ช่วงปี 2015 – 2016 นี้ต้องยอมรับจริงๆ หล่ะครับว่ากลุ่มธุรกิจทางด้าน car e-commerce ในประเทศจีนนั้นมาแรงมากจริงๆ(ในไทยก็แรงเช่นเดียวกัน) ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีผู้เห็นว่าจุดนี้สามารถที่จะทำรายได้ได้ดีก็ย่อมต้องมีคู่แข่งเข้ามาแย่งตลาดๆ เรื่อยๆ เป็นธรรมดา
และก็เป็นเรื่องปกติอีกนั่นแหละครับที่บางทีการโดนบริษัทอื่นเข้ามาเป็นคู่แข่งนั้นอาจจะทำให้บริษัทเดิมที่ไม่พัฒนาตัวเองอาจจะต้องตายหายไปจากธุรกิจที่ตัวเองเคยได้กำไรเป็นกอบเป็นกำได้เหมือนกับสิ่งที่ทาง “Didi In” บริษัททางด้าน car e-commerce ในประเทศจีนกำลังเผชิญจนถึงขั้นต้องประกาศระดมทุนใหม่อีกครั้งครับ
การระดมทุนในครั้งนี้นั้นทำให้มูลค่าของบริษัท Didi นั้นเพิ่มสูงขึ้นเป็น $28 billion 1.008 ล้านล้านบาท โดยแหล่งข้อมูลได้ให้ข้อมูลเอาไว้ครับว่าการระดมทุนในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทาง Uber คู่แข่งที่กำลังมาแรงได้ทุนเพิ่มเติมจากรัฐบาล Saudi Arabian ไปเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนเป็นจำนวนเงิน $3.5 billion หรือประมาณ 1.26 แสนล้านบาท เพื่อที่จะทำการต่อสู้ในตลาด car e-commerce ให้ดุเดือดมากยิ่งขึ้นหลังจากที่มีการสำรวจแล้วพบว่าในประเทศจีนนั้น Uber เริ่มมีส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จน ณ เวลานี้อยู่ที่ 10% ได้แล้วครับ
อย่างไรก็ตามแต่การประเมินค่าของบริษัท Didi นั้นถือว่าสูงมากขึ้นจากเดิมอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียวครับ ส่วนหนึ่งเองแล้วบริการทางด้าน car e-commerce ที่ทางแพลตฟอร์ม Didi ให้บริการอยู่นั้นอยู่ในระดับพรีเมียมและมีการให้บริการประมาณ 400 เมืองทั่วประเทศจีนและมีผู้ที่เป็นคนขับรถของทางบริษัทอยู่จำนวนมากถึง 14 ล้านคนด้วยกันเลยทีเดียว ทำให้การแข่งขันแม้กระทั่งภายในบริษัท Didi เองนั้นก็สูงขึ้นแถมยังมีบริษัทอื่นที่เข้ามาเป็นคู่แข่งในตลาดอีกอย่าง Yidao และ Ucar เป็นต้นครับ
สำหรับอนาคตของ Didi นั้นจะเป็นอย่างไรก็คงต้องคอยตามดูกันต่อไปหล่ะครับว่าการระดมทุนในครั้งนี้จะช่วยให้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มของทาง Didi ให้ก้าวไกลกว่าเดิมได้อย่างไรบ้างเพราะว่าการต่อสู้นั้นน่าจะต้องรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเช่นจะต้องมีการจัดโปรโมชันให้มากกว่าเดิม อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องดูด้วยก็คือทาง Uber ที่มีส่วนแบ่งในตลาดจีนอยู่ที่ 10%(ซึ่งกำลังมีปัญหากับรัฐบาลเมืองไทย) นั้นตอนนี้ก็ได้มีการประกาศออกมาว่าเฉพาะในเมืองจีนพวกเขาเองต้องเสียเงินปีละกว่า $1 billion หรือประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาทหรือบริษัท Ucar ก็เสียเงินกว่า 3.7 billion yuan หรือประมาณ 1.98 พันล้านบาทในปีเดียวกันเพื่อเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์มและเงินเดือนของผู้ขับรถครับ
หมายเหตุ – ข่าวดังกล่าวนี้แสดงให้เราเห็นครับว่าโลกของเรานั้นบริษัท startup ที่มีการเปิดรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เริ่มที่จะมีปัญหาทางด้านเรื่องการเงินเข้ามาแล้ว นี่อาจจะเป็นสัญญาณทางด้านเศรษฐกิจของโลกที่กำลังลดตัวต่ำลงทำให้แม้กระทั่งในประเทศจีนซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่แถมกำลังซื้อก็มากบริษัท startup ยังไม่สามารถที่จะอยู่รอดนานๆ ได้หากไม่มีการปรับตัวครับ
ที่มา : forbes