ไม่เพียงแค่ภาพยนตร์, ละคร, ซีรีส์หรือโฆษณาเท่านั้นนะครับที่จำเป็นที่จะต้องมีบทเจ๋งเพื่อความสนุกและความมันส์ในอารมณ์ของผู้รับชม แต่กับเกมที่เราๆ ท่านๆ เล่นนั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีบทที่เจ๋งๆ เหมือนกันเพื่อที่จะให้ผู้เล่นได้ดื่มด่ำไปกับความสนุกสนานของเนื้อเรื่องซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเกมแบบ Standalone หรือเกมแบบเล่นคนเดียวเกมหนึ่งก็ว่าได้ครับ(เดี่ยวนี้พัฒนามาเป็นหลายผู้เล่นแล้ว) …
ว่าแล้วก็มาดูกันดีกว่าครับว่า 19 เกมที่มีบทเจ๋งสุดๆ ตามความเห็นของ PCGAMER ตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมานั้นจะมีเกมใดบ้างที่ทาง PCGAMER เห็นว่ามาพร้อมกับบทที่ดีสุดๆ ครับ
Portal 2
ผู้พัฒนา : Valve Corporation
Year: 2011
เริ่มต้นกับเหมจากผู้ผลิตชื่อดังที่ตอนนี้หันมาเป็นผู้ให้บริการขายเกมผ่านช่องทางดิจิทัลและผู้ผลิตฮาร์ดแวร์สำหรับสร้างภาพเสมือนจริง(ร่วม) อย่าง Valve โดยตัวเกมนั้นเป็น FPS ที่ผสมผสานกับ Puzzle ได้อย่างลงตัว ผู้เล่นจะได้ผจญภัยและซึมซับเนื้อเรื่องผ่านประวัติศาสตร์ของ Aperture Science จากยุคเก่าตั้งแต่ในปี 70s มายันยุคปัจจุบัน(ในปี 2011) เพื่อเรียนรู้(ได้รับรับรู้) เนื้อเรื่องของตัวร้ายที่สานต่อมาจากภาคหนึ่งอย่าง GLaDOS และได้เข้าสู่โลกของหนึ่งในผู้สร้างมันอย่าง Cave Johnson ฯลฯ
เกม Portal 2 นี้ถือได้ว่าเป็นเกมที่มีจุดหักมุมมากมายของเนื้อเรื่องที่เจ๋งไม่แพ้ภาคหนึ่งและสามารถที่จะสานต่อเนื้อเรื่องของภาคหนึ่งได้อย่างลงตัวครับ หากคุณได้ลองเล่นแล้วหล่ะก็รับรองว่าคุณจะต้องมีช่วงเวลาที่อุทาน “เฮ้ย!!! เป็นไปได้ไง” เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่เพียงที่บทของตัวเกมที่ทำให้คุณสนุกไปกับมันเท่านั้นเกมนี้ยังมาพร้อมกับกราฟิกที่ถึงจะเอามาเล่นในตอนนี้นั้นก็เรียกได้ว่ายังดูดีอยู่อย่างเห็นได้ชัด(ถึงจะไม่ได้ดูดีเท่ากับเกมสมัยใหม่ก็ตาม) เพลงประกอบก็ไพเราะแถมวิธีการเล่นนั้นก็เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนกับใคร(ถึงจะมีคนเหมือนก็ไม่สามารถเทียบเท่าได้ครับ)
South Park: The Stick of Truth
ผู้พัฒนา : Obsidian Entertainment
Year: 2014
South Park: The Stick of Truth นี่เป็นเกมแนว RPG ผสมการผจญภัยที่ถึงแม้จะวางจำหน่ายในปี 2014 แต่กราฟิกของมันนั้นกลับเหมือนภาพวาดการ์ตูนไม่ได้เป็นเกมที่มีกราฟิกสวยงามมากมายเท่าไรนักแต่บทของตัวเกมนั้นบอกได้เลยครับว่าเจ๋งแบบสุดๆ อย่างที่คุณจะคิดไม่ถึงกับกมที่รูปหน้าเหมือนกับเกมสำหรับเด็กอย่างแน่นอน เกมนี้นั้นเขียนบมโดย Trey Parker และ Matt Stone ซึ่งทำการดัดแปลงมาจากการ์ตูนชื่อเดียวกันอย่าง South Park ได้อย่างลงตัวและเหมาะเจาะที่สุด เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกมสุดเจ๋งที่มีที่มาจากการ์ตูนก็ว่าได้ครับ
ตัวบทเนื้อเรื่องนั้นยึดแบบฉบับของการ์ตูนได้แย่างแยบยลในส่วนของการแสดงความหยาบ, เหน็บแนมเสียดสีและมีความร้ายกาจในการเยาะเย้ยวัฒนธรรมป๊อบและวัฒนธรรมของวีดีโอเกมได้อย่างลงตัว ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมีนี่ไม่ใช่ว่าตัวเกมจะไปหยิบยกเอาเรื่องอื่นมาล้อยับจนไม่มีเนื้อเรื่องของตัวเองนะครับ ตัวเกมนั้นมีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเองโดยสอดแทรกการเสียดสีได้อย่างลงตัวในแทบจะทุกจุด(เหมือนกับตัวการ์ตูนที่เป็นการ์ตูนเสียดสีสังคมที่จะว่าไปแล้วไม่เหมาะกับเด็กเท่าไรนัก
อีกจุดหนึ่งที่น่าประทับใจมากก็คือตัวเกมนั้นพาตัวละครของคุณที่อยู่ในยุคปัจจุบันเข้าสู่โลกของ Fantasy ได้อย่างลงตัวจนมีนักรีวิวและนักเคสเกมหลายๆ ท่านบอกเอาไว้ว่าตัวเกมนั้นล้อเลียน The Lord of The Rings ได้อย่างลงตัวสุดๆ อย่างไรก็ตามแต่ถึงแม้ว่าภาพของตัวเกมจะเป็นการ์ตูนแต่ทว่าเกมนี้นั้นมีทั้งความรุนแรงและเนื้อหาที่เรียกว่าค่อนข้างจะไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีมากนักสักเท่าไรนะครับ
Planescape: Torment
ผู้พัฒนา : Black Isle Studios
Year: 1999
อีกหนึ่งเกมจากผู้พัฒนาสุดเก๋าอย่าง Black Isle Studios ที่ออกมานานแล้วตั้งแต่ปี 1999 โดยเกมนี้นั้นจะว่าไปแล้วก็เป็นเกมที่ก่อนจะออกวางจำหน่ายนั้นโดนวิจารณ์ว่าเลียนแบบเกม Diablo ทว่าเมื่อได้เล่นจริงๆ แล้วนั้นจะเข้าใจว่าจริงๆ แล้วมันมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเนื้อเรื่องที่บอกเลยครับว่าถ้าคุณยอมเล่นมันแบบจริงๆ จังๆ(หมายถึงการอ่านเนื้อเรื่องแบบทุกบรรทัด เพราะเกมนี้เนื้อเรื่องของเกมจะถูกเล่าผ่านตัวอักษรส่วนหนึ่ง) คุณจะเห็นว่าเนื้อเรื่องของมันน่าติดตามและสนุกมากเลยทีเดียวครับ
ตัวเกมใช้ Infinity Engine ที่จะพาคุณผจฐภัยไปในโลกของ Fantasy ที่อยู่ภายใต้พื้นฐานเนื้อหา Planescape D&D อันสุดจะนุ่มลึก กลิ่นอายของ RPG จะตลบอบอวลไปหมดภายในเกมนี้ คุณจะได้สวมบทเป็นคนไร้ชื่อแต่เป็นอมตะ(แต่ในตัวเกมตายได้นะครับ) ที่ต้องตามหาอดีตของตัวเองโดยตัวเกมจะค่อยๆ เผยความลับออกมาเรื่อยๆ จนจบเกมและยังทิ้งตอนต่อเอาไว้อีก(ซึ่งในตอนหลังบทของการเป็นคนอมตะไร้ชื่อตามหาตัวตนถูกนำไปใช้กับหลายๆ เกมรวมไปถึงภาพยนตร์ด้วย) น่าเสียดายที่เกมนี้นั้นไม่มีวางจำหน่ายใน Steam เหมือนกับเกมเก่าอื่นๆ และเกมในซีรีส์ Planescape หลังๆ เนื้อเรื่องก็ไม่สนุกเท่านี้ครับ
Broken Sword: The Shadow of the Templars
ผู้พัฒนา : Revolution Software
Year: 1996
Broken Sword นั้นเป็นเกมแนวผจญภัยสไตล์ point and click ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเนื้อเรื่องครับ ตัวเกมมีออกมาหลายภาคด้วยกันอย่างไรก็ตามแต่แล้วคงจะไม่มีภาคไหนสนุกเร้าใจมากไปกว่า The Shadow of the Templars แล้ว โดยเนื้อเรื่องของเกมนั้นคุณจะได้สวมบทเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสืบสวนเรื่องการระเบิดที่คาเฟ่ในกรุงปารีสแล้วก็ต้องไปผัวพันเข้ารับรู้เกี่ยวกับการสมคบคิดของลิทธิอุบาทว์กับคำสั่งของกลุ่มอัศวินโบราณ ตัวเกมจะมีความลึกลับที่คุณจะต้องค้นหารวมถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจจริงๆ ผสมผสานกัน(อารมณ์เหมือนงานเขียนเรื่อง The Davincร Code หล่ะครับ)
ณ เวลานี้ตัวเกมมีวางจำหน่ายใน Steam ซึ่งจะมาใช้รูปแบบของภาพ Director’s cut ซึ่งส่วนตัวผมนั้นไม่ได้เล่นแต่ได้มีโอกาสเล่นภาคดั่งเดิมตั้งแต่สมัย 1996 แล้วเหมือนกันต้องบอกเลยจริงๆ ครับว่าตัวเกมสนุกมาก หากน้องๆ คนไหนสนใจอยากจะฝึกภาษาอังกฤษด้วยเกมโดยตัวเกมมีเนื้อหาที่สนุกพร้อมให้ติดตามไปจนจบแล้วหล่ะก็เกมนี้ถือว่าพลาดไม่ได้เลยครับ
หมายเหตุ – เกมนี้จะใช้ชื่อในสหรัฐอเมริกาว่า Circle of Blood
80 Days
ผู้พัฒนา : Inkle
Year: 2015
กลับมาดูเกมของปีที่แล้วจากผู้พัฒนาอินดี้นาม Inkle กับเกมที่มีชื่อว่า 80 Days กันครับ เกมนี้นั้นเป็นเกมแนวผจญภัยที่นำเสนอในรูปแบบของ interactive fiction ที่จะมีสวนผสมของการวางแผนด้วยนิดๆ โดยดัดแปลงมาจากหนังสืออ่านเล่นแนว sci-fi ของ Jules Verne ซึ่งคุณจะได้พบกับการผจญภัยในอีกด้านหนึ่งของหนังสือเล่มดังกล่าวนี้ ตัวเกมจะให้คุณเดินทางไปในจุดต่างๆ ในโลกด้วยรถไฟสะเทินน้ำสะเทินบก, เครื่องจักรกลรูปแมงมุม, เกี้ยวที่สามารถขับเคลื่อนได้อัตโนมัติและยานพาหนะรูปร่างแปลกๆ ต่างๆ เพื่อที่จะสามารถเดินทางไปยังในที่ๆ คุณต้องการทั่วโลกในเวลาจำกัด 80 วันครับ
เกมนี้หาใครได้ลองเล่นแล้วนั้นจะพบว่าตัวบทเนื้อเรื่องของเกมนั้นไม่มีจุดที่จะให้ตำหนิเลยครับ คุณจะสนุกสนานไปกับเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของการเดินทางไปในที่ๆ แตกต่างกันซึ่งคุณจะได้ค้นพบกับบุคคลที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวพันธ์ในแต่ละสถานที่อย่างไม่ซ้ำกัน ตัวเกมจะทำให้คุณรู้สึกอินไปกันเนื้อเรื่องโดยไม่รู้ตัวโดยคุณจะมีทั้งจุดที่สนุกจนถึงขั้นหัวเราะออกมาหรือบางจุดก็จะเทือนอารมณ์จนถึงกับอาจจะร้องไห้ได้เรียกว่าเกมๆ เดียวแต่ให้อารมณ์ได้แตกต่างกันสุดๆ ทั้งนี้ตัวเกมมีวางจำหน่ายผ่าน Steam โดยที่ราคานั้นก็ไม่แพงมากเท่าไรนักหากเทียบกับความสนุกนี้
Firewatch
ผู้พัฒนา : Campo Santo
Year: 2016
เกมต่อมาเป็นเกมใหม่ที่พึ่งออกในปีนี้อย่าง Firewatch ที่คุณจะได้สวมบทเป็น Henry ชายหนุ่มที่มีหน้าที่ในการอยู่ที่หอเฝ้าระวังไฟป่าโดยลำพังซึ่งจะต้องทำหน้าที่อื่นๆ ด้วยอีกมากมาย(ขอไม่เปิดเผยนะครับไม่งั้นจะกลายเป็นการสปอย์เนื้อเรื่องไป) ภายในเกมจะให้คุณติดต่อสื่อสารกับสาว Delilah ระยะไกลในการพูดคุย ฯลฯ ผ่านวิทยุสื่อสาร(ซึ่งจะว่าไปการติดต่อผ่านวิทยุสื่อสารเพื่อพูดคุยเนื้อเรื่องนั้นก็มีหลายเกมที่ใช้มาก่อนแล้วอย่างเช่น Resident Evil 4 หรือ Splinter Cell เป็นต้นครับ)
นอกเหนือไปจากเนื้อเรื่องสุดเยี่ยมที่คุณจะได้รับผ่านบทสนทนาระหว่างตัวเอกกับเพื่อสาวแล้ว ตัวเกมยังให้คุณได้ผจญภัยไปในป่าที่กว้างใหญ่(แต่ไม่ถึงกับขึ้นเป็นเกมแบบ Open World ที่มีขนาดใหญ่มากเหมือน Far Cry นะครับ) ที่เหนือไปกว่านั้นก็คือกราฟิกเกมที่ถือได้ว่าสวยสมยุคถึงจะไม่ได้ระดับเดียววกับเกมจากผู้ผลิตรายใหญ่ๆ แต่รับลองว่าเกมนี้คุณจะไม่เสียดายเงินที่ซื้อมาอย่างแน่นอนครับ ใครสนใจและชอบเล่นเกมแนว FPS เนื้อเรื่องดีๆ กราฟิกสวยๆ แล้วสามารถซื้อได้ผ่านทาง Steam เลยครับราคาไม่แพงดว้ยครับถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้ครับ
หมายเหตุ – เพลงประกอบของเกมนี้ก็ทำออกมาได้เจ๋งสุดๆ อีกด้วยหล่ะครับ
Wolfenstein: The New Order
ผู้พัฒนา : Machine Games
Year: 2014
สำหรับเกม Wolfenstein นั้นเป็นเกม FPS เดินยิงที่ออกมาหลายภาคและอยู่คู่กับนักเล่นเกม PC มาอย่างเนิ่นนานพอๆ กับเกม Doom ครับ อย่างไรก็ตามแต่ช่วงหลังๆ นั้น id Software(เจ้าของเกมนี้) คุมการพัฒนาผ่านผู้พัฒนารายอื่นไม่ได้พัฒนาเองแล้วทำให้เนื้อเรื่องของเกมนั้นดูจะออกทะเลไปสักหน่อย แต่กับ Wolfenstein: The New Order ที่พัฒนาโดย Machine Games และกำกับดูแลและจัดจำหน่ายโดย Bethesda Softworks นั้นก็ปลุกผีเกมนี้ขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมสมกับการรอคอยของนักเล่นเกมมาหลายปีครับ
ด้วยความที่เป็นเกมฟอร์มยักษ์และควบคุมกำกับด้วย Bethesda Softworks ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของการออกเกมที่มีเนื้อหาเจ๋งระดับสุดยอดแล้วนั้น Wolfenstein: The New Order จึงเป็นอีกเกมหนึ่งที่เข้ามาอยู่ในกลุ่มเกมที่มีเนื้อหายอดเยี่ยมได้ไม่ยาก และอย่าคิดว่าเกม Wolfenstein: The New Order ซึ่งเป็นเกมรีบูทซีรีส์ Wolfenstein นั้นจะมีเนื้อหาซ้ำเดิมนะครับเพราะว่า Machine Games นั้นออกแบบเนื้อหามาได้แตกต่างภายใต้ความเป็น Wolfenstein ได้อย่างดีโดยมีการอิงประวัติของ Wolfenstein ได้อย่างแนบเนียนสุดๆ ครับ
ถึงแม้ว่าตัวเกมจะออกมาตั้งแต่ปี 2014 แล้วแต่ด้วยความที่เป็นเกมระดับ Masterpiece ทำให้กราฟิกของตัวเกมนั้นยังดูเทพอยู่(แถมไม่กินสเปคเท่าไรด้วยการออกแบบเกมผ่าน id Tech® 5 engine) คุณจะได้ท่องไปในยุโรปผ่านตัวเกมภายใต้การต่อสู้กับกลุ่มนาซี(ตามสไตล์เกม Wolfenstein) อย่างไรก็ตามแต่แล้วเกมนี้นั้นเนื้อหาค่อนข้างที่จะมีความรุนแรงมากและภาพที่แสดงนั้นก็ค่อนข้างจะน่ากลัวเล็กน้อยทำให้ไม่เหมาะสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีนะครับ ท่านใดสนใจสามารถหาซื้อได้ทาง Steam เลยครับ
หมายเหตุ – ส่วนตัวผมแล้วนั้นชอบตัวละคร Frau Engel สุดๆ เลยครับ ผมว่าเกมนี้น่าจะเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบภาพยนตร์นาซีที่มีเนื้อหาโหดๆ พร้อมจุดหักมุมหลายๆ รอบหล่ะครับ
Everybody’s Gone To the Rapture
ผู้พัฒนา : The Chinese Room
Year: 2016
เกม Everybody’s Gone To the Rapture เป็นเกมที่ออกให้กับ PS4 ก่อนในปี 2015 ก่อนที่จะตามมาออกให้กับ Windows ในปี 2016 ครับ ตัวเกมนั้นถูกพัฒนาโดย The Chinese Room ภายใต้ความร่วมมือของทาง SCE Santa Monica Studio โดยใช้ CryEngine(ซึ่งทำให้ไม่น่าแปลกใจเท่าไรว่าทำไมถึงพอร์ทมาลง PC กับเขาด้วย) ซึ่งแน่นอนครับว่าเมื่อใช้ CryEngine นั้นก็รับประกันในเรื่องของกราฟิกได้เลยว่าสวยงามตระการตาอย่างแน่นนอน ตัวเกมนั้นจะให้คุณผจญภัยไปในเมืองที่ร้างผู้คนผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่งเพื่อค้นหาครับว่าเมืองที่ไร้ผู้คนนั้นเกิดขึ้นจากอะไร
นอกจากเนื้อหาที่น่าค้นหาของตัวเกมแล้วว่าเพราะอะไรเหตุใดผู้คนถึงทิ้งเมืองแห่งนี้ไป ตัวเกมยังสร้างความน่าสนใจด้วยเสียงแปลกๆ หลอนๆ ที่เราจะได้ยินผ่านคลื่นวิทยุรวมไปถึงทีวีที่เปิดช่องว่างๆ ทิ้งเอาไว้แต่มีเสียงออกมา, การมีคนที่ที่ถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง ฯลฯ เรียกได้ว่าตัวเกมนั้นจะมีอะไรให้ได้แปลกใจมากมายเวลาที่ทำการเล่นหล่ะครับ เนื้อเรื่องที่ชวนติดตามนั้นจะทำให้คุณหลงไปกับเกมๆ นี้ อย่างไรก็ตามแต่หากเป็นผู้เล่นรุ่นเก่าหน่อยอาจจะมีความรู้สึกว่าเกมนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับ BioShock อยู่บ้างเล็กน้อยแต่ต้องบอกเลยครับว่าหากได้เล่นแล้วจะเห็นความแตกต่างที่ทำให้คุณอึ้งได้กับเนื้อเรื่องที่หักมุมสุดๆ ครับ ท่านใดสนใจสามารถซื้อผ่าน Steam ได้เลยครับ
หมายเหตุ – เกมนี้จำเป็นต้องอ่านเนื้อเรื่องหน่อยนะครับเพราะถ้าคุณเล่นแบบผ่านๆ จะทำให้พลาดบางจุดไปได้ อย่างไรก็ตามการใช้ภาษาของเกมนี้จะเป็นภาษาที่รุนแรงพอควรดังนั้นมันจึงถูกจัดเรทให้เหมาะสมกับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปครับ
Pillars of Eternity
ผู้พัฒนา : Obsidian Entertainment
Year: 2015
Pillars of Eternity เกม RPG แนว Diablo เกมหนึ่งจากผู้พัฒนาชื่องดังอย่าง Obsidian Entertainment หรือผู้พัฒนาเกม Fallout ที่สุดแสนจะโก่งดังครับ ตัวเกมนั้นได้รับคะแนนรีวิวในระดับที่เรียกได้ว่าถล่มทลายจากทุกสำนักสื่อทางด้านเกมของต่างประเทศ(90% อัพ) โดยตัวเกมนั้นจะให้คุณได้เข้าสู่โลก Fantasy ที่มีชื่อโลกว่า Eora ที่รังสรรค์ด้วย Unity engine ดูสวยงามถึงแม้ว่าตัวเกมจะเป็นภาพแบบ 2.5D ก็ตาม แต่รับรองว่ามันจะทำให้คุณหวนนึกถึงช่วงเวลาที่เกม RPG แนว Diablo กำลังเฟื่องฟูในยุค 1990s – 2000s ได้เป็นอย่างดีครับ
นอกจากเนื้อเรื่องอันยิ่งใหญ่ชวนให้น่าติดตามไปจนจบพร้อมกับระบบการเล่นที่สนุกสนานแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกมนี้สนุกมากขึ้นก็คือตัวระครที่ไม่ใช่ผู้เล่น(NPC) ได้รับการออกแบบมาให้ตอบสนองต่อการกระทำของผู้เล่นได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นทางด้านการแสดงออกทางกาย, เสียงหรือการแสดงสีหน้าท่าทางเวลาที่คุณคุยกับตัวละครเหล่านั้น เรียกได้ว่าเกมนี้นั้นมีความใส่ใจในทุกๆ ส่วนสมกับชื่อของผู้พัฒนาอย่าง Obsidian Entertainment จริงๆ เลยหล่ะครับ
หมายเหตุ – เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ของเกมนี้คือเจ้าเกมนี้นั้นถูกทำขึ้นเป็นโครงการร่วมทุนบนเว็บไซต์ KickStarter ช่วงเดือนกันยายน 2012 ที่ผ่านมาซึ่งมันสามารถทำเงินร่วมทุนได้มากถึง $4 million หรือประมาณ 144 ล้านบาทเลยทีเดียว แถมตัวเกมยังมี Expansion pack ตามติดออกมาถึง 2 ชุดแต่ทว่าคะแนนรีวิวของตัว Expansion pack นั้นไม่ค่อยจะดีมากสักเท่าไรครับ
Batman: Arkham Asylum
ผู้พัฒนา : Rocksteady Entertainment
Year: 2009
ปิดท้ายตอนที่ 1 กับเกมที่ทุกท่านต้องร้องอ๋อกันอย่างแน่นอนกับ Batman: Arkham Asylum หรือ Batman ฉบับรีบูทที่ได้ Rocksteady Entertainment ภายใต้การกับกับดูแลของ Warner Bros. Interactive Entertainment ร่วมกับ Square Enix ซึ่งเป็นเกมที่ทำให้สตูดิโอนี้โด่งดังมากๆ ถงขั้นได้ทำภาคต่อออกมาอีก 3 ภาคด้วยกัน(เกม Batman VR จะออกในปี 2016 นี้) ถึงแม้ว่าจะเป็นเกมเก่าแต่ด้วย Unreal Engine 3 ทำให้ถึงแม้จะเล่นในตอนนี้นั้นตัวเกมก็ยังมีกราฟิกที่สวยงามอยู่ ที่สำคัญก็คือเนื้อเรื่องนั้นเรียกได้ว่าสนุกมีจุดหักมุมทำได้ดีเหมือนกับภาพยนตร์ Batman ฉบับรีบูทอย่าง Batman Begin เลยครับ
ตัวเกมนั้นเริ่มต้นเรื่องด้วยการเล่าถึงตอนที่ Batman จับศัตรูตัวฉกาจอย่าง Joker ได้และคุมตัวตามเข้าไปในสถานบำบัดอาชยากรโรคจิต(หรือคุกนั่นแหละครับ) แต่เรื่องกลับตาลปัตรไปเข้าแผนที่ Joker วางไว้ซึ่งจะเข้าแผนยังไงต้องลองเล่นดูครับเพราะเกมนี้นั้นใน Steam ขายไม่แพงมาก(หรือถ้ารอช่วงลดราคาอาจจะได้ไม่ถึง 100 บาทด้วยซ้ำ) ทั้งนี้คุณจะได้พบกับศัตรรายอื่นๆ ของ Batman อีกมากมายที่เรียกได้ว่าคุ้มสุดคุ้ม ที่น่าเสียดายหน่อยก็คือตัวเกมนั้นไม่ใช่ Open World เพราะตลอดทั้งตัวเกมคุณจะต้องอยู่แต่ใน Arkham Asylum เท่านั้นแต่ว่ามันก็สนุกและมันอย่าบอกใครครับ
ที่มา : pcgamer