สำหรับผู้ที่จะประกอบคอมใหม่การเลือกเคสก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาหลัก ที่คนส่วนมากไม่ค่อยอยากจะลงทุน เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพความแรง จึงทำให้หลาย ๆ คนมองข้ามเคสที่มีราคาแพงคุณภาพดี ๆ ไปคบกับเคสจีนราคาไม่ถึงห้าร้อย อาจจะเป็นเพราะไม่ทราบถึงความแตกต่างของเคสราคาถูก กับเคสราคาแพง ซึ่งข้อแตกต่างนั้น จะยกมาเล่าให้ฟังถึง 5 ข้อ ถึงความต่าง ระหว่างเคสไม่กี่ร้อยกับเคสราคาหลักพัน
1. ราคา
เป็นที่แน่นอนว่าเคสราคาถูกกับเคสราคาแพงต่างกันที่ราคา เพราะราคานั้นกำหนดปัจจัยหลาย ๆ อย่างทำให้เคสมีราคาสูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นคุณภาพวัสดุ เทคโนโลยี การออกแบบ ค่าแรงในการผลิต ฐานการผลิต วัสดุศาสตร์ ฯลฯ ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลเป็นอย่างมากทำให้ราคาของเคสแตกต่างกันออกไปอีกด้วย
ลองหลับตานึกภาพระหว่างเคสยี่ห้อหนึ่งที่มี ฐานการผลิตอยู่ในเยอรมัน ออกแบบตัวเคสโดยคำนึงถึงความเงียบ วัสดุอลูมิเนียม เปรียบเทียบกับ เคสจากประเทศจีน ออกแบบโดยคำนึงถึงต้นทุนถูกที่สุด วัสดุเหล็กพ่นสีกันสนิม ซึ่งแน่นอนว่าราคาของเคสทั้ง 2 แบบนั้น ต้องแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ทั้งนี้ยังไม่รวมปัจจัยอื่น ๆ ที่ตามมาจากต้นทุนการผลิตที่แตกต่างกัน
2. การออกแบบ
ด้านการออกแบบนั้น หน้าตาของตัวเคสเป็นอย่างหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเคสราคาถูก และเคสราคาแพง เพราะว่าการออกแบบเคสนั้นไม่ได้ทำกันง่ายๆ โดยในแบรนด์ใหญ่ ๆ ต้องใช้ทุนในการจ้างนักออกแบบเป็นโมเดล 3D ซึ่งมีขั้นตอนมากมายกว่าจะได้ออกมาเป็นเคสต้นแบบ ก่อนที่จะผลิตและวางจำหน่ายจริง โดยจะสังเกตุเห็นได้โดยใช้การออกแบบเคสเป็น Theme หลัก แต่วางจำหน่ายเคสเป็น Series มีทั้งรุ่นเล็ก กลาง ใหญ่ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกระดับ เช่น Series Graphite ของ Corsair หรือ Series Core จาก Thermaltake
ถ้าหากได้มีโอกาศไปเดินตามห้าง IT ใหญ่ ๆ จะเห็นร้านที่เน้นขายเคสโดยเฉพาะ โดยจะมีเคสหลาย ๆ รุ่นวางเรียงให้ได้เห็นบนชั้นวางมากมายหลายรุ่น เพียงแค่มองแวบแรกก็สามารถบอกได้แล้วว่า เคสอันไหนราคาถูก หรือเคสอันไหนราคาแพง ถ้ามองในเคสจีนราคาถูกนั้นการออกแบบค่อนข้างที่จะดูธรรมดาไม่มีจุดเด่นให้เห็นสะดุดตามากนัก
3. วัสดุ
วัสดุก็เป็นอีกปัจจัยหลักที่ทำให้เคสนั้นมีราคาแตกต่างกัน โดยวัสดุที่นิยมใช้ทำโครงสร้างเคสมี 3 ชนิดคือ เหล็ก อลูมิเนียม และ อะคริลิค โดยอลูมิเนียมจะมีราคาแพงที่สุด มีความสามารถในการระบายความร้อนดีที่สุด ส่วนเหล็กนั้นมีราคาถูกแต่ก็มีประสิทธิภาพระบายความร้อนที่ด้อยกว่าอลูมิเนียมอย่างเห็นได้ชัด และอะคริลิคโดยส่วนมากนั้นจะเป็นเคสที่ MOD ขึ้นมาเอง ไม่มีวางจำหน่ายทั่วไปแบบเป็นแบรนด์ใหญ่
วัสดุที่นิยมทำเคสที่วางจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาดนั้นมักเป็นเคสที่ทำจากเหล็กชุบสังกะสี ซึ่งก็สามารถแบ่งได้เป็นอีกหลายเกรดเช่นกัน รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต และวัสดุศาสตร์ ทำให้เกิดข้อแตกต่างกันอย่างมากมายถึงแม้ว่าเคสนั้นจะใช้วัสดุชนิดเดียวกัน ทั้งนี้ก็รวมถึงวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้กระกอบขึ้นมาเป็นตัวเคส ที่มีเกรดวัสดุ เทคโนโลยีในการประกอบที่แตกต่างกันอีกด้วย
4. การใช้งานจริง
เริ่มกันตั้งแต่ขั้นตอนการประกอบเคส เคสราคาแพงที่ถูกออกแบบมาอย่างดีนั้นจะคำนึงถึงการใช้งานจริง ๆ เป็นหลักโดยจะใส่ใจในทุกรายละเอียด ลบเหลี่ยมคม ทุก ๆ มุมจนถึงรูน๊อต แม้กระทั่งการออกแบบน๊อตแต่ละตัวให้เหมาะสมกับอุปกรณ์นั้น ๆ ซึ่งเป็นผลดีกับส่วนประกอบ อุปกรณ์ต่างๆที่ต้องนำมาประกอบเข้าไปในเคส ช่วยถนอมอุปกรณ์ของเราไม่ให้เกิดความบอบช้ำขึ้นอีกด้วย อีกทั้งยังมีการออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ช่วยให้ประกอบเคสได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เช่น HardDisk Box, SSD Tray, PSU Cover และ Quick Drive Bay 5.2 อีกทั้งพัดลมที่แถมมากับตัวเคสยังเป็นพัดลมคุณภาพสูงอีกด้วย
ถ้าเป็นเคสจีนราคาถูกทั่วไป จะไม่มีการเก็บรายละเอียดที่ดีมากนัก ดูภายนอกอาจสวยแต่งานประกอบข้างในหยาบมาก บางชิ้นส่วนถูกประกอบกันอย่างไม่เข้าล๊อก ทำให้ปิดฝาเคสไม่สนิด หรือเคสโยก เหลี่ยมมุมต่าง ๆ ไม่มีการลบคม ล้วงมือเข้าไปทำการประกอบเคสแล้วโดนเคสบาดมือก็มีตัวอย่างให้เห็นกันอย่างมากมาย บางรูน๊อตเกลียวหวาน หรือรูน๊อตติดตั้งฮาร์ดดิสก์ทำมาแน่นเกินไปอีกทั้งไม่มีการลบคม ซึ่งจะทำให้มีรอยขูดเป็นทางยาวบนฮาร์ดดิส ซึ่งเคสจีนราคาถูกนอกจากจะไม่เป็นมิตรต่ออุปกรณ์แล้ว ยังทำร้ายมือของผู้ประกอบอีกด้วย
5. ขนาด
ความคาดหวังอย่างหนึ่งของผู้ที่ซื้อเคสราคาแพง ก็คือขนาดของเคส ซึ่งเคส Full Tower เป็นเคสที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ราคาเริ่มต้นถูกที่สุดก็คือ 5,000 บาท ขึ้นไป ราคาในระดับนี้ต้องเป็นผู้ใช้งานที่อยู่ในระดับที่มีเงินพอสมควร และสเปคคอมที่ใช้ในการประกอบกับเคสขนาดใหญ่ต้องไม่ใช่ธรรมดา โดยข้อดีของเคส Full Tower ก็คือสามารถรองรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่ได้ ทั้งการ์ดจอหรือเมนบอร์ด รองรับฮาร์ดดิสก์ได้หลายตัว รวมถึงประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดีกว่า เป็นที่แน่นอนว่าเคสราคาถูก นิยมทำมาเพียงแค่ขนาดเดียว เพราะกลุ่มเป้าหมายคือผู้ใช้งานที่งบน้อย หรือผู้ใช้ที่ไม่พิถีพิถันเรื่องการประกอบคอมมากนัก เน้นเพียงแค่ว่าเปิดติด ใช้งานได้ก็เพียงพอแล้ว
สุดท้าย ใครจะเลือกใช้เคสประเภทไหน ราคาถูกหรือราคาแพง ก็ต้องถามความต้องการของตัวเองให้ดีก่อน เพื่อจะสามารถเลือกใช้เคสได้ตรงกับความต้องการของตัวเอง ถ้าซื้อเคสไปใช้งานกับสเปคคอมราคาเบา ๆ ไม่ได้โชว์ ไม่ได้เคลื่อนย้ายบ่อย อุปกรณ์การใช้งานไม่เยอะ ก็อาจจะเลือกใช้เคสที่มีราคาถูกไม่เกิน 500 บาท ใช้งานก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าจัดสเปคงบประมาณคอมราว ๆ 20,000 บาท ก็แบ่งเงินไปซื้อเคสที่มียี่ห้องราคาพัดนิดๆก็จะดูเข้าท่ากว่าซื้อเคสจีนราคาถูก