สำหรับ Star Wars: Battlefront นั้นก็ได้วางจำหน่ายไปมีปลายปี 2015 และเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงจะได้เล่นกันไปแล้วซึ่งตัวเกมจะมีจุดเด่นตรงที่โหมด Multiplayer แต่ว่าข้อเสียของมันที่ทุกคนพร้อมใจกันบอกก็คือไม่มีโหมด Offline เลย ดังนั้นล่าสุดทาง DICE ก็ได้อัปเดตเกมครั้งใหญ่เอาใจคอเกมด้วยการเพิ่มการเล่นแบบ Offline เข้ามาแล้วในวันที่ 20 กรกฏาคมที่ผ่านมานี้
ส่วนการมาของ Offline Mode นั้นก็จัดว่าเป็นการอัปเดตที่ใหญ่พอตัวครับเพราะได้เพิ่มโหมดย่อยเข้ามาอีก 2 โหมดได้แก่ Fighter Squadron โหมดที่ให้ผู้เล่นขับยานรบยิงสู้กันในมุมมอง Dogfight กับ Walker Assault ที่เป็นโหมดที่ให้ผู้เล่นขับหุ่น AT-AT และทั้งสองโหมดนี้ก็จะมีฝ่ายตรงข้ามเป็น Bot ให้ผู้เล่นได้ยิงพวกมันกัน
อย่างไรก็ตามในการทดลองเล่นแบบ Offline ทั้ง 2 โหมดนี้ก็พบว่าระดับความยากของ Bot ถือว่าไม่ยากมากครับโดยเฉพาะระดับความยากแบบ Normal ที่แทบจะเป็นง่ายดายมากเพราะจากการทดสอบพบว่าตายเพียง 2-3 ครั้งและได้ Kill ประมาณ 50 ขึ้นไปถือว่าเป็นระดับความยากที่เหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่ที่ยังไม่เคยเล่นครับ
ขณะเดียวกันเมื่อปรับระดับให้สูงขึ้นเป็น Master ก็พบว่าความยากเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณต้องใช้สมาธิในการเล่นมากขึ้นและความกดดันในการไล่ยิงยานก็เพิ่มขึ้นด้วยแต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับโหมด Online นั้นก็จัดว่ามีความยากเทียบเท่ากันเหมือนเล่นกับมนุษย์ในโหมด Online เลยครับ
ฉะนั้นแล้วในการเล่นแบบ Offline ก็ถือว่าเป็นอีกรูปแบบที่สนุกใช้ได้เราสามารถ Co-op กับเพื่อนลุยกับ Bot ได้เหมือนกันส่วนความยากก็เหมาะทั้งมือใหม่และมือเก่า Bot ให้ความรู้สึกเหมือนเล่นกับคนจริง ๆ ซึ่งก็ตรงกับจุดประสงค์ของทีมงานที่ต้องการให้โหมดนี้เป็นความท้าทายใหม่ของผู้เล่นแต่ถึงอย่างนั้นมีข้อแม้ว่าคนที่ซื้อ DLC ไปแล้วจะยังเล่น Offline ไม่ได้ในตอนนี้ครับ
นอกจากการทดลองเล่นโหมด Offline แล้วรายละเอียดอื่น ๆ ของเกมก็ยังมีอีกครับเมื่อทาง PCGAMER ได้สอบถามทีมงาน DICE ว่าจะมีการพัฒนา Battlefront 2 ในปี 2017 หรือไม่คุณ Niklas Fegraeus ในตำแหน่งเกมไดเร็กเตอร์ได้บอกว่า ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับภาค 2 มาบอกให้แต่การอัปเดตในครั้งนี้น่าจะเป็นแรงจูงใจให้ EA หันมาใส่ใจเนื้อเรื่องมากขึ้น
“เรายังไม่มีข้อมูลในภาคที่ 2 มาให้แชร์หรอกนะ”
“พวกเราได้เรียนรู้มากมายจากการเพิ่มโหมดการเล่นในครั้งนี้และคาดว่าในภาคที่ 2 จะมีการเพิ่มเนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้นครับ”
เท่านั้นยังไม่พอในส่วนของ DLC ใหม่ล่าสุดอย่าง Death Star ที่จะวางจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้ก็มีการเผยรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นโดยคุณ Dennis Bränvall ตำแหน่งเกมดีไซน์เนอร์ได้บอกว่าใน DLC นี้จะนำพาผู้เล่นเข้าสู่สงครามบนอวกาศเต็มรูปแบบและจะเป็นที่พูดถึงกันอีกยาวนานเลยทีเดียว
ทั้งนี้คุณ Bränvall ได้เสริมอีกว่ายาน Death Star จะเป็นเพียงฉากหลังให้ผู้เล่นได้มองเท่านั้นแต่ว่ามันจะเป็นจุดเด่นที่สุดของ DLC ตัวนี้พร้อมกับสร้างความตื่นเต้นระทึกใจให้แก่ผู้เล่นพร้อมกับให้ความรู้สึกว่าเรากำลังไปช่วยเจ้าหญิงเลอาจากฝ่ายจักรวรรดิอย่างไงอย่างงั้นเลยครับ
สำหรับ DLC Death Star จะวางจำหน่ายในเดือน พฤศจิกายน นี้ส่วนการอัปเดตโหมด Offline ก็จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม หรือใครที่ยังไม่มีตัวเกมก็ไปหาซื้อได้ที่ Origin ในราคา 839 บาท ครับ
ที่มา: PCGAMER