Corning นั้นถือได้ว่าเป็นบริษัทที่พัฒนากระจกหน้าจอสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต(ฯลฯ) ที่ได้รับความเชื่อใจผู้บรรดาผู้ผลิตอุปกรณ์มาอย่างยาวนานครับ จุดเด่นพิเศษของกระจกหน้าจอจากทาง Corning นั้นก็คือจะมีความแข็งแกร่งทนต่อการกระเทือนและบางขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละรุ่นที่เปิดตัวออกมา ล่าสุดทาง Corning ได้เปิดตัวกระจกหน้าจอในซีรีส์ชื่อดังอย่าง Gorilla Glass รุ่นที่ 5 ออกมาครับ
สำหรับ Gorilla Glass 5 นั้นเรียกได้ว่ามีการพัฒนาขึ้นจากรุ่นที่ 4 เป็นอย่างมากเลยทีเดียวครับ Gorilla Glass 5 จะมาพร้อมกับความแข็งแกร่งในระดับที่ทาง Corning บอกเอาไว้อย่างมั้นใจว่ามันจะช่วยป้องกันหน้าจอของสมาร์ทโฟน(และอุปกรณ์อื่นๆ) จากการตกจากที่สูง 1.6 เมตรไม่ให้แตกได้มากถึง 80% ซึ่งเมื่อเทียบกับ Gorilla Glass 4 ที่เปิดตัวออกมาเมื่อช่วงปี 2014 นั้นรุ่นที่ 4 จะป้องกันไม่ให้กระจกแตกได้เมื่อตกจากที่สูงไม่มากกว่า 1 เมตรเท่านั้น
ในเรื่องของความบางนั้น Gorilla Glass 5 ก็มีความหนาอยู่ที่ 0.4 mm เท่านั้น(จากตอนแรกที่มีการเปิดตัวต้นแบบของ Gorilla Glass 5 มีความบางอยู่ที่ 0.6 mm) ทำให้เมื่อผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเลือกใช้กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 ก็จะสามารถทำให้ตัวเครื่องสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นๆ มีความบางลงกว่าเดิมได้อีก แถมด้วยความบางระดับนี้ยังทำให้ทางผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสามารถที่จะดีไซน์สมาร์ทโฟนแบบใหม่ๆ ออกมาให้เราได้เลือกซื้อใช้กันได้มากขึ้นอีกด้วยครับ
ทาง Corning ได้แนะนำด้วยว่าด้วยกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 นั้นทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสามารถที่จะจัดตำแหน่งของ panel หน้าจอให้ได้ชิดกับตัวกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 ได้โดยไม่จำเป็นจะต้องกลัวเรื่องการตกกระแทกจากที่สูงจนจอแตกอีกต่อไป โดยทาง Corning นั้นบอกว่าหากใช้กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 แล้วผู้ผลิตสมาร์ทโฟนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดีไซน์ให้ตัวเครื่องมีขอบเพื่อป้องกันการตกกระแทกโดยผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสามารถที่จะวางกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 ไว้ติดกับ panel จอได้ซึ่งจะทำให้การดีไซน์ของหน้าจอเป็นแบบ 3D designs ครับ
ทั้งนี้ทาง Corning ได้ทำการผลิตกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 อย่างใกล้ชิปกับบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเพื่อให้มันใจว่าผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะสามารถดีไซน์ตัวเครื่องได้ออกมาอย่างดีที่สุดจากการใช้งานกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 อย่างไรก็ตามแต่แล้วสมาร์ทโฟนที่จะมาพร้อมกับกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 5 นั้นน่าจะมีการเปิดตัวออกมาในช่วงปลายปีไปจนถึงต้นปี 2017 ครับ
ที่มา : theverge