ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นมีอีกหนึ่งการเข้าซื้อบริษัทที่น่าสนใจถูกประกาศออกมาครับ โดยบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส(Antivirus) ชื่อดังอย่าง Avast ได้ทำการประกาศเข้าซื้อบริษัท AVG ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเหมือนกันด้วยมูลค่าถึง $1.3 billion หรือประมาณ 4.68 หมื่นล้านบาท
โดยการเข้าซื้อในครั้งนี้นั้นเป็นการเข้าไปซื้อหุ้นของทางบริษัท AVG Technologies ที่มีมูลค่าหุ้นอยู่ที่หุ้นละ $25 หรือประมาณ 900 บาทด้วยเงินสดทั้งหมดครับ(คิดเป็น 33% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดซึ่งเป็นหุ้นที่ทาง AVG ถืออยู่)
หากจะว่าไปแล้วเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกพอสมควรครับเนื่องจากว่าฐานผู้ใช้ของ Avast นั้นมีมากกว่า 230 ล้านเครื่องทั่วโลก(ทั้งแบบฟรีและแบบไม่ฟรี) ซึ่งหากเทียบกับ AVG ที่มีฐานผู้ใช้อยู่ที่ราวๆ 160 ล้านเครื่องแล้วนั้น(ทั้งแบบฟรีและไม่ฟรี) Avast ถือว่าเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าอยู่แล้วและน่าจะตีตลาดเพิ่มเติมได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
หมายเหตุ – จำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานดังกล่าวนับรวมทั้งอุปกรณ์แบบคอมพิวเตอร์ PC และอุปกรณ์เคลื่อนที่จำพวกสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตครับ
ทว่าทาง Vincent Steckler ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Avast นั้นก็ได้ออกมาบอกเอาไว้ในแถลงการณ์ดังกล่าวครับว่าจริงๆ แล้วเขาสนใจ AVG มาโดยตลอดเนื่องจากว่าไม่ว่าตัวเขาเองจะได้ไปพูดในงานที่ไหนก็ตามแต่มักจะมีผู้คนที่เข้ามาทักผิดเสมอๆ ว่าตัวของเขานั้นเป็นผู้ควบคุมการผลิตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส AVG ไปแทนซะอย่างนั้น ดังนั้นตัวเขาเองจึงต้องการที่จะจำกัดความเข้าใจผิดนี้รวมไปถึงเสริมสร้างความแข็งแกรงทางด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยในการจำกัดไวรัสให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมครับ
ส่วนทางด้าน AVG โดย CEO ของบริษัทนาม Gary Kovacs นั้นได้ออกมาพูดเรื่องดังกล่าวไว้เหมือนกันครับว่าทาง AVG เชื่อมว่าเมื่อมีการรวมตัวของทาง AVG กับ Avast เสร็จสมบูรณ์แล้วนั้น เมื่อมีการใช้ทรัพยากรร่วมกันในการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะทำให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์มากขึ้นในเรื่องของการสนับสนุนและความแข็งแกร่งของตัวซอฟต์แวร์ครับ
จากการรวมตัวในครั้งนี้นั้นก็จะทำให้ทาง Avast มีฐานผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นกลายเป็นเกือบๆ 400 ล้านเครื่อง โดยตามข้อมูลนั้นได้มีการระบุว่าการซื้อขายครั้งนี้นั้นได้ผ่านการอนุมัติจากทางผู้บริหารของ AVG เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นทาง Avast จะเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยเพื่อทำให้มีการถือหุ้นเป็น 100% เต็มเนื่องจากบริษัท Avast นั้นไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้น(ทำให้คาดว่าเมื่อซื้อหุ้นหมดแล้ว AVG น่าจะออกจากตลาดหุ้นไปครับ) ทั้งนี้ในแถลงการณ์นั้นยังคงไม่มีการระบุครับว่าเมื่อมีการซื้อขายหุ้นเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการแล้ว(คาดว่าในช่วงเดือนตุลาคม) แบรนด์ AVG จะอยู่หรือจะไปครับ
ที่มา : thehackernews, blog.avast.com