ใกล้เข้ามาแล้วครับสำหรับการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในวันที่ 7 กันยายนที่จะถึงนี้ หากท่านได้ตามข่าวลือของ iPhone รุ่นใหม่มาโดยตลอดแล้วหลายๆ ท่านอาจจะเสียความรู้สึกอยู่บ้างที่ได้รับรู้ว่า iPhone รุ่นใหม่นั้นจะยังคงมีรูปลักษณ์ต่างจากเดิมไปไม่มากเท่าไรนัก
อย่างไรก็ตามแต่แล้วสิ่งหนึ่งที่เป็นข่าวมาโดยตลอดก็คือเรื่องของกล้องบน iPhone รุ่นใหม่โมเดลหนึ่ง(ซึ่งยังไม่น่าว่าจะเป็นตัว Plus หรือ Pro) ที่จากข่าวลือนั้นระบุเอาไว้ว่าจะมีการพัฒนาเป็นอย่างมากเลยทีเดียวทั้งเมื่อเทียบกับ iPhone เองและเทียบกับคู่แข็ง วันนี้เรามาดูบทวิเคราะห์กันดีกว่าครับว่ากล้องบน iPhone นั้นมีความเป็นมาอย่างไรและในรุ่นใหม่จะพัฒนาไปได้มากน้อยแค่ไหนครับ
สิ่งหนึ่งที่พอจะยืนยันในเรื่องของการเอาจริงเอาจังกับกล้องบน iPhone ของ Apple นั้นก็คือในช่วงปีก่อนที่ผ่านมานี้นั้นทาง Apple ได้เข้าซื้อบริษัทเทคโนโลยีการถ่ายรูปที่มีชื่อว่า LinX ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอิสราเอลไปด้วยจำนวนเงิน $20 million หรือประมาณ 72 ล้านบาท โดยหลังจากนั้นต่อมาไม่นานในช่วงไม่ถึงปีหลังจากเข้าซื้อบริษัทดังกล่าวทาง Apple ก็ได้ยื่นจดสิทธิบัตรกล้องคู่สำหรับผลิตภัณฑ์ของตัวเองไป โดยตามสิทธิบัตรนั้นระบบเอาไว้ครับว่าการใช้กล้องหลายตัวนั้นจะใช้สำหรับ optical zoom มากกว่าเรื่องอื่นๆ
สำหรับบริษัท LinX นั้นหลายๆ ท่านอาจจะไม่รู้จักและคิดว่าทำไม Apple ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ถึงได้เข้าซื้อบริษัทที่ไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงเช่นนี้ อย่างไรก็ตามแต่ในปี 2014 ที่ผ่านมานั้นทาง LinX เคยเปิดตัวเทคโนโลยีการใช้กล้องหลายตัวออกมาเอาไว้อย่างน่าสนใจโดยทางบริษัทได้โฆษณาเอาไว้ครับว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนี้จะช่วยให้กล้องแบบเดิมๆ ทำลายขีดจำกัดเดิม ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการถ่ายรูปให้กับผู้ใช้มือถือในการถ่ายรูป ที่สำคัญแล้วด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวผู้ใช้สามารถทิ้งกล้อง SLRs ทั้งหลายไว้กับบ้านแล้วพกแค่มือถือเครื่องเดียวก็เกินพอครับ
รูปภาพเปรียบเทียบกล้องของ iPhone 5 และ Galaxy S4 กับ LinX ที่ใช้กล้องความละเอียด 8 MP แบบคู่(ภาพปี 2014)
จริงๆ แล้วเรื่องสิทธิบัตรเกี่ยวกับกล้องนั้นทาง Apple เองก็ได้ยื่นจดไปมากเหมือนกันครับตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าซื้อ LinX ด้วยซ้ำไป อย่างไรก็ตามหลายๆ สิทธิบัตรเหล่านั้นไม่ได้เกิดมาเป็นผลิตภัณฑ์จริงๆ ที่ให้เราๆ ท่านๆ ได้ซื้อกันใช้งานครับ แต่หลังจากที่เข้าซื้อ LinX และยื่นจดสิทธิบัตรกล้องคู่ไปนั้น สิ่งที่ตามมาก็คือข่าวลือที่หนาหูจากหลายๆ สำนักว่าจะมี iPhone รุ่นใหม่ในปี 2016 นี้อย่างน้อยก็โมเดลหนึ่งที่ใช้กล้องคู่จากสิทธิบัตรนี้ซึ่งข่าวลือดังกล่าวนี้นั้นมาจากนักวิเคราะห์ฺชื่อดังหลายท่านรวมถึงสื่อที่ชื่อถือได้หลายสำนักทำให้เราพอจะลุ้นได้ครับว่า iPhone รุ่นใหม่น่าจะมากับกล้องคู่ดังเขาอ้างแน่ๆ
ความเดิมแต่ครั้งก่อน
เอาหล่ะครับในขณะที่เราคงต้องรอดูกันว่าวันที่ 7 กันยายนที่จะถึงนี้ Apple จะเปิดตัว iPhone รุ่นที่มาพร้อมกับกล้องแบบคู่หรือไม่เรามาดูกันก่อนว่าในอดีตที่ผ่านมานั้นเป็นอย่างไรและมาดูบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Ming Chi Kuo จาก KGI เกี่ยวกับฟีเจอร์ของกล้อง iPhone รุ่นใหม่ที่น่าจะมีทั้งการเปลี่ยนแปลงทางด้านฮาร์ดแวรฺ(ในรุ่นที่มาพร้อมกับกล้องแบบคู่) และการเปลี่ยนแปลงทางด้านซอฟต์แวร์การถ่ายภาพที่มีผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ไม่ต่างอะไรไปจากฮาร์ดแวร์ครับ
พูดถึงจากการที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายๆ ค่ายเริ่มจะมีการใช้เทคโนโลยีกล้องคู่บนสมาร์ทโฟนของตัวเองกันแล้วอย่างเช่น LG G5 หรือ Huawei P9 ซึ่งเทคโนโลยีกล้องคู่จากผู้ผลิตรายอื่นๆ นั้นจะเป็นการเพิ่มมุมมองของภาพที่จะถ่ายให้กว้างขึ้นและระยะโฟกัสที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตามแล้ว Kuo ได้วิเคราะห์เอาไว้ครับว่าระบบกล้องคู่ของ iPhone รุ่นถัดไปนั้นจะมีดีกว่านี้เยอะมากครับ สิ่งที่ Kuo นำมาสนับสนุนทฤษฎีดังกล่าวก็มาจากการเข้าซื้อ LinX ของ Apple ซึ่ง Kuo ได้ดูจากเทคโนโลยีของ LinX แล้วคาดว่ากล้องคู่ของ iPhone นั้นจะมีกระพัฒนาในด้านต่อไปนี้ครับ
- ประสิทธิภาพในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยดีขึ้นกว่าเดิม
- ความถูกต้องของสีมากขึ้นกว่าเดิม
- การให้ exposures ของกล้องเร็วขึ้นกว่าเดิม
- ชัตเตอร์ไม่มีอาการชะงัก
- ประสิทธิภาพ HDR ดีมากขึ้นกว่าเดิม
- Post capture focusing
จากข้อดีของระบบกล้องที่จะเกิดขึ้นใน iPhone นั้นหลายๆ ส่วนเป็นข้อดีที่มาจากเทคโนโลยีของ LinX ทั้งนั้นครับ อย่างไรก็ตามแต่สิ่งหนึ่งที่น่าประหลาดใจก็คือว่าในบรรดาสิ่งที่จะดีขึ้นนั้นมีหลายๆ อย่างที่ CEO ของ Apple ท่านเก่าที่ยังอยู่ในใจของใครหลายๆ คนอย่าง Steve Jobs นั้นเคยได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้หลายต่อหลายครั้งแล้วหล่ะครับ เรื่องดังกล่าวนี้เองที่อาจจะเป็นเหตุผลให้ Apple ภายใต้การนำของ CEO คนปัจจุบันอย่าง Tim Cook นั้นเข้าซื้อ LinX เพื่อสานต่อความหวังของ Jobs ก็เป็นได้ครับ
หากคุณได้อ่านชีวประวัติของ Walter Isaacson นั้นจะได้รับทราบครับว่า Jobs เองก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ต้องการเปลี่ยนแนวทางของการถ่ายรูปให้พัฒนามากขึ้น ซึ่งความคิดของ Isaacson กับ Jobs นั้นค่อนข้างที่จะตรงกันในหลายๆ ข้อเลยทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ Jobs บอกอยู่เสมอๆ ในฐานะที่เป็นผู้ถือหางเสือของ Apple ก็คือเขาต้องการให้การถ่ายรูปนั้นเปลี่ยนไปในทิศทางที่ทันสมัยมากขึ้นเฉกเช่นเดียวกันที่ Apple เปลี่ยนอุตสาหกรรมดนตรีจากอนาล็อกเป็นดิจิทัล
ทั้งนี้ในช่วงปี 2011 ก่อนที่ Jobs จะเสียชีวิต 2 – 3 เดือน Jobs ได้เข้าพูดคุยกับผู้ก่อตั้งบริษัท Lytro นาม Ren Ng และได้พูดคุยพร้อมกับสาธิตเทคโนโลยีกล้องของบริษัท Lytro ซึ่งในปัจจุบันมีวางจำหน่ายแล้ว ซึ่งกล้องของทาง Lytro เองนั้นก็มีเทคโนโลยีอะไรหลายๆ อย่างที่คล้ายๆ กับของ LinX เป็นอย่างมากเลยครับ น่าเสียดายที่หลังจากนั้น Jobs เสียชีวิตไปก่อนทำให้เรื่องของ 2 บริษัทนี้อาจจะต้องชะงักไปและทาง Lytro อาจจะไม่รอเลยออกกล้องเป็นของตัวเองออกมาจำหน่ายก่อนครับ(ซึ่งตามข้อมูลนั้นระบุว่า Jobs อย่างให้ Lytro มาทำงานกับ Apple ด้วยครับ)
คลิปสาธิตระบบ post capture focusing ของกล้องจาก Lytro ที่แสดงให้ถึงฟีเจอร์ของซอฟต์แวร์ที่สุดยอด
ความจริงของกล้องบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน
คงต้องยอมรับกันหล่ะครับว่าบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเกือบจะทุกบริษัทนั้นให้ความสำคัญกับกล้องบนสมาร์ทโฟนไม่แพ้เรื่องของรูปลักษณธตัวเครื่องหรือเรื่องอื่นๆ ของสมาร์ทโฟนเลย จะเห็นได้ว่าเรื่องของกล้องนั้นเป็นจุดสนใจหนึ่งที่ผู้ผลิตพยายามที่จะพัฒนาและดึงให้เป็นจุดสนใจของสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะระดับเรือธง Apple เองก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการพัฒนากล้องของ iPhone มาโดยตลอดโดยถึงแม้ว่าช่วงหลังจะด้อยๆ ลงไปบ้างแต่จากคะแนนรีวิวเรื่องกล้องของ iPhone จากหลายๆ เว็บไซต์นั้นคงต้องยอมรับว่ายังคงอยู่ในระดับดีอยู่ครับ
อย่างไรก็ตามตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงแม้ว่าบริษัทผู้ผลิตจะพยายามมากขนาดไหนแต่ในเรื่องของคุณภาพของกล้องก็ไม่เคยสู้กับกล้องจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ DSLRs ได้ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นขนาดของเซ็นเซอร์, ขนาดของเลนส์, ขนาดของแบตเตอรี่และอื่นๆ ส่วนหนึ่งนั้นก็เป็นเพราะว่าผู้ผลิตกล้องเองนั้นก็ไม่ได้หยุดนิ่งด้วยครับแถมนับวันกล้อง DSLRs นั้นก็เริ่มจะเล็กลงเรื่อยๆ เพื่อแก้ข้อจำกัดเรื่องของการพกพาอย่างเช่น Sony RX100 ที่แสนจะเล็กแต่ยังคงถ่ายภาพออกมาได้ดีมากๆ กว่าสมาร์ทโฟนนี่แหละครับ
Sony RX100
Aperture – การพัฒนารูรับแสง
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ผ่านมานั้น iPhone เป็นสมาร์ทโฟนที่มีการพัฒนาขนาดของเซ็นเซอร์และรูรับแสงมาเรื่อยๆ ตลอดโดยส่วนใหญ่แล้วกับรูรับแสงนั้น iPhone มักจะเป็นผู้นำที่ใช้รูปรับแสงที่กว้างกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ซึ่งผลของมันก็คือสามารถที่จะรับแสงได้มากขึ้น ถ่ายภาพออกมาดีในจุดที่มีแสงน้อย อย่างไรก็ตามเท่าที่ผ่านมาหลายปีนั้นขนาดรูปรับแสงของ iPhone เริ่มจะคงที่แล้วครับ วิวัฒนาการของขนาดเซ็นเซอร์และรูรับแสงของ iPhone มีดังต่อไปนี้ครับ
ด้วยขนาดรูปรับแสงที่ยังคงเท่าเดิมมาโดยตลอดตั้งแต่ iPhone 5s ทำให้มาจนถึง iPhone 6s/s Plus นั้นไม่สามารถที่จะกับกล้องธรรมดาได้ครับดูได้จากการคำนวณทางด้านล่างนี้
- iPhone 6s native focal length / aperture: 4.15mm/2.2 = 1.8
- effective iPhone 6 focal length (35mm equiv.)/1.8: 29/1.8 = 16
สำหรับท่านที่เล่นกล้องจะรู้เลยครับว่ามันไม่สามารถสู้กับกล้องธรรมดาได้จริงๆ ซึ่งรูรับแสงนี่แหละครับที่เป็นตัวต้นเหตุใหญ่ที่ทำให้อะไรหลายๆ อย่างของกล้องบน iPhone ไม่สามารถสู้กล้อง DSLR ได้ แต่จากข่าวลือนั้น(และกระแสของผู้ผลิตรายอื่นๆ) คาดว่าใน iPhone รุ่นประจำปีนี้น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงพอควรหล่ะครับ
Focal length – ความยาวโฟกัส
ทั้ง iPhone และสมาร์ทโฟนอื่นๆ เหือบทุกรุ่นมักจะมาพร้อมกับเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสแบบคงที่ครับ อย่างเช่น iPhone 6s เองนั้นก็เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับเลนส์ที่มีความยาวโฟกัสคงที่เช่นเดียวกันโดยความยาวโฟกัสที่มีประสิทธิภาพจะอยู่ที่ 29 mm ซึ่งความยาวโฟกัสนี้กว้างกว่าความยาวโฟหัสบนที่ใช้กระจกบน Sony A7SII ซึ่งอยู่ที่ 35 mm ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือเลนส์ของ iPhone นั้นไม่มีความสามารถ optical zoom มาให้ด้วยครับ โดยหากผู้ใช้อยากได้เลนส์แบบนี้จะต้องซื้อเลนส์เพิ่มต่างหากซึ่งก็ไม่สามารถที่จะไปสู้กับกล้องธรรมดาอย่างเช่น Sony a6300 ได้ครับ
อนาคตจะเป็นอย่างไร
อย่างที่บอกไปทั้งหมดครับว่า ณ ตอนนี้คงต้องรอดูว่าเทคโนโลยีกล้องคู่ของ LinX ที่หากถูกนำมาใช้จริงๆ ก็อาจจะทำให้กล้องบน iPhone สามารถที่จะพอฝัดพอเหวี่ยงกับกล้อง DSLRs ได้ แต่ปัญหาก็คือว่า Apple จะเอามาใช้รึเปล่านี่แหละครับคงต้องคอยดูกันว่าจะเป็นอย่างไร ในคืนวันที่ 7 กันยายนที่จะถึงนี้เราก็จะได้รู้กันแล้วครับว่า iPhone รุ่นถัดไปจะน่าสนใจมากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องของกล้องที่จะสามารถสร้างความประหลาดใจให้เราๆ ท่านๆ ได้หรือไม่ครับ
ที่มา : 9to5mac