คงต้องยอมรับจริงๆ หล่ะครับว่าไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทวอทช์หรือนาฬิกาข้อมือหรูนั้นไม่ใช่ของสำหรับที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ ด้วยราคาค่าตัวที่แพงในระดับที่จะมีเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้นที่สามารถจะซื้อได้ทำให้ในปัจจุบันนั้นบริษัทผู้ผลิตทั้งสมาร์ทวอทช์หรือนาฬิกาข้อมือหรูนั้นเริ่มที่จะเปลี่ยนแนวทางของตัวเองมาเจาะตลาดผู้ใช้ระดับกลางและผู้ใช้ระดับทั่วไปกันมากขึ้น
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็หนีไม่พ้น Apple กับ Apple Watch Edition ที่ในรุ่นเดิมนั้น Apple Watch Edition คือสมาร์ทวอทช์สุดหรูที่มาพร้อมกับวัสดุเป็นทอง 18 กะรัต สนนราคามีตั้งแต่ $10,000 – $17,000 หรือประมาณ 360,000 – 612,000 บาทเลยทีเดียว
ในงานเปิดตัว iPhone 7 ที่ผ่านมานั้นในส่วนของ Apple Watch นั้นก็เป็นไปตามข่าวลือครับเพราะว่าทาง Apple ได้มีการเปิดตัว Apple Watch รุ่นใหม่ออกมาด้วยเหมือนกัน แต่ว่าสิ่งที่หนึ่งที่เกิดขึ้นในการเปิดตัวนั้นอาจจะไม่ถูกใจผู้ชอบความหรูและมีเงินเป็นถุงเป็นถังสักเท่าไรเนื่องจากว่า Apple Watch Edition ที่ทาง Apple เปิดตัวออกมาใหม่นั้นกลายเป็นเวอร์ชันที่ใช้วัสดุเป็นเซรามิคแถมหลังจากงานเปิดตัวนั้นบนเว็บไซต์ Apple ก็ได้จัดการเปลี่ยนรุ่นของ Apple Watch Edition เป็นรุ่นเซรามิคที่มีราคาถูกกว่ารุ่นทองไปแล้วนั่นหมายความว่า Apple Watch Edition รุ่นทองคำ 18 กะรัตนั้นจะไม่มีจำหน่ายอีกต่อไปแล้วหล่ะครับ(ราคาของรุ่นเซรามิคก็คิดเป็นแค่ 1 ใน 10 ของรุ่นทองคำหรือเหลือแค่เพียง 36,000 – 61,200 บาทเท่านั้นครับ)
Apple Watch Edition เวอร์ชันเซรามิค
จริงๆ จะว่าไปแล้วการที่บริษัทผู้ผลิตนาฬิกาข้อมือหรูสามารถอยู่ได้มาเป็นร้อยๆ ปีนั้นเหตุผลก็เนื่องมาจากหลายประการ แต่ส่วนใหญ่แล้วนั้นนาฬิกาหรูมักจะขายได้กับผู้ที่ต้องใช้ภาพลักษณ์เป็นหลักในการทำงานอย่างเช่นไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารของบริษัท, CEO ฯลฯ ซึ่งผู้คนเหล่านี้นี่แหละครับที่ทำให้ตลาดนาฬิกาหรูยังคงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะนาฬิกาหรูนั้นเปรียบเสมือนเป็นอุปกรณ์สำหรับแสดงตัวตนของพวกเขาหล่ะครับ(ซึ่งจะว่าไปก็มากกว่ามือถือด้วยซ้ำเพราะว่าปกติเวลาพบปะผู้คนหรือทีการประชุมพวกเขาเหล่านี้คงไม่หยิบสมาร์ทโฟนมาวางโชว์หรื่อเอามาใช้งานแน่นอนครับ)
แต่กับ Apple นั้น จากการเปิดตัว Apple Watch รุ่นใหม่ทำให้เห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียวครับว่าทาง Apple เปลี่ยนจุดสนใจของ Apple Watch ออกจากตลาดสมาร์ทวอทช์หรูไปเรียบร้อยแล้ว จะเห็นได้ว่า Apple น่าจะพุ่งเป้า Apple Watch มาที่ตลาดระดับกลางถึงล่างและตลาดสำหรับผู้ใช้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายมากกว่า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ Apple Watch Nike edition ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์สำหรับผู้ที่ชื่อนชอบการออกกำลังกายโดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการกันน้ำ, การเพิ่มชิป GPS เพื่อใช้สำหรับการวิ่งและการปีนเขาโดยเฉพาะเป็นต้นครับ
นี่ยังไม่รวมไปถึงการอัพเดทฟีเจอร์ทางด้านการสุขภาพที่ถูกอัพเดทให้สามารถใช้งานได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถามว่าผู้ที่มี Apple Watch รุ่นเก่า(ที่มีอายุ 2 ปีได้แล้ว) จะเปลี่ยนมาใช้ Apple Watch รุ่นใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไหม อันนี้ตอบได้ยากมากครับเพราะดีไซน์ของตัวเครื่องไม่ได้เปลี่ยนไปมาก แต่ก็นั่นแหละครับ Apple Watch รุ่นใหม่นั้นถือได้ว่าเป็นการนำจุดเด่นของสิ่งที่ Apple มีความสามารถในการทำออกมาจริงๆ แทนที่จะไปพยายามอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่คุ้น แถมรอบนี้นั้น Apple ไม่ต้องส่ง Apple Watch ไปให้เหล่าคนดังใส่เพื่อทำการโปรโมทให้แบบฟรีๆ อีกด้วยหล่ะครับ
หมายเหตุ – กลับกันแล้วมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้่นในสไลด์ตอนที่มีการเปิดตัว Apple Watch 2 หล่ะครับ โดยตามสไลด์นั้น Apple ได้ทำการเปรียบเทียบยอดจำหน่าย Apple Watch ของตัวเองกับนาฬิกาหรูทั้งนั้นซึ่งนั่นเป็นการเปรียบเทียบที่ทาง The Verge เห็นว่าเกินจริงไปหน่อยเหมือนกับเอายอดจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ GM ไปเปรียบกับ Aston Martin ยังไงยังงั้นเลยหล่ะครับ
ที่มา : theverge