หลังจากที่มีการเปิดตัว Apple Watch 2 ออกมาพร้อมกับการกำหนดตลาดที่ชัดเจนขึ้นของ Apple ว่าจะส่ง Apple Watch 2 นั้นมาสู่ตลาดของสมาร์ทวอทช์อย่างแท้จริงไม่กำหนดให้อยู่ในตลาดหรูอีกต่อไป(โดยดูได้จากรุ่น Apple Watch Edition ที่มีราคาแพงสุดได้เปลี่ยนจากทองคำ 18 กะรัติสุดแพงเป็นเหล็กกล้าแทน) ทำให้เราน่าจะได้เห็นสมาร์ทวอทช์ที่เคยอยู่ในตลาดสมาร์ทวอทช์จริงๆ มาก่อนจากผู้ผลิตทางด้านเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นโดยหนึ่งในนั้นก็คือ Samsung Gear S3 ที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ครับ
Samsung Gear S3 Frontier
เมื่อพูดถึง Gear S3 แล้วนั้นสิ่งหนึ่งที่ทาง Samsung น่าจะปรับขนานใหญ่เลยเพื่อรักษาตลาดและสู้กับ Apple Watch 2 ก็คือเรื่องของฟีเจอร์ที่จะรองรับรวมไปถึงราคาเริ่มต้นที่น่าจะใกล้ๆ กันคืออยู่ที่ราวๆ $250 หรือประมาณ 9,000 บาทขึ้นไปแล้วแต่รุ่นซึ่งตามข้อมูลที่เผยออกมานั้นคือ Samsung Gear S3 Frontier ซึ่งจะเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับวัสดุเป็นยาวที่ได้รับดีไซน์ออกมาเพื่อกันน้ำโดยตรงสำหรับผู้ใช้ที่ชื่นชอบกิจกรรมนอดสถานที่ รองรับสัญญาณ 4G LTE พร้อมหน้าจอที่แสดงผลได้ตลอดเวลา(Always-on display) และแบตเตอรี่สุดแกร่งครับ
Samsung Gear S3 Classic
สำหรับอีกรุ่นหนึ่งอย่าง Samsung Gear S3 Classic นั้นจะเน้นผู้ใช้ทั่วทั่วไปมากกว่าด้วยหน้าจอแสดงผลตลอดเวลาแบบขยับได้และใหญ่กว่ารุ่น Gear S3 Frontier มาพร้อมกับฟีเจอร์ต่างๆ มากมาย(จะขาดไปก็คือสเปคที่ต่ำกว่ารุ่น Gear S3 Frontier และไม่รองรับสัณญาณ 4G LTE ครับ) พร้อมด้วยแบตเตอรี่ที่ทาง Samsung บอกว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง โดยทั้งรุ่น Gear S3 Frontier และ Classic นั้นจะยังคงใช้ระบบปฎิบัติการ Tizen ของทาง Samsung เองซึ่งได้พิสูจน์ตัวเองมาแล้วใน Gear S2 ครับว่ามันใช้งานได้ดีเลยทีเดียว
จุดเด่นของ Gear S3 ครั้งนี้น่าจะอยู่ที่รุ่น Frontier ซึ่งมาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE ซึ่ง Apple Watch 2 ของทาง Apple นั้นไม่มีความสามารถนี้ครับ อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ Gear S3 ทั้ง 2 รุ่นนั้นน่าสนใจก็คือทั้ง 2 รุ่นนั้นต่างก็มีรูปร่างที่โดดเด่นดูแล้วสวยงาม มีความสมดุลทั้งในเรื่องของขนาดและน้ำหนักอย่างดีผสมผสานกับความรู้สึกที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกหรูหราเมื่อใช้งานดังนั้นแล้ว Gear S3 ทั้ง 2 รุ่นนั้นถือว่า Samsung ทำการบ้านมาอย่างดีครับ
Samsung Gear S2 และ Samsung Gear S3 Classic
Gear S3 ทั้งคู่นั้นมาพร้อมกับสเปคที่บอกได้คำเดียวครับว่าอยู่ในระดับบนจริงๆ อย่างไรก็ตามแต่แล้ว Gear S3 ทั้งคู่นั้นก็ยังคงมีข้อตำหนิอยู่บ้างซึ่งถ้าเป็นไปได้แล้วหาก Samsung จัดการออกมาตามนี้อาจจะทำให้ Gear S3 ทำตลาดได้มากขึ้นครับ
- การที่ใส่ GPS เข้ามาในเครื่องในรุ่นระดับราคาเริ่มต้น
- ปล่อยรุ่นที่มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ Android Wear 2.0 ซึ่งผู้ใช้ Android หลายๆ คนน่าจะอยากได้มากกว่าระบบปฎิบัติการ Tizen
- รองรับการใช้งานกับ iOS ทุกรุ่นเหมือน Android Wear
- มีตัวเลือกสายรัดข้อมือให้เลือกใช้มากขึ้น
- ฃิปเซ็ทที่มีพลังในการประมวลผลที่มากกว่าเดิม(อย่างเช่น Snapdragon Wear 2100 ที่เป็นชิปเซ็ทมาตรฐานของสมาร์ทวอทช์ Android Wear ในช่วงครึ่งปีหลังนี้)
อย่างไรก็ดีครับในหลายๆ ข้อที่ Gear S3 น่าจะมีนั้นอาจจะไม่ทันในรุ่น Gear S3 แล้วเนื่องจากว่าตามกำหนดการของทาง Samsung นั้น Gear S3 ทั้ง 2 รุ่นจะเริ่มต้นวางจำหน่ายในช่วงหลังจากนี้อีกไม่นานมากแล้ว กระนั้นถ้าเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Gear S2 มันก็ดูดีกว่าและเจ๋งกว่าอยู่ดี ที่เหลือก็ต้องรอดูกันแล้วหล่ะครับว่ามันจะสามารถที่จะทำการสู้กับ Apple Watch 2 ได้สมน้ำสมเนื้อหรือไม่
ที่มา : techradar 1, 2, 3