HP Lab Dock นั้นคืออะไร ให้คิดซะว่ามันคือโน๊ตบุ๊คที่มีแต่จอ, ลำโพง, พอร์ทเชื่อมต่อบางพอร์ท, แบตเตอรี่ในตัว, คียบอร์ดและ Trackpad เท่านั้น เจ้า HP Mobile Extender ขาดหน่วยประมวลผล, หน่วยความจำ, แหล่งเก็บข้อมูล ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้เราจะต้องใช้ฟีเจอร์ Continuum ของ Windows 10 Mobile ที่อยู่บน HP Elite x3 มาร่วมใช้งานด้วยกันเพื่อให้มันกลายเป็นโน๊ตบุ๊คที่สมบูรณ์แบบนั่นเองครับ
ข้อเสียของ HP Lab Dock นั้นยังคงเหมือนกับ HP Desk Dock ตรงที่มันไม่ใช้งานรันซอฟต์แวร์แท้ๆ ของ Windows 10(Desktop Apps) ได้โดยตรงครับ แต่ตรงนี้ทาง HP ก็ได้อุดช่องว่างด้วยการให้ซอฟต์แวร์ HP onboard software and external cloud solution ที่สามารถทำการรันซอฟต์แวร์ธรรมดาในรูปแบบเสมือนจริงได้(จำลอง: virtualized) มาด้วยแล้วทำให้ปัญหาดังกล่าวน่าจะหมดห่วงไป เรียกได้ว่า HP Lab Dock + HP Elite x3 นั้นคือการรวมตัวของการเคลื่อนที่ที่ทันใจคนสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวจริงๆ ครับ
สรุป
HP Elite X3 อุปกรณ์รวมสามพลังในหนึ่งเดียว หรือ 3-in-1 ที่ไม่เหมือนใคร เพราะผสานสามประสิทธิภาพและพลังของ เดสก์ท็อป, แท็ปเล็ต และสมาร์ทโฟน เข้าไว้ในหนึ่งเดียว เรียกได้ว่า HP Elite X3 คืออุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงแอปและข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการได้อย่างสะดวกง่ายดาย เพราะเป็นอุปกรณ์ 3-in-1 ที่ถูกออกแบบให้เหมาะกับนักบริหาร หรือลักษณะงานที่ต้องการความคล่องตัวสูง เช่น ห้องทดลองทางการแพทย์ งานวิศวกรรม งานโลจิสติกส์ ฯลฯ
นอกจากนี้ HP Elite X3 สามารถเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานจากมือถือให้เป็นแบบตั้งโต๊ะ พร้อมจอแสดงผลภายนอก แป้นพิมพ์ และเมาส์ได้อย่างง่ายดาย เพียงใช้ ร่วมกับ Lab Dock หรือแอปพลิเคชันเทคโนโลยีการจำลองเสมือนที่ออฟฟิศของคุณใช้อยู่ ด้วยสไตล์และฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงประสิทธิภาพสูงสุดจาก HP Elite X3 รับรองว่าต้องโดนใจผู้บริหารและชาวไอทีกันถ้วนหน้า
