ในเกมตระกูล Call of Duty โดยเฉพาะภาค Modern Warfare ทั้ง 2 ภาคจะมีฉากหรือภารกิจที่น่าจดจำหลายอย่างมากแต่ถ้าจะให้พูดถึงภารกิจที่หลาย ๆ คนกล่าวขวัญมากที่สุดก็คงไม่พ้นด่าน All Ghillied Up และด่าน No Russian เพราะสองด่านนี้เป็นการแหกกฎฉีกขนบธรรมเนียมเกมตระกูล Call of Duty ทั้งหมดและความแตกต่างแบบนี้ย่อมมีเบื้องหลังที่น่าสนใจไม่แพ้เบื้องหน้าเลยครับ
สำหรับเบื้องหลังการพัฒนาด่านทั้งสองนั้นก็คงไม่พ้นทีมงาน Infinity Ward แน่นอนแต่ถ้าจะให้เจาะลึกกว่านั้นก็ต้องเป็นพนักงานฝ่าย Level Design ที่มีบทบาทสำคัญต่อสองด่านนี้ได้แก่คุณ Alavi นั่นเองครับโดยเขาได้มีผลงานต่าง ๆ มากมายตั้งแต่ก่อนเข้าทำงานอย่างการพัฒนา Mod Duke Nukem หรือมีส่วนร่วมกับเกม Natural Selection และ Half-Life มาก่อน
จนกระทั่งการได้มาทำงานที่ Infinity Ward แต่ทั้งนี้เขาไม่ได้ทำงานในส่วนออกแบบด่านตั้งแต่แรกแต่เขาได้ถูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนทำงานหลายตำแหน่งเช่นทำ Texture , ทำเอ็ฟเฟ็กต์ FX , บันทึกเสียงจนพบว่าไม่ตรงกับความถนัดสักทีจนสุดท้ายก็มาลงเอยกับตำแหน่งล่าสุดและเป็นตำแหน่งที่ไม่ถูกหมุนเวียนอีกแล้วนั่นคือ Level Design ครับ
สำหรับการออกแบบด่านของคุณ Alavi นั้นได้พัฒนาตั้งแต่การเขียนสคริปต์ด้วยตนเองทั้งหมด กำหนดเป้าหมายว่าในภารกิจที่เดินจากจุด A ไปยังจุด B ระหว่างทางต้องมีความแตกต่างมีความลุ่มลึกและมีจุดเด่นจากภารกิจอื่น ๆ และนั่นก็นำไปสู่ภารกิจที่ชื่อว่า All Ghillied Up ที่ผู้เล่นจะเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเป็นหน่วยสไนเปอร์ที่ต้องลอบเร้นมากกว่าบู๊แหลก
ในภารกิจ All Ghillied Up ที่คุณ Alavi พัฒนานั้นจะมีจุดเด่นตรงที่การทำภารกิจแบบลอบเร้นสังหารศัตรูไม่ให้รู้ตัวรวมทั้งการหลบซ่อนตามพุ่มไม้ที่สร้างแรงกดดันมหาศาลอย่างตอนที่ต้องหมอบอยู่นิ่ง ๆ ในขณะที่ศัตรูเดินทางผ่านเพราะเราจะได้เห็นทั้งทหารและรถถังจำนวนมากผ่านตัวผู้เล่นแถมยังมีดนตรีประกอบบีบอารมณ์ให้ลุ้นด้วยว่าเราจะถูกจับได้หรือไม่
ทั้งนี้นอกจากความกดดันแล้วคุณ Alavi ยังได้ทำให้ภารกิจนี้ผู้เล่นรู้สึกมีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าภารกิจอื่น ๆ ที่ดูเหมือนเป็นผู้ตามซะมากกว่าซึ่งเขาได้ใส่ตัวละครสำคัญอย่าง MacMillan สไนเปอร์ที่สร้างบรรยากาศเหมือนเป็นเพื่อนคู่หูและช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างการลอบยิงศัตรูที่ต้องใช้จังหวะการสังหารพร้อม ๆ กันถึงจะผ่านไปได้ราวกับเกม Splinter Cell หรือ Metal Gear Solid
แน่นอนว่าการพัฒนาด่านที่มีรายละเอียดขนาดนี้ทำให้คุณ Alavi ต้องพบกับความยากลำบากแต่เขาก็บอกกับทาง PCGAMER ว่ามันเป็นเรื่องท้าทายในการเขียนโปรแกรมแต่จนแล้วจนรอดก็ทำสำเร็จและได้ภารกิจเจ๋ง ๆ ให้ผู้เล่นได้เล่นกันครับและในภารกิจ All Ghillied Up นี้ก็เป็นปฐมบทของภารกิจต่อไปที่ผู้เล่นจะได้เผชิญกับแรงลมและใช้สิ่งแวดล้อมเป็นตัวช่วยในการลั่นกระสุนอีกด้วย
จาก All Ghillied Up ในภาคแรกก็ข้ามมายังภาค Modern Warfare 2 ที่มีภารกิจหนึ่งที่ถูกกล่าวขวัญไปทั่วโลกนั่นคือ No Russian เพราะเป็นภารกิจสุดโหดที่ผู้เล่นจะต้องสังหารประชาชนชาวรัสเซียมือเปล่าในสนามบินและประโยคเด็ด “Remember, no Russian” จนทำให้ทางรัสเซียถึงกับแบนเกมเลยทีเดียวและเบื้องหลังของการพัฒนาก็ไม่ใช่ใครอื่นคุณ Alavi คนเดิมนั่นเองครับ
แต่การกระทำในภารกิจนั้นก็ไม่ใช่การยิงเอามันส์อย่างเดียวแต่เป็นเพราะว่าผู้เล่นคือสายลับ CIA ที่ต้องปลอมตัวเข้ากลุ่ม Makarov แต่ทว่า Makarov เองก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นสายลับซึ่งในตอนท้ายภารกิจเราจะถูกยิงตายคาสนามบินและถูกนำศพใส่ร้ายจนเป็นชนวนสงครามระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย
เช่นเดียวกันภารกิจนี้ก็มีเบื้องลึกเบื้องหลังเหมือนกันครับซึ่งคุณ Alavi ได้บอกว่าการพัฒนาด่านในภาคที่สองนี้ก็มีเสียงต่อต้านในทีมงานอยู่บ้างซึ่งรวมถึง Activision ผู้จัดจำหน่ายแต่เขาได้แสดงเจตนารมย์ว่าต้องการให้ตัวเกมเป็นที่น่าจดจำสะเทือนอารมณ์และไม่จำเป็นต้องประชาสัมพันธ์อะไรมากและนั่นก็ทำให้เกิดภารกิจ No Russian ขึ้นมา
เดิมทีาภารกิจ No Russian มาจากความคิดของคุณ Steve Fukuda หนึ่งในทีมงาน Infinity Ward และผู้ช่วยคนสำคัญของ Alavi แต่ในทางปฎิบัติแล้วคุณ Alavi มีส่วนร่วมแทบทั้งหมดทั้งการเคลื่อนไหวแอนิเมชั่นของตัวละคร Makarov หรือแอนิเมชั่นของเหยื่อในสนามบินที่มีการใช้ Motion-Capture มีส่วนร่วมด้วยดังนั้นในภารกิจเราจะเห็นเหยื่อดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างสมจริง
จากภารกิจที่เรียกว่าเป็นการสังหารหมู่ที่เหมือนว่าได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงแต่ความจริงแล้วคุณ Alavi ได้เผยว่าเขาไม่ได้นำเหตุการณ์จริงมาเป็นแรงบันดาลใจหรือใช้เป็นข้อมูลเลยแต่เขาได้ใช้ข้อมูลประเภทบทความหรือเหตุการณ์ในภาพยนตร์มาใช้เป็น Reference แทนครับ
“ด้วยความจริงใจเลยนะ..ผมไม่เคยไปสัมภาษณ์บุคคลในชีวิตจริงหรือใช้เหตุการณ์จริงมาเป็นข้อมูลการทำเกมเลย” Alavi เปิดใจผ่าน PCGAMER
อย่างไรก็ตามภายใต้ความรุนแรงของ No Russian คุณ Alavi ก็มีข้อกำหนดยกเว้นบางสิ่งว่าจะต้องไม่มีในภารกิจนี้นั่นคือเด็ก , ครอบครัว , เสียงร้องไห้หรือเสียงร้องของภรรยาเรียกหาชื่อของสามีที่ตายไป โดยเข้าได้ให้เหตุผลว่าทุกอย่างมันมืดหม่นสะเทือนขวัญอยู่แล้วและการใส่สิ่งแย่ ๆ เพิ่มเข้าไปอีกมันก็ไม่ช่วยอะไรมากนัก
เมื่อทุกอย่างถูกพัฒนาเสร็จก็ถึงคราวที่ต้องทดสอบโดยเหล่าเทสต์เตอร์ในสตูดิโอซึ่งผลตอบรับออกมาก็เกินคาดมากคนหนึ่งบอกว่ามันเป็นภารกิจที่น่าจดจำมากที่สุด บางคนถึงกับวางจอยลงและเดินอกนอกห้องทันทีหรือบางคนถึงกับบอกว่าถ้าจะให้เล่นจริง ๆ เขาจะไม่ยิงคนมือเปล่าเด็ดขาดและบอกว่ามันเป็นเรื่องผิดศีลธรรมร้ายแรง!
อย่างไรก็ดีการทำให้ฉากภารกิจนี้รุนแรงก็ยิ่งส่งผลให้วายร้ายอย่าง Makarov เป็นบุคคลที่ผู้เล่นเกลียดมากเพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นพวกฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุไปแล้วและทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามาก็น่าจะพิสูจน์แล้วว่าภารกิจนี้สร้างความสะเทือนขวัญ เป็นที่กล่าวถึงอย่างที่คุณ Alavi บอกไว้จริง ๆ
ปัจจุบันคุณ Alavi เองก็ไม่ได้อยู่กับ Infinity Ward แล้วโดยได้ไปทำงานในสตูดิโอ Respawn ผู้พัฒนา Titanfall แทนและเมื่อถูกถามว่าเขาอยากกลับไปยังบ้านหลังเก่าหรือคิดถึงซีรี่ส์ Call of Duty อยู่หรือไม่เขาก็ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนว่า Call of Duty เป็นประสบการณ์ทำงานที่ดีมากแต่การได้มาอยู่ที่ Repawn กับการพัฒนา Titanfall นั้นเขารู้สึกตื่นเต้นมากกว่าครับ
แม้ว่าทีมงานส่วนมากที่พัฒนา Modern Warfare ทั้ง 2 ภาคจะลาออกจาก Infinity Ward แต่ใครที่อยากจะซึมซับบรรยากาศเก่า ๆ และภารกิจที่ยอดเยี่ยมก็ไม่ต้องขุดเกมมาเล่นแต่อย่างใดเพราะใน Call of Duty: Infinite Warfare จะพ่วง Modern Warfare ฉบับ Remaster มาด้วยแต่จะอยู่ในเซ็ต Deluxe Edition วางจำหน่ายวันที่ 4 พฤศจิกายน 2016 บน PlayStation 4 , Xbox One และ PC
ที่มา: PCGAMER